Se connecterในวัยเข้าเลขหก ฉันเลือกทางเดินชีวิตใหม่ ในวันครบรอบวันแต่งงาน ฉันกำลังเก็บกวาดบ้านได้เจออัลบั้มภาพถ่ายอัลบั้มหนึ่งเข้า ที่แท้สามีฉันมักจะพาคู่ขาของเขาไปถ่ายรูปแต่งงานในวันนี้ทุกๆ ปี ตั้งแต่อายุสี่สิบถึงหกสิบปี จากผมดำจนกลายเป็นผมหงอก ตลอดยี่สิบปีไม่เคยขาดหาย ด้านหลังภาพถ่ายยังมีลายมือของสามีฉันที่เขียนไว้ว่า ‘แด่สุดที่รักของผม’ ในเมื่อคนที่เขารักไม่ใช่ฉันอีก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องคนรับใช้ให้เขาต่อไป เลี้ยงลูกแล้วตามด้วยเลี้ยงหลาน อยู่แบบมึนงงมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว จะเปลี่ยนตัวเองตอนนี้ก็ยังไม่สาย
Voir plusสีหน้าเขาซีดลงในทันใด ปากก็พูดไม่ออก แววตาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดลูกชายสุดจะทนดูสภาพสิ้นหวังของเสิ้นจ้าน จึงเรียกเสียงเบาๆ “แม่ครับ”ฉันไม่ได้ตอบ แต่ปิดประตูลงเงียบๆ เท่ากับขวางกั้นให้พวกเขาอยู่นอกโลกของฉันกว่าจะได้ข่าวเสิ้นจ้านอีกครั้ง ก็อีกสามเดือนต่อมาในตอนนั้นฉันเรียนภาษาอังกฤษจนพอได้ระดับพื้นฐาน สามารถพูดคุยตอบโต้ได้บ้างจู่ๆ ลูกชายก็โทรมาหาฉัน บอกว่าเสิ่นจ้านเข้าโรงพยาบาลเพราะสูดดมแก๊สหุงต้มเข้าไปมากเห็นว่าสาเหตุเพราะโจวหว่านอวิ๋นกำลังทำอาหารอยู่ แล้วสองคนเกิดทะเลาะกันขึ้นมา สุดท้ายก็ลืมปิดเตาแก๊สดีที่ตอนนั้นนิติบุคคลกำลังซ่อมสายไฟอยู่ จึงช่วยทั้งสองคนออกมาทันเวลาโจวหว่านอวิ๋นสูดดมแก๊สเข้าไปไม่มาก พักผ่อนไม่นานก็เริ่มรู้สึกตัวแต่พอฟื้นมาแล้ว เขาเหมือนตายใจจากเสิ่นจ้านโดยสิ้นเชิง ไม่พูดไม่จากลับไปเก็บข้าวของแล้วออกจากบ้านไปก่อนไปได้ขอช่องทางติดต่อกับฉัน และสงข้อความมา[คุณชนะแล้ว ถ้าจะโทษก็ต้องโทษชีวิตจริงที่โหดร้าย ทำให้ฉันต้องพ่ายแพ้]ฉันไม่เคยคิดแข่งขันกับผู้หญิงคนนี้เลย และไม่แคร์ด้วยว่าท้ายสุดแล้วเสิ่นจ้านจะรักใครมากกว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่คนวัยอย่างฉัน
ที่แท้หลานสาวถูกโจวหว่านอวิ๋นล้างสมองด้วยตรรกะความรักที่ผิดเพี้ยน ไม่เพียงเห็นดีเห็นงามกับการเป็นมือที่สาม ยังริอ่านคุยกับผู้ชายทางออนไลน์อีกลูกสะใภ้หัวเราะหยัน คืนนั้นจึงโทรหาลูกชายบอกอให้เขารีบกลับบ้าน“ดูลูกสาวคุณซิว่าถูกเสี้ยมสอนจนกลายเป็นคนแบบไหนแล้ว”เธอเอาแชทข้อความของลูกให้สามีดูลูกชายฉันยกมือถือขึ้นมาดู จนคิ้วยิ่งขมวดมุ่นหลังจากดูจบ เขายกมือขึ้นคิดจะตีลูกสาวเด็กร้องไห้โวยวาย “เพราะคุณย่าโจวสอนหนูเอง ไหนพ่อบอกว่าคุณย่าโจวเป็นคนมีการศึกษา ให้เชื่อฟังเขาเหมือนคุณครูไม่ใช่หรือคะ”ลูกชายหยุดชะงัก พลางหันไปมองโจวหว่านอวิ๋น“น้าโจว เพราะเราไว้ใจน้าถึงให้ช่วยดูแลลูก เมื่อก่อนแม่ผมเลี้ยงหลานได้ดีมาก”โจวหว่านอวิ๋นรู้สึกละอายใจ พร้อมคำแก้ตัวต่างๆ นานาเสิ่นจ้านเอามือทุบโต๊ะอย่างแรง ตวาดเสียงดัง“พอที แค่นี้ยังอับอายขายหน้าไม่พออีกหรือ”ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่พอใจ และต่างมีความคิดไปคนละอย่างต่อมาสะใภ้จึงพาลูกออกจากบ้านไป ส่วนลูกชายฉันก็ไม่อยากข้องแวะกับโจวหว่านอวิ๋นอีกเสิ่นจ้านยิ่งปวดหัวมากขึ้นเรื่องเหล่านี้สะใภ้เป็นคนมาบอกฉันเองหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เธอกับลูกชายก็
วันนั้นอยู่หน้าศูนย์บริหารราชการฝ่ายพลเรือน ฉันกับโจวหว่านอวิ่นและเสิ่นจ้านไม่รู้ถูกใครถ่ายคลิปแล้วไปโพสต์ลงในโลกโซเชี่ยลฉันถูกเบลอหน้าไว้ แต่สองคนนั้นถูกเปิดหน้าให้เห็นชัดเจน[นี่น่ะหรือรักกันจนแก่เฒ่า เป็นการรวมหัวของชายโฉดหญิงชั่วต่างหาก][วันก่อนใครๆ ก็เห็นกับตา ตาแก่ขอหย่ากับเมียหลวง นังเมียน้อยยังกล้ามาเสนอหน้ารออยู่ข้างนอก ช่างไม่รู้จักอายจริงๆ แก่ปูนนี้ยังไม่มีหัวคิดอีก]เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในโลกออนไลน์ จนแม้แต่ร้านเช่าชุดแต่งงานยังถูกกล่าวหาว่ายกย่องความรักของมือที่สาม จนต้องออกมาปฏิเสธทันควันบอกว่าพวกเขาแค่มีหน้าที่ในการถ่ายรูปเท่านั้น และเสิ่นจ้านกับโจวหว่านอวิ๋นก็ใช้บริการมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยขาดหาย ใครจะนึกว่าเบื้องหลังยังมีเมียหลวงอีกคนทำเอาชาวเน็ตยิ่งเดือดดาลมากขึ้น[ตาแก่คนนี้เมื่อก่อนเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยฉันเอง ทำงานก็ดีหรอก แต่ไม่นึกว่าลับหลังจะเป็นคนประเภทนี้][นอกใจเมียยังพอว่า ไม่นึกว่ายังแอบกินมาตั้งหลายปี][ฉันว่าตอนหนุ่มๆ ก็คงไม่ใช่คนดีเท่าไหร่]......โจวหว่านอวิ๋นก็ไม่นึกว่าเรื่องราวจะบานปลายจนถึงขั้นนี้และไม่รู้ว่าใครเป็น
เพื่อนบ้านชื่อเจ๊ฟางอายุไล่เลี่ยกับฉันเปิดประตูออกมา พูดจาเสียงดังฟังชัด“พูดอะไรน่ะ อายุหกสิบก็แค่แก่ไม่ได้จะตายซักหน่อย อยู่อีกยี่สิบปีก็ยังสบายๆ แต่ใครจะทนกับคนอย่างพวกเธอไหว แค่ปีเดียวก็จะตายแล้ว”“ยังกล้ามาต่อว่าแม่ตัวเองอีก ฉันล่ะอายแทนจริงๆ”พลังด่าของเจ๊ฟางช่างดุเดือดนัก ลูกชายฉันเหมือนมีอะไรจุกในลำคอ อยากเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก ได้แต่เดินหนีไปเงียบๆ......เวลาสามสิบวันพริบตาก็ผ่าน ฉันกับเสิ่นจ้านไปรับหนังสือหย่าร้างมาเรียบร้อยทันทีที่ได้ใบหย่ามา ฉันรู้สึกถึงความโปร่งโล่งอย่างบอกไม่ถูกแบกภาระหนักอึ้งมาครึ่งค่อนชีวิต ไม่นึกว่าวันนี้ ฉันจะสามารถปลดมันทิ้งได้หมดเสิ่นจ้านกลับไม่รู้สึกดีใจเหมือนฉันสีหน้าเขาดูเคร่งขรึม แววตามีความเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิดในมือเขากำหนังสือหย่าไว้แน่น มองหน้าฉันคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง“อาจ้าน”มีคนเรียกเขาอยู่ไกลๆนั่นคือโจวหว่านอวิ๋นเหมือนกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนใจไม่ยอมมารับหนังสือหย่า เธอจึงมารอแต่เช้าเมื่อเห็นเราต่างมีหนังสืออยู่ในมือ ดวงตาเธอก็เป็นประกายขึ้นเธอค่อยๆ เดินมาทางฉัน ยื่นมือให้พร้อมกับรอยยิ้ม“ฉันชื่อโจวหว่านอวิ๋น เป





