จางม่านอวี้ได้เงินมาแล้วขอแลกกับร้านแลกเงินเป็นพวงอีแปะ กับตำลึงก้อนอีกสองก้อนเก็บเอาไว้ จากนั้นนางรอที่ร้านบะหมี่เนื้อกับซูหมิงที่เจ้าเด็กน้อยคนนี้เคยมาแอบนั่งกินที่ลูกค้ากินเหลือแล้วบอกว่าอร่อยมาก วันนี้นางจึงอยากเลี้ยงเจ้าเด็กอ้วนสักชาม
ส่วนซูซินกับคนขับรถม้านางให้ไปซื้อข้าวสารให้พอกินสำหรับสามเดือนก่อน จากนั้นพวกเมล็ดผักและธัญพืช รวมทั้งแม่ไก่อีกสามสิบตัวขังเอาไว้เลี้ยงกินไข่เป็นอาหาร เพราะคนงานที่บ้านยี่สิบคนต้องช่วยกันทำงาน
โชคดีที่อย่างน้อย ๆ พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนขยันขันแข็ง หากเป็นคนสันหลังยาวนางคงกระโดดน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด ทิ้งพวกเขาให้เผชิญชะตากรรมกันเอาเอง
แต่การกินบะหมี่เนื้อนี้ทำให้นางได้ใช้สกิลในการสอดรู้สอดเห็นเพิ่ม...
“คุณชายเฉินดีมากได้ข่าวว่าจัดการพวกปล่อยเงินกู้เถื่อนเสียจนยกครัวออกจากเมืองฉางเหอย้ายไปแคว้นเซี่ยงหยวนด้วยซ้ำ”
‘โอ๊ะ...ทำไมคุณชายเฉินผู้นี้บารมีมากราวกับเป็นเจ้าของเมืองขนาดนี้ล่ะ’
นอกจากสูดเส้นบะหมี่เข้าปาก นายกับบ่าวตัวน้อยอย่างซูหมิงก็มองตากันพลางเงี่ยหูฟังไปด้วย
“ข้าได้ยินว่ากลัวตายไร้ที่ฝัง”
“จริงหรือ?”
“มีข่าวว่าคุณชายเฉินไม่ธรรมดา มีคนที่มีอำนาจมาก ๆ หนุนหลังอยู่”
ชายวัยกลางคนกำลังพูดอย่างออกรส จนกระทั่งเอ่ยถึงคนมีอำนาจ จากนั้นพวกเขาเริ่มเบาเสียง...
“ข้าไม่แน่ใจว่าระหว่างหานอ๋องกับฮ่องเต้ ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง”
คำนี้ทำให้นางตาโตเลยทีเดียว หากมีอำนาจขนาดนั้นไม่แน่ว่านางอาจจะล่วงเกินไม่ได้ไม่พอ นางอาจจะยังต้องตามใจเขาด้วยซ้ำ
‘น่ากลัวอยู่นิด ๆ นะ’
“ข่าวว่าทั้งสองพระองค์เกลียดคนทำผิดคิดชั่วที่สุด หากพูดจาไร้มูลความจริงจะถูกตัดลิ้น หากหักหลังทรยศแคว้นก็บั่นคอทันที บางทีก็ฆ่าคนเป็นผักปลา แต่ทุกคนล้วนทำผิด”
จางม่านอวี้จับคอตัวเองคลำ ๆ นางก็คอเล็กแค่นี้เองเนอะ คงไม่โชคร้ายปานนั้นหรอก
เนื่องจากว่าตอนนี้นางไม่เป็นหนี้ผู้ใดแล้วนอกจากเจ้าหนี้ใบหน้าหล่อที่สุดในเมือง จึงเงยหน้าขึ้นมาสู้ได้เมื่อเก็บข้อมูลคุณชายเฉินจนพอใจแล้ว สองนายบ่าวก็เดินเล่นในตลาดกัน
“ซูหมิงในเมืองนี้หากจะค้าขายหรือทำการค้าอะไรต้องติดต่อผู้ใด”
“พี่อวี้ต้องไปติดต่อทางการ แต่ว่าหากเช่าร้านต้องติดต่อร้านรับแลกเงินตระกูลเฉิน เพราะตึกทั้งตลาดนี้เป็นของคุณชายเฉินจนหมด”
อื้อหือ...รวยสับ! รวยปานนั้นจะใช้เงินยังไงหมดนะ น่าจะเป็นตัวเอกสักคนในนิยายที่คนอื่นสร้างแน่ ๆ
ก่อนที่นางจะสร้างจางม่านอวี้ที่สวยหวานน่ารักขึ้นมา นางก็ไปดูตัวอย่างของคนอื่นทั้งไปอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แต่ตัวประกอบอย่างนางหรือจะได้คู่กับตัวเอก ฝันกลางวันชัด ๆ
“เขามีคู่หมั้นหรือยัง”
“ยังไม่มีข่าวว่าเขามีนะพี่อวี้...ทั้งบ่าวรับใช้สนิทล้วนมีแต่บุรุษ” เจ้าซูหมิงนี่ใช้ได้ นับว่าเป็นคู่หูของนางได้ดี เขารอบรู้เรื่องคนอื่นไม่น้อย ช่างเหมือนกับนิสัยชอบใส่ใจคนในโลกก่อนของนาง
“แต่บางทีเขาอาจจะมีสตรีในใจแล้ว” นางรำพันเสียงแผ่ว นึกถึงใบหน้าของสตรีนางนั้นกับเสียงประหลาดที่คาดเดาไปทางเรื่องดีไม่ได้เลย จนกระทั่งผ่านไปยังหอเริงรมย์ที่เหล่าบุรุษมาหาความสำราญ กับเหล่าสตรีที่มีหน้ามีตามานั่งดื่มกินเพื่อมองสอดส่องบุรุษจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“หอหยกเร้นจันทร์”
“หอนี้รับแค่คนมีเงิน คนอย่างพวกเราเข้าไม่ได้หรอก” เจ้าซูหมิงบอกนาง ทำให้นางพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเข้าใจทันที นางยืนมองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเห็นคนคุ้นเคยที่เพิ่งแยกกันไม่นานเดินมาพร้อมคนสนิทของเขา แต่เมื่อจะเดินเข้าไปเขาพลันหยุดหันหน้ามามองยังนาง ทำให้นางรีบหลบ
ไม่เห็นข้า...ไม่เห็น...ไม่เห็น...ไม่เห็น
นางผินหน้าหลบทำมองชมนกชมไม้ไปเรื่อย ทั้งยังไม่ได้ตั้งใจจะมองเขาหรอกนะ แต่ว่ามันบังเอิญจริง ๆ เขาจะคิดว่านางแอบตามเขามาหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นเขาต้องเข้าใจนางผิดแน่ ๆ
“คุณหนูอวี้...ท่านก็มาหอหยกเร้นจันทร์หรือ”
นั่นปะไร...หลบพ้นที่ไหน...นางใช้วิชาล่องหนไม่ได้สินะ เฮ้อ...ชีวิตติดบั๊กไม่พอยังมาติดเจ้าหนี้คนนี้อีกเหรอ
บางทีพวกเราไม่ควรพบหน้ากันบ่อยนักก็ได้
“เอ่อ...คุณชายอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่เดินดู รอบ ๆ เท่านั้นว่าพอจะมีงานอะไรที่ข้าจะทำเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ท่านได้บ้างเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไป”
เจ้าหนี้คงไม่ปรารถนาให้ลูกหนี้ใช้ชีวิตสุขสบายหรอกกระมัง หาไม่เขาจะไม่ได้รับเงินคืนน่ะสิ ตั้งห้าร้อยตำลึงเชียวนะ
“อ้อ...เจ้าจะมาหางานที่หอนี้?”
ฮะ...นี่นางพูดสิ่งใดให้เขาเข้าใจผิดไปได้ว่านางมาหางานในหอหยกเร้นจันทร์ ที่เหล่าบุรุษรู้ดีว่าสตรีวัยสะพรั่งเช่นนางจะมีงานอะไรได้นอกจากงานคณิกาในหอนี้
“มะ...ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ...ข้าเพียงแค่มาดูร้าน...เอ่อ...ร้านสำหรับเอาไว้ค้าขายในอนาคตเท่านั้น”
นางชี้มั่วซั่วไปยังร้านตรงข้ามกับหอหยกเร้นจันทร์ แต่มันดันเป็นร้านขายยาเพิ่มกำลังบุรุษ เมื่อมองไปยังใบหน้าของคนที่นางพูดด้วยเขากำมือขึ้นปิดปากยิ้มแล้วนางต้องหันมองว่าตัวเองชี้อะไร นางเบิกตากว้างพลันหดนิ้วกลับแทบไม่ทัน
ซวยอะไรอย่างนี้...เขาจะคิดกับนางอย่างไรนะ
“เอ่อ...ไม่ใช่...โน่น...ร้านหนังสือ...ข้าลายมือสวยจะคัดหนังสือมาขายต่างหาก” แต่เมื่อมองเห็นภาพวาดสตรีที่มีแพรบางปิดบนและล่าง กับบนชั้นวางคือนิยายประโลมโลกรู้สึกอยากจะขุดดินตรงหน้าแล้วมุดลงไป
หมดกัน...ชื่อเสียงข้าดูท่าจะป่นปี้ในสายตาเขาแล้วสินะ เดิมก็ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีอยู่แล้ว การจะเป็นสตรีน่ารักอ่อนหวานนี่มันยากสำหรับตัวประกอบหรือไง
“อื้ม...น่าสนใจยิ่งนัก”
เขาไม่เพียงแต่สนใจยังให้คนของตนเองไปเหมาหนังสือมาทุกเล่มแล้วห่อให้นาง ก่อนจะก้มลงมากำชับที่ข้างใบหู
“เจ้าไปอ่านให้ดี...อีกสามวันมาอ่านให้ข้าฟังที่หอหยกเร้นจันทร์แห่งนี้!”
“O.O”
ห๊ะ! จางม่านอวี้ร้องอุทานในใจ กะพริบตาปริบ ๆ มองคนที่โน้มหน้าหล่อเข้ามาใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสบายไปชั่วครู่ จนเกิดอาการชะงักค้าง
ปากที่อ้ากว้างเมื่อรู้ว่าเขาต้องการให้นางทำอะไร พลันหนังสือในมือที่รับไว้หนักอึ้งเสียจริง ทว่าเขากลับไม่ฟังเสียงนางปฏิเสธเดินเข้าหอหยกเร้นจันทร์ไปแล้ว
นี่เขาจะให้นางอ่านเรื่องราวพวกนี้ให้ฟังที่หอเริงรมย์ เขามีรสนิยมแบบไหนกัน ให้นางพากย์แล้วเขาทำตามหรือ
บรึ๋ย...แค่คิดก็หวาดเสียวแล้ว!
คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ชั่วครู่ซูหมิงก็ดึงแขนเสื้อนาง จนนางต้องตั้งสติส่ายหัวไปมา
“พี่ซูซินมากันแล้วรีบกลับกันเถอะพี่อวี้”
เนื่องจากของที่ซื้อมามากมายนัก ทำให้ต้องจ้างเกวียนวัวไปส่งที่บ้านตระกูลจาง หลังจากประชุมรับหน้าที่แต่ละคนเรื่องปลูกผักเลี้ยงไก่แล้วนางให้ขุดบ่อปลาเอาไว้ด้วยเพราะในจวนไม่ห่างจากลำธาร เลี้ยงปลาเอาไว้นอกจากเสริมบารมีแล้ว หากไม่มีอะไรกินยังจับมันมาทำอาหารได้
โชคดีที่พ่อบ้านเก่าแก่ไม่ยอมจากไป เพราะรับใช้ตั้งแต่มารดานางยังอยู่ จึงให้เขาช่วยจัดการงานอื่น ๆ ในบ้านพร้อมทั้งให้พ่อครัวแม่ครัวช่วยกันทำอาหารเลี้ยงทุกคนให้กินอิ่มท้องในวันนี้ ที่สำคัญมีเนื้อสำหรับทุกคน จะได้มีกำลังใจทำงานหลังจากที่ต้องเก็บผักและยอดอ่อนต้นต่าง ๆ กินประทังชีวิตกันมาหลายวัน เพราะหัวมันที่ปลูกเอาไว้ยังไม่ออกให้เก็บกิน
ตกดึกนางอาบน้ำให้สดชื่นก่อนจะใส่ชุดนอนแสนเก่าที่เหลืออยู่จากนั้นเดินไปยังโต๊ะหนังสือ เมื่อนางไล่ซูซินไปนอนห้องข้าง ๆ นางจึงหยิบหนังสือที่เขากว้านซื้อให้นางมาอ่านดู แต่ละประโยคดูหวาดเสียวจริง ๆ
บุรุษหนุ่มผู้กระหายในบุปผาสตรีปลดผ้าคาดเอวออก รูดกางเกงร่วงไปข้างเตียง ประคองความเป็นบุรุษขึ้นชักรูดรั้งขึ้นลง!
อร้าย!!! ทะลึ่ง...ทะลึ่งเกินไปแล้ว...นางรับไม่ได้
(* ̄∇ ̄)
ปากบอกว่ารับไม่ได้แต่ว่านางกวาดตามองทุกตัวอักษรพร้อมกับยกนิ้วกัดปากไปด้วย ทั้งหัวใจที่เต้นตุบลุ้นแบบฉากต่อฉาก
ซี๊ด...ให้ตายเถอะข้าต้องอ่านพวกนี้ให้เขาฟัง จริง ๆ หรือ!