Toy part
ทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากห้องของงานปาร์ตี้สละโสด ชายหนุ่มมองหน้าพนักงานที่ยืนอยู่หน้าห้องยิ้ม ๆ แล้วเปิดประตูเข้าห้องติดกันทันที
“มาแล้วเว้ย พระเอกของงาน ไปทำอะไรมาวะ ไอ้เจมันรอจนงอนจะกลับไปนอนแล้วเนี่ย” คริสว่าพลางลุกขึ้นอ้าแขนกอดเพื่อนรักแล้วตบบ่าทักทายเบา ๆ
“ยิ้มมาเลยนะครับไอ้หมอ พวกกูนัดเลี้ยงต้อนรับมึงนะครับ เมื่อกี๊มึงอยู่ในร้านนี้ใช่มั้ย” เจเดนว่าพลางยื่นแก้วให้เพื่อนรัก
“เออ...รู้ไงครับ กูถึงได้มานี่ไง” ชายหนุ่มพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวรับแก้วจากเจเดนมาจิบ
“ยิ้มมีพิรุธนะไอ้นี่แล้วมึงไปไหนมา” เจเดนถามเพื่อนอย่างรู้ทัน
“แถว ๆ นี้แหละ”
“แล้วจะไปต่อหรือจะอยู่กับพวกกูต่อ?”
“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มถามเพื่อนแล้วยิ้มจนตาหยีซึ่งอาการนี้เพื่อนรักอย่างเจเดนรู้ดีว่าเพื่อนจะทำอะไรต่อไป
“หึ! มึงเชื่อกูหรือยังไอ้คริสว่าหนอนหนังสือในตำนานมันตายห่าไปหลายปีแล้วเว้ย ตอนนี้มันกลายเป็นศิษย์เอกของพี่จาไปเรียบร้อยแล้ว” เจเดนหันไปตอบเพื่อนรักพร้อมกับยกแก้วขึ้นกระดก แล้วยื่นให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชงใหม่
“อย่าพูดแบบนั้นสิวะ นาน ๆ ครั้ง ผ่อนคลายนิด ๆ หน่อย ๆ ตามประสา แล้วนี่พี่จาไม่มาด้วยล่ะ” ทอยว่าพรางถามหาพี่ชายเพื่อนรักที่สนิทสนมกันดี
“มึงอย่าได้ถามหา ท่านรองจาติรัชกับพวก เข้าป่าได้ 3 วันแล้วครับ ครั้งนี้เห็นบอกว่าจะไปแถวกาญจน์แล้วข้ามฝั่ง กูว่าอีกหน่อยอาโรมคงไล่ออกแล้วเรียกเด็กทุนที่แกส่งเรียนมาทำแทนมันซักคนน่ะแหละ ตีสเกิ๊น ไอ้ฉิบหาย วัน ๆ คิดแต่จะไปป่า อีกซักปี 2 ปี กูว่าคงได้ชะนีมาทำเมียซักตัวนั่นแหละ” เจเดนพูดถึงพี่ชายตัวเองขำ ๆ จากัวร์หรือจาติรัช พี่ชายเขาชอบธรรมชาติการผจญภัยในป่ามากและชื่นชอบการถ่ายภาพสัตว์ถึงขั้นถ่ายส่งเข้าประกวดได้รางวัลระดับชาติมาแล้วมากมาย ซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจว่าการนั่งนิ่ง ๆ เพื่อรอสัตว์ตัวเดียวเป็นวัน ๆ พี่เขาเรียกว่าความสุขได้ยังไง
“รักใครรักมันมั้ยวะ แล้วนี่มึงจะเริ่มงานเดือนหน้าเลย?” คริสถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อน คริสเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ยังติดต่อกันอยู่ เขาเรียนเก่งมากสอบติดแพทย์รุ่นเดียวกันแต่ที่บ้านล้มละลายเขาเลยไม่ได้เรียนต่อ แต่ด้วยความขยันและการช่วยเหลือของเพื่อนรักอย่างเจเดนกับทอย ทำให้เขามีผับเป็นตัวเองในวันนี้ (อดีตเป็นหนอนหนังสือมาด้วยกัน)
“อือ...ว่าจะกลับเชียงใหม่ซะหน่อยว่ะ ไม่ได้กลับนานย่ากูจะลืมหน้าไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบเพื่อนแล้วมองมือเรียวที่ลูบต้นแขนตัวเองนิ่ง ๆ ซึ่งอาการแบบนี้เพื่อนสนิทรู้ดีว่าเขาเริ่มไม่โอเค
“อ่อ...แล้วนี่มึงกลับมายาวเลยมั้ย” คริสพยักหน้าพร้อมกับถามในประโยคเดียวกัน
“คิดว่าอย่างน้อยใช้ทุนมหาลัยจบแหละถึงจะไปต่อ ดอกเตอร์อีกใบ กูคุยกับทางมหาลัยแล้วใช้ทุนก็น่าจะ 3-4 ปี แต่ต้องดูอีกที บางทีก็จะต่อที่ไทยนี่แหละ แม่กูก็อยากให้กลับยาว ป๊ากูก็เริ่มบ่น ๆ ว่าไม่มีคนช่วยงาน ไม่แน่ถ้าใช้ทุนมหาลัยเสร็จอาจต้องย้ายไปเชียงใหม่จะได้ไปใช้ทุนป๊ากับแม่ต่อ แค่พูดนี่ก็เหนื่อยแล้ว” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วแล้ววางลงที่โต๊ะ
“เออ...แค่ฟังกูก็เหนื่อย เออ...เห็นแม่บอกว่าวันมะรืน พวกอาโรมนัดกินข้าวกัน ป๊ามึงจะมาออฟฟิศ อามาร์คกับอาศิลาก็จะมาด้วยบอกว่าจะเลี้ยงต้อนรับมึงนี่” เจเดนพูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้
“อืม...แม่โทรมาแล้ว บอกว่าจะได้รู้จักกับน้อง ๆ ด้วย เห็นบอกว่าน้อง ๆ เขารู้จักสนิทกันหมด มีแต่กูนี่แหละที่ไม่เคยเจอน้อง ๆ เลย ต่อไปกูต้องอยู่กรุงเทพอีกยาว รู้จักกันไว้มันก็ดี” ชายหนุ่มว่าตามที่ได้คุยกับแม่ให้เพื่อนฟัง เพราะถึงครอบครัวของเขากับเพื่อน ๆ ของป๊าจะสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยพวกท่านเรียนมัธยมและมีลูก ๆ ก็พามารู้จักกันเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แต่ด้วยความที่เขาเกิดก่อนพวกน้อง ๆ วัยที่ห่างกันเลยไม่รู้จะเริ่มสนทนาแบบไหน และมุ่งมั่นที่จะอ่านหนังสือมากเกินไป ทำให้เวลาที่นัดรวมตัวพ่อ ๆ กับครอบครัว ทอยจะเป็นคนเดียวที่ขอไม่มา ด้วยความคิดตอนนั้นคือเสียเวลา จนเริ่มโตเมื่อเขามาเรียนที่กรุงเทพ เขาก็เข้าโรงเรียนประจำชายล้วนและถ้ากลับบ้านเสาร์อาทิตย์เขาก็อยู่แต่ในห้องหนังสือไม่ออกเที่ยวเตร่เหมือนเด็กทั่วไป ทำให้เขาไม่รู้จักน้อง ๆ ลูกเพื่อนพ่อเลยซักคน และตอนนี้เขาคิดว่าต่างคนต่างโตพอที่จะทำความรู้จักกันไว้มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้เหมือนรุ่นพ่อแม่
“น้อง ๆ คงได้เจอแต่น้ำหนึ่งลูกอามาร์คกับน้องซีลูกอาศิลานั่นแหละ ไอ้น้ำวนพ่อมันให้ไปฝึกงานที่ภูเก็ต ส่วนไอ้แฝดนรกซันแซนดของอาศิลาคนนึงไปอังกฤษอีกคนไปสิงคโปร์ อยู่ไทยรวมกันบรรลัยฉิบหาย มึงถามไอ้คริสดิ ไอ้ 3 ตัวบาทพวกนี้มาทีไรร้านแทบแตก ส่วนแองจี้น้องกูก็ไม่น่าจะได้มา” เจเดนว่าถึงน้อง ๆ ที่ทอยว่าถึง ซึ่งตอนนี้รุ่นน้องก็โตขึ้นมาก โดยเฉพาะชื่อคุ้นหูชื่อสุดท้ายที่แม่เขาพูดถึงบ่อย ๆ ว่าไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่อิตาลีหลายปีและถูกบริษัทใหญ่ที่นั่นซื้อตัวไว้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ เขาไม่รู้ว่าแองจี้กลับไทยมาแล้ว และไม่ได้ซื้อของฝากมาให้เธอเหมือนที่ซื้อมาฝากน้อง ๆ ทุกคนที่เจเดนกล่าวถึง
“แองจี้? ที่แม่กูบอกว่าน้องไปเรียนที่อิตาลีตั้งแต่จบเกรด 12 นั่นน่ะนะ กลับไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ทอยถามขึ้นแล้วตวัดตามองสาวสวยที่แอบหอมแก้มตัวเองอย่างไม่พอใจ ถึงเขาจะเป็นคนที่ดูเป็นมิตรได้ง่าย ยิ้มแย้ม แต่เรื่องถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้เขาไม่โอเคเอามาก ๆ “รักษามารยาทด้วย อย่าให้ผมต้องไม่สุภาพ ไอ้คริสมึงอบรมพนักงานด้วยนะอย่าให้มาทำแบบนี้กับแขก กูไม่ชอบ” เสียงนิ่งปนดุของเขาดังขึ้นพร้อมกับดึงแขนตัวเองออกจากเธอแล้วดึงทิชชูมาหน้าเช็ดตัวเองตรงที่หญิงสาวหอมเมื่อครู่ทันที ซึ่งการกระทำของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าม้านไปทันที
“มาได้เกือบปีแล้ว อาโรมกับอาเจ้าไปขอร้องให้กลับมาช่วยที่บ้าน ทางบริษัทเดิมก็ไม่ได้อยากให้มานักหรอก แต่ทำไงได้ล่ะวะช่วงนี้ย่ากูกับยาย แม่อาเจ้าก็ป่วยพร้อมกัน อาเจ้าเลยอยากวางมือให้มันดูแล ตอนนี้มันเป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์อยู่” เจเดนตอบพร้อมกับถอนหายใจ
“อ้าว? แล้วทำไมให้เป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์ล่ะ แบบนี้อาเจ้าก็ยังทำงานอยู่น่ะสิ” ทอยถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ก็น้องมันจบแฟชั่นดีไซน์มา แล้วทีแรกอาโรมบอกให้ขึ้นบริหารเลย แต่มันกลัวว่าหุ้นส่วนจะไม่เชื่อถือ พนักงานเก่าแก่จะไม่ยอมรับเพราะมันอายุยังน้อยแล้วไม่ได้จบบริหารมาโดยตรงไง มันเลยอยากพิสูจน์ตัวเองจากตำแหน่งเล็ก ๆ ไปก่อน แล้วเรียนเพิ่มเติมกับอาโรม” เจเดนว่าพลางถอนหายใจกับความคิดของน้องสาวคนเล็กของบ้าน
“แล้วแบบนี้มะรืนน้องจะมามั้ย กูไม่รู้ว่าน้องกลับไทยแล้วเลยไม่มีอะไรมาฝากน้องเลย” ทอยถามเพื่อนพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“กูว่าไม่ว่ะ พรุ่งนี้จะมีประชุมเรื่องคอลเลคชันใหม่ไตรมาสหน้า อาเจ้าให้มันเป็นแม่งานในฐานะหัวหน้าแผนกดีไซน์ ประชุมเสร็จก็น่าจะไปต่างจังหวัดเลย อาเจ้าใช้ให้ไปดูบ้านที่ต่างจังหวัดช่วยตายาย วันศุกร์นู่นแหละถึงจะกลับแล้วไปงานแต่งเพื่อน” เจเดนตอบเพื่อนถึงหน้าที่ของน้องที่ต้องไปดูแลตากับยายที่ต่างจังหวัดแทนแม่ถ้าอาทิตย์ไหนท่านติดธุระ เพราะปีนี้ตาของเธออายุเกือบ 80 แล้วถึงจะร่างกายยังแข็งแรง แต่คนแก่ก็ห่างตาไม่ได้ ถึงจะมีลูกศิษย์ลูกหามาทำค่ายมวยแทนท่านช่วยดูแลแต่ก็ยังไม่อุ่นใจเท่าลูกหลาน
“อืม...” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่ถูกสาวสวยที่นั่งข้าง ๆ คว้าแขนเอาไว้พร้อมกับยิ้มยั่วยวนอย่างเปิดเผย
“รีบหรือครับ” ...
ไม่ถือตัวนะคะ ก็แค่ไม่ชอบใครลูบ ไม่ใช่คนสะอาดแต่เช็ดทันที คุณพี่เขาเป็นหมอจริง ๆ นะ...
3 เดือนต่อมาอ้วก! อ้าก! แหวะ เสียงโครกครากอยู่ในห้องน้ำตอนเช้า ซึ่งน่าจะเป็นเสียงปลุกประจำสัปดาห์นี้ที่ปลุกคนนอนดึกไม่เว้นวันหยุดทำเอาคนที่พึ่งได้นอนหลังจากที่แก้แบบงานที่จะเสนอลูกค้าเสร็จเกือบตี 2 ต้องขมวดคิ้ว นวดขมับเบา ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งมองประตูห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ลงจากเตียงลงไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกคนข้างใน“พี่ทอย พี่ไหวมั้ยเนี่ยจี้ว่าพี่ไปหาหมอเถอะนะ” ภรรยาคนสวยของคุณหมอบอกสามีอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นว่าช่วงนี้เขากำลังเรียนต่อระดับดอกเตอร์และค่อนข้างเครียดกับงานวิจัยของตัวเองมาซักระยะหนึ่งแล้ว“ที่รักคะ หนูลืมไปแล้วหรือว่าพี่เป็นหมอแล้วพี่ก็มีพี่เมียเป็นหมอ แหวะ!....” เสียงแหบทุ้มดังมาจากในห้องน้ำตามมาด้วยเสียงโก่งคออ้วกอีกรอบ“เข้าใจค่ะว่าพี่เป็นหมอ แต่คุณหมอคะ คุณหมออ้วกปลุกภรรยามาทั้งอาทิตย์แล้วนะคะ รบกวนไปหาหมอเถอะค่ะ หรือจะให้เรียกหมอมาตรวจคุณหมอที่บ้านดีคะ” แองจี้ถามประชดสามีพลางมองบนกับความเป็นหมอแต่ไม่ยอมหาหมอกับอาการผิดปกติของตัวเอง แต่พอคนในบ้านป่วยจะไล่ไปโรงพยาบาลทุกที“หนู อย่
1 ปีต่อมาคฤหาสน์สร้างใหม่หลังใหญ่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ วันนี้ มีพิธีแต่งงานของคู่บ่าวสาว ทายาทคนเดียว ของตระกูลธีรนันธากรและ วรวัฒน์วีรชน ซึ่งนั่นก็คือนายแพทย์ธีรดา ธีรนันธากรคุณหมอสุดหล่ออนาคตไกลของโรงพยาบาลHพ่วงตำแหน่ง ประธานบริษัทส่งออก ทีพีอาร์ ทรานสปอร์ต กับ รักจันทร์ วรวัฒน์วีรชน ประธานฝ่ายบริหารบริษัทรวิแบรนด์ คนปัจจุบัน ลูกสาวคนสวย ของดอกเตอร์รวัชและคุณหญิงจันทร์เจ้าขา ซึ่งก็คืองานแต่งงานของแองจี้กับทอยที่ถูกเลื่อนจัดถึง 2 ครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของฤกษ์แต่งที่พระอาจารย์ชื่อดังกำหนดให้ซึ่งถ้าเลื่อนอีกจะมีฤกษ์แต่อีกทีคือ 5 ปีข้างหน้าซึ่งคุณย่าทั้ง 2 บ้านไม่ยอมเด็ดขาด เลยต้องจัดขึ้นอย่างฉุกละหุกบอกกล่าวเฉพาะเครือญาติและแขกคนสำคัญในเครือธุรกิจเท่านั้นแต่ก็นับรวมได้เป็นร้อยคนจนแทบไม่พอที่จอดรถทั้ง 2 บ้าน ส่วนสาเหตุที่เลื่อนครั้งแรกนั้นเพราะทอยติดงานสำคัญของบริษัทส่งออกที่ดูแลอยู่และเรือนหอสร้างยังไม่เสร็จ ส่วนรอบสอง เพราะแองจี้ติดงานต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่ครั้งนี้คุณย่าทั้ง 2 บ้านไม่ยอมให้ทั้งคู่หาข้ออ้างเลื่อนงานแต่งได้อ
รีสอร์ตอุ่นรัก เชียงใหม่รีสอร์ตครบวงจรขนาดใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวแบบครบครันในวันหยุดยาวแบบนี้ชายหนุ่มพาคนที่เรียกว่าแฟนเดินอ้อมไปทางด้านหลังที่เป็นบ้านพักส่วนตัวของเขาที่ผู้เป็นพ่อสร้างไว้ให้ตั้งแต่ชั้นประถม เพื่อให้เขาได้อยู่อ่านหนังสือเป็นการส่วนตัว ซึ่งแต่เดิมเขาขอให้ท่านทำรั้วรอบขอบชิด เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายหรือส่งเสียงดังแต่ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นไพรเวทโซน นำรั้วออกและมีบ้านพักอีกหลายหลังเพื่อให้เช่าเป็นครอบครัวใหญ่หรือหมู่คณะทามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบของบ้านนี้ และเขาตั้งใจว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะปรับปรุงบ้านนี้ให้เป็นบ้านหนังสือให้คนที่เข้ามาพักได้มีมุมสงบในการอ่านหนังสือ“มันสวยแล้วมันก็เงียบดีมากเลยนะคะ” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ บ้าน“ป๊าสร้างไว้ให้พี่ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วน่ะ เมื่อก่อนมีรั้วด้วยนะ แต่ตอนนี้ทำเป็นไพรเวทโซนเอารั้วออก แต่บ้านนี้ก็ยังเป็นบ้านส่วนตัวพี่อยู่” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ แล้วพากันเดินเข้าในบ้า
หลังทานอาหารเย็นร่วมกันกับครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า หนุ่มสาวทั้ง 2 ได้กราบขอโทษคุณย่าที่ไม่ได้บอกให้ท่านรู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนและบอกเหตุผลก่อนหน้า ซึ่งท่านก็เข้าใจแต่ก็แอบงอนเล็กน้อยที่ทำให้คิดว่าหลานทั้ง 2 จะแยกเป็น 2 ครอบครัว และถ้าทอยมีแฟนเป็นคนอื่นเขาก็จะห่างเหินท่านไป ซึ่งท่านก็รักและเอ็นดูชายหนุ่มอยู่มาก“คราวนี้พร้อมหน้านะ แม่ครับผมจะพูดเรื่องสินสอด” พ่อเลี้ยงอุเทนเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่พยุงแม่เพื่อนมานั่งที่ห้องนั่งเล่น“โห...ไวไปรึเปล่าคะป๊า” ว่าที่เจ้าสาวของงานว่าขึ้นพลางเดินไปเปิดตู้หยิบขวดไวน์ออกมาวางแล้วสั่งให้แม่บ้านหาแก้วมาให้แขก“เออ...มึงด่วนอะไรไอ้เทน เด็กมันเพิ่งกลับมา” คุณศิลาว่าขึ้นพลางมองหน้าเจ้าของบ้านที่ตอนนี้มองหน้าเพื่อนรักนิ่ง ๆ“ไม่ได้หรอก กูด่วน กูอยากมีหลาน” คนใจร้อนโพล่งขึ้นพลางมองหน้าเพื่อน ซึ่งคนเป็นย่าเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หน้าบานขึ้นมาทันที“อันนี้แม่เห็นด้วย แม่ก็อยากอุ้มเหลนเหมือนกัน” คุณย่าว่าขึ้นพลางมองหลานหน้าสาวยิ้ม ๆ แต่คนถูกมองกลับก้มหน้าง
2 สัปดาห์ต่อมาโรงพยาบาล Hหนุ่มหล่อสวมกางเกงยีนส์ เสื้อยืดคอกลมสีขาว รองเท้าผ้าใบธรรมดา เดินยิ้มเข้ามาในแผนกฉุกเฉินก่อนจะสวมกอดหมอหนุ่มเพื่อนรักที่เดินออกมาจากห้องนั้นท่ามกลางสายตางุนงงของพยาบาลและหมอที่เดินผ่านกับชายหล่อคุ้นตาคนนี้ที่หน้าตาคุ้นเคยแต่บุคลิกไม่คุ้นเท่าไหร่“ยิ้มมาเชียวสัตว์ หายเหมือนตายจาก โทรก็ไม่โทรไลน์ก็ไม่อ่าน ป๊ามึงกับอาโรมแทบจะจุดธูปหา” เจเดนว่าให้เพื่อนรักทันทีที่เห็นหน้าแล้วยิ้มที่มุมปากกับภาพนี้ที่เขาไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่ชายหนุ่มกลับไทยเมื่อหลายเดือนก่อน“ก็ให้เวลากับลูกกับเมียหน่อยสิวะนาน ๆ จะมีโอกาสอยู่ด้วยกัน” ชายหนุ่มตอบเพื่อนยิ้ม ๆ แล้วพากันเดินเข้าห้องพักแพทย์ท่ามกลางสายตาของพยาบาลที่อยู่ในนั้น อยากทักแต่ไม่กล้าทักได้แต่ยิ้มให้ 2 หนุ่มแห้ง ๆ“เอ๊า...พี่นุชครับ ทำไมมองหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะ นี่ผมเอง” ชายหนุ่มทักทายพยาบาลหน้าห้องตรวจตัวเองยิ้ม ๆ“เอ่อ...” “ไอ้ทอยไงพี่นุช จำมันไม่ได้เหรอ ไอ้นี่มันไม่มีแฝดหรอก” เจเดนสวนความอึกอักของพยาบาลสาวรุ่นพี่พร้อ
“หนูผอมลงไปเยอะเลยนะ ทำไมไม่ดูแลตัวเองดี ๆ คะ”“ก็จี้ต้องทำงานนี่คะ” หญิงสาวว่าพลางก้มหลบตา *รีบทำรีบกลับไปหาตัวเองนั่นแหละ...*“แต่ถึงจะทำงานหนูก็ต้องแบ่งเวลาพักบ้างไม่ใช่จะทำ 20 ชั่วโมงแบบนั้น”“ก็จี้อยากให้งานมันเสร็จเร็ว ๆ นี่คะ จี้รู้ว่าจี้ผิดที่ตัดสินใจทำอะไรใช้อารมณ์ จี้ไปหาไอ้ข้าวที่ญี่ปุ่นก็โดนพวกมันบ่น บอกว่าจี้เด็กไม่มีเหตุผล จี้เลยไปไหว้พระใกล้ ๆ โรงแรมแล้วโทรหาแพทธิเซียว่าจะมาเริ่มทำงานเลยจะได้กลับไปเคลียร์ที่บ้านเร็ว ๆ ตั้งใจว่ามาทำงานซักอาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ก็น่าจะเสร็จแล้วโทรหาพี่ให้มาเที่ยวด้วยกันมีเวลาให้กันเปิดใจคุยกันเรื่องต่าง ๆ มาก ๆ แต่พอมาถึงมือถือจี้ก็หายที่ญี่ปุ่นแถมงานที่นี่ก็เพิ่งเริ่มโครงสร้างแค่นั้น คนร่วมงานเป็นทีมใหม่หมดเลย แต่จี้รับปากบอสไปแล้วจี้ก็ต้องทำเพราะบอสขอเป็นงานสุดท้าย พี่รู้มั้ยว่าจี้ทรมานแค่ไหนที่ติดต่อพี่ไม่ได้ รหัสไอจีจี้ก็จำไม่ได้ ไลน์จี้ก็ไม่ได้ดูไอดี จี้กลัวแค่ไหนรู้หรือเปล่าว่ากลับไปพี่จะมีคนอื่น อยากไปสารภาพกับพ่อแม่ว่าแฟนของจี้คือพี่ ที่บอกว่าเพิ่งเคยเห็นหน้าเพราะจี้น้