1
ไอริส
@สนามแข่งรถxxx
ณ.สนามแข่งรถขนาดใหญ่แถบชานเมืองของสามหนุ่มจากตะกูลมั่งคั่ง ราม เสือและเพทาย สามหนุ่มที่รักในความเร็วรวมตัวร่วมทุนกันเปิดสนามแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อทำธุระกิจและสนองความชอบด้วยกัน
ภายในพื้นที่อันกว้างขวางไม่ได้มีแค่เพียงสนามแข่งรถหรูยี่ห่อดังต่างๆเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีรวมไปถึงโรงแรมขนาดย่อม ฟิตเนสและร้านอาหารหรูหราเปิดให้ใช้บริการอีกด้วย…
ตึก!
ตึก!
เสียงฝีเท้าหนาของหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่เดินเข้ามาภายในโซนห้องพักที่พวกเขามักจะใช้พื้นที่ตรงนี้ในการนั่งเล่นหรือนั่งรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ
“ไง หน้าเหนื่อยมาเชียวมึง” เสือ หนุ่มหล่อเหลาหน้าเจ้าเล่ห์ทว่ามีเสน่ห์แบบพวกเพลย์บอยเอ่ยถามยังเพื่อนตัวสูงที่เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆกัน
“มันก็หน้าแบบนี้ทุกวัน มึงไม่ชินหรือไง” เพทาย ผู้ชายสุขุมดูอบอุ่นแต่นัยน์ตาแฝงไปด้วยความหลักแหลมและจับสังเกตทุกคนตลอดเวลาพูดแย้งขึ้นพลางเดินไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงมาวางบนโต๊ะอย่างรู้ใจเพื่อน เสือที่นั่งอยู่ตรงนั้นจึงไม่รอช้าจัดการรินน้ำสีสวยใส่แก้วทั้งสามใบ การได้ดื่มและนั่งคุยกันไปกลายเป็นกิจกรรมประจำที่พวกเขากันทำเกือบทุกวัน
“ก็ชินนั่นแหละแต่อยากถาม ตกลงมึงเป็นอะไร” เสือยังคงเอ่ยถามต่อ
“…” ทว่าก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากเพื่อนหน้านิ่ง นอกจากท่าทีจับแก้ววิสกี้ขึ้นมากระดกดื่ม และควักซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจุดสูบ
“หึ! ท่าทางแบบนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องแม่บังคับให้ไปเจอน้องคู่หมั้นคนสวย ก็คงเป็นเรื่องที่ยัย…”
“หุบปาก!” เสียงเข้มตวาดขึ้นขัดเพทายเพื่อนผู้ที่รู้ทางเขาทุกอย่างให้หยุดพูดถึงใครบางคนในทันที
“อ๋อ! เรื่องที่ไอริสกลับมา” ทว่าห้ามคนนี้แต่เพื่อนอีกคนก็ไม่วายเอ่ยชื่อขึ้นมาให้ขัดใจจนได้
“มึงยังไม่ตัดใจอีกเหรอ ตัวเองก็มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนมาจะเป็นปีแล้ว ส่วนยัยนั่นก็กำลังจะกลายมาเป็นพี่สะใภ้มึง” แถมเสือยังตอกย้ำถึงสถานะของเขากับผู้หญิงอีกคนให้มันเจ็บลึกลงไปอีก
ไอริส…ที่เพื่อนของเขากำลังพูดถึงก็คือ เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนหนึ่งที่เจอกันสมัยเรียนมหาลัย ทว่ารามกลับไม่คิดกับเธอเพียงแค่เพื่อน และใช่…เขาคิดกับเธอเกินเลยไปมากกว่านั้นโดยที่เธอไม่เคยรู้ตัวเลย จนกระทั่ง…
“เธอจะคบกับเรียวตะมันไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
“นายเป็นอะไรของนายน่ะราม ฉันกับพี่เรียวตะเรารักกัน แล้วพี่เรียวตะก็เป็นคนดี นายจะมาห้ามฉันทำไม”
“แต่ฉันเจอเธอก่อน แล้วก็ชอบเธอมาก่อนมันด้วย”
“ราม! นายพูดบ้าอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแต่ฉัน…”
“หยุดนะ! ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับนาย แล้วถ้านายยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอยู่ หยุดคิดแบบนี้กับฉัน”
วันนั้นที่เขาสารภาพกับเธอ คือวันที่ได้รู้ว่าเธอกำลังตกลงคบหาดูใจกับพี่ชายต่างมารดาของเขา ซึ่งทั้งคู่ได้พบเจอกันเพราะไอริสมักจะแวะเวียนไปเที่ยวเล่นที่บ้านเขาบ่อยๆเหมือนเพื่อนผู้ชายเขาอีกสองคน แต่เขาไม่คิดเลยว่าการที่เธอกับพี่ชายของเขาได้พบเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งจะทำให้ทั้งสองสามารถปลูกต้นรักร่วมกันได้ คิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองที่ทำให้ทั้งสองได้ไปเจอกัน
“เฮ้! พูดถึงชื่อแค่นี้ถึงกับเหม่อเลยหรือไง มึงนี่เป็นเอามากนะราม”
“มึงก็เพลาๆแกล้งมันหน่อยเถอะเสือ ชอบเล่นกับความรู้สึกคนนักหรือไง”
“หึ! มึงเงียบไปเลยเพทาย มึงนั่นแหละตัวดี ยิ่งกว่ากูอีก”
ปึก!
“มึงสองคนนั่นแหละ หูบปาก” รามกระแทกแก้วลงบนโต๊ะพร้อมปรับสีหน้าให้บึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม ทั้งเสือและเพทายจึงได้หยุดเอ่ยถึงในเรื่องที่เพื่อนอีกคนไม่ชอบใจ
“เออๆขอโทษกูก็แค่เป็นห่วง งั้นเอางี้ไหมเดี๋ยวคืนนี้กูพาไปปลดปล่อย รับรองว่ามีแต่เด็ดๆ” เสือเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการชวนเพื่อนไปทำเรื่องอย่างว่าตามแบบผู้ชายๆ ทว่ารามก็ส่ายหน้าอย่างไม่นึกมีอารมณ์
“งั้นไปนั่งร้านเดิมไหม ที่นั่นก็เด็ดเหมือนกัน” เพทายจึงเสนอบ้างซึ่งร้านเดิมที่เขาว่าก็คือร้านเหล้าของเพื่อนที่รู้จักกันอีกคน เป็นสถานที่ที่พวกเขาไปกันบ่อยๆในยามที่อยากดื่มหนักๆแล้วหาสาวๆสวยๆที่ถูกใจไปต่อด้วยกัน
“ก็ดีนะ…มึงว่าไง” เพลย์บอยหนุ่มอย่างเสือกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันทีพลางหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหน้านิ่งต่ออีกครั้ง
“อืม” ซึ่งครั้งนี้รามก็ตอบตกลงเพราะจริงๆแล้วเขาก็รู้สึกเบื่อๆ ไปนั่งดื่มชิลๆคงทำให้อารมณ์เขาดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
อีกด้าน…
“มันเว้าลึกไปไหมอ่ะแป้ง”
“ไม่หรอก เชื่อฉันสิว่ายัยมะนาวเห็นแล้วจะต้องกรี๊ด”
“ไม่เอาดีกว่า ฉันใส่ชุดที่ฉันมีอยู่ในตู้นี่แหละ”
“ไม่ได้นะ ยัยมะนาวกำชับมาว่าเราต้องใส่ชุดที่นางสั่งมาให้กัน”
“ฮือๆ อะไรของมะนาวเนี่ย”
“ใส่ๆไปน่าอย่าบ่น”
เสียงสองเพื่อนสนิทกำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องชุดที่ต้องใส่ไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสนิทอีกคนในค่ำคืนนี้ โดยริศาที่นานๆทีจะถูกจับแต่งตัวก็มีความอิดออดเพราะชุดที่เพื่อนรักส่งมาให้ใส่มันออกจะโป๊เกินความจำเป็นไปในความคิดของเธอ แต่สุดท้ายก็ต้องใส่ตามใจเพื่อนเจ้าของวันเกิดอย่างเสียไม่ได้ ไหนๆก็นานๆทียอมตามใจเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน
“ไหนดูซิ…ว้าว! ยัยมะนาวนี่เข้าใจเลือกให้เธอนะ” หลังจากยอมใส่ชุดนั้นเสร็จริศาก็เดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อให้เพื่อนสนิทที่ชื่อแป้งร่ำได้ช่วยดู โดยที่ตัวเองก็ยืนหันไปหันมาอยู่หน้ากระจก ถึงจะรู้สึกว่าช่วงหน้าอกมันเปิดมากไปหน่อยแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าชุดนี้มันก็เข้ากับเธออย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ
โดยปกติแล้วริศาไม่ใช่คนแต่งตัวเปรี้ยวหรือเซ็กซี่มากนัก เธอไม่ได้ขี้อายหรือไม่มั่นใจอะไร เพียงแค่รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยเธอจึงคิดว่าแต่งตัวให้มิดชิดไว้ก่อนดีกว่า เพราะช่วงเวลาปกติเธอก็อยู่ที่หอพักนี้คนเดียว แถมบางวันที่เธอเลิกเรียนหรือเลิกจากการทำงานพิเศษก็ค่อนข้างมืดค่ำ เธอก็เลยค่อนข้างแต่งตัวรัดกุมเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาใคร ถึงมันจะช่วยอะไรได้ไม่มากเพราะเอาจริงๆแค่พวกผู้ชายเห็นหน้าสวยๆของเธอก็แทบจะอยากแย่งกันเข้ามาทำความรู้จักแล้ว แต่มันก็ดีกว่าการที่เธอใส่เปิดนั่นโชว์นี่มากๆให้สะดุดตาไปอีก
“มา…ฉันแต่งหน้าให้” แต่มันก็มีบางครั้งที่จำเป็นต้องใส่ อย่างเช่นวันที่เธอต้องโดนเพื่อนๆของตัวเองลากไปเที่ยวด้วยกัน
ริศามีเพื่อนสนิทด้วยกันสองคนนั่นก็คือแป้งร่ำและมะนาว สองคุณหนูบ้านรวยที่ฐานะค่อนข้างต่างจากเธอเป็นอย่างมาก แต่ทั้งสองก็เลือกที่จะคบกับเธอเพราะความน่ารักจากนิสัยของเธอ แล้วก็ความอ่อนต่อโลกในบางครั้งที่ทำให้สองคนนั้นซึ่งเป็นคนไม่ยอมคนอยากจะปกป้องและดูแล ริศาจึงเปรียบเสมือนแมวน้อยของกลุ่มที่เพื่อนๆพากันทะนุถนอมแต่บางทีก็เป็นตุ๊กตาให้เพื่อนจับแต่งตัวเล่น
“ว๊าย! มันเริ่ดมากยัยริศาของฉัน จากลูกแมวน้อยกลายเป็นเสือสาวไปเลยฉันนี่ก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย” เสียงชื่นชมตัวเองไม่ขาดปากจากเพื่อนสนิททำให้ริศาต้องลุกขึ้นเดินไปส่องดูตัวเองที่กระจกบานใหญ่อีกครั้ง และก็ต้องอดยอมรับไม่ได้อีกนั่นแหละว่าเธอช่างดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ
“สามทุ่มกว่าแล้วเรารีบไปกันเถอะ” พอแต่งตัวให้เสร็จแป้งร่ำที่ลืมดูเวลาก็หันมาจัดแจงเก็บของและจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ตัวเองกับเพื่อนอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินทางออกไปยังร้านที่เพื่อนสนิทอีกคนรออยู่ที่นั่นแล้ว
@669 Bar…
ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เดินทางมาถึงที่ร้านดังกล่าว ซึ่งเป็นร้านเหล้าที่มักจะมีพวกนักศึกษาหรือลูกผู้ดีมีตังค์เข้ามานั่งดื่มกัน
“เฮ้! ทางนี้” ทันทีที่ทั้งสองเดินเข้ามาด้านในเจ้าของวันเกิดที่เป็นเพื่อนรักก็โบกไม้โบกมือตะโกนเรียกให้เข้าไปหา ท่ามกลางสายตาผู้ที่มาร่วมโต๊ะต่างก็หันมองมาทางริศาและแป้งร่ำกันอย่างสนอกสนใจ ริศารู้สึกประหม่านิดหน่อยกับสายตาพวกนั้น ผิดกับแป้งร่ำที่ดูจะชิลล์ๆเพราะมักจะออกเที่ยวกับมะนาวอยู่บ่อยครั้ง
“นี่ๆ มานั่งกันตรงนี้เลย” เจ้าของวันเกิดจัดแจงให้ริศามานั่งใกล้ๆเธอตรงกลางขนาบข้างกันกับแป้งร่ำ ดูไปก็คล้ายว่าเหมือนผู้ปกครองพาเด็กมาเที่ยว
“คนนี้ห้ามจีบนะ บอกไว้ก่อน” มะนาวเอ่ยบอกลอยๆกับเพื่อนผู้ชายสี่ห้าคนที่ดูจะสนใจในตัวริศาตั้งแต่เดินเข้ามา ไม่พูดเปล่าดวงตาเฉี่ยวที่กรีดอายไลเนอร์เส้นหนายังมองหน้าของเพื่อนชายพวกนั้นทีละคน
“โห่! ทำไมล่ะ เพื่อนเธอมีแฟนแล้วเหรอ“ ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะเอ่ยถามขึ้นเพราะก็รู้สึกสนใจในความขาวออร่าของคนตัวเล็กตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว
“ไม่มีหรอกแฟนน่ะ มีแต่นี่…” มะนาวตอบกลับเพื่อนผู้ชายคนนั้นไปด้วยการยกมือข้างซ้ายของริศาขึ้นมาให้ดูแหวน ชายหนุ่มที่เห็นอย่างนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่าคนที่ตัวเองสนใจมีคนตีตราจองไว้แล้ว
“เห้อ! มีเจ้าของแล้วซะงั้น ไม่ยุ่งก็ได้ครับ”
“ดีจ้ะ ไม่ยุ่งน่ะดีแล้ว” ถึงแม้จะไม่เคยเจอกันกับคู่หมั้นของริศา แต่มะนาวและแป้งร่ำก็รู้สึกว่ามันดีเหมือนกันที่ลูกแมวน้อยของกลุ่มมีแหวนวงงามติดไว้ที่นิ้วนาง เพราะมันสามารถทำให้พวกเธอกันผู้ชายที่เข้ามาเกาะแกะกับริศาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ชายกลุ่มนี้ที่มะนาวรู้จักเป็นอย่างดีในเรื่องราวของความเจ้าชู้กินไม่เลือก และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะให้มาเข้าใกล้เพื่อนรักของเธอแน่นอน
“วันนี้ต้องดื่มนะฉันกับยัยแป้งจะดูแลเธอเอง” มะนาวหันบอกกับริศา
“อืม! รู้แล้วแหละว่าต้องได้ดื่มน่ะ”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันก็แค่อยากให้เธอหัดดื่มไว้จะได้ไม่โดนใครมอมเอาง่ายๆ” คนห่วงเพื่อนพูดไปตามความจริงที่คิด ถึงริศาจะคอยมีพวกเธอดูแลอยู่ใกล้ๆเวลาไปไหนมาไหนกัน ทว่าในวันข้างหน้ามันก็คงต้องมีบ้างที่ริศาจะต้องเข้าสังคมโดยที่ไม่มีพวกเธออยู่ด้วย นี่จึงเป็นการดีที่จะได้ให้ริศาฝึกการใช้ชีวิตในแบบที่เธอเองอาจจะต้องได้เจอ
จากนั้นปาร์ตี้วันเกิดภายในโต๊ะใหญ่ก็เริ่มขึ้น ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จากที่ตอนแรกนั่งพูดคุยกันอยู่เฉยๆก็เริ่มมีการพากันลุกขึ้นเต้นส่ายไปมาตามจังหวะเพลงบ้าง จวบจนเวลาผ่านไปได้ไม่นานริศาที่คออ่อนกว่าเพื่อนก็รู้สึกมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” น้ำเสียงที่เริ่มฟังดูเนิบนาบเอ่ยบอกกับเพื่อน
“ให้ฉันพาไปไหม”
“ไม่ต้องๆ เธอเพิ่งจะไปเข้ามาเมื่อกี้เองแป้ง อยู่ดื่มกับมะนาวเถอะฉันไปเองได้ไม่ต้องห่วง” พูดจบร่างเล็กก็ลุกออกจากโต๊ะไปโดยที่ไม่ยอมให้เพื่อนตามไปด้วย เธอเดินไปตามทางด้วยความระมัดระวังไม่ให้เซไปมาเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเป็นห่วง จนก็กระทั่งพาตัวเองเข้ามาถึงภายในห้องน้ำได้โดยที่ไม่ล้มลงไป
“ฟู่ว~เก่งเหมือนกันนะเนี่ยเรา” คนรู้สึกชาไปหมดทั้งใบหน้าพึมพำกับตัวเองอยู่หน้ากระจกก่อนจะรีบเปิดน้ำในก๊อกและก้มลงไปล้างหน้าล้างตาตัวเองเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น และดีที่ว่าเครื่องสำอางที่เพื่อนเธอแต่งให้นั้นเป็นของดี ใบหน้าสวยที่ถูกเพื่อนสนิทบรรจงแต่งให้มาก็ยังคงสวยทนอยู่เหมือนเดิม
หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จริศาที่รู้สึกดีขึ้นจากตอนแรกมากจึงเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ทว่าระหว่างทางที่กำลังจะเดินกลับไปนั้น ไฟสลัวๆบวกกับไฟที่กระพริบไปกระพริบมาประดับตามทางเดินทำให้เธอเกิดรู้สึกมัวตาขึ้นมาอีกครั้ง และด้วยความไม่ทันจะได้ระวังอะไรนั้น…
ปึก!
“อ๊ะ!” จึงทำให้เธอเดินไปชนเข้ากับอกแกร่งของใครบางคนจนเซเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
หมับ!
ยังดีที่ว่ามีมือของใครคนนั้นที่เธอเดินไปชนคว้าเธอไว้ได้ทันเสียก่อน เธอจึงไม่ได้ล้มลงไปกอง แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะเงยหน้าขึ้นไปขอบคุณและขอโทษใครคนนั้นที่เดินชน ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่มี ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอคุ้นเคยดี บัดนี้เอาแต่มองจ้องหน้าเธอเรียบนิ่งไม่มีแม้แต่คำพูดอะไรออกมา
“พะ…พี่ราม”