หลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกและเมื่อนายน์เห็นผักขาเอาแต่นั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือซักไซ้ก่อนที่จะหันกลับมาตั้งใจขับรถตรงไปบ้านของผักขาตามเดิม
ผ่านไปไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดสนิทในรั้วบ้านสองชั้นขนาดพอดี ชนาธิปจัดการดับเครื่องยนต์แล้วหันไปมองคนด้านข้างที่พอรถจอดสนิทก็เก็บข้าวของแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเร็ว โดยที่ไม่หันมามองคนตัวสูงแม้แต่น้อย
และเมื่อเป็นอย่างนั้นตัวชนาธิปเองก็รีบปลดเบลท์เอี้ยวตัวไปคว้าแบบโครงสร้างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบลงจากรถก้าวเดินเร็วๆตามโอเมก้าร่างบางเข้าบ้าน
"กลับมาแล้วเหรอผัก ทำไมกลับมาเร็วจัง"
ทันทีที่สองเท้าของผักขาก้าวเข้ามาในบ้านเสียงของอรอนงค์ผู้เป็นแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ประจำก็ทักถามขึ้นทั้งที่สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกชายยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี
"คุณนายผมไม่ได้มาคนเดียว"ผักขาที่เห็นผู้เป็นแม่นอนดูทีวีด้วยท่าทีสบาย ๆ ก็เอ่ยบอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวหรือกลับมากลับน้องชายนะ ให้รีบลุกขึ้นนั่งดี ๆ
"หื้มม อ่าวคุณชนาธิปมาได้ไงคะเนี่ย มาค่ะเข้ามานั่งก่อน"อรอนงค์ที่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายต้องการจะสื่อก็รีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองทางลูกชาย ก่อนที่จะพบว่าด้านหลังของลูกชายมีชายหนุ่มที่ตัวเองรู้จักยืนอยู่ก็รีบทักทายแล้วชวนมานั่งทันที
"ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้านะครับว่าจะเข้ามา พอดีว่าพึ่งตัดสินใจกันกะทันหันที่หน้าไซต์งานน่ะครับ"นายน์เอ่ยตอบคุณนายอรอนงค์ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะก้าวเดินมาทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาตามคำเชิญของเจ้าของบ้าน
โดยทุกการกระทำของคนตัวสูงก็อยู่ในสายตาของผักขาตลอด
ด้านผักขาที่ยังไม่รู้ว่าจะหาวิธีการไล่ให้อัลฟ่าตัวสูงนี้กลับไปโดยเร็วได้ยังไงก็ได้แต่จำใจเดินตรงมาทรุดตัวนั่งลงข้างผู้เป็นแม่ เพื่อที่จะได้พูดคุยแบบโครงสร้างนี้ให้มันจบเร็ว ๆ แล้วจะได้ไล่ให้นายน์กลับไปอย่างไม่น่าเกลียด
เพราะมีวิธีนี้วิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้
"งั้นเราเริ่มคุยงานกันให้จบเร็ว ๆ เถอะครับ"
"เอ๊ะไอ้ลูกคนนี้นี่ ทำไมพูดจาแบบนี้ พี่เขาพึ่งจะมาถึงบ้านเราเหนื่อย ๆ ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับแขกไป"อรอนงค์ที่เห็นลูกชายแสดงท่าทีออกมาไม่ดี ก็รีบฟาดฝ่ามือใส่ต้นแขนผักขาไม่แรงมากนักพร้อมกับเอ่ยพูดสั่งสอนลูกชายเล็กน้อย ก่อนที่จะไล่ผักขาให้ไปเตรียมพวกน้ำและขนมมาต้อนรับแขก
"ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ เจ้าผักขาก็เป็นคนแบบนี้แหละไม่ค่อยมีมิตรไมตรีเท่าไหร่นัก"
หลังจากลูกชายคนโตลุกเดินปึงปังออกไปตามคำที่ตนบอก อรอนงค์ผู้เป็นแม่ก็หันมาเอ่ยขอโทษขอโพยนายน์ทันที
ส่วนด้านนายน์ที่เห็นท่าทีของคนร่างบางที่มองมาที่ตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเดินออกไปนั้น ก็ได้แต่ยิ้มอย่างนึกเอ็นดูแล้วหันมาพูดคุยกับอรอนงค์ต่อ
"ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจครับว่าน้องเขาคงอยากจะคุยงานให้เสร็จเร็ว ๆ "
"เฮ่อออเจ้าลูกคนนี้นี่ชอบทำให้แม่ปวดหัวจริง ๆ ถ้าเกิดว่าน้องแสดงท่าทีไม่ดีต่อคุณชนาธิปฉันต้องขอโทษแทนด้วยนะคะ"อรอนงค์บ่นให้ลูกชายตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษชนาธิปอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรเลยครับ คุณอรอนงค์ไม่ต้องขอโทษผมแล้ว อีกอย่างเรียกผมว่านายน์ก็ได้นะครับไม่ต้องเรียกชื่อจริงของผมก็ได้"
"อ่าถ้าอย่างนั้น งั้นก็เรียกน้าว่าน้าอรก็แล้วกันจะได้สนิท ๆ กัน"
"เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ"
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผักขาก็นำพวกขนมผลไม้และน้ำเข้ามาแล้วคนทั้งสามก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับโครงสร้างตึกอีกครั้งอย่างจริงจัง ว่าต้องการที่จะปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมตรงไหนอีกมั้ยและก็พูดคุยเกี่ยวกับระยะเวลาในการสร้างและสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง
มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ปามาถึงห้าโมงเย็นแล้ว เห็นดังนั้นคุณนายอรอนงค์จึงได้เอ่ยปากชวนให้ชนาธิปนั้นได้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน โดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านของลูกชายคนโตเลยแม้แต่น้อย
และเมื่อผู้เป็นแม่ของผักขาเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ต่อและใกล้ชิดผักขามากขึ้นมีหรือว่านายน์จะปล่อยไป ก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว
หลังจากที่คุยงานและชวนอัลฟ่าหนุ่มให้อยู่กินข้าวด้วยกันสำเร็จ ผู้เป็นแม่อย่างอรอนงค์ก็ไล่ให้ลูกชายนั้นไปทำกับข้าวก่อนแล้วตัวของเธอก็อยู่ผู้คุยกับนายน์อีกเล็กน้อย ก่อนที่จะขอปลีกตัวไปช่วยลูกชายทำกับข้าว
แต่ทว่าอรอนงค์ที่กำลังลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปช่วยลูกชายก็ต้องทำหน้าแปลกใจ เมื่ออยู่ ๆ ชายหนุ่มตัวสูงก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลหลังจากอ่านข้อความในมือถือ
"มีอะไรหรือเปล่านายน์ ขอโทษที่น้าเสียมารยาทนะพอดีน้าเห็นนายน์มองมือถือแล้วแสดงสีหน้าเป็นกังวล ถ้ามีธุระด่วนนายน์บอกน้าได้นะ"อรอนงค์เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเธอเกรงว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีธุระด่วนแต่ไม่กล้าไปเพราะเกรงใจเธอที่ชวนกินข้าวเย็นด้วย
"เปล่าหรอกครับ พอดีว่าเลขาของผมทักมาบอกว่าทางโรงแรมที่ผมจองไว้มีปัญหาทำให้ไม่สามารถเปิดห้องพักให้ผมได้น่ะครับ เฮ่ออ"ชนาธิปเอ่ยตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
ด้านคุณนายอรอนงค์เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงทันที
"อ่าวทำไมเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะ แล้วนี่นายน์ได้ที่พักใหม่หรือยัง"
"ยังเลยครับ พอดีว่าตอนนี้เลขาของผมเขากำลังเคลียร์งานด่วนอยู่น่ะครับเลยไม่มีเวลาปลีกตัวมาหาโรงแรมใหม่ให้ ผมกะว่ากินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยไปหาที่พักใหม่อีกทีน่ะครับ"ชนาธิปเอ่ยตอบหญิงวัยกลางคนพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อยส่งให้
แต่ทว่าคนตัวสูงที่กำลังนั่งคุยกับหญิงวัยกลางคนเป็นต้องนิ่งชะงัก เมื่ออยู่ ๆ กลิ่นเหม็นฉุนปนกลับกลิ่นหอมของกระเทียมที่โดนผัดก็ลอยมาเตะจมูกของเขา
"กลิ่นนี้มัน...."ชนาธิปสบถออกเสียงเบาพลางหันไปมองยังทางห้องครัวที่ผักขากำลังทำกับข้าวอยู่ในนั้น
"กลิ่นไข่เจียวชะอมน่ะ เมนูนี้โปรดผักขาเขาแหละ"อรอนงค์เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างยิ้ม ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มดูจะสนใจกลิ่นกับข้าวที่ลอยฟุ้งทั่วบ้านในเวลานี้
"ไข่เจียวชะอมเหรอครับ กลิ่นฉุนที่ผมได้กลิ่นตอนนี้คือกลิ่นของอะไรเหรอครับคุณน้า"นายน์ที่ยังสงสัยเรื่องกลิ่นที่ตัวเองได้กลิ่นในตอนนี้เอ่ยถามหญิงวัยกลางคนตรงหน้าขึ้นอย่างสงสัย
เพราะตอนนี้กลิ่นที่ฟุ้งทั่วทั้งบ้านในตอนนี้มันเหมือนกับกลิ่นฟีโรโมนขอผักขาเหลือเกิน ในตอนแรกเขานึกว่าเป็นกลิ่นฟีโรโมนของผักขาที่ลอยปนมากับกลิ่นของอาหาร
แต่ทว่าเขาต้องคิดใหม่เพราะอรอนงค์ที่นั่งอยู่กับเขาก็ได้กลิ่นด้วย เพราะฉะนั้นกลิ่นกลิ่นนี้ต้องเป็นกลิ่นของอะไรสักอย่างที่เหมือนกับกลิ่นฟีโรโมนของผักขา
"กลิ่นของผักชะอมที่ใส่ในไข่เจียวน่ะจ้ะ ความจริงกลิ่นนี้ก็เป็นกลิ่นฟีโรโมนของผักขาเขานะ แต่ถึงพูดอย่างนั้นน้ากับน้อง ๆ ของผักขาก็ไม่เคยได้กลิ่นฟีโรโมนของเจ้าตัวหรอกเพราะพวกน้าต่างก็เป็นคนธรรมดา มีแค่ผักขาที่เป็นโอเมก้าอยู่คนเดียว ว่าแต่นายน์เป็นอัลฟ่าใช่มั้ยลูก"อรอนงค์เอ่ยพูดอธิบายขึ้นมายาวเหยียด ก่อนที่จะเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นว่าเขานั้นมีสถานะเป็นอัลฟ่าอย่างที่เธอคิดไว้ใช่มั้ย
"ใช่ครับ ผมเป็นอัลฟ่า"นายน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพลันนึกดีใจว่าในที่สุดตัวเองก็ได้รู้สักทีว่ากลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าตัวน้อยที่เขานึกสงสัยมานานหลายปีนั้นคือกลิ่นอะไร
ที่แท้ก็คือกลิ่นผักชะอมนี่เอง
"อะจริงสิ! น้าก็ดันคุยเรื่องของลูกชายของน้าซะเพลินจนลืมเรื่องของนายน์ไปเลย"
"ครับ? เรื่องของเหรอครับ"
"ใช่จ้ะ เอาอย่างนี้มั้ยจ้ะถ้านายน์ยังไม่มีที่พัก งั้นนายน์มาพักที่บ้านของน้าก่อนมั้ย"อรอนงค์พูดเสนอขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"เอ่อ...มันจะดีเหรอครับคุณน้า คือผมเกรงใจเพราะยังไงผมก็พึ่งจะรู้จักคุณน้าเอง"
"โอ๊ยไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะยังไงบ้านของน้าก็มีห้องว่างไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้มันก็จะมืดแล้วด้วยแถมที่นี้ยังอยู่ต่างจังหวัดอีกกว่าจะหาโรงแรมดี ๆ ได้ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แล้วน้าเองก็รู้สึกชอบและเอ็นดูนายน์มาก นายน์ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ว่ายังไงจ๊ะนายน์จะพักอยู่บ้านน้ามั้ย"
อรอนงค์เอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง พลางใบหน้าที่เริ่มมีรอยย่นตามอายุก็จ้องมองชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ
แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่นายน์เอ่ยพูดขึ้นมาว่าเขาไม่มีที่พักนั้นเป็นแผนของเขาทั้งหมด ที่หาเรื่องให้คุณนายน์อรอนงค์ชวนตัวเขาค้างอยู่ที่นี้ต่อ
"งั้นผมก็ขอรบกวนคุณน้าสักคืนด้วยนะครับ"
เป็นไปตามแผน
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*หลังจากจบการไปเที่ยวฮันนีมูนกัน ชนาธิปก็พาผักขามาหาคุณหญิงรตรีและประสิทธิ์ชัยผู้เป็นพ่อ เพื่อบอกข่าวดีว่าผักขาภรรยาตัวน้อยของเขาได้ตั้งท้องจริง ๆ แล้วไม่ได้หลอกเหมือนครั้งก่อนแต่ทว่าพวกท่านทั้งสองกับไม่ยอมเชื่อลูกชายตัวดีอย่างนายน์ เพราะเกรงว่าเจ้าลูกชายจะมาหลอกให้ดีใจเก้อเหมือนครั้งก่อน จนผักขาต้องเป็นคนพูดแทนและเอาภาพอัลตร้าซาวด์ที่ไปหาหมอและฝากครรภ์ก่อนที่จะมาหาพวกท่าน ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดูพวกท่านถึงได้เชื่อและต่างร้องดีใจแล้วพากันอวยพรให้ผักขาสุขภาพแข็งแรงกันยกใหญ่หลังจากที่แจ้งข่าวให้ทุกคนในครอบครัวทั้งฝ่ายของผักขาและของนายน์ได้รับรู้ว่าผักขากำลังตั้งท้องมีหลานให้ได้อุ้ม พอทุกคนรู้ต่างก็พากันดีใจเพราะจะได้อุ้มหลานสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านมา 4 เดือนแล้วและตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาตัวผักขานั้นไม
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*เหตุการณ์หลังจากงานแต่งงาน1อาทิตย์ทินภัทรหลังจากที่พี่นายน์ได้ขอผมแต่งงานที่บ้านของเขาในวันนั้นและผมได้ตอบตกลงไป 2เดือนต่อมางานแต่งของผมและพี่นายน์ก็ได้จัดขึ้นอย่างอลังการ โดยงานแต่งในครั้งนี้ทางฝั่งพ่อแม่ของพี่นายน์เป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทุกอย่างเลย ส่วนทางของผมทำเพียงแค่ลองชุดและรอเดินเข้าพิธีก็เท่านั้นแล้วถ้าจะถามว่าในตอนนี้ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ก็กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ะสิอ่ะ ๆ อย่าพึ่งคิดไปไกลกับคำว่าหมดสภาพของผมนะ ที่ผมบอกว่าหมดสภาพคือหมดสภาพในการอ้วกจนเหนื่อยและหน้ามืดต่างหากล่ะ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงมีอาการแบบนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณคงจะเดาออกกันได้ เพราะอาการแบบนี้มันมีไม่กี่อย่างหรอกใช่แล้วล่ะครับ ในตอนนี้ผมกำลัง
"คุณพ่ออออ"ชนาธิปร้องเรียกผู้เป็นพ่อเสียงหลง เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเข้าใจนั้นผิดไปส่วนด้านผักขาที่เข้าใจผิดไม่ต่างกับคนรักก็ยืนเบิกตากว้างอ้าปากเหวอ ก่อนที่จะหันไปสบตากับผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยใบหน้าเอียงอายแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกับความเข้าใจผิดของตัวเอง"ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณน้าคุณอาวุ่นวาย เป็นผักเองที่เข้าใจผิดและคิดไปเองจนทำให้ทุกคนต้องมาทะเลาะกันแบบนี้"ผักขาก้มหน้าเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา"อ่ะ หนูผักไม่ต้องขอโทษเลยลูก หนูผักไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยหนูผักจะขอโทษทำไมจ๊ะ อีกอย่างคนที่ผิดจริง ๆ คือตานายน์ต่างหากที่มาชวนทะเลาะ"คุณหญิงรตรีรีบเอ่ยพูดกับโอเมก้าตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทันที ก่อนที่ช่วงท้ายจะหันไปพูดและมองหน้าลูกชายตาขวาง"คุณแม่ครับบบ"นายน์ที่เห็นมารดามองตัวเองตาขวางก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อน แต่ทว่ารตรีกับพูดสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็ง"อะไร ไม่ต้องมาเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเลยนะ บอกเลยไม่ใจอ่อนให้หรอกนะบอกไว้ก่อน""คุณประสิทธิ์ชัย....ดูเมียของคุณทำกับลูกชายของคุณสิ"เมื่อเห็นว่าพูดกับผู้เป็นแม่
"หนูคิดดีแล้วเหรอที่มาคบกับตานายน์ลูกชายของฉัน"ทันทีที่จบประโยคคำถามของประสิทธิ์ชัยผู้เป็นบิดาของคนรัก ท่าทีของผักขาจากที่เกร็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็นั่งเกร็งมากกว่าเดิมพลางใบหน้าหวานก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้เห็น"......"ผักขานั่งบีบมือเม้มปากเข้าหากันแน่น พลันหัวสมองก็นึกคิดไปต่าง ๆ นานาว่าพ่อแม่ของคนพี่ต้องไม่ชอบตัวเองเป็นแน่ ถึงได้ถามออกมาอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะฐานะทางบ้านของตัวผักขาเองที่ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ต่างจากทางฝั่งของนายน์ที่เป็นผู้ดีมีตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมและร่ำรวยมหาศาลตัวของผักขาคงจะไม่เหมาะสมกับลูกชายของพวกท่านทั้งสองทินภัทรยังคงนั่งก้มหน้านัยน์ตาแดงก่ำจมอยู่กับความคิดในหัวของตัวเอง ทางพ่อและแม่ของนายน์ที่นั่งรอคำตอบจากคนร่างบาง แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาก็ไม่เอ่ยตอบอะไรแถมยังหน้าก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ามาสบตา ก่อนที่คุณหญิงรตรีจะหันพยักหน้าให้สามีเป็นสัญญาณว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่า
2เดือนต่อมาหลังจากวันที่ชนาธิปขอผักขาเป็นแฟน ในวันนี้ก็ผ่านมาแล้ว2เดือนที่คนทั้งสองได้ตกลงคบหาดูใจกัน ใช่แล้วล่ะทุกคนอ่านไม่ผิดกันหรอก ในวันนั้นผักขาได้ตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนกับนายน์และในตอนนี้เองผักขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นเครื่องบินลัดฟ้ามาที่กรุงเทพกับนายน์ เพื่อที่จะมากินข้าวกับครอบครัวของคนพี่เพราะพวกท่านทั้งสองนั้นอยากจะทำความรู้จักกับผักขา ผักขาก็เลยต้องนั่งเครื่องบินขึ้นมาอย่างที่เห็นแต่เดิมทีผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นอยากที่จะเจอผักขานานแล้วล่ะ เพราะทันทีที่ผักขาตกลงคบหากับคนพี่ วันต่อมาคนอายุเยอะกว่าอย่างนายน์ก็โทรไปเล่าให้บิดาและมารดาฟังทันทีว่าตนนั้นได้มีแฟนแล้ว จนผักขาที่เห็นนายน์เล่าไปยิ้มไปอดที่จะส่ายหัวไปมากับความเห่อไม่ได้และตลอดระยะเวลา2เดือนที่นายน์ลาพักร้อนกับผู้เป็นพ่อและมาอาศัยเที่ยวเล่นอยู่ที่บ้านของเขาตั้งแต่ตกลงคบกัน ด้านพ่อกับแม่ของนายน์ก็โทรมาบอกให้ลูกชายพาผักขาไปรู้จักกับพวกท่านอยู่บ่อยครั้งแต่ทว่าผักขาก็หาข้ออ้างต่าง ๆ มากมายมาบ่ายเบี่ยงตลอด เพราะตัวของผักขานั้นยังกังวลกลัวว่าพ่อแม่ของแฟนหนุ่มนั้นจะ
"เอาล่ะพี่ทำให้หนูผักเสร็จแล้ว ทีนี้ถึงตาของพี่แล้วนะครับคนดี หนูผักช่วยถอดกางเกงให้พี่นายน์หน่อยสิ ถอดมันด้วยปากของหนูผักนะครับ หึหึ"จบประโยคนายน์ก็ดันคนน้องที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ให้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ส่วนตัวเองก็เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนหมด เผยให้เห็นลอนกล้ามที่ซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นดูแลร่างกายอย่างดีแค่ไหน"เป็นคนหื่นกามแบบนี้เหรอเนี่ย"ผักขาบ่นพึมพำออกมาเบา ๆผักขาที่นั่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อยู่ปลายเท้าของนายน์เผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก พลางนัยน์ตาสวยก็ช้อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมที่มองมาที่ตัวเองด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนที่ผักขาจะตัดสินใจเดินเข่าเข้าไปแทรกตรงกลางหว่างขาของนายน์อย่างช้า ๆ พลันในหัวก็เอ่ยบ่นตัวเองไปด้วยทำบ้าอะไรของมึงอยู่เนี่ยผักขา ฮื้อออเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว แต่จะถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย ดันไปปากดีกับพี่มันไว้อีก เอาว่ะ! มาขนาดนี้แล้วก็ไปมันให้สุด!"อ่าาาส์ คนดีหนูจะทำให้พี่หัวใจวายตายเอานะครับ"นายน์ครางต่ำในลำคอพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองก