แชร์

คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้
คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้
ผู้แต่ง: ไห่ถาง

ตอนที่1 รักที่พังทะลาย

ผู้เขียน: ไห่ถาง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-11 15:58:15

นอกเมืองปักกิ่ง

         กองถ่ายละครแนวย้อนยุค ซึ่งการถ่ายทำใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้ว เหลืออีกเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย สำหรับฉากที่กำลังจะถ่ายทำ คือฉากที่พระนางต้องยืนอยู่บนหน้าผา และนางเอกตกลงสู่พื้นข้างล่าง โดยมีจวิ๋นมู่มาทำหน้าที่สตั๊นท์เกิร์ล ในบทของนางเอก หญิงสาวทำงานมานาน จึงไม่ได้ตื่นกลัวกับการใช้สลิงในการช่วยพยุงตัว

          ครั้งนี้เพื่อให้ได้ภาพออกมาสมจริง และใช้ในฉากอื่นๆ กองถ่ายจึงเลือกที่จะออกมานอกสถานที่ ไม่ใช่ถ่ายในสตูดิโอเหมือนในทุกครั้ง หญิงสาวยิ้มให้กับทุกคนในกองถ่ายอย่างเป็นมิตร ก่อนจะมาหยุดยืนต่อหน้าของพระเอกในเรื่อง ซึ่งครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้สตั๊นท์แมนในการเข้าฉาก เขาเลือกที่จะทำมันด้วยตัวเอง หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ภูมิใจในตัวเขาไปพร้อมๆ กัน

          “คุณแน่ใจหรือคะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ”

          หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ใบหน้าที่สวยเทียบเท่านางเอกของหญิงสาว คลี่ยิ้มกว้างให้แก่ชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็คือคนรักของเธอ ที่คบหากันมานาน แต่เพราะงานของเขา ทำให้ทั้งคู่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้กระทบกับงานของฝ่ายชาย ที่กำลังรุ่งโรจน์

          “ผมอยากเข้าฉากนี้กับคุณ”

          ชายหนุ่มตอบกลับเสียงหวาน แน่นอนว่ายังไม่ได้เปิดไมค์ จึงไม่มีคนได้ยิน คำพูดของทั้งคู่ ซึ่งยืนรอเข้าฉากอยู่บนลานหน้าผาไม่กว้างมากนัก

          “ระวังหน่อยนะคะ เมื่อวานฝนตก หินมีตะไคร้ อาจเลื่อนจนเสียหลักได้”

          หญิงสาวบอกกับคนรัก ด้วยใบหน้าเปือนยิ้ม เธอไม่สามารถทำอะไรออกหน้าได้ เพราะตอนนี้คนรักของเธอ กำลังเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการบันเทิง ส่วนเธอที่ทำงานในตำแหน่งสตั๊นท์เกิร์ลมาตั้งแต่อายุสิบห้า ไม่มีคำว่ารุ่งหรือดับ แค่ประสบการณ์เท่านั้น ที่จะทำให้รายได้ของเธอมากขึ้น ยิ่งเสี่ยงเงินยิ่งดี และอีกข้อที่เธอยังไม่ร้องขอการเปิดเผย เรื่องความรักครั้งนี้ เพราะเธอไม่อยากให้คนรักต้องรู้สึกแย่ ถ้ารู้ถึงฐานะทางบ้านของเธอ ดังนั้นเธอจึงเลือกเป็นเพียงสตั๊นท์เกิร์ลเสี่ยงอันตราย ไปพร้อมกับความสำเร็จของคนรัก อีกอย่างเธอก็อยากให้พ่อแม่ได้เห็น ว่าคนรักของเธอไม่เคยเป็นอย่างที่ท่านกล่าวมา ว่าเขาไม่เอาไหน...

          “พร้อมหรือยัง”

          เสียงผู้กำกับดังแทรกขึ้น ทำให้ทั้งคู่เดินเข้าประจำที่ของตนเอง เพื่อเริ่มการแสดงในฉากสำคัญนี้ ทุกคนต่างจับจ้องอยู่ที่จอมอนิเตอร์ การแสดงของทั้งคู่ เป็นไปได้ตามที่ผู้กำกับวางไว้ จนกระทั่ง! แก๊ก! เสียงคล้ายกับบางอย่างหลุดออก จวิ๋นมู่ที่มีประสบการณ์มาหลายปี รู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์ให้ความปลอดภัย กำลังเกิดปัญหา

          หวืด! และเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด เมื่อตัวยึดสลิงหลุด ทำให้ร่างของเธอและคนรัก ที่กำลังห้อยโหนอยู่กลางอากาศ ร่วงลงสู่เหวข้างล่าง ตึก! หมับ! ในจังหวะที่ร่างของชายหนุ่ม ที่ยังมีสลิงยึดตกลงบนชะง่อนหิน ที่ยื่นออกมา เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะร่วงลงสู่ก้นเหวลึก

          “กรี๊ดด!!/ จวิ๋นมู่!!”

          เสียงทีมงาน และผู้กำกับ เรียกหญิงสาว ด้วยความแตกตื่นๆ เมื่ออยู่ๆ อุปกรณ์ยึดสลิงเกิดหลุดออก แต่ทุกคนยังมีความหวัง เพราะตอนนี้พระเอกของเรื่อง ยังคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ได้ ตอนนี้ทีมงานต่างเร่งไปหาอุปกรณ์มาช่วยดึงจวิ๋นมู่ และพระเอกหนุ่มกลับขึ้นจากชะง่อนผา ที่มีเพียงชายหนุ่มเท่านั้น ที่นอนราบอยู่ ส่วนจวิ๋นมู่ห้อยตัวอยู่กลางอากาศ

          จวิ๋นมู่ ยังรู้สึกโล่งใจ ที่คนรักของเธอคว้าเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะเลื่อนมือไปปิดไมค์ ที่ติดอยู่บนเสื้อเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน สิ่งที่เธอจะพูดกับคนรัก ซึ่งคนรักของเธอ เลือกที่จะกระชากไมค์ของเขา ปล่อยทิ้งลงไปในเหวลึก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอท้วงติงใดๆ เพราะคิดว่าเขาเองก็คงตกใจ และอยากจะพูดทุกอย่างในฐานะคนรัก โดยไม่ให้คนอื่นได้ยิน

          “ขอบคุณนะคะที่รัก ที่ช่วยฉันเอาไว้ได้ทัน”

          หญิงสาวขอบคุณคนรักจากใจจริง เพราะเขาดีอย่างนี้ไงเล่า เธอจึงไม่เชื่อที่พ่อแม่ บอกว่าสักวันเขาจะทำร้ายเธอ

          “ขอโทษนะจวิ๋นมู่ ที่ต้องบอกคุณว่า...เราเลิกกันเถอะ”

          คำพูดของคนรัก ทำให้รอยยิ้มปีติ ที่คนรักช่วยเธอเอาไว้ แปรเปลี่ยนเป็นอาการนิ่งอึ้ง ด้วยไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาจะมาพูดคำแบบนี้ ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานได้

          “คุณกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหมคะ”

          หญิงสาวถามออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา เหมือนตัวเธอกำลังไร้หลักยึดตัว ความรู้สึกเคว้งกว่าใต้ฝ่าเท้า ที่ไม่มีสิ่งใดรองรับเธอได้เลย ยังไม่ร้าวลึกเท่ากับคำพูดของเขา ที่บอกเลิกเธอท่ามกลางความเป็นความตาย ซึ่งมันมีแค่เธอเท่านั้นที่เสี่ยงอยู่คนเดียว

          “ผมกำลังเป็นดาวรุ่ง จะมาถูกรั้งเพราะสตั๊นท์แบบคุณไม่ได้”

          เป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด เท่าที่หญิงสาวเคยได้ยินมา ก่อนที่ข้อมือของเธอ จะถูกปล่อยทำให้ร่างของเธอร่วงลงสู่ก้นเหว มันเกิดขึ้นเร็ว จนเธอไม่ทันที่จะตั้งตัว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือหลับตาลง เพื่อไม่ต้องเห็นความตาย ที่รออยู่ข้างล่าง ปึก! เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ความเจ็บปวดที่ควรแสนสาหัส มันเหมือนแค่ถูกตีไปไม่กี่ทีเท่านั้น พรึ่บ! หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นในทันที เมื่อได้ยินเสียฝีเท้า ของคนจำนวนมาก มุ่งตรงมาที่เธอ หรือจะเธอทีมงาน

          หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ด้วยอาการเจ็บร้าวตามร่างกาย หน้าผาสูงขนาดนั้น เธอสมควรกระดูกแหลกละเอียดไม่ใช่เหรอ! แค่ก! แต่เสียงที่ใกล้เข้ามา มันไม่เหมือนทีมงาน หญิงสาวรีบกระถดตัว หลบเข้าข้างต้นไม้ใหญ่ แล้วมองไปยังทิศทางของเสียง ตามสัญชาตญาณของมนุษย์

          “นางอยู่ทางนั้น! อย่าให้นางรอดไปได้!”

          สำเนียงที่ไม่ค้นเคย ดังเข้ามาให้หญิงสาวได้ยิน ก่อนที่เธอจะก้มลงมองตัวเอง มันไม่ใช่ชุดที่เธอใส่ตอนแสดงหนังนี่! ถึงจะเป็นชุดโบราณ แต่แบบและสีสันมันไม่ใช่ มือ! นี่ไม่ใช่มือของเธอ มันเล็กเรียวเกินไปแล้ว เธอฝึกอาวุธสำหรับงานแสดง มือเรียกว่าหยาบกร้านเลยก็ว่าได้

          จวิ๋นมู่ ยกมือคลำบนหัว มันมีเครื่องประดับ แบบคนโบราณ ไม่เหมือนการแต่งตัวก่อนตกหน้าผาของเธอ เพราะในฉากเธออยู่ในบทของนักรบ ไม่ใช่คุณหนูแบบนี้ ขวับ! จวิ๋นมู่ หันกลับไปมองยังทิศทางของเสียงอีกครั้ง ก่อนจะมองหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้ แต่ไม่มีอะไรที่พอจะใช้ได้เลย อ๊ะ! หญิงสาวนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเลื่อนมือไปดึงปิ่นบนหัวออกมา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่7 น้องชายข้า

    “ไยข้าจะไม่กล้า ในเมื่อเราร้องขอเมตตาอย่างผู้อับจนหนทาง แต่ท่านกลับใช้สายตาและคำพูดเย้นหยันอยู่ในที แม้เราจะยากไร้แต่เราก็มีหัวใจ” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉาน สายตาไม่ลอกแลก แต่มันกลับแน่วแน่ “หึ ๆ เถาเถา เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าข้าถูกเจ้าหนูตัวน้อยตำหนิ” “เจ้าค่ะ” “ชูสวี่ ยายสอนให้เจ้าเป็นคนไร้มารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” “ท่านยาย ถึงข้าต้องกรีดเลือด เฉือนเนื้อให้ท่านดื่มกิน ข้าก็ยินดีทำอย่างไม่ลังเล แต่จะให้ข้าทนเห็นท่านยายถูกเหยียดหยาม ข้ามิอาจทนได้ขอรับ” เด็กชายวัยเพียงหกขวบ ไม่น่าจะเกินนี้ กล้าที่จะพูดและมีความคิดที่ใหญ่โต แสดงว่าภูมิหลังสกุลชู คงไม่ใช่ยากไร้ตั้งแต่แรก หาไม่แล้วคงสอนเด็กน้อยคนนี้ ให้มีความคิดอ่านที่ฉะฉานได้ “คุณหนูหลานชายข้าน้อยยังเด็กนัก ได้โปรดเมตตาเขาสักครั้ง อย่าได้เอาผิดเขาเลยนะเจ้าคะ” “มาทางนี้เถอะ ข้าเมื่อยขา มานั่งคุยกันสักหน่อย” หลินมู่เสวี่ยมิได้ตอบรับ หรือปฏิเสธคำของหญิงชรา แต่เลือกที่จะเดินไปนั่งใต้ร่วมไม้ โดยส่งสัญญาณให้องครักษ์หนุ่ม ช่วยพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้นเดินตามมา

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่6 เจ้าหนูสวี่

    เจ็ดปีต่อมา ณ เส้นทางสู่เมืองหลวง รถม้าคันใหญ่เคลื่อนผ่านไปตามถนน ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่อย่างเอื่อยเฉื่อย ดูไม่ได้เร่งร้อน ที่จะไปให้ถึงจุดหมายโดยไว เช่นผู้เดินทางอื่นๆ หญิงงามในชุดแพรพรรณชั้นดี บอกได้ว่านางเกิดมาในครอบครัวของผู้มีอันจะกิน ความงามที่เฉิดฉายของนาง หากใครได้ยลก็เสมือนต้องมนต์สะกด เรียกว่าเป็นความงามที่ล่มเมืองเลยก็ว่าได้ “คุณหนูแตงโมเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกาย ได้ยื่นจานแตงโมเนื้อแดงหวานฉ่ำ ให้แก่นายสาว แน่นอนว่าแดนตะวันตก มีพ่อค้าต่างแดนเข้าออกมากมาย สินค้าใดที่ล้ำค่าราคาแพงในเมืองหลวง คนที่อยู่ชายแดน จะได้รับมันก่อน ในราคาที่ย่อมเยากว่าหลายเท่านัก “ขอบใจเจ้ามากเถาเถา เจ้าก็กินเสียด้วยกันเลย” หญิงสาวยื่นมือไปหยิบไม้เล็ก ๆ ก่อนจะนำไปจิ้มแตงโมชิ้นพอดีคำ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย อากาศที่อบอ้าว ได้กินแตงโตที่เต็มไปด้วยน้ำเช่นนี้ มันสดชื่นเสียนี่กระไร อ๊ะ! ทว่าก่อนที่จะจิ้มแตงโมชิ้นต่อไป หญิงสาวต้องรีบหาที่คว้าจับ มิให้ร่วงลงจากที่นั่ง เมื่อรถม้าหยุดลงอย่างกะทันหัน “มีเรื่องอันใด ไยจึงหยุดกะทันหันเช่นนี้ คุณหนูเก

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่5 ข้าคือบุตรสาวแม่ทัพตะวันตก

    “โอ๊ะ! บ้าบอทำไมปวดหัวขนาดนี้” จวิ๋นมู่ ยกมือขึ้นวางบนหัวของตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้น เธอจดจำทุกอย่างได้ และมีความทรงจำของใครอีกคน ชัดเจนอยู่ในหัว เหอะ! นึกว่ามีแค่ในหนังในละคร เธอมาอยู่ในร่างของคนเป็นโรคหัวใจ แล้วยังคนละยุคสมัย กับที่เธอคุ้นเคย เรื่องเดิมๆ ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในชีรี่ย์ดังหลายๆ เรื่อง แต่ก็นะ...ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาส ก็ต้องใช้มันให้คุ้ม “ลูกแม่! เจ้าฟื้นแล้ว ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า” หลินฮูหยิน รีบหันไปยื่นถาดยาให้มือให้สาวใช้ แล้วรีบก้าวยาวๆ ตรงไปหาบุตรสาวบนเตียง แค่เห็นว่าลูกลืมตา ใจของมารดาเช่นนาง ก็คลายความหวาดกลัวไปมากทีเดียว ร่างที่ยังคงงดงามของหลินฮูหยิน ค่อยๆ รีบนั่งลงขอบเตียง ก่อนจะคว้ามือบุตรสาวมากุมเอาไว้ ส่วนคนบนเตียง ที่กำลังพยายามเรียบเรียง ทุกความเป็นตัวตน ของคุณหนูจวนแม่ทัพ เธอทำได้เพียงแค่ยิ้ม ให้กับคนที่เรียกเธอว่าลูก ก่อนจะคิดคำพูด ที่จะไม่สร้างความคลางแคลงใจ ในความเปลี่ยนไปของคุณหนูหลินผู้นี้ “ท่านแม่ เอ่อ...ข้าหลับไปนานเท่าใดเจ้าคะ” หญิงสาวถามออกมาได้ในที่สุด ทว่าเสียงที่เปล่งออกมา มันช่างแหบแห้งน

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่4 บ่าวทรยศ

    จวนแม่ทัพตะวันตก อาชาสีดำตัวใหญ่ ถูกรั้งให้หยุดลงยังหน้าจวน ก่อนที่ชายสูงวัยที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าประตูบานใหญ่ จะวิ่งตรงออกมาหา “ลูกพ่อ!” ท่านแม่ทัพเรียกบุตรสาวเสียงหลง เมื่อเห็นว่าเวลานี้ นางไร้สติอยู่ในอ้อมแขนของบุตรชาย ท่านแม่ทัพรับร่างบุตรสาวลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบหมุนกายเดินกลับเข้าไปในจวน “เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!” หลินฮูหยินเรียกบุตรสาว ด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะวิ่งตามหลังสามีกลับเข้าไปในจวน นางที่เพิ่งได้สติ จากการเป็นลมไป หลังได้รับข่าวว่าบุตรสาวหายตัวไป “หมอเร็วเข้าช่วยลูกข้าด้วย” ท่านแม่ทัพตะโกนเรียกหมอประจำตระกูล ซึ่งมาดูแลอาการของหลินฮูหยิน รีบวิ่งตามเจ้าของบ้านไป สีหน้าของหมอชรา เต็มไปด้วยความตึงเครียด ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าบ้านทั้งสาม มีความตื่นกลัว ความกดดันของเขาก็มากตามไปด้วย คุณหนูหลินนั้น มีโรคหัวใจมาแต่กำเนิด แค่ออกแรกเล็กน้อย นางยังล้มป่วยไปหลายวันเลย แล้วสภาพของนางในตอนนี้ ไม่น่าจะทนไหว...หลินเสวี่ยหลง ที่วิ่งตามพ่อแม่เข้าไปภายในเรือน มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ ก่อนที่เข้าจะเดินตรงไปยังสาวใช้คนสนิทของน้องสา

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่3 เย็นชา

    เมืองหลวง ณ จวนจิ้งอ๋องลู่หย่งไท้ ร่างสูงในชุดสีดำ ก้าวตรงเข้าไปในตัวเรือนหลังใหญ่ จวนอันเงียบสงบ ไร้พี่น้องพ่อแม่อยู่ร่วม ทว่ากลับเป็นที่หมายตาของสตรีทั่วเมืองหลวง ที่อยากจะมาเป็นสตรีหนึ่งเดียวในจวนแห่งนี้ ทว่าเจ้าของจวนกลับเมินเฉยต่อเรื่องนั้น จนกระทั้งมีพระเสาวนีย์ จากองค์ไท้เฮา ถึงการหมั้นหมาย ที่มีกับบุตรสาวคนโต ของแม่ทัพตะวันตกหลินมู่เฉียว ซึ่งตามข่าวลือ นางคือบุตรสาวที่ติดท้องมารดา ซึ่งได้หย่าขาดกับท่านเจียงกั๋วกง “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกงได้ส่งเทียบเชิญ ให้ท่านอ๋องไปร่วมมื้อค่ำในวันพรุ่งนี้ขอรับ” พ่อบ้านชราถือเทียบเชิญจากจวนกั๋วกง ก้าวตามนายตนเข้าไปในเรือน ตามจริงเขาจะปฏิเสธแทนผู้เป็นนายก็ย่อมได้ แต่เพราะเจียงกั๋วกง คือบิดาโดยสายเลือดของว่าที่พระชายาเอก เขาจึงไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับเห็นชอบจากผู้เป็นนาย “ทุกครั้งท่านทำเยี่ยงไร ไยครานี้จึงต้องมาถึงมือข้าด้วยเล่า”อ๋องหนุ่มย้อนถามพ่อบ้านของตน ซึ่งโดยปกติเรื่องแค่นี้ ย่อมไม่ผ่านเลยมาถึงมือเขา ให้ต้องเสียเวลาตัดสินใจ “แต่ท่านกั๋วกง คือบิดาแท้ๆ ของว่าที่พระชายา ข

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่2 ที่ไหน

    มือที่บางนี่จะแข็งแรงแค่ไหน เรื่องนี้จะจริงหรือฝัน เธอก็ไม่มีวันยอมให้ตัวเอง ถูกทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด เพราะถ้าคนไล่ล่าคือผู้ชาย น้อยนักที่จะไม่คิดเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิง จวิ๋นมู่หันมองสำรวจไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหลับตาลงแน่น เมื่อหัวของเธอเจ็บร้าว เหมือนถูกทุบซ้ำๆ จนต้องยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้ จะบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! พรึ่บ! หวืด! หมับ! ยังไม่ทันที่จะได้ทบทวนอะไร ดวงตาที่หลับนิ่งเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าจับข้อมือหนา ของผู้ชายตัวโตเอาไว้ ก่อนที่จะได้แตะต้องตัวเธอ ยังดีที่เธอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้น...ถ้าเธอตกอยู่ในเงื้อมือของชายแปลกหน้าไปแล้ว ฉึก! ปึก! มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนชายหนุ่มร่างใหญ่ ไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะถูกตอบโต้ จากหญิงสาวบอบบาง อ๊าก!!! ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อมีบางสิ่งแทงเข้าที่ลำคอของเขา ก่อนมันจะถูกดึงออก จนเลือดไหลพุ่งกระฉูดเมื่อเส้นเลือดถูกเปิด มือหนากุมลำคอเอาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้นดิน ใกล้กับหญิงสาวที่เขาไล่ล่าเสียงร้องโหยหวนของเขา ทำให้ฝีเท้าจำนวนหนึ่ง มุ่งตรงมายังทิศทางนี้ นั่นทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status