“โอ๊ย! อิคุณที่รัก แล้วมึงไปลากเขามายังไง ก่อนมาเราต้องเข้าไปจ่ายเขาที่ร้านก่อน เขาคิดค่าเสียเวลาเป็นดื่มคูณจำนวนเงินแกต้องจ่ายแล้วค่อยพาเขาออกมาได้โว้ยมึง” เอลซี่โวยเพื่อนสาวแล้วทำท่าถอนหายใจอย่างเอือมระอา
“อ้าว? แล้วกูจะรู้เหรอ ก็พูดตามมึงบอกไงอีเอล พอโอเคก็ลากมาเลยเนี่ย ก็คิดว่าเสร็จงานแล้วเอาไปคืนค่อยจ่ายเป็นชั่วโมงไง แล้วกูก็ดูเวลามาแล้วว่าตอนมาเนี่ย ทุ่มครึ่ง ไม่เกิน 5 ทุ่มกูก็กลับ ก็ 4 ชั่วโมง” หญิงสาวหันไปเถียงเพื่อนกับความคิดของตัวเอง ส่วนทีมที่มองทอยอยู่ถามขึ้นงง ๆ
“พี่บอกว่าเพิ่งมาวันแรก พี่ยังไม่เข้าร้านหรือยังไม่มีคนบอกงานครับ”
“ก็ยังไม่ทำอะไรเลย เพิ่งลงรถน่ะ” ทอยตอบยิ้ม ๆ
“เฮ้อ...กูล่ะเบื่อเพื่อนกูจริงจัง เขาเป็นโฮสต์ค่ะมึง ไม่ใช่พนักงานร้านสะดวกซื้อ มึงจะได้จ่ายเป็นรายชั่วโมงได้” เอลซี่ว่าพลางปรายตามองทอย แล้วแอบสบตาต้นข้าวกับลูกอ้อนเพื่อจะแกล้งเพื่อนสาว ต้นข้าวรีบสะกิดทีมแล้วกระซิบบางอย่างข้างหูก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้วยักคิ้วให้เพื่อนตอนที่แองจี้กับทอยกำลังเผลอ
“แล้วนี่ต้องทำไงต่อ พากลับไปคืนร้าน แล้วกูก็กลับบ้านไปนอนมั้ยล่ะ พรุ่งนี้กูมีประชุมเช้า” หญิงสาวถามขึ้นเหมือนประชด แต่ก็เรื่องจริงว่าพรุ่งนี้เธอมีงานเช้า ซึ่งเธอก็กำลังเครียดอยู่กับการเสนองานคอลเล็กชันใหม่ที่จะเปิดในไตรมาสหน้า เพราะงานนี้แม่ของเธอให้เธอแสดงฝีมืออย่างเต็มที่
“มาก็สายแล้วยังคิดจะกลับก่อนเพื่อนอีกนะ มึงต้องจ่ายเขาก่อนค่ะ นอกร้านแบบนี้ต้องจ่ายค่าเดินทางให้เขาด้วย” ลูกอ้อนว่าพลางปรายมองหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ข้างเพื่อนยิ้ม ๆ
“โอ๊ย! ไปส่งก็จ่ายเองนั่นแหละน่า คนมาเขายังไม่อะไรเลย แล้วเดินทางเนี่ยก็ไม่ได้ไกล แค่เดินมาไม่ได้ขึ้นรถค่ะ” หญิงสาวว่าอย่างไม่ยี่หระเพราะคิดว่าคงไม่ต้องจ่ายมากนัก
“ค่ะก็เดินมาค่ะ แต่ออกนอกร้านมึงต้องจ่ายเขาด้วย...”
เอลซี่ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวประชดเพื่อน“เออ...จ่ายก็จ่ายไง แล้วมันจะเท่าไหร่ว่ามาทีมเป็นแคชเชียร์นี่เราน่ะ” ลากเสียงยาวประชดเพื่อนแล้วหันไปถามน้องรหัสของต้นข้าวที่บอกว่าเป็นแคชเชียร์ของร้านที่ตัวเองไปลากชายหนุ่มเพื่อตัดบท
“ทีม...ปกติที่ร้านคิดยังไงคะหนู” ต้นข้าวหันไปถามน้องรหัสพร้อมกับแอบขยิบตาให้เบา ๆ (ที่เธอเรียกทีมว่าหนู และแฟนเธอปล่อยให้ทีมมาด้วยเพราะรู้ว่านิสัยลึก ๆ ของทีมเป็นยังไง^_^)
“ก็ถ้าเป็นกลาง ๆ ออกมาก็เริ่มที่พันดื่มครับ บวกค่าเดินทางด้วยก็สี่แสนนิด ๆ ครับ” ทีมพูดตามคำสั่งแกล้งเพื่อนของพี่รหัส แต่คนได้ยินนั้น...
“พรู้ด!!” 2 หนุ่มสาวที่นั่งคู่กันถึงกับพ่นเหล้าที่กำลังดื่มออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“จะบ้าเหรอ! แค่พามานั่งกินเหล้าต้องจ่ายเป็นแสน! นี่ยังคิดว่าชั่วโมงละพันก็แพงอยู่นะ” แองจี้ว่าขึ้นเสียงดัง *เชี้ย! อาชีพบ้าอะไรวะเนี่ยนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนจ่ายแพงแบบนี้...*
“เอ่อ...คือผมยังพูดไม่จบครับ พี่เค้ามาใหม่ หุ่น หน้าตาแบบนี้ผมว่าทางร้านต้องจัดขึ้นท็อปแน่ ๆ พี่ต้องจ่ายบวกไปอีกห้าหมื่นครับ” ทีมยังว่าต่อมาอีกประโยค
“จะบ้าไปแล้วใครมันจะกินได้เป็นพันดื่มขนาดนั้นวะคะ น้อง!” แองจี้ว่าสวนขึ้น
“จริง ๆ เขาไม่ต้องกินกันหมดหรอกครับ บางวันแทบไม่ได้กินด้วยซ้ำ แค่นั่งคุยเฉย ๆ พี่ก็ต้องจ่ายเป็นดื่มครับ” ทีมว่ายิ้ม ๆ ซึ่งทอยก็นั่งฟังเงียบ ๆ
“งั้นก็ขาดทุนยับล่ะสิ เดี๋ยวพาไปส่งร้านเลย นั่งเฉย ๆ พูดไม่ถึง 5 ประโยคจะให้มาจ่ายยังไงสี่ห้าแสน” แองจี้ว่าพลางปรายตามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ *มอง ๆ ไปก็ภูมิฐานหรอกน่าจะอายุเยอะกว่าเราด้วย ไม่น่าจะเป็นโฮสต์ด้วย แต่อย่างว่าล่ะนะ คืนนึงได้สี่ห้าแสนขนาดนั้น อาทิตย์นึงทำวันสองวันก็อยู่ได้เป็นเดือนแล้วมั้ยวะ เฮ้อ...ชีวิต กูต้องนั่งทำงานกี่เดือนถึงจะมีโอกาสนั่งคุยกับคนพวกนี้ได้วะ ถึงว่าล่ะผู้หญิงทุกวันนี้ถึงโสดกันเยอะ ก็หล่อ ๆ ค่าตัวแพงแบบนี้นี่ไง* หญิงสาวคิดในใจ
“มองขนาดนี้ด่าผมในใจอยู่หรือเปล่าครับ” ทอยปรายตามองคนข้าง ๆ แล้วว่าขึ้นเหมือนเดาใจออก
“ป๊าว!! แค่กำลังคิดว่ากลางคืนนายมาทำอะไรแบบนี้ กลางวันนายทำอะไร”
“ถ้าจะให้ดื่มเป็นพันดื่มขนาดนั้นก็คงต้องนอนแล้วล่ะ แล้วน่าจะนอนยาวไป 2-3 วันเลยกว่าจะส่าง” ชายหนุ่มตอบขำ ๆ
“แล้วก่อนหน้านี้นายทำอะไร” หญิงสาวหันมาชวนคุย
“ก่อนหน้าก็เรียน...ตอนนี้ก็ถือว่าตกงานอยู่” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยกแก้วตัวเองขึ้นดื่มจนหมด แล้วยกข้อมือดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรูมูลค่าหลายล้านที่ในไทยมีกันไม่ถึง 10 เรือน เอลซี่มองตามอึ้ง ๆ แล้วมองหน้าเพื่อนสาวเป็นคำถาม
*เชี้ย! อกนางฟ้าจะสลาย นาฬิกาลิมิเต็ดฝังเพชรสายทองคำขาว ถ้าของจริงนี่เกือบห้าสิบล้าน ถึงจะของก็อปเกรดเอก็หลายล้านอยู่ดี เทสสูงมากพ่อ ไม่น่าจะใช่โฮสต์ล่ะกูว่า* “ธีมีธุระหรือจ๊ะ” คิดในใจแล้วถามไปยิ้ม ๆ
“อะ อ๋อ...ก็นิดหน่อยครับ นัดเพื่อนว่าจะโทรหา เดี๋ยวผมขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะปรายตามองคนนั่งข้าง ๆ ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอย่างออกรสแล้วยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไป....
..........//..........
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวพ้นประตู เอลซี่รีบขยับมานั่งประกบเพื่อนสาวคนสวยแทนที่ทอยทันที พร้อมกับยิงคำถามคาดคั้นสาวสวยเหมือนจับผิด
“อิรักจันทร์! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าหนุ่มหล่อคนนี้ไปได้แต่ใดมา” เอลซี่มองหน้าถามเพื่อนพร้อมกับจับแขนเอาไว้แน่น
“โอ๊ย! ก็หน้าร้านนั่นไงคะ ทำตามที่มึงบอกทุกอย่างเลย พอเขาพยักหน้าก็ลากมาเลย จะถามย้ำทำไม ไอ้บ้าให้กูทำอะไรก็ไม่รู้น่าอายฉิบหาย” หญิงสาวตอบเพื่อนแล้วถอนหายใจแรง ๆ
“มันใช่หรือวะ ทีมบอกว่าคนนี้ไม่เคยเจอที่ร้านเลยนะ แล้วดูแต่งตัวสิ มือถือรุ่นล่าสุด เสื้อถ้าดูไม่ผิดแบรนด์นอกหลายหมื่นเลยนะคะแล้วนาฬิกาพ่ออีก แค่ของก็อปก็หลายล้านแล้วนะนั่น อย่ามาอำพวกเรานะอิรักจันทร์ บอกมาว่าคนนี้ใคร ใช่ลูกชายเพื่อนรักพ่อมึงที่บอกว่าเป็นคุณหมอเพื่อนพี่เจเดนใช่มั้ย” ต้นข้าวคาดคั้นเพื่อนสีหน้าจริงจังเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เพื่อนบอกเต็มที่
“ไม่ใช่...บอกว่าพามาจากหน้าร้านนั้นจริง ๆ มึงดูค่ะนั่นชุดนักศึกษาเลยนะ คนที่ร้านนั้นจริง ๆ” หญิงสาวยืนยันกับเพื่อนสีหน้าจริงจัง
“แต่เมื่อกี๊เขาดูงง ๆ นะครับพี่ บอกว่าเพิ่งมา ก่อนหน้าก็เรียน คนจบใหม่หางานจะหรูขนาดนั้นเลยหรือครับ ขนาดพวกตัวท็อป ๆ ของร้านยังมีได้ไม่ถึงครึ่งพี่เขานะ” ทีมที่นั่งอยู่ข้างต้นข้าวว่าขึ้น
“พวกแกจะไปคาดคั้นมันให้ได้อะไรขึ้นมากันวะ เอาเป็นว่างานแต่งไอ้ข้าว มึงต้องพานางไปด้วย หล่ออะ เหมาะแก่การควงออกงานเป็นอย่างยิ่ง” ลูกอ้อนตัดบทและดูเหมือนเพื่อนสาวกำลังงงอยู่เลยออกคำสั่งเชิงบังคับพร้อมกับยักคิ้วให้ยิ้ม ๆ
“มึงจะบ้าเหรอ! แค่มานั่งนี่ก็หลายแสนแล้วมั้ย ถ้าจะให้ไปงานแต่งไอ้ข้าวที่ใต้ กูไม่ต้องจ่ายเป็นล้านเลยหรือไง ทั้งค่าเครื่องค่าที่พัก ค่าเสื้อผ้า ค่ากินอีกล่ะ โอ...ไม่เอาค่ะ เปลืองโดยใช่เหตุ กูลากไอ้น้องวนไปดีกว่ามันไปฝึกงานอยู่ใกล้ ๆ เอง” หญิงสาวว่าเหมือนเรื่องที่เพื่อนพูดจะไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด เพราะเธอคิดว่าการไปงานแต่งเพื่อนแล้วต้องจ้างโฮสต์ไปด้วยเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก
“งกว่ะ ตกลงว่าคนนี้ไม่ใช่ลูกเพื่อนพ่อมึงจริง” ลูกอ้อนถามย้ำอีกครั้ง
“เออ...ไม่ใช่สิวะ พี่เค้ายังไม่กลับมาหรอก เห็นคุณพ่อบอกว่าเขาขอต่อเฉพาะทางอีกใบ กลับมาก็รับปริญญาโท 2 ใบ 2 สาขา แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก เรียนหมอน่าจะยาวเลยมั้ง ขนาดแค่ ป.ตรี ยังต้องเรียนตั้ง 6 ปีเลย” หญิงสาวตอบพลางยักไหล่แล้วพากันเปลี่ยนเรื่องคุยถึงงานแต่งเพื่อนที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งชุดแต่งงานของเพื่อนที่เธอเป็นคนออกแบบให้เองโดยเฉพาะ แต่ผู้ถือหุ้นขอให้รวมเป็นคอลเลคชั่นพิเศษออกมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
..........//..........
เออ...เนอะจะใช่พี่ชายได้ยังไง พี่เขายังไม่กลับมาหรอก เนอะรักจันทร์เนอะ...
ฝากเอ็นดูความน่ารักของ พี่หมอทอย ลูกป๊าเทน กับ น้องแองจี้ ลูกสาวพ่อโรม ด้วยนะคะ..
3 เดือนต่อมาอ้วก! อ้าก! แหวะ เสียงโครกครากอยู่ในห้องน้ำตอนเช้า ซึ่งน่าจะเป็นเสียงปลุกประจำสัปดาห์นี้ที่ปลุกคนนอนดึกไม่เว้นวันหยุดทำเอาคนที่พึ่งได้นอนหลังจากที่แก้แบบงานที่จะเสนอลูกค้าเสร็จเกือบตี 2 ต้องขมวดคิ้ว นวดขมับเบา ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งมองประตูห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ลงจากเตียงลงไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกคนข้างใน“พี่ทอย พี่ไหวมั้ยเนี่ยจี้ว่าพี่ไปหาหมอเถอะนะ” ภรรยาคนสวยของคุณหมอบอกสามีอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นว่าช่วงนี้เขากำลังเรียนต่อระดับดอกเตอร์และค่อนข้างเครียดกับงานวิจัยของตัวเองมาซักระยะหนึ่งแล้ว“ที่รักคะ หนูลืมไปแล้วหรือว่าพี่เป็นหมอแล้วพี่ก็มีพี่เมียเป็นหมอ แหวะ!....” เสียงแหบทุ้มดังมาจากในห้องน้ำตามมาด้วยเสียงโก่งคออ้วกอีกรอบ“เข้าใจค่ะว่าพี่เป็นหมอ แต่คุณหมอคะ คุณหมออ้วกปลุกภรรยามาทั้งอาทิตย์แล้วนะคะ รบกวนไปหาหมอเถอะค่ะ หรือจะให้เรียกหมอมาตรวจคุณหมอที่บ้านดีคะ” แองจี้ถามประชดสามีพลางมองบนกับความเป็นหมอแต่ไม่ยอมหาหมอกับอาการผิดปกติของตัวเอง แต่พอคนในบ้านป่วยจะไล่ไปโรงพยาบาลทุกที“หนู อย่
1 ปีต่อมาคฤหาสน์สร้างใหม่หลังใหญ่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ วันนี้ มีพิธีแต่งงานของคู่บ่าวสาว ทายาทคนเดียว ของตระกูลธีรนันธากรและ วรวัฒน์วีรชน ซึ่งนั่นก็คือนายแพทย์ธีรดา ธีรนันธากรคุณหมอสุดหล่ออนาคตไกลของโรงพยาบาลHพ่วงตำแหน่ง ประธานบริษัทส่งออก ทีพีอาร์ ทรานสปอร์ต กับ รักจันทร์ วรวัฒน์วีรชน ประธานฝ่ายบริหารบริษัทรวิแบรนด์ คนปัจจุบัน ลูกสาวคนสวย ของดอกเตอร์รวัชและคุณหญิงจันทร์เจ้าขา ซึ่งก็คืองานแต่งงานของแองจี้กับทอยที่ถูกเลื่อนจัดถึง 2 ครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของฤกษ์แต่งที่พระอาจารย์ชื่อดังกำหนดให้ซึ่งถ้าเลื่อนอีกจะมีฤกษ์แต่อีกทีคือ 5 ปีข้างหน้าซึ่งคุณย่าทั้ง 2 บ้านไม่ยอมเด็ดขาด เลยต้องจัดขึ้นอย่างฉุกละหุกบอกกล่าวเฉพาะเครือญาติและแขกคนสำคัญในเครือธุรกิจเท่านั้นแต่ก็นับรวมได้เป็นร้อยคนจนแทบไม่พอที่จอดรถทั้ง 2 บ้าน ส่วนสาเหตุที่เลื่อนครั้งแรกนั้นเพราะทอยติดงานสำคัญของบริษัทส่งออกที่ดูแลอยู่และเรือนหอสร้างยังไม่เสร็จ ส่วนรอบสอง เพราะแองจี้ติดงานต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่ครั้งนี้คุณย่าทั้ง 2 บ้านไม่ยอมให้ทั้งคู่หาข้ออ้างเลื่อนงานแต่งได้อ
รีสอร์ตอุ่นรัก เชียงใหม่รีสอร์ตครบวงจรขนาดใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวแบบครบครันในวันหยุดยาวแบบนี้ชายหนุ่มพาคนที่เรียกว่าแฟนเดินอ้อมไปทางด้านหลังที่เป็นบ้านพักส่วนตัวของเขาที่ผู้เป็นพ่อสร้างไว้ให้ตั้งแต่ชั้นประถม เพื่อให้เขาได้อยู่อ่านหนังสือเป็นการส่วนตัว ซึ่งแต่เดิมเขาขอให้ท่านทำรั้วรอบขอบชิด เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายหรือส่งเสียงดังแต่ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นไพรเวทโซน นำรั้วออกและมีบ้านพักอีกหลายหลังเพื่อให้เช่าเป็นครอบครัวใหญ่หรือหมู่คณะทามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบของบ้านนี้ และเขาตั้งใจว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะปรับปรุงบ้านนี้ให้เป็นบ้านหนังสือให้คนที่เข้ามาพักได้มีมุมสงบในการอ่านหนังสือ“มันสวยแล้วมันก็เงียบดีมากเลยนะคะ” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ บ้าน“ป๊าสร้างไว้ให้พี่ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วน่ะ เมื่อก่อนมีรั้วด้วยนะ แต่ตอนนี้ทำเป็นไพรเวทโซนเอารั้วออก แต่บ้านนี้ก็ยังเป็นบ้านส่วนตัวพี่อยู่” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ แล้วพากันเดินเข้าในบ้า
หลังทานอาหารเย็นร่วมกันกับครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า หนุ่มสาวทั้ง 2 ได้กราบขอโทษคุณย่าที่ไม่ได้บอกให้ท่านรู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนและบอกเหตุผลก่อนหน้า ซึ่งท่านก็เข้าใจแต่ก็แอบงอนเล็กน้อยที่ทำให้คิดว่าหลานทั้ง 2 จะแยกเป็น 2 ครอบครัว และถ้าทอยมีแฟนเป็นคนอื่นเขาก็จะห่างเหินท่านไป ซึ่งท่านก็รักและเอ็นดูชายหนุ่มอยู่มาก“คราวนี้พร้อมหน้านะ แม่ครับผมจะพูดเรื่องสินสอด” พ่อเลี้ยงอุเทนเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่พยุงแม่เพื่อนมานั่งที่ห้องนั่งเล่น“โห...ไวไปรึเปล่าคะป๊า” ว่าที่เจ้าสาวของงานว่าขึ้นพลางเดินไปเปิดตู้หยิบขวดไวน์ออกมาวางแล้วสั่งให้แม่บ้านหาแก้วมาให้แขก“เออ...มึงด่วนอะไรไอ้เทน เด็กมันเพิ่งกลับมา” คุณศิลาว่าขึ้นพลางมองหน้าเจ้าของบ้านที่ตอนนี้มองหน้าเพื่อนรักนิ่ง ๆ“ไม่ได้หรอก กูด่วน กูอยากมีหลาน” คนใจร้อนโพล่งขึ้นพลางมองหน้าเพื่อน ซึ่งคนเป็นย่าเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หน้าบานขึ้นมาทันที“อันนี้แม่เห็นด้วย แม่ก็อยากอุ้มเหลนเหมือนกัน” คุณย่าว่าขึ้นพลางมองหลานหน้าสาวยิ้ม ๆ แต่คนถูกมองกลับก้มหน้าง
2 สัปดาห์ต่อมาโรงพยาบาล Hหนุ่มหล่อสวมกางเกงยีนส์ เสื้อยืดคอกลมสีขาว รองเท้าผ้าใบธรรมดา เดินยิ้มเข้ามาในแผนกฉุกเฉินก่อนจะสวมกอดหมอหนุ่มเพื่อนรักที่เดินออกมาจากห้องนั้นท่ามกลางสายตางุนงงของพยาบาลและหมอที่เดินผ่านกับชายหล่อคุ้นตาคนนี้ที่หน้าตาคุ้นเคยแต่บุคลิกไม่คุ้นเท่าไหร่“ยิ้มมาเชียวสัตว์ หายเหมือนตายจาก โทรก็ไม่โทรไลน์ก็ไม่อ่าน ป๊ามึงกับอาโรมแทบจะจุดธูปหา” เจเดนว่าให้เพื่อนรักทันทีที่เห็นหน้าแล้วยิ้มที่มุมปากกับภาพนี้ที่เขาไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่ชายหนุ่มกลับไทยเมื่อหลายเดือนก่อน“ก็ให้เวลากับลูกกับเมียหน่อยสิวะนาน ๆ จะมีโอกาสอยู่ด้วยกัน” ชายหนุ่มตอบเพื่อนยิ้ม ๆ แล้วพากันเดินเข้าห้องพักแพทย์ท่ามกลางสายตาของพยาบาลที่อยู่ในนั้น อยากทักแต่ไม่กล้าทักได้แต่ยิ้มให้ 2 หนุ่มแห้ง ๆ“เอ๊า...พี่นุชครับ ทำไมมองหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะ นี่ผมเอง” ชายหนุ่มทักทายพยาบาลหน้าห้องตรวจตัวเองยิ้ม ๆ“เอ่อ...” “ไอ้ทอยไงพี่นุช จำมันไม่ได้เหรอ ไอ้นี่มันไม่มีแฝดหรอก” เจเดนสวนความอึกอักของพยาบาลสาวรุ่นพี่พร้อ
“หนูผอมลงไปเยอะเลยนะ ทำไมไม่ดูแลตัวเองดี ๆ คะ”“ก็จี้ต้องทำงานนี่คะ” หญิงสาวว่าพลางก้มหลบตา *รีบทำรีบกลับไปหาตัวเองนั่นแหละ...*“แต่ถึงจะทำงานหนูก็ต้องแบ่งเวลาพักบ้างไม่ใช่จะทำ 20 ชั่วโมงแบบนั้น”“ก็จี้อยากให้งานมันเสร็จเร็ว ๆ นี่คะ จี้รู้ว่าจี้ผิดที่ตัดสินใจทำอะไรใช้อารมณ์ จี้ไปหาไอ้ข้าวที่ญี่ปุ่นก็โดนพวกมันบ่น บอกว่าจี้เด็กไม่มีเหตุผล จี้เลยไปไหว้พระใกล้ ๆ โรงแรมแล้วโทรหาแพทธิเซียว่าจะมาเริ่มทำงานเลยจะได้กลับไปเคลียร์ที่บ้านเร็ว ๆ ตั้งใจว่ามาทำงานซักอาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ก็น่าจะเสร็จแล้วโทรหาพี่ให้มาเที่ยวด้วยกันมีเวลาให้กันเปิดใจคุยกันเรื่องต่าง ๆ มาก ๆ แต่พอมาถึงมือถือจี้ก็หายที่ญี่ปุ่นแถมงานที่นี่ก็เพิ่งเริ่มโครงสร้างแค่นั้น คนร่วมงานเป็นทีมใหม่หมดเลย แต่จี้รับปากบอสไปแล้วจี้ก็ต้องทำเพราะบอสขอเป็นงานสุดท้าย พี่รู้มั้ยว่าจี้ทรมานแค่ไหนที่ติดต่อพี่ไม่ได้ รหัสไอจีจี้ก็จำไม่ได้ ไลน์จี้ก็ไม่ได้ดูไอดี จี้กลัวแค่ไหนรู้หรือเปล่าว่ากลับไปพี่จะมีคนอื่น อยากไปสารภาพกับพ่อแม่ว่าแฟนของจี้คือพี่ ที่บอกว่าเพิ่งเคยเห็นหน้าเพราะจี้น้