มือที่บางนี่จะแข็งแรงแค่ไหน เรื่องนี้จะจริงหรือฝัน เธอก็ไม่มีวันยอมให้ตัวเอง ถูกทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด เพราะถ้าคนไล่ล่าคือผู้ชาย น้อยนักที่จะไม่คิดเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิง จวิ๋นมู่หันมองสำรวจไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหลับตาลงแน่น เมื่อหัวของเธอเจ็บร้าว เหมือนถูกทุบซ้ำๆ จนต้องยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้ จะบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!
พรึ่บ! หวืด! หมับ! ยังไม่ทันที่จะได้ทบทวนอะไร ดวงตาที่หลับนิ่งเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าจับข้อมือหนา ของผู้ชายตัวโตเอาไว้ ก่อนที่จะได้แตะต้องตัวเธอ ยังดีที่เธอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้น...ถ้าเธอตกอยู่ในเงื้อมือของชายแปลกหน้าไปแล้ว
ฉึก! ปึก! มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนชายหนุ่มร่างใหญ่ ไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะถูกตอบโต้ จากหญิงสาวบอบบาง อ๊าก!!! ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อมีบางสิ่งแทงเข้าที่ลำคอของเขา ก่อนมันจะถูกดึงออก จนเลือดไหลพุ่งกระฉูดเมื่อเส้นเลือดถูกเปิด มือหนากุมลำคอเอาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้นดิน ใกล้กับหญิงสาวที่เขาไล่ล่า
เสียงร้องโหยหวนของเขา ทำให้ฝีเท้าจำนวนหนึ่ง มุ่งตรงมายังทิศทางนี้ นั่นทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปึก! ฝ่าเท้าบางกระแทกลงไปที่ปากของชายหนุ่ม เพื่อปิดเสียงร้องนั้นของเขาเสีย ก่อนที่เธอจะรีบไปคว้าเอาดาบใหญ่ของเขามาถือไว้ อ่า...มันใหญ่โตกว่ามือเล็กๆ นี่จะจับ แต่เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องตายหรอกนะ! ตุบ! เท้าบางเตะเข้าที่สีข้างของชายคนเดิม เพื่อให้เขาเอามือ ที่ยื่นมาจับขาของเธอออกเสีย หญิงสาวเบนสายตาไปยังผู้มาใหม่ ที่พุ่งมาที่นางกับชายแปลกหน้า นี่มันไม่ใช่การแสดงแล้ว อาวุธจริง! เลือดจริง! และความกลัวตายของเธอก็คือของจริง มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย หรือเธอตกจากที่สูง แล้วสิ้นสติจนฝันว่าทะลุมิติมาอยู่อีกโลกเหรอ หรือว่าตอนนี้เธอเผลอหลับ อยู่ตรงไหนสักแห่งในกองถ่าย...
“คุณหนูหลิน เจ้าช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ”
ชายหนวดเครารุงรัง พูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะหยัน นี่พวกเขาประมาทฝีมือนางไปได้อย่างไร แค่เพราะนางวิ่งหนีพวกเขาอย่างขลาดกลัว เลยทำให้หยามใจ ว่านางไร้พิษสง จนประมาทฝีมือนางไป วิ่งมาได้ไกลไม่น้อยเลย ทั้งที่ใครๆ ก็ว่านางมีปัญหาเรื่องหัวใจ อ่อนแอจนลมพัดยังปลิว แต่จากที่เขาเห็นสภาพของสหาย ที่นอนอยู่แทบเท้านางในตอนนี้ คำเล่าลือนั้นคงไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง
“ฉัน...ข้าทำอะไรให้พวกเจ้ากัน ไยจึงคิดเอาชีวิตข้าด้วย”
จากประสบการณ์ในเรื่องการแสดง หญิงสาวก็ไม่ทำให้น้อยหน้า นี่จะจริง! ปลอม! หรือแม้แต่ความฝัน! เธอก็ต้องควบคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้ เพราะดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คนพวกนี้ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่
“เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดให้พวกข้า แต่เจ้าทำกับคนที่จ่ายเงินพวกข้าต่างหาก”
ชายคนเดิมตอบมา ด้วยรอยยิ้มเหี้ยม ซึ่งมีหรือจวิ๋นมู่จะแสดงความหวาดหวั่นให้อีกฝ่ายได้เห็น ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยน้ำตา เวลานี้ได้จ้องเขม็งไปที่กลุ่มคนตรงหน้า พร้อมการคิดคำนวณถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้ เธอไม่มีคำว่าได้เปรียบ เพราะมองยังไงก็เสียเปรียบล้วนๆ หนีก็ไม่ได้ สู้ก็ยังพอมีทางรอด แต่อาจเจ็บหนักเลยทีเดียว ผู้ชายตัวโตๆ ตั้งสี่คน แต่เธอคนเดียวกับร่างกายบางกว่าใบไม้แห้ง โอ้สวรรค์! ถ้าจะเป็นความฝัน ทำไมต้องเป็นฝันที่โหดร้ายขนาดนี้
“ถ้าแบบนั้น พวกเจ้าก็ทำให้เต็มที่ เพราะข้าไม่มีเงินจะซื้อชีวิตตนเอง”
จวิ๋นมู่ตอบโต้กับกลุ่มคนตรงหน้า พร้อมกับพยายามที่จะต่อสู้ กับความเจ็บปวดในหัว เพราะภาพวกวนไหลบ่าเข้ามา จนเธอต้องขบกรามเล็กเอาไว้แน่น ละสายตาไม่ได้เป็นอันขาด! แค่กระพริบตาก็อาจตายได้เลย เมื่อนึกถึงความตาย ใบหน้าที่หวานประหนึ่งกลีบดอกไม้บาง ก็แปรเปลี่ยนเป็นดุกร้าว เพราะไม่ว่าตอนนี้เธอจะนอนบนเตียงแล้วกำลังฝัน หรือเรื่องจริงที่เธอตกลงจากหน้าผา...
มันก็คือฝันที่เธอเจ็บแค้น คนรักบอกเลิก! ตอนที่ตัวเธอห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ เขาปล่อยมือเธออย่างไร้เยื่อใย ไหนๆ ก็เจ็บปวดใจจนไร้หนทางออก แบบนี้ก็ให้ผู้ชายตัวโตๆ พวกนี้ เป็นที่ระบายแค้นของเธอหน่อยก็แล้วกัน เผื่อว่ามันจะดีขึ้น จากความตื่นกลัวภายในใจ กลายเป็นแรงฮึดสู้ เพื่อที่จะให้ตัวเองรอดชีวิต นั่นทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่ มีความกระตือรือร้น ที่จะต้อนกระต่ายน้อยตรงหน้า ให้ตกอยู่ในเงื้อมือของพวกเขา
“น่าเสียดายยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ เจ้าไม่น่าไปเป็นตัวขวางทางผู้อื่นเลย”
“โยกโย้เสียเวลา”
หญิงสาวเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงกดลึก เวลาความกดดันกำลังพวยพุ่งขึ้นมาภายในใจของนาง ทั้งแปลกที่แปลกทาง ไหนจะมีร่างกายที่หาใช่ของนางอีก ตรงหน้าก็คือคนที่มุ่งเอาชีวิต ไม่มีสิ่งใดจะบีบคั้นเธอได้มากไปกว่านี้แล้ว
“ดี! ลงมือ”
สิ้นคำสั่งชายหนุ่มทั้งสี่ ก็พุ่งเข้าหาหญิงสาว โดยที่ในมือของนางมีดาบของสหาย ที่สิ้นใจไปใกล้กับเท้าของนาง เคร้ง! จวิ๋นมู่ยกดาบขึ้นต้านรับ เท้าที่เจ็บร้าว เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่สนว่าอีกฝ่าย จะมีวิชาแบบคนยุคโบราณไหม ถึงแม้เธอฝึกการต่อสู้แบบยุคทันสมัยมา แต่ท่วงท่าในแบบโบราณ เธอคล่องแคล่วอยู่แล้ว
เป็นความหนักหน่วง ที่ทวีขึ้นภายในใจของหญิงสาว แต่เมื่อเลือดขึ้นตา นางมองชายทั้งสี่ เป็นหน้าของคนรัก ความคลั่งแค้น ที่ปะทุขึ้นภายในใจ ทำให้เธอลงมือราวกับตัวเธอ มีพลังของคนนับสิบอยู่ในตัว
ฟิ้ว! ฉึก! ลูกธนูดอกใหญ่ พุ่งเข้ากลางอกของชายหนึ่งในสี่ ทำให้ดาบใหญ่ที่กำลังจะฟันใส่ร่างบอบบาง ชะงักอยู่กลางอากาศ ปึก! เท้าบางถีบยันร่างนั้น จนล้มหงายหลัง หญิงสาวรีบเคลื่อนตัวหลบเข้าหลังต้นไม้ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของลูกธนู เป็นคนจากฝ่ายใด
“สารเลว! เจ้ากล้าแตะต้องน้องสาวข้าหรือ!”
เสียงกร้าวกระด้าง ดังอยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ ที่หญิงสาวใช้กำบัง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายทั้งสี่ เธอได้ยินไม่ผิด คนที่มาใหม่ เรียกเธอว่าน้องสาว โอ๊ะ! ก่อนที่ความทรงจำของใครอีกคน จะหลั่งไหลเข้ามาในหัว จนเธอไม่สามารถที่จะแบกรับความเจ็บปวดนั้นได้ หญิงสาวยกสอิงมือขึ้นกุมหัวเอาไว้ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า
“น้องพี่!”
เสียงเรียกด้วยความตกใจ ดังอยู่ใกล้เหลือเกิน แต่เธอลืมตาไม่ขึ้น หัวมันเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายหญิงสาวไม่อาจต้านทาน กับความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจได้ ร่างบางโอนเอนจะล้มลง หมับ! ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่ม รีบคว้าร่างบางนั้นเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่แขนแกร่ง
“ไยข้าจะไม่กล้า ในเมื่อเราร้องขอเมตตาอย่างผู้อับจนหนทาง แต่ท่านกลับใช้สายตาและคำพูดเย้นหยันอยู่ในที แม้เราจะยากไร้แต่เราก็มีหัวใจ” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉาน สายตาไม่ลอกแลก แต่มันกลับแน่วแน่ “หึ ๆ เถาเถา เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าข้าถูกเจ้าหนูตัวน้อยตำหนิ” “เจ้าค่ะ” “ชูสวี่ ยายสอนให้เจ้าเป็นคนไร้มารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” “ท่านยาย ถึงข้าต้องกรีดเลือด เฉือนเนื้อให้ท่านดื่มกิน ข้าก็ยินดีทำอย่างไม่ลังเล แต่จะให้ข้าทนเห็นท่านยายถูกเหยียดหยาม ข้ามิอาจทนได้ขอรับ” เด็กชายวัยเพียงหกขวบ ไม่น่าจะเกินนี้ กล้าที่จะพูดและมีความคิดที่ใหญ่โต แสดงว่าภูมิหลังสกุลชู คงไม่ใช่ยากไร้ตั้งแต่แรก หาไม่แล้วคงสอนเด็กน้อยคนนี้ ให้มีความคิดอ่านที่ฉะฉานได้ “คุณหนูหลานชายข้าน้อยยังเด็กนัก ได้โปรดเมตตาเขาสักครั้ง อย่าได้เอาผิดเขาเลยนะเจ้าคะ” “มาทางนี้เถอะ ข้าเมื่อยขา มานั่งคุยกันสักหน่อย” หลินมู่เสวี่ยมิได้ตอบรับ หรือปฏิเสธคำของหญิงชรา แต่เลือกที่จะเดินไปนั่งใต้ร่วมไม้ โดยส่งสัญญาณให้องครักษ์หนุ่ม ช่วยพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้นเดินตามมา
เจ็ดปีต่อมา ณ เส้นทางสู่เมืองหลวง รถม้าคันใหญ่เคลื่อนผ่านไปตามถนน ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่อย่างเอื่อยเฉื่อย ดูไม่ได้เร่งร้อน ที่จะไปให้ถึงจุดหมายโดยไว เช่นผู้เดินทางอื่นๆ หญิงงามในชุดแพรพรรณชั้นดี บอกได้ว่านางเกิดมาในครอบครัวของผู้มีอันจะกิน ความงามที่เฉิดฉายของนาง หากใครได้ยลก็เสมือนต้องมนต์สะกด เรียกว่าเป็นความงามที่ล่มเมืองเลยก็ว่าได้ “คุณหนูแตงโมเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกาย ได้ยื่นจานแตงโมเนื้อแดงหวานฉ่ำ ให้แก่นายสาว แน่นอนว่าแดนตะวันตก มีพ่อค้าต่างแดนเข้าออกมากมาย สินค้าใดที่ล้ำค่าราคาแพงในเมืองหลวง คนที่อยู่ชายแดน จะได้รับมันก่อน ในราคาที่ย่อมเยากว่าหลายเท่านัก “ขอบใจเจ้ามากเถาเถา เจ้าก็กินเสียด้วยกันเลย” หญิงสาวยื่นมือไปหยิบไม้เล็ก ๆ ก่อนจะนำไปจิ้มแตงโมชิ้นพอดีคำ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย อากาศที่อบอ้าว ได้กินแตงโตที่เต็มไปด้วยน้ำเช่นนี้ มันสดชื่นเสียนี่กระไร อ๊ะ! ทว่าก่อนที่จะจิ้มแตงโมชิ้นต่อไป หญิงสาวต้องรีบหาที่คว้าจับ มิให้ร่วงลงจากที่นั่ง เมื่อรถม้าหยุดลงอย่างกะทันหัน “มีเรื่องอันใด ไยจึงหยุดกะทันหันเช่นนี้ คุณหนูเก
“โอ๊ะ! บ้าบอทำไมปวดหัวขนาดนี้” จวิ๋นมู่ ยกมือขึ้นวางบนหัวของตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้น เธอจดจำทุกอย่างได้ และมีความทรงจำของใครอีกคน ชัดเจนอยู่ในหัว เหอะ! นึกว่ามีแค่ในหนังในละคร เธอมาอยู่ในร่างของคนเป็นโรคหัวใจ แล้วยังคนละยุคสมัย กับที่เธอคุ้นเคย เรื่องเดิมๆ ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในชีรี่ย์ดังหลายๆ เรื่อง แต่ก็นะ...ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาส ก็ต้องใช้มันให้คุ้ม “ลูกแม่! เจ้าฟื้นแล้ว ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า” หลินฮูหยิน รีบหันไปยื่นถาดยาให้มือให้สาวใช้ แล้วรีบก้าวยาวๆ ตรงไปหาบุตรสาวบนเตียง แค่เห็นว่าลูกลืมตา ใจของมารดาเช่นนาง ก็คลายความหวาดกลัวไปมากทีเดียว ร่างที่ยังคงงดงามของหลินฮูหยิน ค่อยๆ รีบนั่งลงขอบเตียง ก่อนจะคว้ามือบุตรสาวมากุมเอาไว้ ส่วนคนบนเตียง ที่กำลังพยายามเรียบเรียง ทุกความเป็นตัวตน ของคุณหนูจวนแม่ทัพ เธอทำได้เพียงแค่ยิ้ม ให้กับคนที่เรียกเธอว่าลูก ก่อนจะคิดคำพูด ที่จะไม่สร้างความคลางแคลงใจ ในความเปลี่ยนไปของคุณหนูหลินผู้นี้ “ท่านแม่ เอ่อ...ข้าหลับไปนานเท่าใดเจ้าคะ” หญิงสาวถามออกมาได้ในที่สุด ทว่าเสียงที่เปล่งออกมา มันช่างแหบแห้งน
จวนแม่ทัพตะวันตก อาชาสีดำตัวใหญ่ ถูกรั้งให้หยุดลงยังหน้าจวน ก่อนที่ชายสูงวัยที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าประตูบานใหญ่ จะวิ่งตรงออกมาหา “ลูกพ่อ!” ท่านแม่ทัพเรียกบุตรสาวเสียงหลง เมื่อเห็นว่าเวลานี้ นางไร้สติอยู่ในอ้อมแขนของบุตรชาย ท่านแม่ทัพรับร่างบุตรสาวลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบหมุนกายเดินกลับเข้าไปในจวน “เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!” หลินฮูหยินเรียกบุตรสาว ด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะวิ่งตามหลังสามีกลับเข้าไปในจวน นางที่เพิ่งได้สติ จากการเป็นลมไป หลังได้รับข่าวว่าบุตรสาวหายตัวไป “หมอเร็วเข้าช่วยลูกข้าด้วย” ท่านแม่ทัพตะโกนเรียกหมอประจำตระกูล ซึ่งมาดูแลอาการของหลินฮูหยิน รีบวิ่งตามเจ้าของบ้านไป สีหน้าของหมอชรา เต็มไปด้วยความตึงเครียด ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าบ้านทั้งสาม มีความตื่นกลัว ความกดดันของเขาก็มากตามไปด้วย คุณหนูหลินนั้น มีโรคหัวใจมาแต่กำเนิด แค่ออกแรกเล็กน้อย นางยังล้มป่วยไปหลายวันเลย แล้วสภาพของนางในตอนนี้ ไม่น่าจะทนไหว...หลินเสวี่ยหลง ที่วิ่งตามพ่อแม่เข้าไปภายในเรือน มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ ก่อนที่เข้าจะเดินตรงไปยังสาวใช้คนสนิทของน้องสา
เมืองหลวง ณ จวนจิ้งอ๋องลู่หย่งไท้ ร่างสูงในชุดสีดำ ก้าวตรงเข้าไปในตัวเรือนหลังใหญ่ จวนอันเงียบสงบ ไร้พี่น้องพ่อแม่อยู่ร่วม ทว่ากลับเป็นที่หมายตาของสตรีทั่วเมืองหลวง ที่อยากจะมาเป็นสตรีหนึ่งเดียวในจวนแห่งนี้ ทว่าเจ้าของจวนกลับเมินเฉยต่อเรื่องนั้น จนกระทั้งมีพระเสาวนีย์ จากองค์ไท้เฮา ถึงการหมั้นหมาย ที่มีกับบุตรสาวคนโต ของแม่ทัพตะวันตกหลินมู่เฉียว ซึ่งตามข่าวลือ นางคือบุตรสาวที่ติดท้องมารดา ซึ่งได้หย่าขาดกับท่านเจียงกั๋วกง “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกงได้ส่งเทียบเชิญ ให้ท่านอ๋องไปร่วมมื้อค่ำในวันพรุ่งนี้ขอรับ” พ่อบ้านชราถือเทียบเชิญจากจวนกั๋วกง ก้าวตามนายตนเข้าไปในเรือน ตามจริงเขาจะปฏิเสธแทนผู้เป็นนายก็ย่อมได้ แต่เพราะเจียงกั๋วกง คือบิดาโดยสายเลือดของว่าที่พระชายาเอก เขาจึงไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับเห็นชอบจากผู้เป็นนาย “ทุกครั้งท่านทำเยี่ยงไร ไยครานี้จึงต้องมาถึงมือข้าด้วยเล่า”อ๋องหนุ่มย้อนถามพ่อบ้านของตน ซึ่งโดยปกติเรื่องแค่นี้ ย่อมไม่ผ่านเลยมาถึงมือเขา ให้ต้องเสียเวลาตัดสินใจ “แต่ท่านกั๋วกง คือบิดาแท้ๆ ของว่าที่พระชายา ข
มือที่บางนี่จะแข็งแรงแค่ไหน เรื่องนี้จะจริงหรือฝัน เธอก็ไม่มีวันยอมให้ตัวเอง ถูกทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด เพราะถ้าคนไล่ล่าคือผู้ชาย น้อยนักที่จะไม่คิดเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิง จวิ๋นมู่หันมองสำรวจไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหลับตาลงแน่น เมื่อหัวของเธอเจ็บร้าว เหมือนถูกทุบซ้ำๆ จนต้องยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้ จะบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! พรึ่บ! หวืด! หมับ! ยังไม่ทันที่จะได้ทบทวนอะไร ดวงตาที่หลับนิ่งเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าจับข้อมือหนา ของผู้ชายตัวโตเอาไว้ ก่อนที่จะได้แตะต้องตัวเธอ ยังดีที่เธอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้น...ถ้าเธอตกอยู่ในเงื้อมือของชายแปลกหน้าไปแล้ว ฉึก! ปึก! มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนชายหนุ่มร่างใหญ่ ไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะถูกตอบโต้ จากหญิงสาวบอบบาง อ๊าก!!! ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อมีบางสิ่งแทงเข้าที่ลำคอของเขา ก่อนมันจะถูกดึงออก จนเลือดไหลพุ่งกระฉูดเมื่อเส้นเลือดถูกเปิด มือหนากุมลำคอเอาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้นดิน ใกล้กับหญิงสาวที่เขาไล่ล่าเสียงร้องโหยหวนของเขา ทำให้ฝีเท้าจำนวนหนึ่ง มุ่งตรงมายังทิศทางนี้ นั่นทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มควา