LOGINบทที่ 2 นี่สินะ... ความตาย....หรือไม่ใช่!!!
เธอเดินโซซัดโซเซไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย เสียงแตรรถ เสียงผู้คนจอแจ ทุกอย่างดูห่างไกลราวกับอยู่คนละโลก ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
...น้ำตาผสมกับน้ำฝนไหลอาบแก้ม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเดินไปที่ไหน เท้าทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างอัตโนมัติ จิตใจที่เคยเฉียบคมดุจเพชร บัดนี้แตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งชีวิตโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นยักษ์
เธอสูญเสียทุกอย่าง... บริษัทที่เปรียบดังลูกในไส้ เพื่อนที่เปรียบดังแขนขา และคนรักที่เปรียบดังหัวใจ... แม้จะลากเฉินเฟิงลงนรกไปด้วยได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดในอกทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงการแก้แค้นที่ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า
ทันใดนั้น ภาพหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในม่านตาที่พร่าเลือนของเธอ
กลางสี่แยกที่การจราจรพลุกพล่าน ร่างเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ชุดกระโปรงเก่าๆ ขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเป็นก้อน ในมือเล็กๆ นั้นกอดตุ๊กตาหมีที่เก่าจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมไว้แน่น เด็กคนนั้นคงจะพลัดหลงกับผู้ปกครองและกำลังหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้
ปรี๊นนนนนนน!
เสียงแตรลมแหลมยาวบาดแก้วหูดังขึ้นจากด้านข้าง รถบรรทุกสิบแปดล้อที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จนเต็มคันกำลังพุ่งทะยานฝ่าม่านฝนเข้ามาด้วยความเร็วสูง คนขับคงมองไม่เห็นร่างเล็กๆ ที่อยู่กลางถนน หรืออาจจะเห็นแต่ก็เบรกไม่ทันเสียแล้ว
วินาทีนั้น... เวลาของไป่หลิงดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
ภาพของเด็กหญิงซ้อนทับกับภาพของตัวเธอเองในวัยเด็ก... เด็กหญิงไป่หลิงที่ถูกทอดทิ้งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่มีใครต้องการ กอดตุ๊กตาเน่าๆ ตัวหนึ่งเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่โหดร้าย
โลกนี้... มันโหดร้ายกับเธอมามากพอแล้ว มันโหดร้ายเกินไป แต่อย่างน้อย... มันไม่ควรจะโหดร้ายกับเด็กคนนี้
ในชั่วพริบตาที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายกำลังจะเลือนหายไป ร่างกายของไป่หลิงกลับขยับไปก่อนความคิด เธอไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน สองเท้าที่เคยหนักอึ้งราวกับมีโซ่ตรวน บัดนี้กลับวิ่งสุดฝีเท้าไปบนพื้นถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำฝน
"หลบไป!!!" เธอตะโกนสุดเสียง
โครม!
ไม่ใช่เสียงรถชนเด็ก แต่เป็นเสียงร่างของเธอที่พุ่งเข้าไปกระแทกร่างเล็กๆ นั้นให้พ้นจากเส้นทางมรณะ... และรับแรงปะทะทั้งหมดไว้ด้วยตัวเอง
ความเจ็บปวดมหาศาลแล่นปราดไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โลหิตสีแดงฉานพุ่งกระจายออกจากร่าง ผสมกับน้ำฝนกลายเป็นสีชาดบนพื้นถนน ร่างของเธอปลิวคว้างขึ้นไปในอากาศเหมือนตุ๊กตาผ้าขาดๆ ก่อนจะร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือใบหน้าตื่นตระหนกของเด็กหญิงคนนั้นที่บัดนี้ปลอดภัยดีอยู่บนทางเท้า...
.แสงไฟหน้ารถบรรทุกที่สว่างวาบจนแสบตาคือภาพสุดท้ายที่ม่านตาของเธอรับรู้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงสู่ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ
ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากทุกอณูในร่างกาย บัดนี้ได้เลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกว่างเปล่า ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีเสียง ไม่มีแสง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกของร่างกายตัวเอง
นี่สินะ... ความตาย
ไป่หลิงคิดอย่างเยือกเย็น ในความมืดมิดนี้ จิตใจของเธอกลับสงบลงอย่างน่าประหลาด ความโกรธแค้น ความเจ็บปวด ความผิดหวังที่เคยเผาไหม้จิตวิญญาณของเธอเมื่อครู่ บัดนี้เป็นเพียงเถ้าธุลีที่ปลิวหายไปกับสายลมแห่งความว่างเปล่า
จบสิ้นกันที... ชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ดิ้นรน ชีวิตที่ต้องปีนป่ายจากจุดต่ำสุดสู่จุดสูงสุดเพียงลำพัง ชีวิตที่ต้องสวมหน้ากากแห่งความเข้มแข็งไว้ตลอดเวลาจนลืมไปแล้วว่ารอยยิ้มที่แท้จริงเป็นอย่างไร
เธอไม่เสียใจที่ผลักเด็กคนนั้นออกไป บางที... นั่นอาจเป็นการกระทำที่มีความหมายที่สุดในชีวิตอันว่างเปล่าของเธอก็เป็นได้ อย่างน้อยที่สุด ในลมหายใจสุดท้าย เธอก็ได้ช่วยชีวิตใครคนหนึ่งไว้... ใครคนหนึ่งที่ยังมีอนาคต มีโอกาสที่จะได้พบเจอกับความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัส
ลาก่อน เฉินเฟิง... ลาก่อน ลู่เหว่ย... พวกนายชนะแล้ว... แต่ชัยชนะของพวกนายก็เป็นเพียงซากปรักหักพังที่ไร้ค่า...
ขณะที่จิตสำนึกของเธอกำลังจะเลือนลางจางหายไปจนหมดสิ้น...
ติ๊ง!
เสียงประหลาดดังขึ้นในความว่างเปล่า มันไม่ใช่เสียงที่ได้ยินผ่านหู แต่เป็นเสียงที่ก้องกังวานอยู่ในแก่นกลางของจิตวิญญาณโดยตรง
[ตรวจพบวิญญาณที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข]
[เจตจำนงในการเอาชีวิตรอด: 98%]
[ความสามารถในการวิเคราะห์เชิงตรรกะ: 99%] [ความปรารถนาในความสำเร็จ: 100%+][คุณสมบัติผ่านเกณฑ์... เริ่มกระบวนการเชื่อมต่อวิญญาณ...]
อะไรน่ะ? ไป่หลิงที่กำลังจะสลายไปรู้สึกสับสน นี่เป็นภาพหลอนก่อนตายงั้นหรือ?
[ตรวจพบร่างโฮสต์ที่เหมาะสม... อัตราความเข้ากันได้ของวิญญาณ: 97.4%]
[สถานที่: หมู่บ้านต้าซาน, ประเทศจีน] [ช่วงเวลา: ฤดูใบไม้ผลิ ปี 1978][กำลังติดตั้ง... ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ 100%...เริ่ม...10%... 30%... 70%...]
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนถาโถมเข้าใส่จิตวิญญาณของเธอ มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ นับล้านเส้นวิ่งพล่านไปทั่ว ก่อนจะรวมตัวกันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปทรงและตัวตนขึ้นมาในห้วงสำนึกของเธอ
[การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์! ยินดีต้อนรับสู่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ!]
ก่อนที่ไป่หลิงจะได้ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น แสงสว่างจ้าก็สาดส่องเข้ามาในความมืดมิด ดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปด้วยความเร็วสูง!
ความรู้สึกแรกที่กลับมาคือ... ความเจ็บปวด
ไม่ใช่ความเจ็บปวดรุนแรงจากการถูกรถชน แต่เป็นความเจ็บปวดที่ร้าวระบมไปทั้งศีรษะ ราวกับถูกทุบด้วยของแข็งซ้ำๆ ตามมาด้วยความรู้สึกหิวโหยอย่างรุนแรงที่บิดมวนอยู่ในช่องท้อง มันเป็นความหิวที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต... ความหิวโหยของคนที่อดอยากมานานหลายวัน
เปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีแท่งตะกั่วถ่วงไว้ค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนจะค่อยๆ ปรับโฟกัสจนชัดเจน
ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล... แต่เป็นหลังคาดินเหนียวที่มีใยแมงมุมเกาะอยู่เต็มไปหมด แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านรูโหว่บนหลังคาลงมาเป็นลำ ทำให้เห็นฝุ่นละอองเล็กๆ ลอยคว้างอยู่ในอากาศ
เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงขยับศีรษะหันไปรอบๆ
นี่คือห้องเล็กๆ แคบๆ ที่น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่าบ้าน ผนังทำจากดินเหนียวที่แตกระแหง มีลมเย็นๆ พัดแทรกเข้ามาตามรอยแยก เฟอร์นิเจอร์หนึ่งเดียวในห้องคือเตียงไม้เก่าๆ ที่เธอ... ไม่สิ ร่างนี้... กำลังนอนอยู่ มันคือแคร่ไม้ที่แข็งกระด้างจนทำให้รู้สึกเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง
เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน?
“พี่ใหญ่... พี่ใหญ่ฟื้นแล้ว!”
////
บทที133 ตอนพิเศษ... สมการรักนิรันดร์ณ คฤหาสน์ตระกูลหวังในสวนอันเงียบสงบ หลิวเจียยืนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน ไม่ใช่ในฐานะอัจฉริยะผู้เย็นชา แต่เป็นเพียงชายหนุ่มที่ตรรกะทั้งชีวิตได้พังทลายลงเพราะสตรีเพียงคนเดียว"หวังหลิน... ผมขอโทษ" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ"สมการที่ผมเคยเชื่อว่าสมบูรณ์แบบมันผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ผมมองข้ามตัวแปรที่สำคัญที่สุดนั่นคือหัวใจของเธอ"หวังหลินมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สับสนของเขา ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา"สมการที่ซับซ้อนที่สุด ก็อาจมีคำตอบที่เรียบง่ายที่สุดค่ะ รุ่นพี่ฉันไม่เคยต้องการให้ใครมาคำนวณคุณค่าของฉัน ฉันแค่ต้องการใครสักคนที่มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น"คำพูดนั้นปลดเปลื้องความหนักอึ้งในใจของหลิวเจียจนหมดสิ้นเมื่อทั้งสองเดินกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์ หวังเทียนซานนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาฉายแววหยั่งรู้ หลิวเจียไม่ลังเล เขาก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมที่สุดในชีวิต"ท่านลุงหวังครับ ผมได้กระทำการอันโง่เขลาและเย่อหยิ่งต่อคุณหนูหวังหลิน ผมใช้ตรรกะที่เย็นชาของตัวเองตัดสินคุณค่าของเธออย่างผิดพลาด ผมยอมรับผิดทุกประการและมาเพื่อขอโอกาส... โอกาสที่จะได้พิสูจน์ว่าผมคู่ควร
บทที่ 132 บทส่งท้าย...แต่งงานกันเถอะ!!อาณาจักรของกลุ่มพันธมิตรก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเซี่ยงไฮ้เท่านั้นหากคุณเดินทางไปที่ใดก็ตามในประเทศจีนยุคใหม่นี้... เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่พบเห็นสัญลักษณ์ของพวกเขาณ กรุงปักกิ่ง... เด็กนักศึกษาสาวกำลังเปิดถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ หงส์เพลิงกินแก้หิวในช่วงอ่านหนังสือสอบตอนดึก โลโก้รูปหงส์สีแดงสดของมันคือสัญลักษณ์ของคุณภาพและความอร่อยที่ทุกคนวางใจณ นครฉงชิ่ง... ในห้องครัวของทุกบ้าน จะต้องมีขวดซอสพริกเสฉวนและเครื่องปรุงรสสูตรเด็ดของแบรนด์ หงส์เพลิง วางอยู่คู่ครัวเสมอ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติที่ทุกครอบครัวคุ้นเคยณ นครกว่างโจว... บนทางด่วนที่ทอดยาวข้ามเมือง ตู้คอนเทนเนอร์นับร้อยที่ติดโลโก้เฟิงหลง โลจิสติกส์กำลังลำเลียงสินค้าออกสู่ท่าเรือเพื่อส่งออกไปทั่วโลกณ มหานครเซี่ยงไฮ้... ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดใจกลางย่านการเงินนั้นมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ติดอยู่...สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัทเฟิงหลงไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้านห่างไกล หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง... ผลิตภัณฑ์ของหงส์เพลิง ได้แทรกซึมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนจีนไปแ
บทที่ 131 ความสำเร็จของเหล่าลูกหงส์ ตระกูลเฟิงกาลเวลาหมุนเวียนผันผ่าน ฤดูแล้วฤดูเล่า... ปีแล้วปีเล่า...เหล่าทายาทแห่งตระกูลเฟิงและพันธมิตรที่เคยยืนเคียงข้างกันในวันวาน ต่างแยกย้ายกันไปบนเส้นทางแห่งการเติบโตของตนเอง พวกเขาก้มหน้าก้มตาศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักหน่วง อดทนต่อความเหนื่อยล้าและความกดดัน ลับคมดาบแห่งสติปัญญาและความสามารถของตนให้คมกริบ เพื่อรอวันที่จะกลับมาพบกันอีกครั้งอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมและบัดนี้... เมื่อเวลาอันควรมาถึง เมล็ดพันธุ์ที่ตระกูลเฟิงได้หว่านเพาะไว้ในดินแดนต่างๆ ก็ได้เติบใหญ่เป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาและออกดอกผลอย่างงดงามในที่สุด... ลูกหลานของตระกูลเฟิงที่แยกกันไปศึกษาเล่าเรียน ต่างก็ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของตัวเองอย่างสมบูรณ์ รอวันที่จะนำความรู้ความสามารถทั้งหมดที่สั่งสมมา กลับมาเป็นกำลังสำคัญในการสร้างอาณาจักรของตระกูลให้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานที่ปักกิ่ง เฟิงเจีย ไม่ได้เป็นเพียงดาวเด่นแห่งคณะเศรษฐศาสตร์ แต่เขาได้กลายเป็น ศาสตราจารย์น้อยผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของมหาวิทยาลัยไปแล้ว บทวิเคราะห์ที่เฉียบคมและมองการณ์ไกลของเขา ไม่ได้หยุดอ
บทที่ 130 ประตูสู่อนาคตความเย้ายวนที่ทำลายล้างและวินาทีนั้นเองหวังหลินก็ได้รู้แล้วว่าโลกของเธอได้กลับตาลปัตรไปแล้วโดยสิ้นเชิง...จูบนั้นจบลงแล้ว... แต่พายุอารมณ์ที่มันทิ้งไว้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นหวังหลินยืนนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง สัมผัสร้อนผ่าวที่รุนแรงและเอาแต่ใจยังคงตราตรึงอยู่บนริมฝีปากของเธอ สมองขาวโพลนไปชั่วขณะเธอไม่เข้าใจ... บุรุษที่เพิ่งผลักไสเธออย่างเลือดเย็นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน บัดนี้กลับมาทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในตัวเธออย่างดุเดือด... เขาต้องการอะไรกันแน่?ส่วนหลิวเจีย ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกมา ป้อมปราการแห่งเหตุผลที่พังทลายไปชั่วขณะก็เริ่มซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็ว ความเย็นชากลับคืนสู่ดวงตาของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันแฝงไปด้วยความสับสนที่ปิดไม่มิด เขาตกใจในการกระทำของตัวเอง เขาเกลียดการสูญเสียการควบคุม และผู้หญิงตรงหน้าคือสาเหตุของมันทั้งหมด…เธอต้องรับผิดชอบเขา!!เขาไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เพียงแค่จ้องมองนางนิ่งๆ ราวกับจะจารึกภาพใบหน้าที่แดงก่ำและแววตาที่สั่นไหวของนางไว้ในความทรงจำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หวังหลินยืนอยู่กับคำถามนับล้านในใจสองวันต่อมา บรรยากา
บทที่ 129 ลูกผู้ชายวัดกันที่หมัด!เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ดังราวกับฟ้าผ่าลงกลางปฐพี ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังหลินได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ส่วนหวงเฟยหลงยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า แต่สายตาที่เขามองมาที่หลิวเจียกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาท้าทายถึงขีดสุด"แล้วถ้าฉันอยากเป็นคนสอนการบ้านรุ่นน้องหวังหลินตลอดไปล่ะ?" หวงเฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย"คนของนายเหรอ?? ..." เขาเว้นช่วงไปก่อนจะมองไปรอบๆ ร่างกายแสนสวยของรุ่นน้องหวังหลินราวกับจะหาอะไรสักอย่างก่อนจะเอ่ยว่า"ไม่เห็นมีป้ายติดเอาไว้นี่"สิ้นคำพูดนั้น ทุกตรรกะและเหตุผลในสมองของหลิวเจียก็ขาดสะบั้นลงในพริบตา ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่ ดิบเถื่อนและรุนแรงเข้าครอบงำเขาจนหมดสิ้นหลิวเจียแค่นหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนที่กำปั้นของเขาจะพุ่ง"หึหึหึ! อยากจะดูป้ายแสดงความเป็นเจ้าของใช่ไหม ได้!!"เข้าหาใบหน้าหล่อเหลาของหวงเฟยหลงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าผัวะ!หมัดแรกถูกชกเข้าที่แก้มซ้ายของหวงเฟยหลงอย่างจังจนร่างสูงเซไปเล็กน้อย แต่หวงเฟยหลงนั้นถึงแม้ถูกต่อยแต่ยังคงเท่อย
บทที่ 128 สมการที่ไร้คำตอบ และกรรมสิทธิ์เหนือดอกทานตะวัน!!ความมุ่งมั่น... คือทรัพยากรเพียงอย่างเดียวที่หวังหลินมีอยู่อย่างไม่จำกัด หลังจากคืนนั้นที่คฤหาสน์ตระกูลหวัง เธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อการเป็นดาวบริวารที่โคจรอยู่ห่างๆ นั้นไร้ความหมาย เธอก็จะลองเสี่ยงเดินเข้าไปในใจกลางพายุ... เผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาโดยตรง แม้ว่าจะต้องมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านก็ตามสองวันต่อมา หวังหลินดักรอหลิวเจียที่ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารคณะเศรษฐศาสตร์และห้องสมุดกลาง เธอรู้ตารางเรียนของเขา ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอจดจำทุกอย่างที่เป็นของเขาได้ขึ้นใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เขาชอบ เสื้อผ้าที่เขาชอบใส่ หรือว่าเวลาส่วนใหญ่เขาเอาไปใช้ทำอะไร เด็กสาวล้วนรู้หมด เธอเฝ้ารออย่างใจจดจ่ออยู่ไม่นานร่างสูงโปร่งที่แสนจะหล่อเหลาและคุ้นเคยปรากฏขึ้น หัวใจดวงน้อยของเด็กสาวก็เต้นระรัว แต่คราวนี้... เธอไม่หลีกทางให้เขาอีกต่อไป"รุ่นพี่หลิวเจียคะ!"หลิวเจียชะงักฝีเท้า เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อย แววตาฉายแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง เขาถอนหายใจออกมาเสียงดัง ไม่พยายามที่จะปกปิดความรู้สึกด้วยซ้ำ"หวังหลินใช่ไหม!!! ฉันคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ห







