บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารของวันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกคนต่างอิ่มเอมไปกับอาหารที่ดูจะอร่อยกว่าทุกวันโดยเฉพาะราเมศและกรกนก
“ริศา เราไปเดินเล่นย่อยอาหารในสวนกันไหม” ไอริสเอ่ยชวนริศาหลังจากที่ทานมื้อเย็นกันจนอิ่มหมดแล้ว
“ไปค่ะ ริศาชอบไปเดินเล่นในสวนเหมือนกัน”
“งั้นดีเลย พี่จะชวนไปดูกุหลาบที่พี่ปลูกไว้” ว่าแล้วทั้งสองว่าที่สะใภ้ของบ้านก็เดินพากันไปยังสวนหลังบ้านที่มีต้นไม้ดอกไม้สวยงามเต็มไปหมด โดยที่รามกับเตมินทร์พออิ่มแล้วก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นห้องประจำของพวกเขาเพื่อหาแอลกอฮอล์ดื่มต่อ จะเหลือแค่ราเมศกรกนกและเรียวตะที่ยังคงนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องงานแต่งงานที่จะมาถึง
ด้านราม…
พรึบ!
รามทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรงด้วยความรู้สึกเหนื่อยที่ต้องทำอะไรขัดใจตัวเองอยู่ตลอดเวลาในระหว่างที่นั่งร่วมวงทานอาหาร
“หึ! ไง เอาซะเนียนเลยนะ แต่ก็ดี พ่อแม่หน้าตาสดชื่นดี แต่จะดีมากถ้าแกไม่ได้แค่แกล้งทำเพราะฉันก็นึกห่วงๆถึงจิตใจเพื่อนของฉันเหมือนกัน” เตมินทร์เปิดประเด็นพูดในขณะที่มือก็รินเหล้ายี่ห้อโปรดลงใส่แก้วให้พี่ชายด้วย ที่เขาพูดไปนั้นมันออกมาจากใจ เพราะถึงเขาจะอยากให้พ่อกับแม่รู้สึกดียังไงแต่จิตใจของริศาก็สำคัญมากเหมือนกัน
“ทำไมแกไม่คิดชอบริศาจริงๆบ้างว่ะ มันก็ออกจะสวยขนาดนั้น”
“แล้วทำไมแกไม่ชอบเอง” รามย้อนถาม
“บ้า ฉันโตมาด้วยกัน ถ้าจะชอบคงชอบไปนานแล้ว”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“ทำอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ โอ๊ะ! ดื่มกันอีกแล้วเหรอ?” ในขณะที่สองพี่น้องกำลังพูดคุยถึงเรื่องของริศอยู่ กรกนกที่หายโกรธรามแล้วก็เดินเข้ามาหาลูกๆเหมือนเช่นเคย แต่ก็ต้องชะงักไปกับแก้วเหล้าทั้งสองใบที่วางอยู่
“นิดหน่อยครับ ย่อยอาหาร” เตมินทร์บอกยิ้มๆ
“วันนี้พาน้องมาด้วยนะราม เราไม่ควรดื่ม”
“ครับ” คนพี่วางแก้วลงอย่างว่าง่ายโดยไม่ขัดใจแม่
“แม่ดีใจนะที่รามเริ่มเปิดใจให้ริศาแล้ว” คนเป็นแม่พูดไปก็ยิ้มไปอย่างไม่รู้อะไรเลย เพราะเธอมัวแต่โฟกัสกับการเชียร์ให้รามรักกับริศาอยู่จนลืมไปว่ารามเองก็แอบรักไอริสมาหลายปี คงไม่ง่ายนักที่จะเปลี่ยนใจมารักกับริศาในเร็วๆนี้
“ถ้าแม่ชอบผมจะพามาบ่อยๆครับ”
“จริงนะ อย่าโกหกแม่ล่ะ” ยิ่งคนเป็นลูกแสดงถึงการเริ่มมีใจให้อีกคนเท่าไหร่ กรกนกก็ยิ่งเริ่มฝังใจไปแล้วว่าเขาคงตัดใจจากไอริสได้จริงๆ ใบหน้าสวยของหญิงวัยกลางคนดูแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับลูกชายคนเล็กที่ลอบส่ายหน้าอยู่หลายครั้งจนพี่ชายต้องหันไปเขม็งตาเขียวใส่
“ต้นเดือนหน้าก็วันเกิดรามแล้วหนิลูก ปีนี้คิดจะจัดไหม”
“คงไม่จัดอะไรเหมือนเดิมครับ เข้ามากินข้าวกับแม่ก็พอ” รามบอกกลับไปอย่างนั้น เพราะวันเกิดตัวเองทุกปีก็ไม่เคยคิดจะจัดงานเลี้ยงอะไรอยู่แล้ว จะมีก็แค่นั่งสังสรรค์ในหมู่เพื่อนๆธรรมดาๆ
“ไม่ได้สิ ปีนี้ลูกต้องมีอะไรพิเศษบ้างนะ อย่างน้อยก็พาริศาไปเจอกับเพื่อนๆเราบ้างไปสังสรรค์กัน ให้น้องรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นคนอื่นสำหรับราม”
“…”
“เชื่อแม่นะ หนูริศาน่ารักจะตาย เพื่อนๆต้องอิจฉาลูกแน่ๆ”
“ก็ได้ครับ” เขาตอบรับคำของแม่ไปอย่างว่าง่ายเช่นเดิม นั่นก็ยิ่งทำให้คนเป็นแม่ยิ้มแก้มปริเข้าไปใหญ่
ด้านริศา…
“พี่ไอริสเก่งจังค่ะ ริศาอยากปลูกให้ได้สวยๆแบบนี้บ้างจัง” เสียงใสเอ่ยชื่นชมดอกกุหลาบสีแดงสดที่อยู่ตรงหน้าพร้อมๆกับคนที่ปลูกมันขึ้นมาด้วย
“ต้องชมลุงคนสวนนะ เพราะพี่ก็แค่เอามันมาฝากเขาปลูกไว้เอง”
“อ๋อ งั้นเหรอคะ จะว่าไปกุหลาบแดงก็เหมาะกับพี่ไอริสดีนะคะเนี่ย”
“ทำไมเหรอ”
“ก็พี่ไอริสทั้งสวย ทั้งเปรี้ยวดูมีความมั่นใจอยู่ตลอดเวลา ดูมีอะไรให้ค้นหามีเสน่ห์เหมือนดอกกุหลาบสีแดงเลย”
“โอ้ย~ชมกันเกินไปแล้วเด็กคนนี้ ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่สิ” ไอริสยิ้มกริ่มนึกเอ็นดูกับอีกคนที่ช่างพูดช่างเจรจาเหมือนที่กรกนกพูดไว้ไม่มีผิด
“ริศาก็น่ารักเหมือนกันน้า”
“จริงเหรอคะ แกล้งชมกลับหรือเปล่าเนี่ย”
“พี่พูดจริง ริศาน่ะเป็นคนสวยนะ ลองมั่นใจในตัวเองมากๆสิ หรือไม่ก็ลองปรับการแต่งตัวดูใหม่ให้เฉี่ยวขึ้น รับรองว่ารามไม่หลุดมือไปไหนแน่”
“หือ? พี่รามชอบผู้หญิงเปรี้ยวๆอย่างนั่นเหรอคะ”
“…” อยู่ๆไอริสก็หยุดเงียบไปเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเผลอพูดอะไรออกมา จริงๆแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ริศาหันมาเปลี่ยนตัวเองให้คล้ายกับเธอ แต่เป็นเพราะเธอรู้ว่ารามชอบผู้หญิงแบบไหนจึงคิดที่จะให้คนตัวเล็กลองปรับเปลี่ยนดู เพื่อที่จะมัดใจเพื่อนของเธอไว้ ไม่ได้มีเจตนาเปรียบเทียบตัวเองกับอีกคนแต่อย่างใด
“ว่าไงคะพี่ไอริส”
“ห๊ะ! เอ่อ ใช่จ้ะประมาณนั้น”
“ว้า! แย่จังที่ริศาเป็นคนละอย่างกับที่พี่เขาชอบเลย” ใบหน้าสวยหงิกงอลงเมื่อมองดูตัวเองแล้วไม่มีอะไรที่คู่หมั้นหนุ่มจะชื่นชอบได้เลย เธอรู้ว่าตัวเองเป็นคนสวยคนหนึ่ง แต่ก็ยังคงขาดความมั่นใจอยู่มาก
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ที่ริศาเป็นอยู่ก็น่ารักมากแล้ว”
“พี่ไอริสสนิทกับพี่รามมากไหมคะ” อยู่ๆริศาก็ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังจนไอริสนึกแปลกใจ
“ก็…ก็ระดับนึงจ้ะ แต่ก็ไม่ได้สนิทมากถึงขนาดแบบพวกเพทายกับเสือเพราะมาเจอกันตอนเรียนอยู่มหมาลัยแล้ว และอีกอย่างพี่ก็เป็นผู้หญิงด้วย”
“แต่ก็พอรู้ว่าพี่รามชอบอะไรไม่ชอบอะไรใช่ไหมคะ”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“พอดีริศาอยากหาคนปรึกษาน่ะค่ะ จะคุยกับเตก็ชอบล้อ ริศาเขิน”
“ฮ่าๆ แบบนั้นเองเหรอ ได้สิ มีอะไรก็ถามพี่ได้เลยพี่พร้อมตอบ” ไอริสยิ้มชอบใจในความใสซื่อแต่ตรงไปตรงมาของอีกคน เธอพอจะดูออกว่าริศานั้นมีใจให้รามจริงๆไม่ใช่แค่หมั้นเพราะถูกบังคับ จึงไม่ติดใจเลยถ้าคนตรงหน้าจะขอคำปรึกษาอะไรจากเธอ เธอรอเวลานี้มานานแล้ว รอให้ใครสักคนมาทำให้ใจของรามเปลี่ยน เพื่อที่เธอจะได้เพื่อนคนเดิมกลับมา และริศานี่แหละที่จะเป็นคนคนนั้น เธอมั่นใจแบบนั้นจริงๆ…
หลังจากเดินชื่นชมสวนดอกไม้ของบ้านใหญ่จนพอใจแล้วก็ถึงเวลาที่ริศาและรามจะต้องกลับ กรกนกที่ยังคงอยากให้คนตัวเล็กอยู่พูดคุยกับตนก่อนก็อ้อนอยากให้ทั้งสองค้างที่บ้าน ทว่าวันรุ่งขึ้นริศานั้นมีเรียนในตอนเช้าจึงต้องปฏิเสธไป กรกนกก็จำใจต้องปล่อยให้ทั้งคู่กลับทั้งที่ยังอยากให้อยู่ก่อน
…หอพักริศา…
“ขอบคุณนะคะพี่ราม” ริศาหันบอกกับคนด้านข้างด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากที่รามขับรถพาเธอมาส่งที่หน้าหอพัก วันนี้เธอรู้สึกดีมากจนทำให้ใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“…” รามจึงพยักหน้าตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเรียบเหมือนเช่นเคยแต่ไม่ได้เย็นชาเหมือนแต่ก่อน
“ขับรถกลับดีๆนะคะ” ริมฝีปากบางจึงยกยิ้มและกล่าวกับเขาอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถและเดินเข้าหอพักตัวเองไปด้วยอารมณ์ที่สุขในใจอย่างบอกไม่ถูก ผิดกับรามที่พอเห็นเธอหายเข้าไปภายในอาคารแล้วจึงทอดถอนลมหายใจหนักๆออกมา ดวงตาคมจ้องมองไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองอย่างรู้สึกไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับแหวนที่สวมใส่อยู่เลยสักนิด
พรึบ!
ที่สุดเขาก็ถอดมันออกและเก็บมันยัดลงไปในลิ้นชักลับที่เดิมอย่างไม่แยแสและขับรถออกไปจากตรงนั้น…
หนึ่งเดือนต่อมา…
หลังจากวันที่รามพาริศาไปทานข้าวที่บ้านเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย กระทั่งวันนี้ที่เขาส่งข้อความมา
ข้อความ
ราม : พรุ่งนี้วันเกิดฉัน เตรียมตัวไว้ตอนเย็นจะไปรับ
ทันทีที่ได้อ่านข้อความที่รามส่งมาริมฝีปากบางของริศาก็เอาแต่ยิ้มไม่ยอมหุบ เธอรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเขาแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาพาเธอไปไหน พอเขาส่งข้อความมาแบบนี้จึงทำให้เธอตื่นเต้นในหัวใจเป็นอย่างมาก มันจะเป็นปีแรกที่เธอได้อยู่กับเขาในวันสำคัญ แค่คิดเธอก็มีความสุขมากพอแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยถ้าถึงเวลานั้นจริงๆหัวใจของเธอมันจะพองโตมากแค่ไหน ริศาคิดไปก็ยิ้มไปคนเดียวกระทั่ง…
“เป็นอะไรน่ะ ยิ้มคนเดียวอยู่ได้” แป้งร่ำที่นั่งอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่เอ่ยแซวเพื่อนเมื่อบังเอิญเหลือบตาไปเห็นในขณะที่ทั้งสองนั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารคณะเรียนของตัวเอง
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“อย่ามา ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม มีความรักเหรอ”
“บ้าน่า กินข้าวไปเลยแป้ง” คุณถูกแซวแกล้งกลบเกลื่อนอาการเขินด้วยการตักต้มจืดเต้าหู้ในถ้วยใส่ในจานข้าวให้เพื่อน ทว่าก็ยังตักผิดตักถูกจนก้อนเต้าหู้มันหล่นลงไปอยู่ข้างๆจาน
“หกหมดแล้วริศาจะเขินอะไรขนาดนั้น”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย”
“จ้า ไม่เขินเลย หน้านั่นแดงไปหมดแล้วน่ะ”
“น้ำมาแล้วจ้า โอ๊ะ! ทำไมหน้าแดงงั้นอ่ะริศา ร้อนเหรอ” มะนาวที่เดินกลับมาจากซื้อน้ำให้ทุกคนเอ่ยถามขึ้นพลางมองใบหน้าเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่นไม่หยุด
“นี่หน้าฉันแดงจริงๆงั้นเหรอ” ริศาที่ไม่คิดว่าความเขินของตัวเองมีมากขนาดนั้นก็รีบถามเพื่อนกลับ โดยที่เพื่อนๆทั้งสองก็พยักหน้าตอบกลับให้คำตอบเดียวกันว่า ใช่ หน้าเธอขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อจริงๆ
“อากาศรง อากาศร้อนอะไรกันมะนาว ที่ริศาหน้าแดงก็น่าจะเป็นเพราะว่าเห็นอะไรในมือถือนั่นต่างหากล่ะ ฉันเห็นแอบยิ้มอยู่คนเดียวตั้งนาน” แป้งร่ำบอกพร้อมชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือเพื่อน
“นี่เธอแอบดูรูปซิกแพคผู้ชายคนเดียวไม่แบ่งพวกฉันงั้นเหรอริศา”
“จะบ้าเหรอมะนาวใครจะไปดูรูปแบบนั้นกัน”
“แล้วที่ยัยแป้งบอกคือ?”
“มะ…ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวกันเถอะ” คนถูกเพื่อนจับผิดทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องหันมาสนใจข้าวในจานของตัวเองและตักมันเข้าปากต่อ แต่ก็ยังไม่วายถูกสายตาสองคู่ของเพื่อนสองคนมองเอาอย่างคาดคั้น
“…” ส่งผลให้ริศากลืนข้าวแทบจะไม่ลงต้องหันไปยิ้มแห้งๆและถอนหายใจ
“เฮ้อ~บอกก็ได้” ที่สุดคนตัวเล็กของกลุ่มก็จำต้องเล่าถึงที่มาที่ทำให้ตัวเองนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวให้เพื่อนฟัง และพอเพื่อนทั้งสองได้รู้เหตุผลก็พากันยิ้มชอบใจ ถึงพวกเธอจะไม่เคยเห็นหน้าคู่หมั้นของเพื่อนเลยแต่เวลาที่ริศาเอ่ยถึงผู้ชายคนนั้นทีไรก็มักจะมีรอยยิ้มเขินๆออกมาให้เห็นทุกที และถึงริศาจะต้องหมั้นเพราะผู้ใหญ่จัดการให้แต่มะนาวและแป้งร่ำก็รู้สึกได้ว่า ที่ริศายอมหมั้นด้วยมันไม่ใช่แค่การถูกบังคับ
“เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นต้องปิดพวกฉันเลย” แป้งร่ำกล่าวยิ้มๆ
“นั่นสิ ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย” มะนาวจึงเสริม
“ฉันกลัวพวกเธอล้อฉันนี่”
“ฮ่าๆ พวกฉันไม่ล้อก็ได้ ว่าแต่จะไปวันเกิดเขาเตรียมตัวหรือยัง”
“เอ่อ…ยังเลย เธอช่วยฉันหน่อยสิมะนาว”
“หือ? ยังไง?”
“…” ริศามองหน้าเพื่อนทั้งสองยิ้มๆพลางนึกไปถึงคำที่ไอริสพูดกับเธอเมื่อครั้งที่ได้ไปเจอกันที่บ้านของราม
“ริศาน่ะเป็นคนสวยนะ ลองมั่นใจในตัวเองมากๆสิ หรือไม่ก็ลองปรับการแต่งตัวดูใหม่ให้เฉี่ยวขึ้น รับรองว่ารามไม่หลุดมือไปไหนแน่”