หลังจากซื้อของวันนั้น ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันที่ทุกครอบครัวต้องร่ำไห้ หลายครอบครัวออกมาส่งลูกหลานของตัวเองไปต่างที่ต่างทาง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่มีท่าทางเมินเฉย
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือคนบ้านซ่ง หลังจากซื้อของจนพอใจ แถมยังไปขอเอาเงินจากคุณนายซ่งมาได้หลายพันหยวน เซียนอวี่ก็รีบขนย้ายของออกไปจากบ้านทันที ไม่ใช่เธอย้ายตัวเองออก แต่เป็นการย้ายเพียงแค่ของที่ต้องการจะเอาไป
เพราะหลังจากที่เธอย้ายของมีค่าทั้งหลายออกไปฝากไว้ที่ไปรษณีย์ จดหมายจากทางการก็ส่งตรงมาที่บ้านซ่งในทันที หัวข้อคือการส่งตัวทายาทในบ้านให้ไปเป็นเยาวชนที่ชนบทห่างไกล
แต่บ้านซ่งได้ส่งรายชื่อไปแล้วว่าจะให้ใครไป พวกเขาได้แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมีจดหมายส่งมาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะได้อ่านจดหมายแนบอีกฉบับที่แนบมาด้านหลัง
เนื้อความในจดหมายแนบนั้นมีอยู่ว่า ทางการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงซ่งเซียนอวี่ของตระกูลซ่งแล้ว ท่านผู้น้ำต้องการให้ทุกครอบครัวส่งทายาทของตนเองไป ดังนั้นครอบครัวซ่งจำเป็นต้องส่งทายาทที่แท้จริงของตนเองไป ไม่ใช่เด็กที่รับมาเลี้ยงตามที่ส่งรายชื่อมา
มือไม้ของสามพ่อแม่ลูกอ่อนไปหมด ส่วนคนที่ถึงกับล้มพับไปกับพื้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากซ่งหนิงหนิง เด็กสาวร้องห่มร้องไห้อยู่กับพื้น ท่าทางน่าสงสารนั้นน่าเข้าไปประคองกอดเอาไว้เสียจนสามพ่อแม่ลูกทนไม่ไหว
ส่วนเธอก็ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ มองคนที่เคยคิดว่าเป็นครอบครัวกำลังปลอบใจซ่งหนิงหนิงที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะต้องเป็นคนที่ถูกส่งตัวไป
“เรื่องนี้หลุดไปถึงหูคนนอกได้ยังไง ใครเป็นคนแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนของรัฐ”
พ่อซ่งเอ่ยปากถามอย่างเหลืออด เขาอยากรู้ว่าเรื่องนี้มันหลุดออกไปได้ยังไง แม้แต่ตัวของเซียนอวี่เองก็ยังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็จับมือใครดมไม่ได้ พวกเขาได้แต่กัดฟันส่งตัวลูกสาวที่พึ่งกลับเข้าสู่อ้อมกอดตามคำสั่งของรัฐ
เธอมองภาพความอบอุ่นของครอบครัวซ่งด้วยสายตาชื่นชม รักกันดีเสียจริง ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะอ่อนโยนกับลูกสาวได้มากเท่านี้ เธอเคยคิดว่าพวกเขาให้เงินใช้ ให้ทุกอย่างที่ควรได้แก่เธอนั่นก็คือการแสดงออกถึงความรักของคนในบ้าน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ คำว่าครอบครัว พวกเขาแค่ไม่เคยให้เธอก็เท่านั้น ที่ผ่านมาเธอเป็นได้แค่ตัวปลอม
ตัวปลอมก็คือตัวปลอม ไม่มีวันได้เป็นตัวจริง
ทุกคนเอาแต่ปลอบหนิงหนิงที่ร้องไห้ จนลืมคิดเรื่องที่เธอเองก็พึ่งจะได้รู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตัวเองไปเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครหันมาสนใจเธอแม้แต่คนเดียว ทั้งที่เธอยืนอยู่ไม่ไกลจากกันแท้ ๆ เพียงแค่หันมามองเธอ คนพวกนั้นก็ยังไม่ทันมาเลยด้วยซ้ำ เธอนี่มันน่าตลกจริง ๆ ที่ไปคาดหวังอะไรแบบนั้น
แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมเป็นเพราะการกระทำของเธอ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรติดค้างกับคนบ้านซ่งแล้ว เพราะแบบนั้นคนบ้านซ่งก็ไม่ควรจะได้อยู่กันสุขสบายบนความทุกข์ของเธอนี่นา
รัฐต้องการคัวแทนครอบครัวละหนึ่งคน เธอก็แค่ไปยื่นหนังสือยืนยันตัวตน ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคนบ้านซ่ง เจ้าหน้าที่เขาไม่สนใจหรอกว่าเธอจะถูกรับเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จุดประสงค์ของรัฐคือการเอาตัวสมาชิกของทุกครอบครัวเป็นตัวประกัน ดังนั้นแค่เธอยื่นเรื่องไปว่าตัวเองไม่ใช่คนตระกูลซ่ง เธอก็จะถูกกันออกไปเป็นคนนอก แต่ก็ยังถูกส่งตัวไปเป็นเยาวชนเหมือนเดิม
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว การที่ตัวตนของเธอถูกเปิดเผยออกมา ทำให้เธอใช้ข้ออ้างนี้ตัดขาดคนบ้านซ่งได้ อย่างไรคนพวกนี้ก็เลือกส่งเธอไปเป็นเยาวชนในชนบทอยู่ดี จะว่าอย่างไรดี ส่งเธอไปเป็นเยาวชน ก็เหมือนส่งเธอไปตายนั่นแหละ ไม่มีใครรู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าจะทนกับความยากลำบากได้นานแค่ไหน จะมีโอกาสกลับมาหาครอบครัวอีกหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย
“ฮึก ทำไมลูกแม่ถึงได้อาภัพแบบนี้กันนะ ฮือออ แม่พึ่งได้กอดลูกยังไม่ถึงเดือน ทำไมต้องกันนะ” เสียงร่ำไห้ของแม่ซ่งไม่ได้เอื้อเฟื้อมาทางลูกปลอม ๆ คนนี้เลย ทุกคนต่างรุมล้อมซ่งหนิงหนิงที่ยืนทำหน้าเศร้ากันหมด แค่นี้มันก็ชัดมากแล้ว
เธอเลือกจะไม่สนใจอีก ในเมื่อคนพวกนี้ไม่คิดจะเหลียวแล เธอเองก็ควรจะเดินหน้าต่อได้แล้ว ถือว่าไม่ติดค้างกันอีกแล้วในชีวิตนี้ สายตาคมหันหน้ามองหาเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินไปรายงานตัวแล้วขึ้นรถเตรียมตัวทันที
คนที่ขึ้นรถก่อนก็จะได้เลือกที่นั่งที่ดี ๆ ก่อน ชีวิตก่อนเธอมัวแต่ร่ำรี้ร่ำไร จนสุดท้ายต้องยืนไปตลอดทาง กว่าจะถึงที่หมาย ขาของเธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำตื่นเช้ามายังต้องไปลงมือทำงานต่อทันที ไม่มีเวลาให้หยุดพักเลยด้วยซ้ำ
การจัดแบ่งเยาวชนไปทำงานในชนบทนั้นแบ่งยังไงเธอไม่อาจทราบได้ แต่เธอมั่นใจ ว่าตัวเองน่าจะได้ไปที่เดิม ชะตาชีวิตแม้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่หลาย ๆ อย่างก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
พอได้ที่นั่ง เซียนอวี่ก็เอนตัวพิงที่นั่ง ก่อนจะหลับตาลงพักผ่อนไปเงียบ ๆ แน่นอนว่าเธอไม่ได้หลับ ของมีค่าที่เอาติดตัวมาก็ไม่ใช่น้อย ๆ จะมาหลับแล้วโดนหยิบฉวยไปก็คงจะไม่ได้
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ซ่งหนิงหนิงเลือกจะขึ้นรถคันเดียวกับเธอ แถมยังมานั่งข้าง ๆ เธออีกต่างหาก ไม่ใช่ว่าจะได้ไปที่เดียวกันหรอกหรือแบบนี้ ไม่เอาน่า เธออุตส่าห์ตั้งใจว่าจะตัดขาดกับบ้านซ่งไปแล้ว ถ้ามีตัวน่ารำคาญติดตามไปด้วยแบบนี้ก็ไม่เหมือนหลุดจริงน่ะสิ ให้ตายเถอะ
และสิ่งที่เซียนอวี่คิดเอาไว้ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ซ่งหนิงหนิงที่ชาติก่อนไม่ได้ถูกส่งตัวมาเป็นเยาวชน แต่เพราะชาตินี้ถูกเซียนอวี่เล่นเล่ห์ใส่ ทำให้สาวน้อยที่ควรจะได้เสวยสุขอยู่บ้านกับครอบครัวต้องถูกส่งตัวมาเป็นเยาวชนในชนบทเหมือนกับคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างคนชั่ว ซ่งหนิงหนิงถึงได้ถูกจัดให้มาอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับซ่งเซียนอวี่ กลายเป็นสองพี่น้องแซ่ซ่งผู้น่าสงสาร
ตอนที่รู้ว่าซ่งหนิงหนิงถูกส่งมาที่เดียวกับตัวเอง เซียนอวี่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป เธอแสนจะเหนื่อยหน่ายกับซ่งหนิงหนิง ขนาดชีวิตก่อนได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย เจอหน้ากันจริง ๆ ก็แค่ไม่กี่ครั้งก็ยังทำให้เธอชิงชังได้ขนาดนี้แล้ว แล้วนี่ต้องมาเป็นเยาวชนในหมู่บ้านเดียวกัน แถมยังต้องพักในบ้านเดียวกันอีก เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียจริง ๆ
ทั้งที่ตั้งใจจะให้ของขวัญกับครอบครัวซ่งด้วยการทำให้ซ่งหนิงหนิงถูกส่งตัวมาด้วย แต่ไม่คิดว่าตัวเองก็จะโดนไอ้ของขวัญบ้านี่เล่นงานกลับ โลกใบนี้มันจะอะไรกับเธอนักหนา ให้เธอย้อนเวลากลับมาแล้วก็น่าจะเข้าข้างเธอเยอะ ๆ หน่อยสิ บ้าที่สุด