Beranda / รักโบราณ / คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว / บทที่ 6 วาสนามีน้อยเท่าจิ๋มมดตะนอย

Share

บทที่ 6 วาสนามีน้อยเท่าจิ๋มมดตะนอย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-01 19:47:33

ไม่ใช่แค่เฉินโยว่เหวยที่สำลักน้ำชา ยังมีหลงจู้กับองครักษ์หนุ่มหน้าตาดีที่ทำหน้าราวกับกลืนยาขม มองหน้าคุณหนูสลับกับคุณชายเฉินพลันรู้สึกถึงกลิ่นอายบางอย่างที่ไม่ปกติ

“แล้วทำไมท่านไม่จับคนอื่นเล่า...มาจับข้าทำไม”

คนที่สำลักน้ำชาจนน้ำหูน้ำตาราดสูดหายใจเข้าจนอกแกร่งยก มองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ที่เอาตัวเขาเป็นกำแพงกำบังเอาไว้ ทุ่มเถียงสุดตัวราวกับตัวเองไม่ผิดอันใดเลย

แต่นั่นหานอ๋องที่ใครก็ไม่กล้าจะเอ่ยถึงด้วยซ้ำ นางกลับเอามาแต่งเป็นนิยายประโลมโลกที่ให้ตัวเอกตายตอนจบ นางกินดีหมีหรือหัวใจเสือมากันแน่ถึงคิดสาปแช่งเขา

“ท่านเป็นคนแต่ง” หัวหน้ามือปราบโต้ราวกับเถียงเด็กตัวกระจ้อย

“ใช่...แต่คนอื่นก็แต่ง” นางสู้ตาย...มาเถอะเรื่องเถียงนางไม่แพ้แน่!

ก็แต่งให้ตัวคนจริง ๆ มีอยู่ในนิยายมันจะได้เรียกจุดสนใจจากคนซื้อ นางเขียนหนึ่งเล่มคนซื้อกล้าจ่ายถึงห้าร้อยตำลึงด้วยซ้ำ นางว่าเรื่องหน้าจะแต่งฮ่องเต้กับนางกำนัลห้องภูษาช่วยกันเย็บผ้าในห้องบรรทม...(เย็บท่าซิกแซก)   คิก ๆ

แค่คิดพล็อตนิยายที่นักอ่านต้องยืนยันด้วยบัตรประชาชนอ่านถึงจะเข้าถึงก็สนุกแล้ว

แต่ยังไม่ทันเกิดดันถูกหัวหน้ามือปราบหน้าหยกใจร้ายคุมกำเนิดเสียก่อน!

เฉินโยว่เหวยเห็นหัวหน้ามือปราบพลันรู้สึกสงสารนิด ๆ ต้องโทษเขาที่ปิดบังตัวตนเพราะอยากใช้ชีวิตปกติทั่วไปไม่เผยฐานะอ๋องให้ใครรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าลูกหนี้ตัวน้อยไม่กลัวตายจะกล้าเอาเขาไปแต่งปู้ยี่ปู้ยำด้วยเรื่องเหลวไหล ให้คนหัวเราะเยาะ

เขาหรือจะตายเพราะอุ่นเตียงกับคณิกาสาวในหอหยกเร้นจันทร์

ข้าหาใช่บุรุษมักมาก

“หัวหน้ามือปราบ...โทษของคนวิจารณ์ราชวงศ์เสียหายมีอะไรบ้างนะ” เฉินโยว่เหวยพูดในเชิงปรึกษา แต่คนที่ได้ฟังตัวสั่นนิด ๆ กับคำว่า โทษ

“ถ้าวิจารณ์ด้วยปาก...ถูกตัดลิ้น”

O.O” หา...ตะ...ตัดลิ้น...คิดจะไม่ให้พูดตลอดชีวิตเลยงั้นเหรอ ใจร้าย...ใจร้ายเกินไปแล้ว

         เฉินโยว่เหวยรับรู้ถึงแรงกอดรัดที่เอว พร้อมกับใบหน้าที่แนบแผ่นหลังแน่นพลางยิ้มใบหน้าเบิกบานขึ้น แม้แต่หลี่เฟิงกับหลงจู้ยังมองหน้ากันราวกับตนเองเห็นผี

         หานอ๋องเปลี่ยนไป!

         “แล้วถ้าเขียนละ”

         “ตัดมือขอรับ...มือข้างไหนเขียนตัดมือข้างนั้น”

         “O.O” นางรีบหดมือแทรกเข้าในเสื้อคลุมของเฉินโยว่เหวยทันทีพลางคิดว่า หากตัดมือนางแล้วนางต้องมือด้วนไปหนึ่งข้าง ช่างน่าอนาถนัก

         ไม่...ตัดไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ชีวิตก็ซวยพออยู่แล้ว หากต้องพิการอีกนางขอกลั้นใจตาย

         ติดแค่กลัวหายใจไม่ออก...ไม่งั้นกลั้นไปแล้วนะจะบอกให้

         “อื้ม...เข้าใจแล้ว” เฉินโยว่เหวยรับคำในลำคอแล้วหยุดเงียบไปชั่วครู่ พลางเหลือบตามองไปยังคนที่เงียบอยู่ด้านหลังของเขาที่นิ่งไม่ขยับ หากว่าเขาไม่ได้ยินเสียงหัวใจของนางที่ทาบอยู่ตรงด้านหลังคงคิดว่านางตกใจเป็นลมตายไปแล้ว

         “อื้อ...เช่นนั้นท่านก็จัดการเถอะ”

         จางม่านอวี้เลิ่กลั่กกว่าเดิม จากนั้นมุดตัวเข้าในเสื้อคลุมของเขาไปเลยราวกับสิงร่างของเขาเป็นสัมภเวสีเกาะติดคุณชายเฉินเอาไว้แน่น

         “คุณหนูอวี้...ท่านยอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ” เสียงหัวหน้ามือปราบกล่าวเสียงอ่อนลงใบหน้าพยายามกลั้นพิรุธสุดกำลัง แต่คนที่กลัวจนหัวหดกลับไม่ได้สังเกต

         จางม่านอวี้เหงื่อแตกพลั่ก...ยิ่งอากาศในเดือนแปดก็ร้อนอยู่แล้วยามนี้ก็ร้อนขึ้นไปอีกร้อยเท่า ปากนางสั่นกึก ๆ ขบคิดหาทางเอาชีวิตรอด

         “ถ้าจะให้ข้ารับผิดข้าไม่รับหรอก...เพราะคุณชายเฉินเป็นคนสั่งข้า”

         นางโยนถ่านร้อนใส่เขาทันที อย่างน้อย ๆ ก็มีคนที่ต้องโดนลงโทษไปกับนาง

         หัวหน้ามือปราบเบิกตากว้างมองไปทางคุณชายเฉิน และทุกคนก็มองไปทางเดียวกัน พลางคิดว่าคุณชายเฉินคิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ

         เรียวคิ้วเฉียงขึ้นคมดุจดาบขยับขึ้นลงหลังจากได้ยินนางพูด “ข้าสั่งสิ่งใด?”

         “ก็ท่านสั่งว่าให้ข้าอ่านหนังสือพวกนั้นให้ท่านฟังในหอหยกเร้นจันทร์” นางหยุดพูด...ทำให้คนทั้งห้องกลั้นหายใจไปด้วยว่าเรื่องราวเป็นมาเช่นไรกันแน่

 นางโผล่หน้าไร้เดียงสาจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมายืนยันคำพูดตัวเองต่อพลางชี้นิ้วจิ้มหน้าอกเฉินโยว่เหวย  เบา ๆ

“ข้าพากย์...ท่านทำตาม!

         “....” ทุกคนในห้องทำสีหน้ากลืนยาขมระดับสิบ เมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมด เว้นแต่เฉินโยว่เหวยที่เกือบกลั้นยิ้มไม่ไหวกับจินตนาการของนาง

         ก็แค่อยากแกล้งนางเท่านั้น...ใครจะคิดว่าสมองน้อย ๆ ของนางจะคิดไปถึงขนาดนี้

         แต่เมื่อหันไปเห็นคนสนิทของตนมองหน้าราวกับเห็นเขาเป็นตัวประหลาดจึงต้องตีหน้าขรึมวางมาดอ๋องผู้น่าเกรงขามก่อนเอ่ยออกมา

         “อะไรเข้าฝันให้เจ้าคิดอย่างนั้น”

         ฮั่นแน่...ท่านจะมาโบ้ยความผิดให้ข้าผู้เดียวไม่ได้นะข้ามีพยาน “วันก่อนท่านให้หลี่เฟิงเอาหนังสือพวกนั้นมาให้ข้าอ่านอยู่เลยนะ ข้าเห็นว่าเขาเขียนไม่ลึกซึ้งได้อารมณ์ กลัวว่าท่านจะไม่สำราญ จึงแต่งเสียเองเลย”

         อื้ม...เหตุผลเข้าทีเลยล่ะ...

         แต่เหมือนเข้าทีที่ว่านั้นจะเป็นกำปั้นใหญ่ ๆ ของคนที่นางสิงเป็นสัมภเวสีอยู่เคาะเข้ามาที่กะโหลกนางหนึ่งที   จัง ๆ ดังป๊อก

         “เหลวไหล”

         “โอ๊ย...เจ็บ ๆ ”นางยู่หน้ามองเขาพลางลูบหัวบีบน้ำตาคลอราวกับเจ็บปวดเจียนตาย แน่นอนเพื่อเรียกความสงสารจากทุกคน

         นางไม่ผิด!

         “คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน...หัวหน้ามือปราบ         เหมินเซียะกลับไปเถอะ เอาหนังสือที่ยึดได้มาให้ข้าจัดการมันเอง”

         นางมองเขาสลับกับมองหัวหน้ามือปราบอย่างฉงนใจ ไฉนเขาสองคนดูจะพูดคุยตกลงกันง่ายนักล่ะ ทั้งที่เมื่อกี้จะตัดแขนนางบ้างล่ะ จะตัดลิ้นนางบ้างล่ะ

         ตัวประกอบติดบั๊กนี่น่าสงสารพอหรือยัง!

         แต่คนแพ้เสียงในหัวหลุดน้ำเสียงใสเอ่ยขัดขึ้นว่า

“แต่ข้าไม่ผิดจริง ๆ นะ ข้าแค่ทำตามเจ้าหนี้สุดหล่อผู้นี้ต่างหาก...หัวหน้ามือปราบต้องเชื่อข้า ข้าเป็นเด็กสาวแสนดีไร้เดียงสาน่ารักอ่อนหวาน แต่ชะตาอาภัพต้องให้เผชิญกับความยากลำบากเฉย ๆ ไม่เคยคิดอยากทำผิดคิดชั่ว”

“ยิ่งหานอ๋องแล้วข้ายิ่งนับถือ” ดวงตากระจ่างใสกะพริบตาปริบ ๆ บ่งบอกว่าพูดความจริงจากใจทุกประการ

นับถือก็บ้าแล้วเกือบทำข้าซวย...สาบานว่าชาตินี้ข้าจะสาปแช่งเขาให้ตกหลุมรักข้าหัวปักหัวปำ เพราะข้าคือตัวซวย ดังนั้นหลงรักตัวซวยเท่ากับซวยซ้ำซวยซ้อนทั้งชาติ

ไม่มีใครฉลาดเท่าข้าอีกแล้วล่ะ

         ทุกคนในห้องเหมือนจะยกยิ้มกับคำพูดนั้น มองคุณหนูตัวน้อยกับท่าทางไร้เดียงสา คล้ายกับผู้เป็นนายจะเจอเข้ากับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว

         โดยเฉพาะหลี่เฟิงที่กลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตก

         “น่ารักอ่อนหวาน คำพวกนี้ต้องให้คนอื่นพูดกระมัง” เฉินโยว่เหวยขัดนางทำให้คนตัวเล็กร้องจิ๊จ๊ะจนอยากเขกหัวนางอีกสักที

         จางม่านอวี้ยู่หน้าจนปากยื่นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ถึงบ้านม่านอวี้แม้จะจนมากแต่ยังมีกระจกส่องอยู่นะเจ้าคะ...คุณชายเฉินไม่ต้องชมม่านอวี้ก็รู้ตัวดี ภาพมันฟ้องเจ้าค่ะ”

         นางถือคตินอกจากมั่นอกมั่นใจ...อย่าลืมมั่นหน้าด้วย

         เขาส่ายหน้ารู้สึกว่านางจะซุกซนนัก...จนอยากจับมาสั่งสอนด้วยตนเองสักหน่อย

         “เอาล่ะ...เสียเวลาท่านมือปราบจะทำงาน...รีบปิดคดีเถอะ”

         คราวนี้หัวหน้ามือปราบเหมินเซี่ยะพยักหน้าเห็นด้วย “ดีขอรับคุณชาย...ข้าจะรีบนำตัวคุณหนูไปลงโทษตามกฎหมาย”

         “O.O” ซวยแล้ว

คราวนี้จางม่านอวี้เบิกตากว้าง เมื่อครู่นางจำได้ว่าไม่ใช่ตกลงแบบนี้นี่...คุณชายเฉินบอกให้เขากลับไป

         “นั่นแน่...ท่านหัวหน้ามือปราบ...อย่าลักไก่เชียวนะ อวี้เอ๋อร์ได้ยินเต็มสองหูของอวี้เอ๋อร์เลยว่า เมื่อครู่คุณชายเฉินให้ท่านกลับไปเพราะเข้าใจกันผิด...ท่านก็อย่าหาความเด็กไร้เดียงสาอย่างข้า”

         “แต่ว่าความผิดเกิดแล้ว...นะขอรับคุณหนู”

         “เกิดที่ไหนยังไม่เกิด...นี่เงินห้าร้อยตำลึง...นั่นหนังสือ อีกอย่างของพวกนี้ไม่ได้อยู่ในมือข้าแล้วนี่ ยึดไปให้หมดเลยถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

         แม้ว่าจะต้องสูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งวันกับปวดแขนยังไม่หายด้วยซ้ำ นางคงต้องทำใจ ตัวประกอบคงจะใช้ชีวิตง่าย ๆ ไม่ได้หรอก

         ใช่ซี๊...ข้าไม่ใช่นางเอกนี่!

         เฉินโยว่เหวยได้ยินเช่นนั้นจึงเสนอว่า... “เช่นนั้น...ท่านมือปราบรับเงินห้าร้อยตำลึงนี้ไปเอาเข้าคลังของหานอ๋อง ส่วนหนังสือนี่ถือว่าไม่เคยเห็นก็แล้วกัน...ส่วนนาง...”

         เขาที่เห็นจางม่านอวี้ทำปากขมุบขมิบมองเงินถุงนั้นแล้วจ้องตาหัวหน้ามือปราบของตนราวกับจะสาปแช่ง แล้วนึกอยากแกล้งต่ออีกหน่อย “ให้นางคัดพระสูตรคัมภีร์ถวายเป็นกุศลให้หานอ๋องสักพันจบก็แล้วกันข้าจะเฝ้าด้วยตัวเอง”

         ฮะ! จางม่านอวี้อุทานในใจพลางกะพริบตาปริบ ๆมองคนที่ทำตัวเยี่ยงผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จนเกิดความสงสัยขึ้นว่า คุณชายเฉินเจ้าของโรงรับแลกเงินก็ตัดสินคดีได้หรือ!

         “แต่ว่า...”

         มีคำว่าแต่ทีไรนางกลับรู้สึกว่าความซวยยังไม่หมดไปสักทีเหมือนตามหลอกหลอนเป็นเงาตามตัวนางอย่างไรอย่างนั้น

         “ไม่มีแต่...ไม่มีแต่ทั้งนั้นเอาตามคุณชายเฉินว่า” เสียงใสรีบสนับสนุนคำพูดเขาไม่พอ นางกอดแขนเขาไว้แน่น แล้วเอาขากอดรอบเอวเหมือนลิงน้อยเกาะหลังแม่

         แต่ว่าเขาไม่ได้สะบัดนางออกนี่ นางไม่ปล่อยหรอกนะ นางตายเขาก็ต้องตายกับนางด้วย!

         “ข้าเป็นหัวหน้ามือปราบจะมาโยนภาระให้คุณชายเฉินไม่ดีกระมัง หากผู้ใดรู้ว่าข้าละเลยหน้าที่ หานอ๋องคงพิโรธ”

หัวหน้าเหมินเซี่ยะพูดพลางมองแลกเปลี่ยนสายตากับคุณชายเฉินโยว่เหวยตรงหน้า เขากดยิ้มมุมปากจนเกือบกลั้นไม่อยู่ พอ ๆ กับหลงจู้ร้านรับแลกเงิน กับหลี่เฟิงองครักษ์ที่หันหน้าไปอีกทางกำมือปิดปากเอาไว้

         คำพูดของหัวหน้ามือปราบทำให้นางฉุกคิดว่า ในเมืองฉางเหอคนที่มีอำนาจสูงสุดเห็นจะเป็นหานอ๋องอนุชาฮ่องเต้สินะ

         แต่ว่ากันว่าหานอ๋องจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมนี่นา...

         ดังนั้นที่นางไปทำหูตั้งเป็นแมวได้ยินเสียงหนูน่าจะนำมาใช้เอาตัวรอดได้อยู่กระมัง

         “ท่านไม่พูด...ทุกคนไม่พูด...ไม่มีใครรู้หรอกจริงหรือไม่ หานอ๋องจิตใจกว้างขวางดุจมหาสมุทรข้ารู้ดีว่าเขาไม่ถือสาหาความกับสตรีตัวน้อยอย่างข้า

ยิ่งตอนนี้ข้าได้ยินว่าเขาเดินทางไกลไปแสวงบุญทำกุศลกับฝ่าบาท ยิ่งไม่อยากเห็นการเข่นฆ่านองเลือดแน่ ๆ ดังนั้นท่านมือปราบหลับตาข้างหนึ่งเถอะ”

         นี่คือการชักแม่น้ำแทบหมดแคว้นเยว่หานแล้ว หวังว่าพวกเขาจะคล้อยตามนางนะ แต่เหมือนวาสนาตัวประกอบจะมีน้อยนิดเท่าจิ๋มมดตะนอยสินะ มันถึงได้...

         “คุณหนูจางม่านอวี้ ท่านเอาข่าวนี้จากที่ใดมา การเดินทางของหานอ๋องและฝ่าบาทปิดเป็นความลับ คนที่รู้เรื่องนี้ล้วนต้องตาย” เหมินเซี่ยะชักกระบี่ออกมาพร้อมกับเหยียดปลายไปทางจางม่านอวี้ จนคมกระบี่สะท้านวาบทำให้นางตกใจ

         “O.O

         ข้าก้าวขาผิดออกจากบ้านหรือไม่...ทำไมคำว่าตายวิ่งไล่ตามนางดังเป็นเงาตามตัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   ตอนพิเศษ 2 ลูกหงส์และมังกร

    หลังจากแต่งงานได้เก้าเดือน ลูกหงส์และมังกรก็ มาเกิดในตำหนักหานอ๋องสร้างความปีติยินดีมากมายให้ กับเหล่าประชาชนในแคว้น รวมทั้งเสด็จลุงอย่างฮ่องเต้ เยว่อันคังประทานของรับขวัญหลานจนต้องสร้างห้องเก็บสมบัติเพิ่ม จางม่านอวี้ท้องลูกแฝดแต่เป็นแฝดชายหญิง โดยคนเป็นบิดาอย่างหานอ๋องก็ตั้งชื่อให้ด้วยตนเอง ลูกชายผู้เป็นแฝดพี่มีนามว่าเยว่เฟยเทียน แฝดน้องเป็นลูกสาวมีนามว่าเยว่เฟยเซียง ท่านอ๋องทรงหลงรักลูกชายและลูกสาวทั้งสองมากถึงขนาดอุ้มไปด้วยทุกที่ แม้แต่ออกไปทำงานก็ตาม ยิ่งลูกสาวตัวน้อยอย่างเยว่เฟยเซียงติดการหลับบนอกผู้เป็นบิดาที่สุด “แง้งงงงง!” เสียงร้องของแฝดน้องดังขึ้นทีไร เหล่าพี่เลี้ยงและหานเฟยต่างรีบมาดู เพราะหนูน้อยช่างเอาแต่ใจมาก ๆ หากง่วงจะไม่นอนดี ๆ ที่เปลหรือเตียงนอน แต่จะนอนบนอกบิดา! เยว่เค่อไท่แทบจะยกงานทุกอย่างมาทำที่บ้าน เมื่อลูกสาวติดตนเองมากมายขนาดนี้ แต่ก็ใจอ่อนทุกครั้งเมื่อหานเฟยบอกให้เขาหักดิบมิเช่นนั้นลูกจะไม่ยอมนอนโดยให้คนอื่นกล่อม แต่ใครอยากให้คนอื่นกล่อมกันเล่า ลูกเขาทำเองกับมือย่อมกล่อมให้นอนเองอยู่แล้ว และเมื่อลูกร้ององครักษ์เงา

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   ตอนพิเศษ 1 เข้าหอ

    คืนนี้เยว่เค่อไท่ไม่ได้รังแกหานเฟยของเขาหนักมาก เพียงแค่ตั้งใจจะมีลูกกับนางในค่ำคืนนี้ให้จงได้ ฤกษ์หยิน หยางบรรจบกันไม่ใช่จะมีได้ในทุกปี เขาจึงไม่ปล่อยให้ความพิเศษนี้ผ่านไปเพียงเปล่าประโยชน์ ด้านนอกแขกที่เชิญมาล้วนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ขุนนางสำคัญในเมือง ไร้ขุนนางสอพลอในเมืองหลวงมาร่วมงานสักคนเดียว จางม่านอวี้ไม่มีญาติที่ไหน เขาก็ไม่มีญาติที่ไหน ดังนั้นมีแค่เราต่อจากนี้ก็เพียงพอ ริมฝีปากนุ่มบรรจงจูบอย่างทะนุถนอมและหวานที่สุด นางกินพุทราเชื่อมไปยิ่งทำให้รสชาติหวานติดลิ้นนางเสียจนเขาห้ามใจไม่ได้จูบนางอย่างเอาเป็นเอาตายจนนางเกือบลืมหายใจ “อึก...สวามีเพคะ...ช้าหน่อยเพคะ” เสียงเล็กท้วงทำให้เขาลดความรุนแรงลง เปลี่ยนจากจูบดูดดื่มมาเคล้าคลึงริมฝีปากนุ่นนิ่มหยอกล้อนางระหว่างปลุกเร้าความปรารถนาในกายของนางให้ลุกโชน จนกระทั่งนางทักท้วงบางอย่าง “สามี...ยังไม่ได้ดื่มสุรามงคลเลยเพคะ” สองมือเล็กดันอกแกร่งตะปบมือหนาให้ยับยั้งการกระทำ เพราะเขาเริ่มจะคลายสายคาดเอวแล้ว หากถึงจุดนั้นแม้แต่สุรามงคลก็ไม่ได้ดื่ม “เจ้าแน่ใจหรือว่าอยา

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   บทที่ 41 บทส่งท้าย

    เมื่อตัวประกอบหลุดจากบั๊กสู่ตำแหน่งชายาเอกหนึ่งเดียวของหานอ๋องจากแคว้นเยว่หาน... วันมงคลสมรสของจางม่านอวี้และหานอ๋องเยว่เค่อไท่ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่สิบสองเดือนสิบสองรัชศกเยว่คังที่สิบสอง ซึ่งเป็นวันมงคลที่สิบสองปีจะมีครั้ง คือวันที่หยินหยางสมดุลพร้อมให้พลังแด่คู่รักชายหญิง ถือว่าวันนี้หากเป็นวันที่ขอลูกชายก็จะได้ลูกชะตามังกรมาเกิด หากขอลูกสาวก็จะได้ลูกชะตาหงส์มาเกิด แม้จะเป็นวันที่อากาศเย็นแต่ทว่าชาวเมืองต่างออกมาแสดงความยินดีกับหานอ๋องอย่างคึกคัก การแต่งงานครั้งนี้นับว่าเป็นการแต่งงานระหว่างสตรีสามัญชนกับเชื้อพระวงศ์ครั้งแรกในรัชศกนี้ ซึ่งต้องบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงกระนั้นเหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างก็ไม่ขัดข้องสิ่งใด เพราะหานอ๋องเดิมถือเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ในความคิดของพวกเขา เมื่อแต่งงานกับสตรีไร้การหนุนหลังยิ่งทำให้พวกเขาสบายอกสบายใจว่าบัลลังก์จะไม่เกิดการเปลี่ยนมือในเร็ววันจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าทั้งหานอ๋องและฝ่าบาทต่างรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ทำตัวห่างเหินกันเพื่อให้คนนอกได้เห็นและเพื่อคานอำนาจเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดใช้เ

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   บทที่ 40 ทุกอย่างไม่ใช่ฝัน

    จางม่านอวี้มองไปยังคนที่จะมาเก็บดอกเบี้ยนางพลางน้ำตารื้น...ดวงตากลมโตของนางเลอะไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียอกเสียใจ แต่ทว่ากลับไม่ทำให้นางขยับเขยื้อนกาย นางไม่คิดว่าชีวิตนี้จะพบกับบุรุษใจร้ายผู้นี้อีกแล้ว แต่นางก็พบ! ทั้งยังหนีไม่พ้นอีกด้วย “ท่านเป็นใคร...ข้าไม่รู้จักท่าน” จางม่านอวี้ขยับตัวหนีร่างใหญ่ที่เขามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเตียงนอนของนาง โดยที่มือใหญ่กำลังเอื้อมมือมาคล้ายจะแตะต้องตัว แต่นางรีบขยับหนี! “ท่านเป็นใคร...ออกไปนะ...ข้าไม่รู้จักท่าน” นางแสร้งเล่นบทโศกความจำเสื่อมเสียเลย อย่างไรเขาจะมาเก็บดอกเบี้ยนางไม่ได้แน่นอน เยว่เค่อไท่ขมวดคิ้วทั้งมองดวงตาของนางที่ไหวระริกพลางกดมุมปาก จากนั้นเขานั่งลงมองคนที่กำลังขวัญเสีย “ข้าคือเยว่เค่อไท่ หานอ๋องที่ปกครองเมืองฉางเหอและเป็นเจ้าหนี้ของเจ้า” จางม่านอวี้ยิ่งได้ฟังยิ่งสับสน นี่ถ้าหากเกิดใหม่เขาจะแนะนำตัวตนจริง ๆ ของเขาทำไม ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ “ข้าไม่รู้จัก” นางส่ายหน้าพรืดทั้งขยับตัวแต่ทว่า...ว้าย! ร่างของนางกำลังจะตกลงกับพื้นแต่ทว่ากลับมีมือใหญ่รั้งเอาไ

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   บทที่ 39 ติดบั๊กจนลมหายใจสุดท้าย

    จางม่านอวี้มีเงินจากที่ท่านอ๋องให้เอาไว้อยู่หลายตำลึงจึงเอาไปให้ซูซินซื้อกระดาษมานั่งแต่งหนังสือประโลมโลก และไม่ออกจากบ้านเลยจนกระทั่งนางเขียนได้สิบเรื่องคิดว่าควรจะเอาไปขายที่ร้านขายหนังสือประโลมโลกหน้าหอหยกเร้นจันทร์เพื่อหาเงินเข้าบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง แต่ทว่าดันไปช่วงเวลาที่หานอ๋องแต่งตั้งชายาเอกพอดี! เป๋งๆๆๆ ! เสียงฉาบทองเหลืองอันใหญ่ถูกคนเข็นไปพร้อมกับมีคนตีตะโกนป่าวประกาศลั่นถนน จนนางและซูซินต้องหลบทางให้ขบวนคนที่ตีฆ้องร้องป่าว “อีกเดี๋ยวขบวนแห่พระชายาจะผ่านทางนี้...ทุกคนที่รอชมโฉมพระชายาต้องคุกเข่าเข้าใจหรือไม่” จางม่านอวี้รีบเอาหนังสือสิบเล่มขายให้กับเถ้าแก่ร้านหนังสือทันที “เถ้าแก่ข้าคิดไม่แพงเล่มละสามตำลึง” เถ้าแก่ดีใจแทบเนื้อเต้นปกติเรื่องดี ๆ เช่นนั้นพวกลูกหลานคนมีตระกูลชอบซื้อไปอ่านเขาขายเล่มละสิบห้าตำลึง และยังเอาไปคัดลอกได้อีกด้วย “นี่คุณหนูจางต่อไปท่านมาขายที่ร้านข้าห้ามไปขายร้านอื่นเด็ดขาดนะ ข้าเพิ่มให้หนึ่งตำลึง” จางม่านอวี้พยักหน้ารับเงินมาทั้งหมดสามสิบเอ็ดตำลึงก่อนจะรีบหลบเข้าไปในหอหยกเร้นจันทร์เพื่อ

  • คุณหนูอวี้ข้ามาเก็บดอกท่านแล้ว   บทที่ 38 ทุกอย่างล้วนลวงหลอก

    จางม่านอวี้เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในที่ของตนเอง เพราะไม่อยากออกไปเดินเฉียดใกล้ท่านหญิงหลินรั่วเหวิน แต่ทว่าสายข่าวเคลื่อนที่เร็วของนางก็มารายงานข่าวทุกวัน “พี่อวี้...หมิงไปสืบมาอย่างดีแล้ว ท่านอ๋องส่งสตรีเก้าสิบแปดคนกลับเมืองหลวงจนหมด เหลือเพียงท่านหญิงเพียงคนเดียว ท่านว่าท่านอ๋องมีใจให้ท่านหญิงหรือไม่” ซูหมิงไม่รู้ว่าท่านอ๋องออกไปรบ ส่วนคนที่นั่งเป็นท่านอ๋องอยู่ในตำหนัก และยามออกไปด้านนอกใส่หน้ากากเงินนั้นน่ะตัวปลอม นางไม่รู้ว่าฝ่าบาทกับท่านอ๋องทำได้อย่างที่แปลงโฉมทั้งเปลี่ยนเสียงได้ แต่นางเคยอ่านมาว่าในจีนโบราณทำได้ด้วยการใช้วิชาเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนเสียง แต่เรื่องนี้ก็แพร่งพรายไม่ได้เช่นเดียวกัน “ไม่รู้สิ” จางม่านอวี้จะตอบอะไรได้อีกนอกเสียจากว่าช่วงนี้นางไม่ไปพบท่านอ๋องชั่วคราวก็แล้วกัน ประหนึ่งนางกำลังแง่งอนเขาที่เขารับสตรีอื่นเข้ามาในตำหนัก นอกจากนางที่รู้เรื่องนี้แม้แต่ซูซินเองก็ไม่รับรู้เช่นกัน และซูซินยังเอาแต่ทำหน้าตาเศร้าซึมที่ท่านอ๋องไม่มานอนกับนางหลายวัน คล้ายกับจะหลงท่านหญิงหลิน “คุณหนู...หากท่านอ๋องไม่รักไม่เอ็นดูท่านแล้วไม่สู้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status