Toy part
ทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากห้องของงานปาร์ตี้สละโสด ชายหนุ่มมองหน้าพนักงานที่ยืนอยู่หน้าห้องยิ้ม ๆ แล้วเปิดประตูเข้าห้องติดกันทันที
“มาแล้วเว้ย พระเอกของงาน ไปทำอะไรมาวะ ไอ้เจมันรอจนงอนจะกลับไปนอนแล้วเนี่ย” คริสว่าพลางลุกขึ้นอ้าแขนกอดเพื่อนรักแล้วตบบ่าทักทายเบา ๆ
“ยิ้มมาเลยนะครับไอ้หมอ พวกกูนัดเลี้ยงต้อนรับมึงนะครับ เมื่อกี๊มึงอยู่ในร้านนี้ใช่มั้ย” เจเดนว่าพลางยื่นแก้วให้เพื่อนรัก
“เออ...รู้ไงครับ กูถึงได้มานี่ไง” ชายหนุ่มพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวรับแก้วจากเจเดนมาจิบ
“ยิ้มมีพิรุธนะไอ้นี่แล้วมึงไปไหนมา” เจเดนถามเพื่อนอย่างรู้ทัน
“แถว ๆ นี้แหละ”
“แล้วจะไปต่อหรือจะอยู่กับพวกกูต่อ?”
“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มถามเพื่อนแล้วยิ้มจนตาหยีซึ่งอาการนี้เพื่อนรักอย่างเจเดนรู้ดีว่าเพื่อนจะทำอะไรต่อไป
“หึ! มึงเชื่อกูหรือยังไอ้คริสว่าหนอนหนังสือในตำนานมันตายห่าไปหลายปีแล้วเว้ย ตอนนี้มันกลายเป็นศิษย์เอกของพี่จาไปเรียบร้อยแล้ว” เจเดนหันไปตอบเพื่อนรักพร้อมกับยกแก้วขึ้นกระดก แล้วยื่นให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชงใหม่
“อย่าพูดแบบนั้นสิวะ นาน ๆ ครั้ง ผ่อนคลายนิด ๆ หน่อย ๆ ตามประสา แล้วนี่พี่จาไม่มาด้วยล่ะ” ทอยว่าพรางถามหาพี่ชายเพื่อนรักที่สนิทสนมกันดี
“มึงอย่าได้ถามหา ท่านรองจาติรัชกับพวก เข้าป่าได้ 3 วันแล้วครับ ครั้งนี้เห็นบอกว่าจะไปแถวกาญจน์แล้วข้ามฝั่ง กูว่าอีกหน่อยอาโรมคงไล่ออกแล้วเรียกเด็กทุนที่แกส่งเรียนมาทำแทนมันซักคนน่ะแหละ ตีสเกิ๊น ไอ้ฉิบหาย วัน ๆ คิดแต่จะไปป่า อีกซักปี 2 ปี กูว่าคงได้ชะนีมาทำเมียซักตัวนั่นแหละ” เจเดนพูดถึงพี่ชายตัวเองขำ ๆ จากัวร์หรือจาติรัช พี่ชายเขาชอบธรรมชาติการผจญภัยในป่ามากและชื่นชอบการถ่ายภาพสัตว์ถึงขั้นถ่ายส่งเข้าประกวดได้รางวัลระดับชาติมาแล้วมากมาย ซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจว่าการนั่งนิ่ง ๆ เพื่อรอสัตว์ตัวเดียวเป็นวัน ๆ พี่เขาเรียกว่าความสุขได้ยังไง
“รักใครรักมันมั้ยวะ แล้วนี่มึงจะเริ่มงานเดือนหน้าเลย?” คริสถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อน คริสเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ยังติดต่อกันอยู่ เขาเรียนเก่งมากสอบติดแพทย์รุ่นเดียวกันแต่ที่บ้านล้มละลายเขาเลยไม่ได้เรียนต่อ แต่ด้วยความขยันและการช่วยเหลือของเพื่อนรักอย่างเจเดนกับทอย ทำให้เขามีผับเป็นตัวเองในวันนี้ (อดีตเป็นหนอนหนังสือมาด้วยกัน)
“อือ...ว่าจะกลับเชียงใหม่ซะหน่อยว่ะ ไม่ได้กลับนานย่ากูจะลืมหน้าไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบเพื่อนแล้วมองมือเรียวที่ลูบต้นแขนตัวเองนิ่ง ๆ ซึ่งอาการแบบนี้เพื่อนสนิทรู้ดีว่าเขาเริ่มไม่โอเค
“อ่อ...แล้วนี่มึงกลับมายาวเลยมั้ย” คริสพยักหน้าพร้อมกับถามในประโยคเดียวกัน
“คิดว่าอย่างน้อยใช้ทุนมหาลัยจบแหละถึงจะไปต่อ ดอกเตอร์อีกใบ กูคุยกับทางมหาลัยแล้วใช้ทุนก็น่าจะ 3-4 ปี แต่ต้องดูอีกที บางทีก็จะต่อที่ไทยนี่แหละ แม่กูก็อยากให้กลับยาว ป๊ากูก็เริ่มบ่น ๆ ว่าไม่มีคนช่วยงาน ไม่แน่ถ้าใช้ทุนมหาลัยเสร็จอาจต้องย้ายไปเชียงใหม่จะได้ไปใช้ทุนป๊ากับแม่ต่อ แค่พูดนี่ก็เหนื่อยแล้ว” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วแล้ววางลงที่โต๊ะ
“เออ...แค่ฟังกูก็เหนื่อย เออ...เห็นแม่บอกว่าวันมะรืน พวกอาโรมนัดกินข้าวกัน ป๊ามึงจะมาออฟฟิศ อามาร์คกับอาศิลาก็จะมาด้วยบอกว่าจะเลี้ยงต้อนรับมึงนี่” เจเดนพูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้
“อืม...แม่โทรมาแล้ว บอกว่าจะได้รู้จักกับน้อง ๆ ด้วย เห็นบอกว่าน้อง ๆ เขารู้จักสนิทกันหมด มีแต่กูนี่แหละที่ไม่เคยเจอน้อง ๆ เลย ต่อไปกูต้องอยู่กรุงเทพอีกยาว รู้จักกันไว้มันก็ดี” ชายหนุ่มว่าตามที่ได้คุยกับแม่ให้เพื่อนฟัง เพราะถึงครอบครัวของเขากับเพื่อน ๆ ของป๊าจะสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยพวกท่านเรียนมัธยมและมีลูก ๆ ก็พามารู้จักกันเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แต่ด้วยความที่เขาเกิดก่อนพวกน้อง ๆ วัยที่ห่างกันเลยไม่รู้จะเริ่มสนทนาแบบไหน และมุ่งมั่นที่จะอ่านหนังสือมากเกินไป ทำให้เวลาที่นัดรวมตัวพ่อ ๆ กับครอบครัว ทอยจะเป็นคนเดียวที่ขอไม่มา ด้วยความคิดตอนนั้นคือเสียเวลา จนเริ่มโตเมื่อเขามาเรียนที่กรุงเทพ เขาก็เข้าโรงเรียนประจำชายล้วนและถ้ากลับบ้านเสาร์อาทิตย์เขาก็อยู่แต่ในห้องหนังสือไม่ออกเที่ยวเตร่เหมือนเด็กทั่วไป ทำให้เขาไม่รู้จักน้อง ๆ ลูกเพื่อนพ่อเลยซักคน และตอนนี้เขาคิดว่าต่างคนต่างโตพอที่จะทำความรู้จักกันไว้มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้เหมือนรุ่นพ่อแม่
“น้อง ๆ คงได้เจอแต่น้ำหนึ่งลูกอามาร์คกับน้องซีลูกอาศิลานั่นแหละ ไอ้น้ำวนพ่อมันให้ไปฝึกงานที่ภูเก็ต ส่วนไอ้แฝดนรกซันแซนดของอาศิลาคนนึงไปอังกฤษอีกคนไปสิงคโปร์ อยู่ไทยรวมกันบรรลัยฉิบหาย มึงถามไอ้คริสดิ ไอ้ 3 ตัวบาทพวกนี้มาทีไรร้านแทบแตก ส่วนแองจี้น้องกูก็ไม่น่าจะได้มา” เจเดนว่าถึงน้อง ๆ ที่ทอยว่าถึง ซึ่งตอนนี้รุ่นน้องก็โตขึ้นมาก โดยเฉพาะชื่อคุ้นหูชื่อสุดท้ายที่แม่เขาพูดถึงบ่อย ๆ ว่าไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่อิตาลีหลายปีและถูกบริษัทใหญ่ที่นั่นซื้อตัวไว้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ เขาไม่รู้ว่าแองจี้กลับไทยมาแล้ว และไม่ได้ซื้อของฝากมาให้เธอเหมือนที่ซื้อมาฝากน้อง ๆ ทุกคนที่เจเดนกล่าวถึง
“แองจี้? ที่แม่กูบอกว่าน้องไปเรียนที่อิตาลีตั้งแต่จบเกรด 12 นั่นน่ะนะ กลับไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ทอยถามขึ้นแล้วตวัดตามองสาวสวยที่แอบหอมแก้มตัวเองอย่างไม่พอใจ ถึงเขาจะเป็นคนที่ดูเป็นมิตรได้ง่าย ยิ้มแย้ม แต่เรื่องถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้เขาไม่โอเคเอามาก ๆ “รักษามารยาทด้วย อย่าให้ผมต้องไม่สุภาพ ไอ้คริสมึงอบรมพนักงานด้วยนะอย่าให้มาทำแบบนี้กับแขก กูไม่ชอบ” เสียงนิ่งปนดุของเขาดังขึ้นพร้อมกับดึงแขนตัวเองออกจากเธอแล้วดึงทิชชูมาหน้าเช็ดตัวเองตรงที่หญิงสาวหอมเมื่อครู่ทันที ซึ่งการกระทำของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าม้านไปทันที
“มาได้เกือบปีแล้ว อาโรมกับอาเจ้าไปขอร้องให้กลับมาช่วยที่บ้าน ทางบริษัทเดิมก็ไม่ได้อยากให้มานักหรอก แต่ทำไงได้ล่ะวะช่วงนี้ย่ากูกับยาย แม่อาเจ้าก็ป่วยพร้อมกัน อาเจ้าเลยอยากวางมือให้มันดูแล ตอนนี้มันเป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์อยู่” เจเดนตอบพร้อมกับถอนหายใจ
“อ้าว? แล้วทำไมให้เป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์ล่ะ แบบนี้อาเจ้าก็ยังทำงานอยู่น่ะสิ” ทอยถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ก็น้องมันจบแฟชั่นดีไซน์มา แล้วทีแรกอาโรมบอกให้ขึ้นบริหารเลย แต่มันกลัวว่าหุ้นส่วนจะไม่เชื่อถือ พนักงานเก่าแก่จะไม่ยอมรับเพราะมันอายุยังน้อยแล้วไม่ได้จบบริหารมาโดยตรงไง มันเลยอยากพิสูจน์ตัวเองจากตำแหน่งเล็ก ๆ ไปก่อน แล้วเรียนเพิ่มเติมกับอาโรม” เจเดนว่าพลางถอนหายใจกับความคิดของน้องสาวคนเล็กของบ้าน
“แล้วแบบนี้มะรืนน้องจะมามั้ย กูไม่รู้ว่าน้องกลับไทยแล้วเลยไม่มีอะไรมาฝากน้องเลย” ทอยถามเพื่อนพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“กูว่าไม่ว่ะ พรุ่งนี้จะมีประชุมเรื่องคอลเลคชันใหม่ไตรมาสหน้า อาเจ้าให้มันเป็นแม่งานในฐานะหัวหน้าแผนกดีไซน์ ประชุมเสร็จก็น่าจะไปต่างจังหวัดเลย อาเจ้าใช้ให้ไปดูบ้านที่ต่างจังหวัดช่วยตายาย วันศุกร์นู่นแหละถึงจะกลับแล้วไปงานแต่งเพื่อน” เจเดนตอบเพื่อนถึงหน้าที่ของน้องที่ต้องไปดูแลตากับยายที่ต่างจังหวัดแทนแม่ถ้าอาทิตย์ไหนท่านติดธุระ เพราะปีนี้ตาของเธออายุเกือบ 80 แล้วถึงจะร่างกายยังแข็งแรง แต่คนแก่ก็ห่างตาไม่ได้ ถึงจะมีลูกศิษย์ลูกหามาทำค่ายมวยแทนท่านช่วยดูแลแต่ก็ยังไม่อุ่นใจเท่าลูกหลาน
“อืม...” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่ถูกสาวสวยที่นั่งข้าง ๆ คว้าแขนเอาไว้พร้อมกับยิ้มยั่วยวนอย่างเปิดเผย
“รีบหรือครับ” ...
ไม่ถือตัวนะคะ ก็แค่ไม่ชอบใครลูบ ไม่ใช่คนสะอาดแต่เช็ดทันที คุณพี่เขาเป็นหมอจริง ๆ นะ...
แองจี้จำเป็นต้องล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ดมาเปิดเข้าไปในห้องและทันทีที่ประตูปิดชายหนุ่มก็จู่โจมตะโปมจูบหญิงสาวแบบไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่ล็อคแก้มทั้ง 2 ข้างไว้แน่น ส่งลิ้นหนาเข้าไปตวัดพันเกี่ยวลิ้นเรียวเล็กอย่างเร่าร้อน จนหญิงสาวหู้อื้อตาลายแทบส่างเมากับสิ่งที่เกิดขึ้น รีบคว้าชายเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น เมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองแขนขาอ่อนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มก้มลงช้อนร่างบางในท่าเจ้าหญิงเดินไปวางที่เตียงนอนใหญ่ แล้วล้มตัวลงทาบทับสอดมือใหญ่ประสานมือบางกดไว้กับที่นอนหลวม ๆ ปากหนาประกบจูบออดอ้อน อ้อยอิ่งจนเธอเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนวาบหวามที่ชายหนุ่มมอบให้“ไปห้องพี่กันนะครับ นะ” ว่าพลางลูบไล้หน้าท้องแบนราบเบา ๆ จนเธอรูสึกขนลุกไปทั่วตัว“แต่...” “พี่รู้ว่าที่รักค้างแต่ข้างบนน่าจะเก็บเสียงดีกว่าห้องนี้นะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ที่รักอาจโดนเพื่อนล้อก็ได้” สายตาอ้อนวอนหวานเชื่อมชวนละลายทำเอาหญิงสาวเม้มปากแน่น“ก็...” “หรือหนูไม่อยาก” เงยหน้าขึ้นส่งสายตาออดอ้อนในขณะที่มือสอดเข้าไปลูบไล้หน้าขาเลื่อนขึ้นจนถึงกางเกงในตัวจิ๋วก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเหมือนผู้ชนะ “แฉะหมดแล้วนะ นะครับขึ้นข้างบนนะครับนะ” คนอ้อนว
“ไม่มีปัญหาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่างงานผมไปได้หมด นี่กะว่าถ้ากลับบ้านผมอาจขึ้นไปช่วยงานเพื่อนบนดอยหรือไม่ก็อาจตามพี่ชายเข้าป่า ถ้าอยู่บ้านพ่อน่าจะไล่เข้าออฟฟิศแล้วผมก็ไม่ถนัดงานบริหารเท่าไหร่” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับวางมือที่ไหล่คนข้าง ๆ บีบเบา ๆ จนเธอสะดุ้ง“อูย...บอกเป็นนัย ๆ ว่ากลับบ้านไปแล้วจะติดต่อไม่ได้ใช่มั้ยคะ” ลูกอ้อนถามยิ้ม ๆ ก่อนจะปรายตามองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ไม่ขนาดนั้นครับแต่แค่ผมไม่เคยนั่งออฟฟิศ เลยคิดว่าถ้าไปนั่งแต่ละวันคงจะยาวนานน่าดู คงต้องหาอะไรทำที่ไม่ต้องนั่งประจำที่แบบนั้น”“ไม่อยากนั่งก็เดินไปเดินมาสิ” คนนั่งข้าง ๆ ประชดขึ้น“แล้วที่รักอยากเดินไปเดินมากับพี่มั้ยคะ” ชายหนุ่มหันไปถามยิ้ม ๆ“โอย...ละลายมากค่ะคุณธี อิรักคะตกลงนางเป็นทองหรือคอนกรีตยะ เขามาขนาดนี้ยังนั่งคอตั้งอยู่ได้” เอลซี่แซวเสียงดังแล้วเอื้อมไปตีแขนเพื่อนอย่างหมั่นไส้“บ้าสิใครจะไปมีเวลาเดินไปเดินมา คนต้องทำมาหากิน” แองจี้ว่าขึ้นแล้วยกแก้วขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดก่อนจะวางลงแรง ๆ ตวัดหางตาใส่คนนั่งข้าง ๆ เพราะตอนนี้นอกจากบีบไหล่เบา ๆ ทีแรก ยังค่อย ๆ เลื่อนมือลูบแผ่นหลังของเธอจนขนลุกอีกด้วย“งั้นเอลว่าเร
“มึงก็ใจดีเกิ๊นเป็นกูไม่เอาไว้ทั้งน้าทั้งหลานว่ะ ภาระองค์กร แล้วดูสิไปไหนก็ขายหน้าขายตาบริษัท ประกาศโต้ง ๆ ว่าเป็นเลขาท่านประธานแต่สันดานโคตรต่ำ” เอลซี่จีบปากจีบคอพร้อมกับยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบ“ก็ไม่คิดเอาไว้ ถึงได้หาผู้ช่วยใหม่เอามาเทรนก่อนแม่จะวางมือไตรมาสหน้า เตรียมไว้เป็นผู้ช่วยกู กูบอกอาไมตรีไปแล้วถ้าไม่พอใจก็ลาออกก่อนเกษียณได้เลย”“ก็ดีนะ ตัดไฟแต่ต้นลม ถ้ามึงขึ้นทำแทนแม่แล้วค่อยไล่ออกได้โดนครหาว่าใช้ตำแหน่งกลั่นแกล้งแน่ ต้องให้แม่จัดการก่อนเลย” ลูกอ้อนว่าขึ้นแล้วมองหน้าเพื่อน“เออ...แก คืนนั้นแกอยู่กับคุณธีใช่ป่าว” เอลซี่ถามเพื่อนตาเป็นประกายล้อเลียนขึ้นมาทันที“เออ...”“เป็นไง” เอลซี่ถามยิ้ม ๆ“เป็นไงล่ะ ไม่รู้วันนั้นเผลอกินมาตินี่อิอ้อนหรือเปล่า ผื่นขึ้นเต็มตัว สภาพเหมือนโดนโทรมเลย น่าอายฉิบหาย” หญิงสาวว่าพลางหลบตาเพื่อน เรื่องแพ้มาตินี่เพื่อนของเธอก็พอรู้บ้างและวันนั้นก็มีการสั่งมาดื่มกันจริง ๆ ทำให้เอลซี่กับลูกอ้อนที่นั่งลุ้นอยู่ถึงกับมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ“แสดงว่าชวด แกรู้หรือเปล่า พี่แกนักเรียนนอกนะคะ เพิ่งกลับมาวันที่แกลากเขามานั่นแหละ” เอลซี่ยื่นหน้ามาพูดอย่างตื่นเต้น“
“เราตกลงกันแล้วนะว่าจะไม่ให้มันรู้ว่าฉันเป็นใคร โอเคนะ” แองจี้รีบยื่นหน้าบอกเพื่อนเบา ๆ ตั้งใจไม่ให้ทอยได้ยิน“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ทอยก้มลงมาถามเอลซี่ยิ้ม ๆ“ไม่มีอะไรค่ะ นั่นเลขาท่านประธานบริษัทที่รักมันทำงานอยู่ค่ะคุณธี นางชอบข่มคนในบริษัท คอยดูสิถ้านางเห็นยัยรักเดี๋ยวนางก็ดิ่งมา” เอลซี่จีบปากจีบคอตอบอย่างมีจริต “นี่ไม่รู้นะคะว่านางรู้จักฝั่งเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว”“อ่อ...ครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ *ผู้หญิงที่นั่งอ่อยกูเมื่อคืนนี่หว่าเกือบพลาดแล้วมั้ยล่ะกู* ทอยคิดในใจปรายตามองคนนั่งข้างก่อนจะวางมือที่หน้าขาของเธอเบา ๆ จนเธอหันมองหน้า“เออ...พรุ่งนี้มีร่องเรือด้วยนะ แกเตรียมชุดว่ายน้ำมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะคนสวย” ลูกอ้อนเปลี่ยนเรื่องถามเพื่อนสาวเหมือนเพิ่งนึกได้“ระดับคุณรักแล้วไม่มีพลาดค่ะ อยากมาดำน้ำที่ใต้นานแล้วแต่ไม่มีเพื่อนมาซะที” หญิงสาวว่าพลางยกแก้วพั้นช์ในมือขึ้นจิบ“แล้วยายข้าวมันได้ชวนคุณธีหรือเปล่าคะ ได้เตรียมชุดมาหรือเปล่า” เอลซี่หันไปถามชายหนุ่มยิ้ม ๆ“มีติดมาครับ จริง ๆ ผมตั้งใจจะมาพักผ่อนอยู่แล้ว ทะเลไทยผมไม่เคยเล่นด้วยก็น่าสนใจดี” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ“ว้าย...เพิ่งเห็นมางานแบบนี้ด
เย็นวันเสาร์สาวสวยสุดเซ็กซี่ในชุดราตรีเกาะอกเว้าหลังถึงเอวสีพีช หน้าสั้นหลังยาว เกล้าผมมวยสูงปักกิ๊บเพชรเม็ดเล็ก ๆ แต่งหน้าสวยหวาน ก้าวลงมาจากรถลีมูซีนสนามบินเดินเข้ามาในโรงแรมหรูที่จัดบรรยากาศแสนโรแมนติกตั้งแต่หน้าประตูทางขึ้นห้องจัดเลี้ยงวันนี้เป็นวันแต่งงานของต้นข้าวลูกสาวคนเล็กเจ้าของเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้เพื่อนรักของเธอ แต่เธอมางานเช้าไม่ทันทำให้ต้องมางานช่วงเย็นและเธอต้องมาคนเดียวเพราะพี่ชายสุดที่รักอย่างเจเดนไปออกค่ายแพทย์อาสาบนดอยตั้งแต่เมื่อเย็นวานและจะอยู่ที่นั่นถึงเดือนหน้า ส่วนน้องชายลูกเพื่อนพ่อที่มาฝึกงานที่โรงแรมในเครืออยู่จังหวัดใกล้ ๆ บอกว่าวันนี้ต้องกลับบ้านด่วน เธอเลยทำสีหน้าไม่ถูกตอนเดินเข้างานและมีคนมองมาตลอดทาง“มาซักทีนะคะ สวยเว่อร์ เขาให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะคะ ไม่ใช่มาเป็นเจ้าสาว” เอลซี่เบะปากว่าเพื่อนแต่ก็ยิ้มที่เห็นเธอมาในคืนนี้“น้อย ๆ ค่ะคุณ เนี่ย โดนปล่อยทิ้ง พี่เจขึ้นดอย ไอ้วนก็จำเป็นอะไรต้องกลับบ้านวันนี้ก็ไม่รู้ แล้วคิดสภาพเปลี่ยนชุดนี้จากสนามบิน แต่งหน้าบนรถจ้า ดีนะเมื่อกี๊พนักงานบอกว่าไอ้ข้าวให้มารับเอากระเป๋าไปเก็บให้ไม่งั้นกูได้ลากกระเป๋าเข้
“แล้วทำไมนังสิทธิ์มันอยู่ได้ล่ะคะ พลอย...”“พลอยมน ท่านสั่งให้ออกไปไม่ได้ยินหรือไง” คุณไมตรีว่าขึ้นพร้อมกับมองหน้าหลานสาวเชิงปรามและอยากรู้ว่าท่านประธานฝ่ายบริหารจะคุยเรื่องอะไรพร้อมกับมองหน้าสาวสวยที่นั่งหน้านิ่งไม่มีอาการบ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ พลอยมนมองหน้าผู้เป็นน้าก่อนจะคว้าแฟ้มเอกสารที่มั่นใจว่าเธอไม่ได้จดอะไรลงไปมากนักแล้วกระแทกเท้าออกจากห้อง คุณเจ้าขาได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวแล้วพยักหน้าเชิงอนุญาต “อะไรหรือครับคุณเจ้า”“เรื่องนี้ให้แองจี้เป็นคนพูดดีกว่าค่ะ” คุณเจ้าขาว่าขึ้นพร้อมกับมองหน้าลูกสาว“คุณหนูมีอะไรหรือครับ”“จี้อยากถามว่าตำแหน่งเลขาที่พลอยมนทำชั่วคราวนี่ คนในประเทศไทยไม่มีใครเหมาะสมแล้วหรือคะ เห็นรับสมัครทีไรก็ไม่เคยผ่านสัมภาษณ์เลยซักคน” หญิงสาวว่าขึ้นเสียงนิ่งพร้อมกับมองหน้าหัวหน้าฝ่ายบุคคลด้วยสีหน้าจริงจัง“คือ...” “อาตรีรักหลานจี้เข้าใจนะคะแต่ควรจะรักให้ถูกทางกว่านี้ โดยดูความเหมาะสมและความสามารถของเขาด้วย ดูวุฒิภาวะทางอารมณ์ประกอบด้วย พลอยมนไม่มีคุณสมบัติการเป็นเลขาเลยซักนิด เธอเข้ามาทำงานก่อนจี้ซะอีกนะคะแต่ไม่มีการปรับปรุงอะไรเลย ยิ่งดูย