บทที่ 3 ทะลุมิติ
เมื่อเปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีแท่งตะกั่วถ่วงไว้ค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพร่าเลือน ก่อนจะค่อยๆ ปรับโฟกัสจนชัดเจน ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล แต่เป็นหลังคาดินเหนียวที่มีใยแมงมุมเกาะอยู่เต็มไปหมด แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านรูโหว่บนหลังคาลงมาเป็นลำ ทำให้เห็นฝุ่นละอองเล็กๆ ลอยคว้างอยู่ในอากาศ เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงขยับศีรษะหันไปรอบๆ
นี่คือห้องเล็กๆ แคบๆ ที่น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่าบ้าน ผนังทำจากดินเหนียวที่แตกระแหง มีลมเย็นๆ พัดแทรกเข้ามาตามรอยแยก เฟอร์นิเจอร์หนึ่งเดียวในห้องคือเตียงไม้เก่าๆ ที่เธอ... ไม่สิ ร่างนี้... กำลังนอนอยู่ มันคือแคร่ไม้ที่แข็งกระด้างจนทำให้รู้สึกเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง
เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน? ไป่หลิงรู้สึกสับสนอย่างหนัก หัวสมองที่เคยเฉียบคมประมวลผลข้อมูลไม่ทัน ภาพสุดท้ายที่จำได้คือแสงไฟหน้ารถบรรทุก ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงสู่ความมืดมิด เธอคิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวด และได้ยินเสียง?
"พี่ใหญ่... พี่ใหญ่ฟื้นแล้ว!"
เสียงเล็กๆ แหบแห้งดังขึ้นข้างเตียง ไป่หลิงหันไปมองอย่างเชื่องช้า เด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความดีใจและโล่งอก เด็กคนนั้นสวมเสื้อผ้าปุปะที่เคยเป็นสีสดใสแต่บัดนี้ซีดจางและเปรอะเปื้อน ใบหน้าเล็กๆ ซูบตอบจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังคงฉายแววสดใส
"พี่ใหญ่! พี่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม? เหมยเหมยกลัวแทบแย่ พี่สลบไปตั้งสองวันแน่ะ"
เด็กหญิงพูดพลางยื่นมือเล็กๆ ที่สั่นเทามาจับแขนของเธออย่างแผ่วเบา
พี่ใหญ่? เหมยเหมย? ไป่หลิงตกตะลึงกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นเคยนี้ ความรู้สึกที่เธอน่าจะตายไปแล้วทำให้เธอยิ่งสับสนหนักขึ้น
แล้วความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอเองพลันไหลบ่าเข้ามาในสมองราวกับเขื่อนแตก! ภาพของเด็กสาวชื่อไป่ซินซินวัย 16 ปี ภาพของพ่อแม่ที่ทำงานหนักในคอมมูนประชาชนก่อนจะล้มป่วยและเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ภาพของญาติฝ่ายพ่อที่ยากจนเกินกว่าจะรับเลี้ยงดูพวกเธอสามคน และภาพของญาติฝ่ายแม่ที่ร่ำรวยกว่า แต่กลับรังเกียจและขับไล่ไสส่งพวกเธอราวกับเป็นตัวเชื้อโรค
และความทรงจำสุดท้ายของไป่ซินซินคนเดิม... การที่เธอเห็นน้องชายคนกลาง ไป่ซาน ล้มป่วยเพราะขาดอาหาร เธอจึงเอาแป้งมันสำปะหลังก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ไปแลกไข่ไก่ฟองเล็กๆ จากบ้านเพื่อนบ้าน ระหว่างทางกลับ เธอถูกจางหู่ ลูกชายของน้าสะใภ้ใจร้ายเข้ามาแย่งชิงไข่ไก่ฟองนั้น เธอขัดขืนและถูกผลักจนศีรษะฟาดกับก้อนหินอย่างแรง นั่นคือจุดจบของไป่ซินซิน และคือจุดเริ่มต้นใหม่ของไป่หลิง!
"พี่... พี่ไม่เป็นไร"
ไป่หลิง... ไม่สิ ตอนนี้เธอคือไป่ซินซิน... เอ่ยตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน ลำคอของเธอแห้งผากราวกับทะเลทราย
"พี่ซานซาน... ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ"
ไป่เหมยตอบเสียงอ่อย น้ำตาคลอหน่วย เสียงเล็กๆ สั่นเครือสะท้อนความสิ้นหวัง
"ตัวเขาร้อนมากเลย ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร"
เด็กหญิงพึมพำ น้ำตาเม็ดโตไหลรินอาบแก้มใสที่ซูบผอม แววตาของเธอมองไปยังไป๋ซินซินราวกับขอความช่วยเหลือ เป็นความรู้สึกกดดันบีบคั้นของเด็กน้อยที่ไร้ทางออก ทำให้เธอร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวและสับสนอย่างที่สุด
ไป่ซินซินฝืนความเจ็บปวดและอ่อนเพลีย ยันตัวลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ เธอกวาดตามองไปอีกมุมหนึ่งของกระท่อม บนกองฟางเก่าๆ มีร่างของเด็กชายวัยประมาณสิบขวบนอนขดตัวอยู่ เนื้อตัวสั่นเทา ริมฝีปากแห้งแตก ใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้
"ติ๊ง!" เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับภาพ! หน้าต่างโปร่งใสสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ มีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นมัน บนหน้าต่างนั้นมีข้อมูลปรากฏขึ้นเป็นตัวอักษร
[กำลังสแกนเป้าหมาย: ไป่ซาน] ** [สถานะ: ขาดสารอาหารรุนแรง, ติดเชื้อจากบาดแผล, มีไข้สูง .. [สถานะ: ขาดสารอาหารรุนแรง, ติดเชื้อจากบาดแผล, มีไข้สูง] [วิเคราะห์ข้อมูล... ประเมินผล...] [อัตราการรอดชีวิตปัจจุบัน: 12%] [คำแนะนำของระบบ: ต้องการการรักษาทางการแพทย์และโภชนาการอย่างเร่งด่วนภายใน 12 ชั่วโมง มิฉะนั้นอัตราการรอดชีวิตจะลดลงเหลือ 0%]
12%! ตัวเลขสีแดงฉานนั้นกระแทกเข้าใส่จิตสำนึกของไป่ซินซินอย่างจัง! มันไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติในรายงานธุรกิจ แต่มันคือความเป็นความตายของเด็กชายคนหนึ่ง... น้องชายของร่างนี้! หัวใจของเธอที่เคยด้านชากับความตายของตัวเอง บัดนี้กลับบีบรัดอย่างรุนแรง ความรู้สึกห่วงใยและเจ็บปวดที่ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของไป่ซินซินคนเดิมเอ่อล้นขึ้นมาจนจุกอก เธอคือไป่หลิง นักธุรกิจพันล้านผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และบัดนี้ ในร่างของเด็กสาวบ้านนอกคนนี้ เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้เช่นกัน!
"เหมยเหมย" เธอเรียกน้องสาว เสียงของเธอที่เคยแหบพร่า บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว
"ไปตักน้ำสะอาดมาให้พี่หน่อย เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ซานซาน เราต้องลดไข้ให้เขา"
ไป่เหมยที่กำลังจะร้องไห้ชะงักไปเมื่อเห็นแววตาของพี่สาว มันไม่ใช่แววตาของเด็กสาววัยสิบหกที่สิ้นหวังอีกต่อไป แต่เป็นแววตาที่คมกล้า มุ่งมั่น และเปี่ยมไปด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอพยักหน้ารับอย่างแข็งขันแล้วรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งทันที
ไป่ซินซินพยุงร่างที่ยังโคลงเคลงของตัวเองลุกขึ้นยืน เธอกวาดตามองไปรอบๆ กระท่อมผุพังแห่งนี้อีกครั้งอย่างละเอียดทุกตารางนิ้ว ในฐานะ CEO ที่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ การประเมินสถานการณ์และทรัพยากรที่มีอยู่คือสัญชาตญาณแรกของเธอ
ทรัพย์สิน... แทบจะเป็นศูนย์ ตู้ไม้เก่าๆ ว่างเปล่า มีเพียงเสื้อผ้าเก่าขาดไม่กี่ชิ้น โอ่งดินเผาที่มุมห้องมีน้ำเหลือติดก้นโอ่งเพียงเล็กน้อย ในครัวเล็กๆ มีเพียงแป้งมันสำปะหลังหยาบๆ เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งกำมือ และหัวมันเทศเหี่ยวๆ สองสามหัว นี่ไม่ใช่แค่ความจน แต่มันคือความแร้นแค้นที่พร้อมจะกลืนกินชีวิตของพวกเธอสามคนพี่น้องได้ทุกเมื่อ!
ไป่ซินซินกัดริมฝีปากล่างที่แห้งแตกของตัวเองอย่างครุ่นคิด จากความทรงจำของร่างเดิมทำให้เธอทราบว่าตอนนี้คือปี 1978 และการรักษาทางการแพทย์ในยุคนนี้ ที่หมู่บ้านห่างไกลความเจริญเช่นนี้เป็นเรื่องเพ้อฝัน คลินิกที่ใกล้ที่สุดคือของหมอสมุนไพรเฒ่าในหมู่บ้าน ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เงิน และเงินคือสิ่งที่เธอไม่มีเลยแม้แต่เหมาเดียว! แล้วโภชนาการล่ะ? ด้วยมันเทศเหี่ยวๆ กับแป้งหนึ่งกำมือ... มันทำได้แค่ประทังชีวิต ไม่ใช่การฟื้นฟูร่างกาย
ความสิ้นหวังคืบคลานเข้ามาในใจเธออีกครั้ง แต่ก่อนที่มันจะกัดกินจิตใจของเธอจนหมดสิ้น...
"ติ๊ง!" เสียงของระบบดังขึ้นในหัวอีกครั้ง พร้อมกับหน้าต่างโปร่งใสที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
[ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จ กำลังสแกนสภาพแวดล้อมเพื่อค้นหาโอกาส...] [กำลังประมวลผลข้อมูลภูมิประเทศ, สภาพอากาศ, ทรัพยากรชีวภาพในรัศมี 5 กิโลเมตร...]
ดวงตาของไป่ซินซินเบิกกว้าง นี่คืออะไร? ฟังก์ชันค้นหาโอกาสงั้นหรือ? ราวกับมีแผนที่สามมิติปรากฏขึ้นในสมองของเธอ ภาพของหมู่บ้านต้าซาน, แม่น้ำที่ไหลผ่าน, และภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังกระท่อมของเธอถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด จุดสีต่างๆ ปรากฏขึ้นบนแผนที่นั้น... สีแดงคือความเสี่ยง, สีเทาคือไร้มูลค่า, และสีเขียว... คือโอกาส!
และในตอนนี้ มีจุดสีเขียวสว่างวาบโดดเด่นที่สุดอยู่บนภูเขาหลังบ้าน!
[ตรวจพบโอกาสในการสร้างรายได้!] [วัตถุเป้าหมาย: เห็ดหอมภูเขา (สายพันธุ์ฤดูใบไม้ผลิ) ] [ตำแหน่ง: ทางลาดชันด้านทิศตะวันตกของภูเขาหลังหมู่บ้าน บริเวณใต้ต้นโอ๊กโบราณ] [รายละเอียด: เนื่องจากสภาพอากาศที่ชื้นผิดปกติในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็ดหอมภูเขาซึ่งเป็นของป่าหายากและมีราคาสูง งอกงามเป็นพิเศษในบริเวณดังกล่าว] [อัตราความสำเร็จในการเก็บเกี่ยว (หากดำเนินการทันที) : 85%] [ความเสี่ยง: สภาพร่างกายของผู้ใช้อ่อนแอ, พื้นที่ลาดชัน, มีโอกาสพบสัตว์ป่าขนาดเล็ก (ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ] [มูลค่าทางการตลาดโดยประมาณ (ต่อจิน) : 1-1.5 หยวน]
หัวใจของไป่หลิงเต้นรัว! ในยุคที่คนงานในเมืองมีรายได้เพียงเดือนละ 20-30 หยวน เห็ดป่าราคาจินละ 1 หยวนถือเป็นของราคาแพงมหาศาล! นี่ไม่ใช่แค่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์... แต่มันคือทางด่วนสู่การรอดชีวิต!
"เหมยเหมย!" เธอเรียกน้องสาวที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากของพี่ชายอย่างขะมักเขม้น
"ดูแลซานซานให้ดีนะ พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก"
"พี่ใหญ่จะไปไหนคะ?" ไป่เหมยถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่ก็ยังไม่หายดีเลยนะ"
"พี่ไม่เป็นไรแล้ว" ไป่ซินซินกล่าวอย่างหนักแน่น เธอเดินไปหยิบตะกร้าสานใบเล็กที่ผุพังเกือบเต็มทีและเคียวเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมขึ้นมา
"พี่จะไปหาของดีๆ มาทำให้น้องๆ กิน และหาเงินไปซื้อยาให้ซานซาน"
แววตาที่มุ่งมั่นของเธอทำให้ไป่เหมยไม่กล้าทัดทานอีกต่อไป ทำได้เพียงพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
"พี่ใหญ่... ต้องรีบกลับมานะคะ พี่ใหญ่อย่าทิ้งเรานะ"
เสียงเล็กๆ สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นมองไป๋ซินซิน ราวกับกำลังเกาะเกี่ยวความหวังสุดท้ายไว้ เด็กน้อยจับชายเสื้อของพี่สาวแน่น พยายามรั้งไว้ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด หวาดกลัวว่าหากไป๋ซินซินจากไป เธอและน้องชายที่กำลังป่วยหนักจะเหลืออยู่เพียงลำพังในโลกที่โหดร้ายนี้
"แน่นอน" ไป๋ซินซินลูบหัวน้องสาวเบาๆ
"รอพี่นะ" คำพูดที่พยายามจะให้ความมั่นใจนั้นดูเลือนลางในความกลัวที่เกาะกุมจิตใจของไป๋เหมย
****เปิดเรื่องใหม่แล้วนะคะ ขอเชิญรีดที่รัก สนุกสนานกับการทะลุมิติของ CEO สาวผู้เก่งกาจจากยุคปัจจุบันได้เลย ****
**** กดหัวใจ คอมเมนต์เพิ่มเข้าชั้น เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ****
บทที่ 13 สมบัติแห่งขุนเขา ep 2“ระบบ! ตัดชิ้นเนื้อหมีดำออกมาหนึ่งส่วนทำให้เป็นชินเล็กๆ และโยนออกไปให้ไกลที่สุด! ให้มันไปคนละทิศกับฉัน! โยนกลับไปด้านหลังให้มากที่สุด” เธอสั่งอย่างรวดเร็ว เสียงลมหายใจหอบกระชั้นพรึ่บ!ในเสี้ยววินาทีนั้น ชิ้นเนื้อหมีดำขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นในอากาศจากนั้นมันก็กระจายไปทั่วทิศทางที่ และมากสุดเป็นด้านหลังเพื่อดึงความสนใจของเจ้างูเหลือมยักษ์เสียงครูดครืดของงูเหลือมยักษ์ชะงักไปชั่วขณะ มันหยุดการไล่ล่า แล้วส่วนหัวขนาดใหญ่ของมันก็หันไปยังทิศทางที่ชิ้นเนื้อตกลงไป มันพุ่งเข้าหาแต่ละชิ้น และหงุดหงิดเล็กน้อยที่แต่ละชิ้นนั้นช่างเล็กเหลือเกินราวกับเจ้าตัวที่วิ่งอยู่ข้างหน้านั้นขี้เหนียวทำให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อที่จะให้มันต้องวนไปเก็บหลายๆ ครั้ง ไป่ซินซินไม่รอช้า เธอใช้จังหวะนี้ วิ่งสุดฝีเท้า กระโดดข้ามลำธารเล็กๆ และกระโดดขึ้นไปเกาะกับเถาวัลย์ขนาดใหญ่เพื่อปีนขึ้นเนินสูงชันอย่างรวดเร็วย้อนกลับไปในเสี้ยววินาทีก่อนหน้านั้น เมื่อไป่ซินซินสั่งระบบให้ตัดชิ้นเนื้อ ระบบได้ทำการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วถึงปริมาณที่จำเป็นต่อการเบี่ยงเบนความสนใจของงูโดยให้สูญเสียทรัพยากรน้อยที
บทที่ 12 สมบัติแห่งขุนเขา ep 1 ‘ว้าว! นี่มันสุดยอดไปเลย!’ไป่ซินซินรู้สึกราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจที่สุดในโลก เธอทดลองนำสิ่งของเข้าๆ ออกๆ จากมิติเก็บของในมโนสำนึกอีกสองสามครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว นี่ไม่ใช่แค่คลังเก็บของ แต่มันคือมิติส่วนตัว ที่จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ทุกอย่างในการเอาชีวิตรอดและสร้างความมั่งคั่งในยุคนี้!เธอเหลือบตามองบนเล็กน้อยไปยังยอดเขาเมฆาที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้ายิ่งกว่าเดิมไป่ซินซินออกเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าแต่ละก้าวอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว เธอไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระหนักอึ้งอีกต่อไป เพราะทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในมิติเก็บของ เธอสามารถหยิบของที่ต้องการออกมาใช้ได้ทุกเมื่อที่นึกถึงอากาศบนยอดเขายิ่งเบาบางและหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ หมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่ว ทำให้ทัศนวิสัยจำกัด แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นที่อยู่ในมิติเก็บของออกมาสวมใส่ทันที มันช่วยกันลมหนาวที่กัดกินกระดูกได้อย่างดีในขณะที่เธอกำลังก้าวผ่านพุ่มไม้หนาแน่น ระบบก็ดังขึ้นในหัวของเธอติ๊ง![ตรว
บทที่ 11 ฟังก์ชั่นมิติเก็บของหลังจากเก็บเห็ดหลินจือจักรพรรดิได้อย่างภาคภูมิใจ ไป่ซินซินไม่ได้หยุดพักนานนัก สายตาแน่วแน่มุ่งตรงไปยังยอดเขาเมฆาที่สูงเสียดฟ้า อากาศเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ความหนาวเย็นกัดกินเข้ามาถึงกระดูกราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง เสื้อคลุมของพ่อที่เคยรู้สึกหนาพอเริ่มไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่ลดต่ำลงได้อีกต่อไป แต่แรงปรารถนาที่จะนำ โสมพันร้อยปี กลับไปให้ครอบครัว คือไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจเธอ ไม่ให้เธอยอมแพ้เส้นทางที่นำไปสู่โสมพันร้อยปีนั้นแตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง มันคือการปีนป่ายหน้าผาหินปูนที่สูงชันเสียดฟ้า ผิวหินเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและมอสที่ลื่นปรื๊ดราวกับทาน้ำมันไว้ และมีหมอกหนาทึบปกคลุมตลอดเวลาจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายเท้าติ๊ง!เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ไป่ซินซินรู้สึกหวิวในใจเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่เสียงนี้ดังขึ้น มักจะตามมาด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายเสมอ[พื้นที่เขตอันตรายระดับ A: ตรวจพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองชนิดกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด] [หลบหนีทันที! อัตราการรอดชีวิตในบริเวณ: 5%] [ตำแหน่งสิ่งมีชีวิต: ด้านหน้า 50 เมตร]ไป่ซินซินตาเบิกกว้าง ความวิตกกังวล
บทที่ 10 ความเสี่ยง 70%ที่ต้องแบกรับเอง...เส้นทางสู่ยอดเขาเมฆาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันเต็มไปด้วยหินผาขรุขระ ทางลาดชันที่ต้องปีนป่าย และป่าทึบที่แสงอาทิตย์ยังส่องไม่ถึง บางช่วงเธอต้องใช้มือช่วยยึดเกาะก้อนหินเพื่อปีนขึ้นไป บางช่วงต้องใช้มีดถางทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น ความคิดถึงบ้านใหม่ที่อบอุ่นสำหรับน้องๆ คือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของเธอ'โสมพันปี... เห็ดหลินจือจักรพรรดิ... พี่มาแล้ว!!!!!'เธอพึมพำกับตัวเอง สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอที่ย่ำไปบนใบไม้แห้งกรอบแกรบราวกับเสียงกลองศึกที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณนักสู้ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นเต็มที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนๆ เหนือทิวเขา เปลี่ยนผืนฟ้าสีดำสนิทให้กลายเป็นสีครามอมชมพู ภาพเบื้องหน้าคือหมอกหนาทึบที่ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมยอดเขา ราวกับม่านลึกลับที่ซ่อนเร้นความลับและอันตรายเอาไว้ ไป่ซินซินรู้ดีว่า ยิ่งสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งบางเบาและหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น เธอต้องใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นเป็นเกราะกำบังจากความหนาวเหน็บที่เริ่มกัดกิ
บทที่ 9 ออกเดินทางแน่นอนว่าหลังจากที่ไป่ซินซินมุ่งหน้าไปบริเวณที่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จบอกไม่นาน เธอก็กลับลงมาจากเขา ตัวตะกร้าที่สะพายมาเต็มแน่นไปด้วยเห็ดหอมดอกใหญ่สีน้ำตาลเข้ม และยังมีเห็ดโคนสีขาวนวลที่ผุดขึ้นมาเป็นกลุ่มๆ ราวกับว่าพวกมันรอการค้นพบจากเธออย่างไรอย่างนั้น นอกจากเห็ดเหล่านั้นแล้ว เธอยังได้ผักป่ากลับมาอีกหอบใหญ่ แน่นอนว่าเพราะมีระบบชี้นำทำให้เธอรู้ว่าผักชนิดไหนที่สามารถกินได้ ชนิดไหนที่กินไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้การขึ้นภูเขาของเธอก็ประสบความสำเร็จอีกครั้งเมื่อไป่ซินซินเดินกลับมาถึงกระท่อม ไป่เหมยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ดวงตาเล็กๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นของที่พี่สาวหอบหิ้วมา“พี่ใหญ่! กลับมาแล้ว! แล้วนี่อะไรคะ เต็มตะกร้าเลย!”ไป่เหมยร้องด้วยความตื่นเต้น มือเล็กๆ ชี้ไปที่ตะกร้าเห็ดไป่ซานที่ออกมาดูด้วย ก็เบิกตาโตไม่แพ้กัน“โห! เห็ดเยอะแยะเลยครับพี่ใหญ่! แล้วนี่ผักอะไรครับ ไม่เคยเห็นเลย!”ไป่ซินซินยิ้มกว้าง “พี่กลับมาแล้วจ้ะ! นี่ไง เห็ดหอมกับเห็ดโคน แล้วก็ผักป่าที่เราจะเอาไว้กินกันนะ”เธอลูบหัวน้องๆ อย่างอ่อนโยน“พวกเราจะได้มีของอร่อยๆ กินกันตลอดฤดูหนาวเลย!
บทที่ 8 เตรียมการก่อนออกเดินทาง หลังจากที่ได้ทราบว่าระบบวิเคราะห์ความสำเร็จที่อยู่ในหัวของเธอสามารถที่จะอัปเกรดได้ ทำให้ไป่ซินซินมีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างน้อยหากว่าอัปเกรดแล้ว เธอก็น่าจะหาข้าวปลาอาหารและข้าวของต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ความคิดนี้ทำให้ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความหวัง เธอลงมือเตรียมการต่อทันทีด้วยความกระตือรือร้นเพราะการจุขึ้นภูเขาเธอยังต้องหาเสื้อผ้าที่หนาพอจะกันลมหนาวบนภูเขาสูงด้วย แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ยอดเขาสูงย่อมมีอากาศที่แตกต่างออกไป อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเตรียมตัวไม่พร้อม เธอนึกถึงเสื้อคลุมเก่าๆ ของพ่อที่เก็บอยู่ในหีบไม้ใบเล็ก มันเป็นเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหนา แม้จะเก่าและมีรอยปะบ้าง แต่น่าจะพอช่วยกันลมหนาวได้ เธอลองสวมดู เสื้อตัวใหญ่โคร่งจนเกือบคลุมไปทั้งร่างผอมบางของเธอ แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ดีไป่ซินซินใช้เข็มและด้ายที่หาเจอ เย็บซ่อมแซมเสื้อคลุมตัวนั้นอย่างพิถีพิถัน รอยขาดต่างๆ ถูกเย็บปะอย่างบรรจง พลางคิดถึงอันตรายที่รออยู่บนยอดเขา 'สัตว์ป่าดุร้ายปกป้องงั้นหรือ? ไม่ว่าจะตัวอะไร ฉันก็ต้องผ่านมันไปให้ได้!' ดว