LOGINบทที่ 3 ทะลุมิติ
เมื่อเปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีแท่งตะกั่วถ่วงไว้ค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนจะค่อยๆ ปรับโฟกัสจนชัดเจน ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล แต่เป็นหลังคาดินเหนียวที่มีใยแมงมุมเกาะอยู่เต็มไปหมด แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านรูโหว่บนหลังคาลงมาเป็นลำ ทำให้เห็นฝุ่นละอองเล็กๆ ลอยคว้างอยู่ในอากาศ เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงขยับศีรษะหันไปรอบๆ
นี่คือห้องเล็กๆ แคบๆ ที่น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่าบ้าน ผนังทำจากดินเหนียวที่แตกระแหง มีลมเย็นๆ พัดแทรกเข้ามาตามรอยแยก เฟอร์นิเจอร์หนึ่งเดียวในห้องคือเตียงไม้เก่าๆ ที่เธอ... ไม่สิ ร่างนี้... กำลังนอนอยู่ มันคือแคร่ไม้ที่แข็งกระด้างจนทำให้รู้สึกเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง
เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน? ไป่หลิงรู้สึกสับสนอย่างหนัก หัวสมองที่เคยเฉียบคมประมวลผลข้อมูลไม่ทัน ภาพสุดท้ายที่จำได้คือแสงไฟหน้ารถบรรทุก ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงสู่ความมืดมิด เธอคิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวด และได้ยินเสียง?
"พี่ใหญ่... พี่ใหญ่ฟื้นแล้ว!"
เสียงเล็กๆ แหบแห้งดังขึ้นข้างเตียง ไป่หลิงหันไปมองอย่างเชื่องช้า เด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความดีใจและโล่งอก เด็กคนนั้นสวมเสื้อผ้าปุปะที่เคยเป็นสีสดใสแต่บัดนี้ซีดจางและเปรอะเปื้อน ใบหน้าเล็กๆ ซูบตอบจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังคงฉายแววสดใส
"พี่ใหญ่! พี่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม? เหมยเหมยกลัวแทบแย่ พี่สลบไปตั้งสองวันแน่ะ"
เด็กหญิงพูดพลางยื่นมือเล็กๆ ที่สั่นเทามาจับแขนของเธออย่างแผ่วเบา
พี่ใหญ่? เหมยเหมย? ไป่หลิงตกตะลึงกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นเคยนี้ ความรู้สึกที่เธอน่าจะตายไปแล้วทำให้เธอยิ่งสับสนหนักขึ้น
แล้วความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอเองพลันไหลบ่าเข้ามาในสมองราวกับเขื่อนแตก! ภาพของเด็กสาวชื่อไป่ซินซินวัย 16 ปี ภาพของพ่อแม่ที่ทำงานหนักในคอมมูนประชาชนก่อนจะล้มป่วยและเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ภาพของญาติฝ่ายพ่อที่ยากจนเกินกว่าจะรับเลี้ยงดูพวกเธอสามคน และภาพของญาติฝ่ายแม่ที่ร่ำรวยกว่า แต่กลับรังเกียจและขับไล่ไสส่งพวกเธอราวกับเป็นตัวเชื้อโรค
และความทรงจำสุดท้ายของไป่ซินซินคนเดิม... การที่เธอเห็นน้องชายคนกลาง ไป่ซาน ล้มป่วยเพราะขาดอาหาร เธอจึงเอาแป้งมันสำปะหลังก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ไปแลกไข่ไก่ฟองเล็กๆ จากบ้านเพื่อนบ้าน ระหว่างทางกลับ เธอถูกจางหู่ ลูกชายของน้าสะใภ้ใจร้ายเข้ามาแย่งชิงไข่ไก่ฟองนั้น เธอขัดขืนและถูกผลักจนศีรษะฟาดกับก้อนหินอย่างแรง นั่นคือจุดจบของไป่ซินซิน และคือจุดเริ่มต้นใหม่ของไป่หลิง!
"พี่... พี่ไม่เป็นไร"
ไป่หลิง... ไม่สิ ตอนนี้เธอคือไป่ซินซิน... เอ่ยตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน ลำคอของเธอแห้งผากราวกับทะเลทราย
"พี่ซานซาน... ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ"
ไป่เหมยตอบเสียงอ่อย น้ำตาคลอหน่วย เสียงเล็กๆ สั่นเครือสะท้อนความสิ้นหวัง
"ตัวเขาร้อนมากเลย ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร"
เด็กหญิงพึมพำ น้ำตาเม็ดโตไหลรินอาบแก้มใสที่ซูบผอม แววตาของเธอมองไปยังไป๋ซินซินราวกับขอความช่วยเหลือ เป็นความรู้สึกกดดันบีบคั้นของเด็กน้อยที่ไร้ทางออก ทำให้เธอร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวและสับสนอย่างที่สุด
ไป่ซินซินฝืนความเจ็บปวดและอ่อนเพลีย ยันตัวลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ เธอกวาดตามองไปอีกมุมหนึ่งของกระท่อม บนกองฟางเก่าๆ มีร่างของเด็กชายวัยประมาณสิบขวบนอนขดตัวอยู่ เนื้อตัวสั่นเทา ริมฝีปากแห้งแตก ใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้
"ติ๊ง!" เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับภาพ! หน้าต่างโปร่งใสสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ มีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นมัน บนหน้าต่างนั้นมีข้อมูลปรากฏขึ้นเป็นตัวอักษร
[กำลังสแกนเป้าหมาย: ไป่ซาน] ** [สถานะ: ขาดสารอาหารรุนแรง, ติดเชื้อจากบาดแผล, มีไข้สูง .. [สถานะ: ขาดสารอาหารรุนแรง, ติดเชื้อจากบาดแผล, มีไข้สูง] [วิเคราะห์ข้อมูล... ประเมินผล...] [อัตราการรอดชีวิตปัจจุบัน: 12%] [คำแนะนำของระบบ: ต้องการการรักษาทางการแพทย์และโภชนาการอย่างเร่งด่วนภายใน 12 ชั่วโมง มิฉะนั้นอัตราการรอดชีวิตจะลดลงเหลือ 0%]
12%! ตัวเลขสีแดงฉานนั้นกระแทกเข้าใส่จิตสำนึกของไป่ซินซินอย่างจัง! มันไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติในรายงานธุรกิจ แต่มันคือความเป็นความตายของเด็กชายคนหนึ่ง... น้องชายของร่างนี้! หัวใจของเธอที่เคยด้านชากับความตายของตัวเอง บัดนี้กลับบีบรัดอย่างรุนแรง ความรู้สึกห่วงใยและเจ็บปวดที่ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของไป่ซินซินคนเดิมเอ่อล้นขึ้นมาจนจุกอก เธอคือไป่หลิง นักธุรกิจพันล้านผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และบัดนี้ ในร่างของเด็กสาวบ้านนอกคนนี้ เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้เช่นกัน!
"เหมยเหมย" เธอเรียกน้องสาว เสียงของเธอที่เคยแหบพร่า บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว
"ไปตักน้ำสะอาดมาให้พี่หน่อย เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ซานซาน เราต้องลดไข้ให้เขา"
ไป่เหมยที่กำลังจะร้องไห้ชะงักไปเมื่อเห็นแววตาของพี่สาว มันไม่ใช่แววตาของเด็กสาววัยสิบหกที่สิ้นหวังอีกต่อไป แต่เป็นแววตาที่คมกล้า มุ่งมั่น และเปี่ยมไปด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอพยักหน้ารับอย่างแข็งขันแล้วรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งทันที
ไป่ซินซินพยุงร่างที่ยังโคลงเคลงของตัวเองลุกขึ้นยืน เธอกวาดตามองไปรอบๆ กระท่อมผุพังแห่งนี้อีกครั้งอย่างละเอียดทุกตารางนิ้ว ในฐานะ CEO ที่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ การประเมินสถานการณ์และทรัพยากรที่มีอยู่คือสัญชาตญาณแรกของเธอ
ทรัพย์สิน... แทบจะเป็นศูนย์ ตู้ไม้เก่าๆ ว่างเปล่า มีเพียงเสื้อผ้าเก่าขาดไม่กี่ชิ้น โอ่งดินเผาที่มุมห้องมีน้ำเหลือติดก้นโอ่งเพียงเล็กน้อย ในครัวเล็กๆ มีเพียงแป้งมันสำปะหลังหยาบๆ เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งกำมือ และหัวมันเทศเหี่ยวๆ สองสามหัว นี่ไม่ใช่แค่ความจน แต่มันคือความแร้นแค้นที่พร้อมจะกลืนกินชีวิตของพวกเธอสามคนพี่น้องได้ทุกเมื่อ!
ไป่ซินซินกัดริมฝีปากล่างที่แห้งแตกของตัวเองอย่างครุ่นคิด จากความทรงจำของร่างเดิมทำให้เธอทราบว่าตอนนี้คือปี 1978 และการรักษาทางการแพทย์ในยุคนนี้ ที่หมู่บ้านห่างไกลความเจริญเช่นนี้เป็นเรื่องเพ้อฝัน คลินิกที่ใกล้ที่สุดคือของหมอสมุนไพรเฒ่าในหมู่บ้าน ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เงิน และเงินคือสิ่งที่เธอไม่มีเลยแม้แต่เหมาเดียว! แล้วโภชนาการล่ะ? ด้วยมันเทศเหี่ยวๆ กับแป้งหนึ่งกำมือ... มันทำได้แค่ประทังชีวิต ไม่ใช่การฟื้นฟูร่างกาย
ความสิ้นหวังคืบคลานเข้ามาในใจเธออีกครั้ง แต่ก่อนที่มันจะกัดกินจิตใจของเธอจนหมดสิ้น...
"ติ๊ง!" เสียงของระบบดังขึ้นในหัวอีกครั้ง พร้อมกับหน้าต่างโปร่งใสที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
[ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ กำลังสแกนสภาพแวดล้อมเพื่อค้นหาโอกาส...] [กำลังประมวลผลข้อมูลภูมิประเทศ, สภาพอากาศ, ทรัพยากรชีวภาพในรัศมี 5 กิโลเมตร...]
ดวงตาของไป่ซินซินเบิกกว้าง นี่คืออะไร? ฟังก์ชันค้นหาโอกาสงั้นหรือ? ราวกับมีแผนที่สามมิติปรากฏขึ้นในสมองของเธอ ภาพของหมู่บ้านต้าซาน, แม่น้ำที่ไหลผ่าน, และภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังกระท่อมของเธอถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด จุดสีต่างๆ ปรากฏขึ้นบนแผนที่นั้น... สีแดงคือความเสี่ยง, สีเทาคือไร้มูลค่า, และสีเขียว... คือโอกาส!
และในตอนนี้ มีจุดสีเขียวสว่างวาบโดดเด่นที่สุดอยู่บนภูเขาหลังบ้าน!
[ตรวจพบโอกาสในการสร้างรายได้!] [วัตถุเป้าหมาย: เห็ดหอมภูเขา (สายพันธุ์ฤดูใบไม้ผลิ) ] [ตำแหน่ง: ทางลาดชันด้านทิศตะวันตกของภูเขาหลังหมู่บ้าน บริเวณใต้ต้นโอ๊กโบราณ] [รายละเอียด: เนื่องจากสภาพอากาศที่ชื้นผิดปกติในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็ดหอมภูเขาซึ่งเป็นของป่าหายากและมีราคาสูง งอกงามเป็นพิเศษในบริเวณดังกล่าว] [อัตราความสำเร็จในการเก็บเกี่ยว (หากดำเนินการทันที) : 85%] [ความเสี่ยง: สภาพร่างกายของผู้ใช้อ่อนแอ, พื้นที่ลาดชัน, มีโอกาสพบสัตว์ป่าขนาดเล็ก (ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ] [มูลค่าทางการตลาดโดยประมาณ (ต่อจิน) : 1-1.5 หยวน]
หัวใจของไป่หลิงเต้นรัว! ในยุคที่คนงานในเมืองมีรายได้เพียงเดือนละ 20-30 หยวน เห็ดป่าราคาจินละ 1 หยวนถือเป็นของราคาแพงมหาศาล! นี่ไม่ใช่แค่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์... แต่มันคือทางด่วนสู่การรอดชีวิต!
"เหมยเหมย!" เธอเรียกน้องสาวที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากของพี่ชายอย่างขะมักเขม้น
"ดูแลซานซานให้ดีนะ พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก"
"พี่ใหญ่จะไปไหนคะ?" ไป่เหมยถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่ก็ยังไม่หายดีเลยนะ"
"พี่ไม่เป็นไรแล้ว" ไป่ซินซินกล่าวอย่างหนักแน่น เธอเดินไปหยิบตะกร้าสานใบเล็กที่ผุพังเกือบเต็มทีและเคียวเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมขึ้นมา
"พี่จะไปหาของดีๆ มาทำให้น้องๆ กิน และหาเงินไปซื้อยาให้ซานซาน"
แววตาที่มุ่งมั่นของเธอทำให้ไป่เหมยไม่กล้าทัดทานอีกต่อไป ทำได้เพียงพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
"พี่ใหญ่... ต้องรีบกลับมานะคะ พี่ใหญ่อย่าทิ้งเรานะ"
เสียงเล็กๆ สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นมองไป๋ซินซิน ราวกับกำลังเกาะเกี่ยวความหวังสุดท้ายไว้ เด็กน้อยจับชายเสื้อของพี่สาวแน่น พยายามรั้งไว้ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด หวาดกลัวว่าหากไป๋ซินซินจากไป เธอและน้องชายที่กำลังป่วยหนักจะเหลืออยู่เพียงลำพังในโลกที่โหดร้ายนี้
"แน่นอน" ไป๋ซินซินลูบหัวน้องสาวเบาๆ
"รอพี่นะ" คำพูดที่พยายามจะให้ความมั่นใจนั้นดูเลือนลางในความกลัวที่เกาะกุมจิตใจของไป๋เหมย
****เปิดเรื่องใหม่แล้วนะคะ ขอเชิญรีดที่รัก สนุกสนานกับการทะลุมิติของ CEO สาวผู้เก่งกาจจากยุคปัจจุบันได้เลย ****
**** กดหัวใจ คอมเมนต์เพิ่มเข้าชั้น เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ****
บทที133 ตอนพิเศษ... สมการรักนิรันดร์ณ คฤหาสน์ตระกูลหวังในสวนอันเงียบสงบ หลิวเจียยืนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน ไม่ใช่ในฐานะอัจฉริยะผู้เย็นชา แต่เป็นเพียงชายหนุ่มที่ตรรกะทั้งชีวิตได้พังทลายลงเพราะสตรีเพียงคนเดียว"หวังหลิน... ผมขอโทษ" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ"สมการที่ผมเคยเชื่อว่าสมบูรณ์แบบมันผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ผมมองข้ามตัวแปรที่สำคัญที่สุดนั่นคือหัวใจของเธอ"หวังหลินมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สับสนของเขา ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา"สมการที่ซับซ้อนที่สุด ก็อาจมีคำตอบที่เรียบง่ายที่สุดค่ะ รุ่นพี่ฉันไม่เคยต้องการให้ใครมาคำนวณคุณค่าของฉัน ฉันแค่ต้องการใครสักคนที่มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น"คำพูดนั้นปลดเปลื้องความหนักอึ้งในใจของหลิวเจียจนหมดสิ้นเมื่อทั้งสองเดินกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์ หวังเทียนซานนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาฉายแววหยั่งรู้ หลิวเจียไม่ลังเล เขาก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมที่สุดในชีวิต"ท่านลุงหวังครับ ผมได้กระทำการอันโง่เขลาและเย่อหยิ่งต่อคุณหนูหวังหลิน ผมใช้ตรรกะที่เย็นชาของตัวเองตัดสินคุณค่าของเธออย่างผิดพลาด ผมยอมรับผิดทุกประการและมาเพื่อขอโอกาส... โอกาสที่จะได้พิสูจน์ว่าผมคู่ควร
บทที่ 132 บทส่งท้าย...แต่งงานกันเถอะ!!อาณาจักรของกลุ่มพันธมิตรก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเซี่ยงไฮ้เท่านั้นหากคุณเดินทางไปที่ใดก็ตามในประเทศจีนยุคใหม่นี้... เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่พบเห็นสัญลักษณ์ของพวกเขาณ กรุงปักกิ่ง... เด็กนักศึกษาสาวกำลังเปิดถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ หงส์เพลิงกินแก้หิวในช่วงอ่านหนังสือสอบตอนดึก โลโก้รูปหงส์สีแดงสดของมันคือสัญลักษณ์ของคุณภาพและความอร่อยที่ทุกคนวางใจณ นครฉงชิ่ง... ในห้องครัวของทุกบ้าน จะต้องมีขวดซอสพริกเสฉวนและเครื่องปรุงรสสูตรเด็ดของแบรนด์ หงส์เพลิง วางอยู่คู่ครัวเสมอ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติที่ทุกครอบครัวคุ้นเคยณ นครกว่างโจว... บนทางด่วนที่ทอดยาวข้ามเมือง ตู้คอนเทนเนอร์นับร้อยที่ติดโลโก้เฟิงหลง โลจิสติกส์กำลังลำเลียงสินค้าออกสู่ท่าเรือเพื่อส่งออกไปทั่วโลกณ มหานครเซี่ยงไฮ้... ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดใจกลางย่านการเงินนั้นมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ติดอยู่...สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัทเฟิงหลงไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้านห่างไกล หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง... ผลิตภัณฑ์ของหงส์เพลิง ได้แทรกซึมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนจีนไปแ
บทที่ 131 ความสำเร็จของเหล่าลูกหงส์ ตระกูลเฟิงกาลเวลาหมุนเวียนผันผ่าน ฤดูแล้วฤดูเล่า... ปีแล้วปีเล่า...เหล่าทายาทแห่งตระกูลเฟิงและพันธมิตรที่เคยยืนเคียงข้างกันในวันวาน ต่างแยกย้ายกันไปบนเส้นทางแห่งการเติบโตของตนเอง พวกเขาก้มหน้าก้มตาศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักหน่วง อดทนต่อความเหนื่อยล้าและความกดดัน ลับคมดาบแห่งสติปัญญาและความสามารถของตนให้คมกริบ เพื่อรอวันที่จะกลับมาพบกันอีกครั้งอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมและบัดนี้... เมื่อเวลาอันควรมาถึง เมล็ดพันธุ์ที่ตระกูลเฟิงได้หว่านเพาะไว้ในดินแดนต่างๆ ก็ได้เติบใหญ่เป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาและออกดอกผลอย่างงดงามในที่สุด... ลูกหลานของตระกูลเฟิงที่แยกกันไปศึกษาเล่าเรียน ต่างก็ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของตัวเองอย่างสมบูรณ์ รอวันที่จะนำความรู้ความสามารถทั้งหมดที่สั่งสมมา กลับมาเป็นกำลังสำคัญในการสร้างอาณาจักรของตระกูลให้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานที่ปักกิ่ง เฟิงเจีย ไม่ได้เป็นเพียงดาวเด่นแห่งคณะเศรษฐศาสตร์ แต่เขาได้กลายเป็น ศาสตราจารย์น้อยผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของมหาวิทยาลัยไปแล้ว บทวิเคราะห์ที่เฉียบคมและมองการณ์ไกลของเขา ไม่ได้หยุดอ
บทที่ 130 ประตูสู่อนาคตความเย้ายวนที่ทำลายล้างและวินาทีนั้นเองหวังหลินก็ได้รู้แล้วว่าโลกของเธอได้กลับตาลปัตรไปแล้วโดยสิ้นเชิง...จูบนั้นจบลงแล้ว... แต่พายุอารมณ์ที่มันทิ้งไว้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นหวังหลินยืนนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง สัมผัสร้อนผ่าวที่รุนแรงและเอาแต่ใจยังคงตราตรึงอยู่บนริมฝีปากของเธอ สมองขาวโพลนไปชั่วขณะเธอไม่เข้าใจ... บุรุษที่เพิ่งผลักไสเธออย่างเลือดเย็นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน บัดนี้กลับมาทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในตัวเธออย่างดุเดือด... เขาต้องการอะไรกันแน่?ส่วนหลิวเจีย ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกมา ป้อมปราการแห่งเหตุผลที่พังทลายไปชั่วขณะก็เริ่มซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็ว ความเย็นชากลับคืนสู่ดวงตาของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันแฝงไปด้วยความสับสนที่ปิดไม่มิด เขาตกใจในการกระทำของตัวเอง เขาเกลียดการสูญเสียการควบคุม และผู้หญิงตรงหน้าคือสาเหตุของมันทั้งหมด…เธอต้องรับผิดชอบเขา!!เขาไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เพียงแค่จ้องมองนางนิ่งๆ ราวกับจะจารึกภาพใบหน้าที่แดงก่ำและแววตาที่สั่นไหวของนางไว้ในความทรงจำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หวังหลินยืนอยู่กับคำถามนับล้านในใจสองวันต่อมา บรรยากา
บทที่ 129 ลูกผู้ชายวัดกันที่หมัด!เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ดังราวกับฟ้าผ่าลงกลางปฐพี ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังหลินได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ส่วนหวงเฟยหลงยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า แต่สายตาที่เขามองมาที่หลิวเจียกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาท้าทายถึงขีดสุด"แล้วถ้าฉันอยากเป็นคนสอนการบ้านรุ่นน้องหวังหลินตลอดไปล่ะ?" หวงเฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย"คนของนายเหรอ?? ..." เขาเว้นช่วงไปก่อนจะมองไปรอบๆ ร่างกายแสนสวยของรุ่นน้องหวังหลินราวกับจะหาอะไรสักอย่างก่อนจะเอ่ยว่า"ไม่เห็นมีป้ายติดเอาไว้นี่"สิ้นคำพูดนั้น ทุกตรรกะและเหตุผลในสมองของหลิวเจียก็ขาดสะบั้นลงในพริบตา ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่ ดิบเถื่อนและรุนแรงเข้าครอบงำเขาจนหมดสิ้นหลิวเจียแค่นหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนที่กำปั้นของเขาจะพุ่ง"หึหึหึ! อยากจะดูป้ายแสดงความเป็นเจ้าของใช่ไหม ได้!!"เข้าหาใบหน้าหล่อเหลาของหวงเฟยหลงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าผัวะ!หมัดแรกถูกชกเข้าที่แก้มซ้ายของหวงเฟยหลงอย่างจังจนร่างสูงเซไปเล็กน้อย แต่หวงเฟยหลงนั้นถึงแม้ถูกต่อยแต่ยังคงเท่อย
บทที่ 128 สมการที่ไร้คำตอบ และกรรมสิทธิ์เหนือดอกทานตะวัน!!ความมุ่งมั่น... คือทรัพยากรเพียงอย่างเดียวที่หวังหลินมีอยู่อย่างไม่จำกัด หลังจากคืนนั้นที่คฤหาสน์ตระกูลหวัง เธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อการเป็นดาวบริวารที่โคจรอยู่ห่างๆ นั้นไร้ความหมาย เธอก็จะลองเสี่ยงเดินเข้าไปในใจกลางพายุ... เผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาโดยตรง แม้ว่าจะต้องมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านก็ตามสองวันต่อมา หวังหลินดักรอหลิวเจียที่ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารคณะเศรษฐศาสตร์และห้องสมุดกลาง เธอรู้ตารางเรียนของเขา ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอจดจำทุกอย่างที่เป็นของเขาได้ขึ้นใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เขาชอบ เสื้อผ้าที่เขาชอบใส่ หรือว่าเวลาส่วนใหญ่เขาเอาไปใช้ทำอะไร เด็กสาวล้วนรู้หมด เธอเฝ้ารออย่างใจจดจ่ออยู่ไม่นานร่างสูงโปร่งที่แสนจะหล่อเหลาและคุ้นเคยปรากฏขึ้น หัวใจดวงน้อยของเด็กสาวก็เต้นระรัว แต่คราวนี้... เธอไม่หลีกทางให้เขาอีกต่อไป"รุ่นพี่หลิวเจียคะ!"หลิวเจียชะงักฝีเท้า เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อย แววตาฉายแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง เขาถอนหายใจออกมาเสียงดัง ไม่พยายามที่จะปกปิดความรู้สึกด้วยซ้ำ"หวังหลินใช่ไหม!!! ฉันคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ห







