หลายวันต่อมา
ทินภัทร
"พี่ผัก พี่จะเข้าไปดูไซต์งานตอนไหนเนี่ย มันสายแล้วนะ"ข้าวเม่าที่นั่งกินของหวานอยู่ในห้องครัวเอ่ยถามพี่ชายตัวเล็กของตัวเองที่ตอนนี้มัวแต่ทำขนมขึ้น
ด้านผักขาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำบัวลอยอยู่นั้นก็ทำเพียงเงยหน้ามามองน้องชายเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นขนมของตัวเองต่อ
"นี่พี่ผักไม่ได้ยินที่ผมถามหรือไง"ข้าวเม่าถามผักขาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อโดยที่ไม่สนใจคำถามของตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"โอ๊ยแล้วแกจะถามหาพระแสงอะไรนักหนา ฉันก็เร่งมือทำขนมบัวลอยอยู่เนี่ยเห็นมั้ย"
"เอาไว้ก่อนก็ได้มั้ย ไปดูไซต์งานกับคุณสถาปนิกเขาก่อนเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแก้ ดูเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำต่อก็ได้"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นพลางตักขนมบัวลอยที่พี่ชายทำไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วหมอหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย
"แล้วที่ฉันต้องมาทำใหม่แบบนี้ไม่ใช่เพราะแกที่กินหมดหรือไงไอ้เม่า! รู้ทั้งรู้ว่าพี่จะเอาไปให้พวกคุณสถาปนิกกับพวกผู้รับเหมากินเพื่อผูกมิตร แก่ก็กินของพี่หมด!"ผักขาพูดขึ้นพลางมองไปยังน้องชายด้วยสายตาอาฆาต
ด้านข้าวเม่าที่เห็นพี่ชายมองมาที่ตัวเองด้วยแววตาไม่พอใจ ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ เพราะครั้งนี้ตัวเองทำผิดจริงๆ
จะไม่ผิดได้ไงก็เล่นกินบัวลอยที่พี่ผักขาทำไว้หมดเป็นหม้ออ่ะ
"ก็พี่ทำอร่อยนี่"
"ยังไม่สำนึกอีก!"
"ขอโทษครับบบบ"
อีกด้าน
"ท่านประธานจะอยู่ที่นี้ประมาณกี่วันครับ"ธนัท เลขาชายคนสนิทของชนาธิปเอ่ยถามผู้เป็นนายที่ยืนดูแบบโครงสร้างตึกในมือขึ้น
"3วัน"นายน์ตอบเลขาคนสนิทของตัวเองเพียงสั้นๆ พลันนัยน์ตาคมก็ยังคงจับจ้องที่ภาพโครงสร้างตึกในมือสลับกับมองไปยังพื้นที่โล่งตรงหน้า ก่อนที่ความสนใจของเขาจะถูกดึงไปด้วยรถกระบะสี่ประตูคันสีดำที่แล่นเข้ามาจอดสนิทไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่นัก
ชนาธิปจ้องมองไปยังรถคันสีดำก่อนจะชายรูปร่างบางใบหน้าออกไปทางหวานเปิดประตูเก้าลงจากรถทางฝั่งด้านข้างคนขับ ทันทีที่นัยน์ตาคมได้เห็นใบหน้าของคนร่างบาง คิ้วคมของนายน์ก็ขมวดเข้าหากันทันทีเพราะเขานั้นรู้สึกคุ้นใบหน้าของคนคนนี้ซะเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขานั้นเคยเจอชายหนุ่มร่างบางคนนี้ที่ไหนมาก่อน
"สวัสดีครับ คุณชนาธิปใช่มั้ยครับ"เสียงใสเอ่ยทักคนตัวสูงขึ้นทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้า
ด้านชนาธิปที่ยังตกอยู่ในภวังค์ความคิดก็ได้สติหันมาสนใจคนร่างบางตรงหน้า แต่ทว่าเมื่อสายตาของพวกเขาสบกัน อยู่ ๆ นายน์ก็ควบคุมกลิ่นฟีโรโมนของตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ จนเผลอปล่อยฟีโรโมนของตัวเองออกมา
"พี่ผักเป็นอะไรพี่"ข้าวเม่าเอ่ยถามพี่ชายขึ้นอย่างเป็นห่วงทันทีที่อยู่ ๆ พี่ชายตัวเล็กก็เกิดอาการผิดปกติ
ด้านผักขาที่เมื่อกี้ยังอาการดี ๆ อยู่ ๆ ก็เกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนที่เขานั้นจำได้ขึ้นใจมาตลอด5ปี ในตอนนี้เขานั้นยืนทรงตัวไม่อยู่เซไปเซมาจนน้องชายอย่างข้าวเม่าต้องรีบเข้ามาประคอง
เขาคือผู้ชายคนนั้น อัลฟ่าที่เป็นเจ้าของรอยกัดที่คอของเรา
"พี่ไม่เป็นไร"ผักขาเอ่ยตอบน้องชายเสียงเบาพลางถอยหลังออกห่างจากชายตัวสูงตรงหน้า เมื่อเขาเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองก็เริ่มปล่อยกลิ่นฟีโรโมนออกมาเช่นกัน
เดิมทีตั้งแต่เกิดมาตัวผักขาที่เป็นโอเมก้ายีนด้อยก็มีกลิ่นฟีโรโมนที่บางเบาอยู่แล้ว กลิ่นฟีโรโมนของผักขานั้นจะพอชัดเจนก็ตอนที่เขาเริ่มมีอาการฮีทครั้งแรกในตอนอายุ20ปี แต่เขาก็เกิดอาการฮีทปี1เพียงไม่กี่ครั้ง
แต่ทว่า5ปีที่ผ่านมากลิ่นฟีโรโมนของผักขาแทบจะหายไป ด้วยเพราะโดนกัดสร้างพันธะไม่ว่าจะเกิดอาการฮีทตัวผักขาเองก็ปล่อยกลิ่นออกมาเพียงบางเบา แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบ5ปีที่กลิ่นฟีโรโมนของผักขากลับมาเข้มข้น เมื่อเจอหน้ากับเจ้าของพันธะ
"กลิ่นนี้มัน..."นายน์ที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่นานหลายนาทีสบถออกมาเสียงเบา พลางนัยน์ตาคมก็จ้องไปยังคนร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของชายตัวสูงที่มาด้วยกัน
"ปล่อย!"ชนาธิปเอ่ยพูดกดเสียงต่ำพลางดวงตาคมก็จ้องมองชายตัวสูงที่มีสถานะเป็นเบต้าด้วยแววตานิ่งๆ
กลิ่นหอมของดอกมะลิที่เมื่อกี้ออกไปทางกลิ่นหอมหวานบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นกลิ่นเข้มข้นตามอารมณ์ของเจ้าของร่างอัลฟ่าที่เกิดการหวงโอเมก้าของตัวเองและต้องการจะข่มขู่ชายตัวสูงที่ยืนโอบกอดคนร่างบางอยู่ตรงหน้า
แต่ทว่าไม่ว่าชนาธิปจะปล่อยกลิ่นฟีโรโมนข่มเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะคนที่ตัวเองต้องการจะข่มมีสถานะเป็นเพียงเบต้าคนธรรมดาและด้วยความที่ข้าวเม่าเป็นเบต้าเขาจึงไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนข่มขู่จากนายน์ จะมีก็เพียงโอเมก้าตัวน้อยตรงหน้าของนายน์เท่านั้นที่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนและกำลังแย่กับการข่มขู่ของเขา
และเมื่อรับรู้ถึงตรงนี้ชนาธิปก็รีบจัดการอารมณ์ของตัวเองทันที เพราะนี้เป็นครั้งแรกในรอบ5ปีที่เขาเจอโอเมก้าที่หนีหายจากเขาไป เพราะฉะนั้นเขาจะทำให้การเจอกันครั้งแรกรู้สึกแย่ไม่ได้
"ครับ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ"ด้านข้าวเม่าที่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวสูงที่เป็นสถาปนิกรับผิดชอบการออกแบบตึก ถึงได้มองตัวเองปานจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั้น ก็ได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้างงงวย
"เปล่าครับไม่มีอะไร เอ่อคุณคือคุณผักขาลูกชายของคุณอรอนงค์ใช่มั้ยครับ"ชนาธิปที่จัดการอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ได้เอ่ยปฏิเสธพลางเอ่ยถามชายตัวสูงกลับไปด้วยสีหน้านิ่งๆ พลันนัยน์ตาคมก็ยังคงลอบมองไปยังผักขาอยู่ตลอด
"อ่อเปล่าหรอกครับ ผมข้าวเม่าน้องชายของพี่ผักขาครับ คนนี้ครับพี่ผักขาที่จะมาคุยงานกับคุณ"
"อ่อ น้องชายนี่เอง"ชนาธิปสบถกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะกระตุกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจที่รู้ว่าคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกายโอเมก้าตัวน้อยนั้นเป็นเพียงแค่น้องชาย
"งั้นเริ่มคุยงานกันเลยมั้ยครับ"ชนาธิปเอ่ยถามขึ้น
ด้านผักขาที่อาการเริ่มกลับมาเป็นปกติก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้าสบตามองกับคนตัวสูงเท่าไหร่ เพราะไม่แน่ใจว่าคนตัวสูงนั้นจำตัวเองได้มั้ย และอีกอย่างตัวของเขาก็ยังไม่มั่นใจ100%ว่าชายคนนี้ใช่ชายหนุ่มอัลฟ่าเมื่อ5ปีก่อนหรือเปล่า เพราะในตอนนั้นตัวผักขาเองก็เห็นหน้าของชายคนนั้นไม่ชัดเหมือนกัน
แต่ถึงตัวเขาจะคิดแบบนั้น ในใจลึก ๆ ตัวของผักขาเองก็รู้ดีว่าชายหนุ่มตัวสูงตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือ คู่แห่งโชคชะตาที่ผักขาหนีเขามา เพราะกลิ่นฟีโรโมนดอกมะลินี้ผักขาจำได้ขึ้นใจ
"งั้นพี่ผักคุยงานกับคุณเขาไปนะ เดี๋ยวผมเอาบัวลอยที่อยู่หลังรถไปให้พวกพี่ๆผู้รับเหมาเขาก่อน"เอ่ยจบผู้เป็นน้องชายก็เดินกลับไปที่รถทันที ไม่ได้สนใจเลยว่าพี่ชายโอเมก้าของตัวเองนั้นจะทำสีหน้าตกใจขนาดไหน
"ธนัทคุณก็ไปช่วยคุณข้าวเม่าเขาแจกหน่อยสิ เดี๋ยวผมจะคุยงานกับคุณผักขาสองคน"
"ครับท่านประธาน"ธนัท
"อ่ะ เดี๋ยวสิ"ผักขาเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าตื่นๆ ทว่าไม่ว่าตัวเขาจะเอ่ยรั้งไว้แค่ไหน คนเป็นเลขาอย่างธนัทก็เชื่อผู้เป็นนายรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ทันที
ทำให้ในตอนนี้ที่ตรงนี้เหลือเพียงอัลฟ่ายีนเด่นและโอเมก้ายีนด้อยเพียงแค่สองคน
หลังจากที่ข้าวเม่าและคุณเลขาเดินจากไปทำให้ความเงียบเริ่มปกคลุมเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นมาอีก
ด้านนายน์เองก็ทำเพียงแค่ยืนมองคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่งๆ ส่วนผักขาก็ทำเพียงยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองคนตัวสูงกว่า
จนในที่สุดก็เป็นตัวผักขาเองที่ทนสายตาของคนตัวสูงที่มองมาที่ตนไม่ไหว จึงเอ่ยพูดทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ลงโดยการชวนเขาคุยงาน
"เอ่อ...เราเริ่มคุยงานกันเลยมั้ยครับ"
"คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมหน่อยเหรอ"นายที่ยืนจ้องคนตรงหน้าอยู่นาน เมื่อเห็นผักขาเริ่มเอ่ยพูดเกี่ยวกับเรื่องงานก็เอ่ยถามสวนกลับไป
"คุณชนาธิปหมายถึงอะไรเหรอครับ"ผักขายังคงทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามกลับไปทำเหมือนไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คนตัวสูงเอ่ยพูด
"อย่าทำไขสือหน่อยเลยครับ คุณก็น่าจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร"
"เฮ่อออ ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร แต่ที่ผมมาวันนี้ คือผมมาพูดกับคุณเรื่องงาน เพราะฉะนั้นช่วยโฟกัสเรื่องงานด้วยครับ"ผักขาเอ่ยพูดพลางเงยหน้าจ้องมองคนตัวสูงด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ในใจของเขาเต้นรัวเร็วแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอกอยู่แล้ว
"คุณจะเอาแบบนี้ใช่มั้ยผักขา"
"ถ้าคุณชนาธิปยังไม่คุยตอนนี้ งั้นผมขอตัวไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"
"หึ! หนีเก่งจริงๆ"
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*หลังจากจบการไปเที่ยวฮันนีมูนกัน ชนาธิปก็พาผักขามาหาคุณหญิงรตรีและประสิทธิ์ชัยผู้เป็นพ่อ เพื่อบอกข่าวดีว่าผักขาภรรยาตัวน้อยของเขาได้ตั้งท้องจริง ๆ แล้วไม่ได้หลอกเหมือนครั้งก่อนแต่ทว่าพวกท่านทั้งสองกับไม่ยอมเชื่อลูกชายตัวดีอย่างนายน์ เพราะเกรงว่าเจ้าลูกชายจะมาหลอกให้ดีใจเก้อเหมือนครั้งก่อน จนผักขาต้องเป็นคนพูดแทนและเอาภาพอัลตร้าซาวด์ที่ไปหาหมอและฝากครรภ์ก่อนที่จะมาหาพวกท่าน ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดูพวกท่านถึงได้เชื่อและต่างร้องดีใจแล้วพากันอวยพรให้ผักขาสุขภาพแข็งแรงกันยกใหญ่หลังจากที่แจ้งข่าวให้ทุกคนในครอบครัวทั้งฝ่ายของผักขาและของนายน์ได้รับรู้ว่าผักขากำลังตั้งท้องมีหลานให้ได้อุ้ม พอทุกคนรู้ต่างก็พากันดีใจเพราะจะได้อุ้มหลานสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านมา 4 เดือนแล้วและตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาตัวผักขานั้นไม
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*เหตุการณ์หลังจากงานแต่งงาน1อาทิตย์ทินภัทรหลังจากที่พี่นายน์ได้ขอผมแต่งงานที่บ้านของเขาในวันนั้นและผมได้ตอบตกลงไป 2เดือนต่อมางานแต่งของผมและพี่นายน์ก็ได้จัดขึ้นอย่างอลังการ โดยงานแต่งในครั้งนี้ทางฝั่งพ่อแม่ของพี่นายน์เป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทุกอย่างเลย ส่วนทางของผมทำเพียงแค่ลองชุดและรอเดินเข้าพิธีก็เท่านั้นแล้วถ้าจะถามว่าในตอนนี้ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ก็กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ะสิอ่ะ ๆ อย่าพึ่งคิดไปไกลกับคำว่าหมดสภาพของผมนะ ที่ผมบอกว่าหมดสภาพคือหมดสภาพในการอ้วกจนเหนื่อยและหน้ามืดต่างหากล่ะ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงมีอาการแบบนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณคงจะเดาออกกันได้ เพราะอาการแบบนี้มันมีไม่กี่อย่างหรอกใช่แล้วล่ะครับ ในตอนนี้ผมกำลัง
"คุณพ่ออออ"ชนาธิปร้องเรียกผู้เป็นพ่อเสียงหลง เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเข้าใจนั้นผิดไปส่วนด้านผักขาที่เข้าใจผิดไม่ต่างกับคนรักก็ยืนเบิกตากว้างอ้าปากเหวอ ก่อนที่จะหันไปสบตากับผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยใบหน้าเอียงอายแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกับความเข้าใจผิดของตัวเอง"ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณน้าคุณอาวุ่นวาย เป็นผักเองที่เข้าใจผิดและคิดไปเองจนทำให้ทุกคนต้องมาทะเลาะกันแบบนี้"ผักขาก้มหน้าเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา"อ่ะ หนูผักไม่ต้องขอโทษเลยลูก หนูผักไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยหนูผักจะขอโทษทำไมจ๊ะ อีกอย่างคนที่ผิดจริง ๆ คือตานายน์ต่างหากที่มาชวนทะเลาะ"คุณหญิงรตรีรีบเอ่ยพูดกับโอเมก้าตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทันที ก่อนที่ช่วงท้ายจะหันไปพูดและมองหน้าลูกชายตาขวาง"คุณแม่ครับบบ"นายน์ที่เห็นมารดามองตัวเองตาขวางก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อน แต่ทว่ารตรีกับพูดสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็ง"อะไร ไม่ต้องมาเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเลยนะ บอกเลยไม่ใจอ่อนให้หรอกนะบอกไว้ก่อน""คุณประสิทธิ์ชัย....ดูเมียของคุณทำกับลูกชายของคุณสิ"เมื่อเห็นว่าพูดกับผู้เป็นแม่
"หนูคิดดีแล้วเหรอที่มาคบกับตานายน์ลูกชายของฉัน"ทันทีที่จบประโยคคำถามของประสิทธิ์ชัยผู้เป็นบิดาของคนรัก ท่าทีของผักขาจากที่เกร็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็นั่งเกร็งมากกว่าเดิมพลางใบหน้าหวานก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้เห็น"......"ผักขานั่งบีบมือเม้มปากเข้าหากันแน่น พลันหัวสมองก็นึกคิดไปต่าง ๆ นานาว่าพ่อแม่ของคนพี่ต้องไม่ชอบตัวเองเป็นแน่ ถึงได้ถามออกมาอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะฐานะทางบ้านของตัวผักขาเองที่ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ต่างจากทางฝั่งของนายน์ที่เป็นผู้ดีมีตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมและร่ำรวยมหาศาลตัวของผักขาคงจะไม่เหมาะสมกับลูกชายของพวกท่านทั้งสองทินภัทรยังคงนั่งก้มหน้านัยน์ตาแดงก่ำจมอยู่กับความคิดในหัวของตัวเอง ทางพ่อและแม่ของนายน์ที่นั่งรอคำตอบจากคนร่างบาง แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาก็ไม่เอ่ยตอบอะไรแถมยังหน้าก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ามาสบตา ก่อนที่คุณหญิงรตรีจะหันพยักหน้าให้สามีเป็นสัญญาณว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่า
2เดือนต่อมาหลังจากวันที่ชนาธิปขอผักขาเป็นแฟน ในวันนี้ก็ผ่านมาแล้ว2เดือนที่คนทั้งสองได้ตกลงคบหาดูใจกัน ใช่แล้วล่ะทุกคนอ่านไม่ผิดกันหรอก ในวันนั้นผักขาได้ตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนกับนายน์และในตอนนี้เองผักขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นเครื่องบินลัดฟ้ามาที่กรุงเทพกับนายน์ เพื่อที่จะมากินข้าวกับครอบครัวของคนพี่เพราะพวกท่านทั้งสองนั้นอยากจะทำความรู้จักกับผักขา ผักขาก็เลยต้องนั่งเครื่องบินขึ้นมาอย่างที่เห็นแต่เดิมทีผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นอยากที่จะเจอผักขานานแล้วล่ะ เพราะทันทีที่ผักขาตกลงคบหากับคนพี่ วันต่อมาคนอายุเยอะกว่าอย่างนายน์ก็โทรไปเล่าให้บิดาและมารดาฟังทันทีว่าตนนั้นได้มีแฟนแล้ว จนผักขาที่เห็นนายน์เล่าไปยิ้มไปอดที่จะส่ายหัวไปมากับความเห่อไม่ได้และตลอดระยะเวลา2เดือนที่นายน์ลาพักร้อนกับผู้เป็นพ่อและมาอาศัยเที่ยวเล่นอยู่ที่บ้านของเขาตั้งแต่ตกลงคบกัน ด้านพ่อกับแม่ของนายน์ก็โทรมาบอกให้ลูกชายพาผักขาไปรู้จักกับพวกท่านอยู่บ่อยครั้งแต่ทว่าผักขาก็หาข้ออ้างต่าง ๆ มากมายมาบ่ายเบี่ยงตลอด เพราะตัวของผักขานั้นยังกังวลกลัวว่าพ่อแม่ของแฟนหนุ่มนั้นจะ
"เอาล่ะพี่ทำให้หนูผักเสร็จแล้ว ทีนี้ถึงตาของพี่แล้วนะครับคนดี หนูผักช่วยถอดกางเกงให้พี่นายน์หน่อยสิ ถอดมันด้วยปากของหนูผักนะครับ หึหึ"จบประโยคนายน์ก็ดันคนน้องที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ให้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ส่วนตัวเองก็เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนหมด เผยให้เห็นลอนกล้ามที่ซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นดูแลร่างกายอย่างดีแค่ไหน"เป็นคนหื่นกามแบบนี้เหรอเนี่ย"ผักขาบ่นพึมพำออกมาเบา ๆผักขาที่นั่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อยู่ปลายเท้าของนายน์เผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก พลางนัยน์ตาสวยก็ช้อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมที่มองมาที่ตัวเองด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนที่ผักขาจะตัดสินใจเดินเข่าเข้าไปแทรกตรงกลางหว่างขาของนายน์อย่างช้า ๆ พลันในหัวก็เอ่ยบ่นตัวเองไปด้วยทำบ้าอะไรของมึงอยู่เนี่ยผักขา ฮื้อออเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว แต่จะถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย ดันไปปากดีกับพี่มันไว้อีก เอาว่ะ! มาขนาดนี้แล้วก็ไปมันให้สุด!"อ่าาาส์ คนดีหนูจะทำให้พี่หัวใจวายตายเอานะครับ"นายน์ครางต่ำในลำคอพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองก