“กินอะไรดีน้า” เสียงใสพึมพำกับตัวเองพลางมองร้านค้าร้านอาหารริมทางที่เคยนั่งกินอยู่ประจำ ด้วยว่าแถวที่เธออยู่นั้นมีหอพักสำหรับนักศึกษาอยู่เยอะทำให้ร้านรวงต่างๆก็เยอะหาซื้อหากินง่ายตามไปด้วย
“โอ๊ะ! มานีน้อยของพี่” และในขณะที่เธอกำลังเดินเลือกร้านที่จะเข้าไปซื้อของกินอยู่นั้น ก็มีลูกแมวน้อยตัวหนึ่งที่เธอเคยช่วยไว้จากการถูกหมาใหญ่ไล่กัดเดินเข้ามาคลอเคลียที่ขาขาว คนตัวเล็กจึงย่อตัวลงไปอุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมาลูบขนเล่นอย่างเอ็นดูเป็นที่สุด
“ไง คิดถึงพี่เหรอ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างมาเล่นด้วยเลย ไม่เจอกันแป๊บเดียวโตขึ้นเยอะเลยน้า” ริศายิ้มและพูดคุยเล่นกับเจ้าแมวน้อยราวกับว่ามันฟังเธอรู้เรื่อง ส่วนเจ้าแมวน้อยเองก็ออดอ้อนริศาด้วยการส่งเสียงโต้ตอบกลับไปอย่างเหมือนรู้ทุกอย่างที่คนตัวเล็กสื่อสาร
“สงสัยมันจะคิดถึงหนูจริงๆด้วยนะนั่น” เสียงป้าร้านกล้วยทอดที่เป็นคนรักแมวเหมือนกันเอ่ยบอกกับริศา และนี่ก็คือป้าคนที่คอยดูเจ้ามานีแมวน้อยน่ารักตัวนี้ไว้ให้เธอ เพราะว่าหอพักเธอไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์
“พอโตขึ้นแล้วขนก็นุ่มด้วยนะคะป้า” ริศาพูดไปก็ลูบขนนุ่มๆของแมวน้อยไปด้วย เธอจำได้ว่าตอนที่เจอมันวันแรกขนของมันยังไม่นุ่มขนาดนี้เลย
“นุ่มสิจ้ะ ก็กินแต่อาหารดีๆที่หนูคอยซื้อมาไว้ให้น่ะแหละ ขอบใจแทนเจ้ามานีมันด้วยนะลูก ถ้าหนูไม่คอยซื้ออาหารดีๆมาไว้ให้ ลำพังกำไรกล้วยทอดป้าแต่ละวันก็ไม่กล้าซื้อให้มันกินหรอก ไหนจะค่าหมอเดือนก่อนที่มันป่วยนั่นก็อีก”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าหนูเต็มใจ เสียดายก็แต่ที่หอหนูไม่ให้เลี้ยงสัตว์ไม่งั้นก็คงได้ลูบขนนุ่มๆนี้ทุกวัน”
“ไม่เป็นไรนะอยากลูบอยากเล่นก็มาที่นี่ได้ตลอดป้าจะคอยดูแลมันให้”
“ขอบคุณนะคะป้า งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรกินก่อนน้า ขากลับจะแวะเอาของเล่นมาให้” ริศาหันบอกกับแมวน้อยและวางมันลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆร้านกล้วยทอด ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ขนนุ่มอีกครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว หารู้ไม่ว่าการกระทำต่างๆทุกท่วงท่าของเธอนั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลและเขาก็มองเธออยู่ตลอดเวลา
“พะ…พี่ราม!” และเมื่อเธอหันมาเจอเข้ากับคนร่างสูงที่ยืนมองอยู่ ดวงตากลมสวยก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันทีอย่างไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้คะ”
“เดินตามเธอมา” รามตอบกลับเสียงเรียบเช่นเคย
“ทำไมพี่มาไวจังล่ะคะเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่พี่นัดไว้”
“ฉันมาทำธุระแถวนี้พอดี”
“งั้นเหรอคะแล้ว…เอ่อ”
“ฉันกลับไปคอนโดก่อนก็ได้ถ้าเธอยังไม่เสร็จธุระ” รามเอ่ยบอกพร้อมเตรียมจะหันตัวกลับเพื่อข้ามถนนไปที่รถของตัวเอง
“เดี๋ยวค่ะพี่ราม” ทว่าริศาก็รีบเรียกเขาไว้
“คอนโดพี่อยู่อีกทางเลยนะ ถ้าไม่รังเกลียดเรามาหาอะไรกินรองท้องกันก่อนดีไหมคะ แล้วค่อยไปบ้านพี่กัน” ริศาตัดสินใจเอ่ยชวนอีกคนไปด้วยความรู้สึกเกรงใจที่จะต้องขับรถกลับไปกลับมาเพื่อรับเธอ ทว่ารามก็ไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องหน้าเธอนิ่ง ริศาจึงคิดว่าเขาคงจะไม่ชอบใจนักที่อยู่ๆเธอทำเป็นเหมือนสนิทและชวนเขาหาอะไรกินด้วยกัน
“เอ่อ…เอาตามที่พี่รามสะดวกก็ได้ค่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร…ไปสิ” คนตัวสูงที่ยังคงมองหน้าเธออยู่เอ่ยบอกพร้อมพยักเพยิดหน้าให้เธอนำทางไป
“พี่รามทานอะไรมาหรือยังคะ แถวนี้มีแต่อาหารธรรมดาๆนะ พี่ทานได้ไหม” ริศาที่เดินนำรามไปตามทางและมองหาร้านที่จะนั่งกินไปด้วยเอ่ยถาม เธอเกรงว่าคนอย่างรามจะนั่งกินอาหารตามร้านธรรมดาๆอย่างนี้ไม่เป็นจึงไม่รู้ว่าจะเลือกร้านไหนพาเขาเข้าไปนั่งดี
“ฉันอยากกินร้านนั้น” แต่ผิดคาด รามกลับเป็นฝ่ายเลือกและชี้ไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟลูกชิ้นปลาที่อยู่ข้างหน้าเอง
“พี่รามทานได้แน่นะคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะร้านที่เขาเลือกเป็นแค่ร้านธรรมดาๆเล็กๆ
“เธอเคยกินร้านนี้ไหมล่ะ?” เขาถามเธอกลับ
“เคยสิคะ ร้านแถวนี้ริศากินมาหมดแล้วแหละ”
“อืม ถ้าเธอเคยกินแล้วไม่ตาย ฉันก็กินได้เหมือนกัน” ว่าจบร่างสูงก็เป็นฝ่ายเดินนำเธอเข้าไปในร้านที่เลือกไว้เอง ก่อนจะมองๆดูเมนูใหญ่ๆที่ติดไว้ตามผนังและหันบอกกับเธอ
“ฉันเอาเส้นใหญ่เย็นตาโฟไม่ใส่กระเทียมเจียว ไปสั่งให้ด้วย” ว่าจบมือหนาก็ควักโทรศัพท์ตัวเองออกมาก่อนจะกดจิ้มๆเลื่อนๆไปตามประสา รอให้อีกคนเดินไปสั่งอาหารตามที่ตัวเองบอกไว้ ริศาจึงเดินไปจัดการตามที่คนตัวสูงบอกและไม่ลืมเดินไปหยิบน้ำดื่มขวดพลาสติกในตู้แช่มาให้ด้วย
กระทั่งก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่ตัวเองสั่งได้แล้วรามจึงหันมาจัดการกินมันไปด้วยความหน้าตาเฉยไม่ได้มีท่าทางกินยากกินเย็นอะไร จะมีก็แต่…
“พี่รามไม่ปรุงเหรอคะ” ริศาถามคนที่ใช้ตะเกียบคีบเส้นเข้าปากอย่างชำนาญแต่ไม่คิดแม้แต่จะตักเครื่องปรุงใส่ถ้วยสักนิด เธอพอรู้มาว่าเขาไม่กินรสจัดแต่ก็ไม่คิดว่าจะกินอะไรจืดๆขนาดนี้
“แค่ในน้ำซุปโซเดียมก็สูงอยู่แล้ว แล้วฉันก็ไม่ชอบกินหวานๆเผ็ดๆด้วย” ปากหนาขยับพูดบอกทั้งที่ยังคงเคี้ยวไปด้วย
“…” ริศาที่กินรสชาติคนละขั้วกับอีกคนก็เอาแต่มองนิ่ง
“กินรสจัดมันไม่ดี ใส่พริกอะไรเยอะขนาดนั้น” รามมองก๋วยเตี๋ยวในชามของริศาที่มีสีแดงเพราะพริกที่เธอใส่ลงไปแล้วก็ทำเป็นส่ายหน้า
“ริศาชอบกินแบบนี้ค่ะ”
“แก่ตัวไปจะลำบากเอา” คนตรงข้ามพูดจนเธอเกือบจะไม่กล้ากิน แต่ทว่าก็ไม่ได้เชื่อฟังอะไรยังคงกินตามใจในรสชาติของตัวเองไปอย่างเดิม กระทั่งทั้งสองจัดการก๋วยเตี๋ยวในชามตัวเองจนหมด ริศาจึงเตรียมที่จะนำเงินออกมาจ่าย
“ไม่ต้อง” แต่รามกลับชิงลุกจากโต๊ะและเดินไปจ่ายเองก่อน
“แค่นี้เองริศาจ่ายได้นะคะ เมื่อวานพี่ก็จ่ายให้ริศาแล้วแถมยังแพงกว่านี้ตั้งหลายเท่า”
“ฉันไม่ชอบให้ผู้หญิงจ่าย”
“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วนี่พี่รามจะไปไหนต่อคะ หรือว่าจะขึ้นไปที่ห้องริศาก่อน”
“…”
“เอ่อ…ริศาไม่ได้หมายถึงว่า…เอ่อ…” คนที่รู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรผิดไปเพราะเขาเอาแต่มองหน้าก็รีบหาคำพูดใหม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดมันยังไง ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
“อะไรของเธอ?” รามหันมองคนตัวเล็กพร้อมเลิกคิ้วถาม
“ริศากลัวพี่คิดว่าริศาชอบชวนผู้ชายขึ้นห้องมั่ว”
“ไม่ต้องมาคิดแทนฉัน”
“ริศาแค่รู้สึกไม่ดีเวลามีใครมาเข้าใจริศาผิดๆค่ะ แค่วันนั้นที่เจอพี่ที่ร้านเหล้าริศาก็ไม่สบายใจแล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอกพร้อมก้มหน้าหลุบตาลงอธิบายสิ่งที่ตัวเองรู้สึก รามที่มองอยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ยืนมองท่าทางพวกนั้นไปอย่างพลางคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบาย เพราะฉันก็บอกแล้วว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรเธอขนาดนั้น” เขาบอกกับเธอแล้วจึงหันหน้าไปทางอื่น ริศาที่ได้ยินก็ได้แต่นิ่งนึกไปถึงวันที่เขาเจอเธอที่ร้านเหล้า
“ริศามางานวันเกิดเพื่อนค่ะ”
“จำเป็นที่ฉันต้องรู้เหรอ”
“ริศาแค่ไม่อยากให้พี่เข้าใจผิดค่ะ”
“ฉันไม่ได้ใส่ใจเธอขนาดนั้น”
“แล้วจะยืนบังหน้าร้านเขากันอีกนานไหม” เสียงเข้มเอ่ยถามทำให้ริศาที่มัวยืนเหม่ออยู่ได้สติ
“แล้วสรุปพี่รามจะ…”
“ไปรอบนห้องเธอ ฉันขี้เกลียดขับรถ”
“งั้นก็ได้ค่ะ” ริศาพยักหน้ารับรู้และเดินนำรามไปยังหอพักของตัวเอง พาเขาขึ้นไปถึงบนห้องของเธอด้วยกัน ถึงมันจะรู้สึกเขินๆอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ดีกว่าให้เขาขับรถกลับไปกลับมา เธอไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระมากกว่านี้แค่นี้เขาก็ไม่ชอบขี้หน้าเธอมากพอแล้ว
“แคบหน่อยนะคะ” พอประตูเปิดออกเธอก็บอกกับคนตัวสูงพร้อมกันนั้นก็เดินตรงไปที่โซฟาตัวเล็กสีชมพูเพื่อเก็บข้าวของที่วางไว้เกะกะให้เข้าที่ ส่วนรามก็กวาดสายตาสอดส่องไปเรื่อยยังห้องเล็กแต่เป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านนั้นก่อนจะเดินไปนั่งลง และ…
“นั่นพี่รามจะทำอะไรคะ” เสียงหวานเอ่ยถามโทนเสียงเข้มเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆรามที่นั่งลงแล้วก็ควักซองบุหรี่ขึ้นมาทำท่าจะจุดสูบโดยลืมไปว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
“โทษที ลืม…งั้นฉันไประเบียง?” เขามองหน้าบอกกับเธอแต่ไม่เชิงขออนุญาต เพราะพูดจบคนตัวสูงก็ลุกขึ้นจะเดินไปเลย
“สูบเยอะไม่ดีต่อร่างกายนะคะ ยิ่งกว่าทานอาหารรสจัดอีก แก่ตัวไปจะลำบากเอาค่ะ” ริศาย้อนคำพูดของเขาที่พูดกับเธอในร้านก๋วยเตี๋ยวกลับไปทำให้คู่หมั้นหนุ่มต้องหันหน้ากลับมามองเธออย่างเหมือนจะรำคาญปนหงุดหงิด
“อีกอย่างกลิ่นมันก็เหม็นด้วย” แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้นึกกลัวเขาแต่อย่างใด เพราะที่เธอพูดไปมันก็คือเรื่องจริง แถมห้องนี้มันก็เป็นห้องของเธอ เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เขาสูบในนี้ได้
“งั้นฉันลงไปสูบข้างล่าง เอาคีย์การ์ดมา” รามเดินกลับมาที่กลางห้องและแบมือไปขอคีย์การ์ดจากเธอ ริศาจึงจำใจต้องส่งให้ เพราะอย่างน้อยๆถ้าเขายอมลงไปสูบด้านล่างมันก็ทำให้ห้องเธอปลอดภัยจากควันบุหรี่ไปด้วย
“อาบน้ำแต่งตัวให้มันเร็วๆล่ะ อย่าให้ฉันรอนาน” พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปโดยริศาที่มองตามไปจนประตูห้องปิดลงก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยกลัวว่าคนตัวสูงจะเอาเรื่องกับเธอที่บังอาจยอกย้อนเขากลับไปแบบนั้น
“เฮ้อ~เตรียมตัวดีกว่า” แต่พอนึกได้ว่าคู่หมั้นหนุ่มบอกอะไรไว้ก่อนออกไป ร่างเล็กจึงขยับตัวรีบไปจัดแจงธุระของตัวเองในที่สุดเพื่อไม่ให้อีกคนรอนาน
ด้านล่าง…
“ฟู่ว~…” ร่างสูงยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่ด้านล่างของหอพักซึ่งมีที่จัดไว้ให้คนที่สูบโดยเฉพาะ สายตาคมกวาดมองไปรอบๆสังเกตสิ่งต่างๆไปเรื่อย โดยส่วนตัวเขาเองแม้เมื่อก่อนจะเคยเรียนอยู่ในรั้วมหาลัยแต่ก็ไม่เคยได้อยู่ในหอพักที่ออกจะแออัดเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างดีพ่อแม่ซื้อคอนโดหรูให้อยู่ตั้งแม่มัธยมปลาย อยากได้อะไรก็ได้ซึ่งผิดจากริศาที่เป็นคู่หมั้นของตัวเองโดยสิ้นเชิง
เขาจำได้ว่าเคยได้ยินแม่ของเขาพูดกับแม่ของริศา ว่าจะให้เธอเข้าไปอยู่ในคอนโดอีกห้องหนึ่งที่แม่ซื้อไว้ซึ่งตอนนั้นเธอเข้ามหาลัยปีหนึ่งพอดีและกำลังจะหมั้นกับเขา แต่ไปยังไงมายังไงหญิงสาวถึงเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่ได้ก็ไม่รู้ และเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะหลังจากหมั้นแล้วเขาก็แทบจะไม่อยากเห็นหน้าเธออีกเลย จะมีก็แต่แวะมารับตอนที่ถูกแม่เขาบังคับให้พาเธอไปที่บ้านเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่บ่อยนักแทบจะนับครั้งได้
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขามารับเธอเองโดยที่แม่ไม่ต้องบอกหรือบังคับ…แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะเขาอยากมา…
“ฟู่ว~~”
“ใช่พี่รามจริงๆด้วย”
ในขณะที่คนตัวสูงกำลังพ่นควันบุหรี่ทอดอารมณ์ไปเรื่อยอยู่นั้น ก็ได้มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูดีใจปนยั่วยวนอยู่ในที…