LOGINหรงฉือ “มีเรื่องที่ต้องจัดการนิดหน่อย มีอะไรรอฉันกลับมาค่อยว่ากัน”ตอนแรกกู้เหยียนอยากจะบอกว่าตกลง แต่จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้หรงฉือไม่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ปกติเธอแทบไม่เคยออกจากบริษัทกลางคันเพราะเรื่องส่วนตัวเลยเขาติดตามความคืบหน้าเรื่องการหย่าของเธอมาตลอดดังนั้น เขาจึงรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังไม่ได้ไปหย่าอย่างเป็นทางการเพราะอีกฝ่ายงานยุ่งพอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ในพริบตาเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมหรงฉือถึงออกจากบริษัทไปอย่างกะทันหันแล้วเขาเลยเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “นี่คุณ...จะไปที่ทำการกิจการพลเรือนใช่ไหม?”หรงฉือคาดไม่ถึงว่าเขาจะเดาได้แม่นขนาดนี้ เธอหยุดฝีเท้าลงทันที หลังจากส่งเสียง “อืม” ก็หันหลังแล้วจากไปเมื่อมองแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป กู้เหยียนรู้สึกใจสั่นวูบ และอดไม่ได้ที่จะอยากตามไปตอนนี้เขาอยากรู้เกี่ยวกับคนคนนั้นมากจริง ๆ แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าว เขาก็หยุดฝีเท้าลงแล้วตั้งแต่เธอรู้ถึงความรู้สึกของเขา ยกเว้นความจำเป็นเรื่องงาน ปกติหรงฉือจะหลีกเลี่ยงเขาเท่าที่ทำได้หากเธอรู้ว่าเขาแอบตามเพราะอยากรู้ว่าใครเป็นคนรังแกเธอ เธอจะต้องโกรธแน่ ๆ สุดท
เฟิงถิงเซินกับหลินอู๋เห็นหรงฉือและอวี้มั่วซวินแล้วเช่นกันหลินอู๋มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใด ๆ แต่เฟิงถิงเซินกลับพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย ถือเป็นการทักทายหรงฉือกับอวี้มั่วซวินทำเป็นมองไม่เห็นซุนซู่ซานเห็นเฟิงถิงเซินแล้ว จึงยิ้มแล้วเข้ามาพูดกับเฟิงถิงเซินว่า “ถิงเซิน พวกเราขึ้นไปกันก่อนเถอะ”เฟิงถิงเซินพยักหน้าเมื่อมองดูแผ่นหลังของพวกเขา อวี้มั่วซวินก็ยิ้มเสียงเย็นเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พวกคุณยังไม่ได้หย่ากัน คนตระกูลหลินกับตระกูลซุนก็หยิ่งผยองเสียขนาดนี้ ไม่กล้าคิดเลยว่า ถ้าคุณกับเฟิงถิงเซินหย่ากันแล้ว พวกเขาจะหยิ่งผยองถึงขั้นไหน ถ้าไม่มีฉางโม่ ไม่มีอาจารย์และผม คาดว่าคุณคงถูกพวกเขารังแกตายแน่ ๆ!” หรงฉือเม้มริมฝีปาก ยังไม่ได้พูดอะไร หนานจื้อจือกับเหยียนอวิ้นจือก็ถึงแล้วเฟิงถิงเซิน คนตระกูลหลินและตระกูลซุนมีผู้จัดการร้านอาหารมาต้อนรับด้วยตัวเอง ระหว่างทักทายกันกลับทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาเตรียมจะไปขึ้นลิฟต์ ก็บังเอิญเห็นหรงฉือและคนอื่น ๆ พวกเขาดูออกว่าเหยียนอวิ้นจือเป็นฝ่ายจับมือหรงฉือก่อนพอเห็นหนานจื้อจือสามีภรรยาดูเหมือนจะชอบหรงฉือมากจริง ๆ รอยยิ้มขอ
วันนั้น หรงฉือกับอวี้มั่วซวินทำงานดึกมากกว่าจะออกจากบริษัทพอกลับมาถึงบ้านตระกูลหรง หรงฉือคุยเป็นเพื่อนคุณยายหรงอยู่พักหนึ่ง ตอนที่เพิ่งจะขึ้นไปชั้นบน เฟิงจิ่งซินก็ส่งข้อความมาหาเธอหลายข้อความแล้วหลังจากที่เธอกดเปิด ก็พบว่าข้อความที่เฟิงจิ่งซินส่งทั้งหมดเป็นรูปถ่ายในรูปถ่ายนอกจากเฟิงจิ่งซินแล้ว ยังมีเฟิงถิงเซิน เฮ่อฉางปั่วและฉีอวี้หมิงหลังส่งรูปถ่ายเสร็จ เฟิงจิ่งซินยังส่งข้อความเสียงมาให้เธอด้วย [คุณแม่ หนูกับพวกคุณพ่อออกมาแช่บ่อน้ำพุร้อนด้วยละ คุณแม่ทำอะไรอยู่เหรอคะ?]หรงฉือตอบกลับว่า [แม่เตรียมจะอาบน้ำแล้ว หนูเที่ยวให้สนุกนะ]พูดจบ เธอก็วางโทรศัพท์ลง และเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้วพออาบน้ำเสร็จ เธอก็อ่านหนังสืออีกสักพัก ตรวจสอบข้อมูลอีกหน่อย ตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อย และเตรียมจะเข้านอน โทรศัพท์ของเธอก็มีแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้งหรงฉือหรี่ตาดู พบว่าเฟิงจิ่งซินส่งข้อความมาอีกแล้วเธอกดเปิดขึ้นมาสิ่งแรกที่เข้ามาสู่สายตาก็ยังคงเป็นรูปถ่ายหนึ่งใบรูปถ่ายนี้ถ่ายในห้อง ตรงกลางภาพมีแมลงปอสามตัวที่สานจากฟางข้าวเพียงแต่ นอกจากแมลงปอสามตัวนี้แล้ว ยังถ่ายติดกระเป๋าหนึ่งใบและเสื้
หรงฉือก็คิดแบบนั้นในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายมีข้อขัดแย้งกันน้อย การฟ้องหย่าก็สามารถรับใบหย่าได้อย่างรวดเร็วเพียงแต่ เธอต้องไปที่ฐานหลังจากนี้สักพัก แต่เวลาออกเดินทางและกลับมายังไม่แน่นอนการฟ้องหย่า ในฐานะโจทก์ หากเธอไม่อยู่ในวันพิจารณาคดี ก็จะถูกยกฟ้องในกรณีแบบนี้ การหย่าโดยความยินยอมจะไม่ดีกว่าเหรออย่างน้อยการหย่าโดยความยินยอมหลังช่วงทบทวนตัวเองสิ้นสุดลง เวลาที่เธอกับเฟิงถิงเซินไปรับใบหย่าจะยืดหยุ่นได้บ้าง หรืออาจจะได้รับใบหย่าอย่างราบรื่นมากกว่าเพราะเห็นได้ชัดว่าหากเฟิงถิงเซินมีเวลา เขาจะต้องติดต่อเธอให้ไปทำเรื่องหย่าที่ทำการกิจการพลเรือนอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อวานตอนที่ไม่ได้รับข้อความจากเฟิงถิงเซิน เธอถึงได้ขี้เกียจจะติดต่อไปหาเขาอย่างไรก็ตาม หากเขาไม่มีเวลา แม้เธอจะติดต่อไปหาเขาทุกวันมันก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์อยู่ดีแต่ตอนนี้...หรงฉือเงยหน้า มองเงาร่างของเฟิงถิงเซิน เธอก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นเบา ๆ แล้ว การฟ้องหย่า จำเลยไม่จำเป็นต้องมาที่ศาลก็ได้ให้เฟิงถิงเซินฟ้องร้องในฐานะโจทก์ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า...อวี้มั่วซวินรู้ว่าเธอกำลังคิดเรื่องฟ้องหย่า และรู้ด้วยว่า
ใกล้ช่วงเวลาอาหารเย็น ขณะเห็นหลินอู๋เตรียมเก็บของออกไป คนตระกูลหลินกับตระกูลซุนจึงรู้ว่าที่แท้เฟิงถิงเซินกลับมาจากต่างประเทศแล้วพอรู้ว่าเฟิงถิงเซินกลับมาเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เซี่ยงหรูฟางรู้สึกเสียดายจนกระทืบเท้าแล้วพูดว่า “คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลับมาเมื่อช่วงบ่ายวันนี้? นี่ถ้ากลับมาเร็วกว่านี้สักครึ่งวันจะดีแค่ไหนกันเชียว ช่วงตัดสินใจนี้มันผ่านไปแล้ว..”ซุนลี่เหยาก็อดไม่ได้พูดเห็นด้วยว่า “นั่นสิคะ”จริง ๆ ไม่ใช่แค่พวกเขา ซุนเยว่ชิงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเสียดายมากเช่นกันเมื่อสองวันก่อน แม้พวกเขาจะเคยได้ยินหลินอู๋บอกว่า เฟิงถิงเซินน่าจะไม่สามารถกลับมาให้ทันก่อนช่วงตัดสินใจสิ้นสุดเพื่อหย่ากับหรงฉือ แต่ในใจลึก ๆ ของพวกเขายังคงมีความหวังอยู่ คิดว่าเฟิงถิงเซินมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกลับมาก่อนล่วงหน้าและหย่ากับหรงฉือเพื่อหลินอู๋และเหตุผลที่เฟิงถิงเซินบอกหลินอู๋ว่าไม่สามารถกลับมาก่อนช่วงตัดสินใจ เป็นเพียงแค่อยากเซอร์ไพรส์ให้กับหลินอู๋เท่านั้นความจริงกลับกลายเป็นว่า เฟิงถิงเซินไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลาก่อนช่วงตัดสินใจหย่าระหว่างเขากับหรงฉือจะสิ้นสุดลงเนื่องด้วยเหตุผลนี้ ตอนที่รู้ว่าเฟิง
วันสุดท้ายของช่วงตัดสินใจ สุดท้ายเฟิงถิงเซินก็ยังไม่สามารถกลับมาทันเวลาได้ช่วงตัดสินใจในครั้งนี้ ก็ผ่านไปแบบนั้นแล้วหรงฉือคิดว่าเฟิงถิงเซินคงจะกลับมาอีกไม่กี่วัน แต่วันรุ่งขึ้น ตอนที่เธอกับอวี้มั่วซวินกำลังคุยงานกันอยู่ เฟิงจิ่งซินจู่ ๆ ก็โทรศัพท์มาบอกกับเธอว่าเฟิงถิงเซินกลับมาแล้วอวี้มั่วซวินโมโหจนหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม่สิ เขาไม่กลับมาเร็วและไม่กลับมาช้า แต่ดันกลับมาทันทีหลังจากช่วงตัดสินใจสิ้นสุดพอดี เขาจงใจใช่ไหมเนี่ย?”หรงฉือวางโทรศัพท์ลง ไม่ได้พูดอะไรจงใจอะไรกัน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าอวี้มั่วซวินก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่เขาก็แค่ถูกทำให้โมโหก็เท่านั้นเขาอดไม่ได้พูดขึ้นว่า “ไม่อย่างนั้นก็ฟ้องหย่าไปเลยเถอะ...แต่ว่า ตั้งแต่ยื่นฟ้องจนถึงเริ่มการพิจารณาคดีในศาล ก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน...” พวกเขาไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็มีคนเคาะประตูเข้ามา บทสนทนาจึงหยุดชะงักไปชั่วขณะในเวลาเดียวกันกลุ่มแชทของพวกเฟิงถิงเซินกับฉีอวี้หมิงสี่คน จู่ ๆ เฟิงถิงเซินก็แท็กเฮ่อฉางปั่ว ฉีอวี้หมิงและหลินอู๋ [เย็นนี้กินข้าวด้วยกันไหม?]ฉีอวี้หมิ







