แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: ปอเปี๊ยะสตรอว์เบอร์รี
เสิ่นเจียรุ่ยมองเขาด้วยความตกตะลึง

ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัว เสียงกดออดหน้าประตูก็ดังขึ้น

วินาทีถัดมา กู้เวินเหยียนยิ้มกว้างแล้วเดินไปเปิดประตู

“อาเหยียน ฉันมาช้าไปหรือเปล่า? โทษเด็กนักเรียนวันนี้เลย มัวแต่รุมถามปัญหาฉันไม่หยุด!”

ฟางจินเซี่ยหยิบรองเท้าแตะผู้หญิงออกมาจากตู้รองเท้าอย่างคล่องแคล่ว

เสิ่นเจียรุ่ยจำได้ดี รองเท้าแตะคู่นั้นเธอเพิ่งซื้อมาไม่นานเอง แต่ยังไม่ทันได้ใส่ ก็ต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว

พอมามองตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าฟางจินเซี่ยคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มากแค่ไหน

ตัวเธอสั่นวาบขึ้นมาในทันที

“ไม่ช้าเลย มาได้จังหวะพอดีเลย รีบล้างมือแล้วมากินข้าวกัน!”

น้ำเสียงอ่อนโยนของกู้เวินเหยียน ทำให้หูของเสิ่นเจียรุ่ยเจ็บแปลบขึ้นมา

ฟางจินเซี่ยยิ้มเขิน ๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร

“คุณเสิ่น ขอโทษนะคะ ฉันมาช้า!”

เสิ่นเจียรุ่ยไม่ตอบ เธอเองก็ไม่ได้คิดจะรอคำตอบ เดินตรงไปที่เก้าอี้ของตัวเองทันที

“อาเหยียน คุณนี่ดีจริง ๆ เตรียมชามกับตะเกียบของฉันไว้ให้ก่อนแล้วด้วย”

“รู้ว่าเธอรักความสะอาด ฉันล้างซ้ำอยู่ตั้งหลายรอบ รอให้เธอมาตรวจดูเลยนะ!”

“งั้นคุณอยากได้รางวัลอะไรล่ะ?”

กู้เวินเหยียนยกมือขึ้นบีบแก้มเธอเบา ๆ “ฉันอยากให้เธอกินข้าวดี ๆ ช่วงนี้สอนหนังสือเหนื่อยมาก แถมเพิ่งป่วยหนักมา ทำเอาเธอผอมไปเลย”

เสิ่นเจียรุ่ยมองสองคนตรงหน้าด้วยความเงียบงัน ฟังพวกเขาพูดโต้ตอบกันไปมา

หัวใจที่เหมือนตายไปนานแล้วของเธอ เหมือนถูกบีบรัดให้เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง

เธอควบคุมตัวเองไม่ไหว เอ่ยปากขัดบทสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมา

“กู้เวินเหยียน นี่เหรอคือเรื่องสุดท้ายที่นายสัญญาว่าจะทำให้ฉัน?”

ทั้งตัวเธอเหมือนถูกหนามทิ่มแทงไปทั่ว

ตอนที่กู้เวินเหยียนเงยหน้ามองเธอ เขาถึงได้รู้ว่าเสิ่นเจียรุ่ยผอมลงไปตั้งมากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เขามีท่าทางรู้สึกผิดอยู่บนใบหน้า แต่ก็ยังเลือกจะพูดกับเธออย่างถือดีและมั่นใจเต็มที่

“ทำเยอะขนาดนี้ เธอก็กินไม่หมดอยู่ดี”

“จินเซี่ยเพิ่งป่วยไปไม่นาน ฉันก็ดูแลเธออยู่ที่โรงพยาบาลตลอด เป็นเธอเองที่บังคับให้ฉันต้องมาทำเรื่องสุดท้ายตอนนี้ ฉันจะทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ยังไง”

ฟางจินเซี่ยก็นั่งอยู่ตรงข้ามเธอพอดี

แววตาเปี่ยมความได้ใจนั้น เหมือนกำลังเยาะเย้ยความโง่เขลาของเธออยู่

เสิ่นเจียรุ่ยรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างฉับพลัน

เธอหมดแรงไปหมด ทั้งลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ฝืนประคองไว้ ก็เหมือนถูกชกจนหลุดออกมา

เธอเจ็บปวดเหลือเกิน ทั้งตัว ไม่ใช่แค่หัวใจที่ปวด แต่กระดูกทุกท่อนในร่างกายก็ส่งเสียงเตือนด้วยความเจ็บรุนแรง

เธอก้มศีรษะลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างกายซูบซีดราวกับต้นไม้แห้งเฉา

วินาทีถัดมา เธอก็ฝืนลุกขึ้นยืนทั้งที่ร่างกายแทบหมดแรง

แต่สายตาของเธอยังจ้องอยู่ที่พื้น

“กู้เวินเหยียน ฉันไม่ควรคาดหวังอะไรจากนายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ถ้อยคำของเธอเบามาก…เบาจนราวกับเข็มเล่มเล็กหล่นลงพื้น ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลย

เห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไป กู้เวินเหยียนขยับเท้าเล็กน้อย

แต่ในวินาทีถัดมา ฟางจินเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็วิ่งแซงเขาไปก่อน

เธอเอื้อมมือไปหมายจะคว้าแขนเสิ่นเจียรุ่ยไว้ แต่ไม่ทันระวัง ปลายแขนเสื้อของเธอกลับไปเกี่ยวกับเส้นผมวิกของเสิ่นเจียรุ่ยเข้า

ชั่วพริบตาเดียว วิกผมของเสิ่นเจียรุ่ยก็ถูกเธอกระชากขึ้นอย่างแรง

กู้เวินเหยียนถึงกับสูดหายใจเฮือกอย่างตกใจ

“เสิ่นเจียรุ่ย! ผมของเธอหายไปไหน!”

เสิ่นเจียรุ่ยยืนหันหลังให้เขา มือทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่

สมองของเธอว่างเปล่าไปหมด การกระทำของฟางจินเซี่ยเหมือนฉีกผ้าปิดบังความอับอายชิ้นสุดท้ายของเธอออกอย่างไร้ปรานี

ในตอนที่เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร และคิดจะปล่อยทุกอย่างพังไป บอกความจริงทั้งหมดกับกู้เวินเหยียนให้จบ ๆ ไป…

ฟางจินเซี่ยก้มลงหยิบวิกผมที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

เธอทำหน้าจริงจัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการตำหนิ แล้วพูดใส่เธอออกมา

“คุณเสิ่น ฉันไม่คิดเลยว่า…เพื่อรั้งอาเหยียนไว้ คุณจะใจแข็งถึงขนาดโกนผมตัวเอง!”

“ครบห้าเรื่องแล้ว คุณคงไม่คิดจะเอาเรื่องว่าจะไปบวชชีมาใช้ขู่อาเหยียนอีกใช่ไหม!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 25

    เห็นเขากลายเป็นแบบนี้ จี้ถันอิ่งดีใจสุด ๆ เลยถ้าไม่ติดว่าถ่ายรูปไม่ได้ล่ะก็ เธอคงจะถ่ายภาพหนึ่งเอาไปเผาส่งให้เสิ่นเจียรุ่ยที่อยู่ใต้ดินดูด้วยแน่ ๆมองไปที่ จี้ถันอิ่ง เขาเลียริมฝีปากที่แห้งแตกของตัวเองเบา ๆ“เชือกแดงล่ะ?”จี้ถันอิ่งไม่ได้พูดถึงเชือกแดงแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ก้มลงหยิบสมุดโน้ตเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเท่านั้นกู้เวินเหยียนจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวบนมือของเธอโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่นิดเดียวจี้ถันอิ่งยกสมุดบันทึกไปแนบกับผนังกระจก“นี่คืออะไร?” กู้เวินเหยียนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาอยากดูคือเชือกแดงจี้ถันอิ่งไม่พูดอะไร เพียงแค่เปิดสมุดโน้ตให้เขาดูเท่านั้นพอเห็นเนื้อหาในสมุดโน้ต กู้เวินเหยียนก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีทุกหน้า ทุกบรรทัด ถูกเขียนด้วยลายมือที่คด ๆ งอ ๆ เต็มไปหมดจี้ถันอิ่งไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เขากลับควบคุมริมฝีปากของตัวเองไม่ให้สั่นได้ไม่อยู่ผ่านไปครู่หนึ่ง จี้ถันอิ่งก็เอ่ยขึ้นช้า ๆ“กู้เวินเหยียน ตอนแรกที่คุณได้รับจดหมายนั้น มันไม่ใช่เจียรุ่ยเป็นคนเขียนเลย คุณย่อมไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นเธอเจ็บแค่ไหน ทรมานมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังพยายามสุดชีวิตเขียนคำพวกนี้ลงไ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 24

    เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ“ยังดีกว่าอะไรล่ะ?”ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาคนที่พูดประโยคนั้นถึงกับเงียบไปเหมือนกลายเป็นใบ้ ดวงตาหดหลบเล็กน้อยก่อนจะถอยไปซ่อนด้านหลังทันทีเห็นดังนั้น กู้เวินเหยียนแค่นหัวเราะเยือกเย็นออกมา"ทำไมล่ะ? ไม่กล้าพูดแล้วเหรอ? หรือว่ากำลังเสียใจที่ตอนนั้นไม่ให้ลูกนอกสมรสคนนั้นกลับมา?"พ่อของเขามีลูกนอกสมรส เรื่องนี้ ที่แท้ทั้งบ้านตระกูลกู้ต่างก็รู้กันหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่รู้เลยตอนนั้นเขาแค่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนตาบอดชั่วคราว แต่ทุกคนกลับเริ่มคิดหาวิธีให้เขาลงจากตำแหน่ง ถอนตัวออกมาเพื่อให้คนอื่นขึ้นแทนถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเจียรุ่ยคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพราะเธออยู่เคียงข้างพาเขาก้าวผ่านทุกอย่าง เขาเกรงว่าคงถูกคนพวกนี้ฉีกทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดีไปนานแล้วพอคิดมาถึงตรงนี้ บริเวณกลางอกของเขาก็ปวดหน่วงบีบแน่นขึ้นมาอีกครั้งมองดูแต่ละคนที่ล้วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจราวกับตกใจว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกันบนใบหน้าของกู้เวินเหยียนยิ่งเย็นเยียบจนทำให้คนมองรู้สึกขนลุกสั่น“ฉันไม่เพียงแค่จะไม่ยกเสิ่นซื่อกรุ๊ปให้คนตระกูลกู้ แต่ฉันยังจะไ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 23

    “เสิ่นเจียรุ่ย ให้ฉันช่วยแก้แค้นแทนเธอได้ไหม?” เขาพูดออกมาเบา ๆทันทีที่พูดจบ เขาก็ยกขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ฟาดใส่หัวตัวเองดัง “กัง! กัง!” หลายครั้งอย่างแรงเลือดสดไหลออกมาทันที ย้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้กลายเป็นสีแดงเขากอดรูปไว้อาลัยของเสิ่นเจียรุ่ยแล้วนอนลงบนโซฟา ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา“ขอโทษครับประธานกู้ โทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามาเรื่องประกาศตามหานั้นดังไม่หยุดเลย แต่ไม่มีสักรายที่เป็นเชือกแดงเส้นที่คุณต้องการครับ”“รู้แล้ว”เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดวินาทีถัดมา เขาก็สั่งให้ผู้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินทันทีในเมื่อหาเส้นเดิมกลับมาไม่ได้ เขาก็จะไปขอเชือกแดงเส้นใหม่ที่เหมือนกันทุกประการมาใส่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็ลงจอด กู้เวินเหยียนฝ่าภูเขาและสายน้ำมาจนถึงตีนเขาได้ยินชาวบ้านบอกว่าศาลานั้นสร้างอยู่บนยอดเขามีเพียงผู้ที่ตั้งใจอธิษฐานด้วยความศรัทธา และเป็นผู้มีวาสนาดีเท่านั้น จึงจะได้รับการพบหน้ากู้เวินเหยียนไม่เอ่ยสักคำ ก้มหน้าเดินมุ่งหน้าไปข้างหน้าเงียบ ๆเขาไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว แม้หน้าผากยังพันผ้าก๊อซอยู่ก็ตาม หลายครั้งที่อาการเวียนหัวถาโถมเ

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 22

    ในโทรศัพท์ของกู้เวินเหยียน มีข้อความอวยพรวันเกิดส่งเข้ามามากมายเขาเพิ่งนึกขึ้นได้อย่างเลื่อนลอยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเองเขาราวกับกลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ปล่อยให้สมองหยุดทำงานไปนิ้วของเขาเลื่อนหน้าจอไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว แล้วไม่รู้เป็นเพราะอะไร กลับเลื่อนไปเจอข้อความเก่าที่เสิ่นเจียรุ่ยเคยส่งมาให้เขา2024.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”2023.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”2022.5.27 00:00“กู้เวินเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ”……ตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์ราวกับเป็นสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินเขาเขารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ราวกับถูกสัตว์ร้ายที่มองไม่เห็นฉีกกัดอย่างโหดร้าย ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วแขนขาและทุกกระดูกในร่างกาย จนร่างทั้งร่างสั่นไหวโดยไม่อาจควบคุมได้โทรศัพท์หลุดจากฝ่ามือของเขา ร่วงตกกระแทกพื้นอย่างแรงหรือควรจะบอกว่าเสิ่นเจียรุ่ยรู้จักเขาดีเกินไปกันแน่?เธอรู้ดีว่าแม้จะส่งมา เขาก็จะไม่เปิดดูอยู่ดีหรือเป็นเพราะเขาเองที่สะเพร่ามากเกินไปเขาไม่เคยสังเกตเลยว่าทุกปีในวันเกิดของเขา เธอคือคนแรกที่อวยพรให้เสมอหัวใจของเขาเจ็

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 21

    กู้เวินเหยียนขังฟางจินเซี่ยเอาไว้ในวิลลาหลังนี้ยึดโทรศัพท์ของเธอไป เอาของทุกอย่างของเธอไปหมด และไม่เหลืออาหารอะไรไว้ในห้องเลยสักอย่างไม่สนเสียงร้องตะโกนของเธอ แล้วล็อกประตูแน่นหนาจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไปโทรศัพท์ของเขาเกือบจะโดนผู้ช่วยโทรเข้ามาจนระเบิดแล้วพอเขารับสาย ผู้ช่วยก็โล่งอกขึ้นมาทันที“ประธานกู้ ในที่สุดคุณก็รับสายแล้วครับ มีเรื่องใหญ่ต้องให้คุณรีบกลับมาจัดการด่วนครับ!”กู้เวินเหยียนไม่ตอบอะไร สีหน้าก็ไร้อารมณ์ ขณะออกคำสั่งไปยังปลายสาย“ไปซื้อเหล้ามาสักสองสามลัง ส่งไปที่บ้านฉัน”พูดจบเขาก็ตัดสายทันที แล้วไม่สนใจโทรศัพท์อีกเลยหน้าต่างห้องถูกเขาปิดตายสนิท ม่านก็ปิดแน่นจนแสงลอดไม่ได้ เขากอดหมอนที่เสิ่นเจียรุ่ยเคยใช้ แล้วสูดดมกลิ่นที่ยังติดอยู่บนหมอนนั้นอย่างละโมบแต่ไม่นานเขาก็พบว่า แม้แต่กลิ่นเฉพาะตัวของเสิ่นเจียรุ่ย ก็ยังค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อยเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว อารมณ์ที่กดไว้เนิ่นนานถาโถมใส่เขาเหมือนคลื่นมหึมาจนพังทลายหมดสิ้นเขาตะโกนเรียกชื่อเสิ่นเจียรุ่ยด้วยความเจ็บปวดจนใจแทบขาด ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาปรารถนาให้เวลาย้อนกลับไปได้มากเท่าตอนนี้…ตอนท

  • จดหมายฉบับสุดท้าย   บทที่ 20

    เขาคุกเข่าทรุดกึ่งนั่งยอง ร่างทั้งร่างชาไร้ความรู้สึก ราวกับเป็นเพียงเปลือกกายที่ไร้วิญญาณเขาหยิบเงินกงเต็กออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วโยนลงไปในกะทะไฟเขาอยากรู้ว่าฝังศพเสิ่นเจียรุ่ยไว้ที่ไหนเขาคิดถึงเธอมากเหลือเกิน จนทั้งคืนทั้งคืนก็แทบไม่ได้นอนเลยเขาไปถามผู้ช่วยของเขาแต่เขากลับบอกเขาว่า ข่าวการเสียชีวิตของเสิ่นเจียรุ่ย เป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากจดหมายปริศนาฉบับหนึ่งในจดหมายนั้นมีรูปถ่ายใบยกเลิกบัตรประชาชนของเสิ่นเจียรุ่ย รวมทั้งประวัติการรักษาของเธอ นอกจากรูปหลุมศพที่มีเพียงชื่อปรากฏอยู่แล้ว ก็ไม่เหลือข้อมูลอื่นใดอีกเลยเขาเองก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเจียรุ่ยถูกฝังไว้ที่ไหนกู้เวินเหยียนเมื่อได้ยินก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่แต่พอผ่านไปไม่นาน เขาก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอีก จี้ถันอิ่ง ผู้ที่เอาแต่แก้แค้นเขาอย่างบ้าคลั่งเธอเป็นเพื่อนของเสิ่นเจียรุ่ย แน่นอนว่าเธอต้องรู้ว่าเสิ่นเจียรุ่ยถูกฝังไว้ที่ไหนไม่แน่ว่าเสิ่นเจียรุ่ยอาจเป็นคนที่เธอเป็นคนฝังด้วยตัวเองก็ได้เขารีบพุ่งตรงไปที่บ้านของจี้ถันอิ่งโดยไม่คิดแม้แต่นิดเดียวแต่พอไปถึงกลับพบว่าเธอย้ายออกไปแล้วเบอร์โทรศัพท์ของจี้ถันอิ่ง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status