บทที่ 5 ไม่ได้มาขอแต่มาขาย
เมื่อมาถึงชายป่าทางเข้าหมู่บ้าน เธอก็หยุดชะงัก เธอแบ่งเห็ดส่วนหนึ่งที่ดูดีที่สุดออกมาเก็บไว้ในตะกร้า ส่วนที่เหลือซ่อนไว้ในพุ่มไม้หนาทึบที่เธอจะจำตำแหน่งได้ และนำเนื้อซ่อนไว้ก้นตะกร้าโดยมีเห็ดปิดทับไว้อีกที การเดินเข้าหมู่บ้านพร้อมกับของป่าราคาแพงเต็มตะกร้าในสภาพที่ทุกคนรู้ว่าครอบครัวเธอกำลังจะอดตายนั้น ไม่ต่างอะไรกับการป่าวประกาศเรียกโจรให้มาปล้น
เธอเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่สุดท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านของหมอเฒ่าหลี่หมอสมุนไพรเพียงคนเดียวในหมู่บ้านต้าซาน เขาเป็นชายชราผมขาวโพลนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเถรตรงและมีฝีมือ แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเช่นกัน
เมื่อไปถึงหน้าบ้าน เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาธุรกิจครั้งแรกในชีวิตใหม่
"ท่านหมอหลี่อยู่ไหมคะ?"
เธอร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ประตูไม้เปิดออกอย่างเชื่องช้า หมอเฒ่าหลี่ในชุดผ้าฝ้ายสีเทาเดินออกมา มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน
"เด็กบ้านไป่รึ! มีเรื่องอะไร? ฉันไม่มียาให้เธอฟรีๆ อีกหรอกนะ…มาบ่อยเหลือเกิน"
เขาเอ่ยขึ้นมาก่อนและบ่นตามเล็กน้อย เพราะว่าแทบทุกครั้งที่เด็กๆ บ้านนี้มาหาเขานั้นเป็นต้องมาขอยา น้อยครั้งมากที่จะมีเงินซื้อ เขาจึงเลือกที่จะเอ่ยดักเอาไว้ก่อน ...ก็นะถึงแม้ว่าจะเมตาสงสารแต่เขาก็มีขอบเขตของเขาเช่นกัน...เมื่อมาบ่อยเข้าเขาก็ไม่อาจจะรับได้แล้ว
"ฉันทราบค่ะท่านหมอ" ไป่ซินซินไม่แสดงอาการน้อยใจ เธอย่อตัวลงแล้วเปิดตะกร้าให้เขาดู
“ฉันไม่ได้มาขอ แต่ฉันมาขายค่ะ"
กลิ่นหอมของเห็ดภูเขาลอยออกมาแตะจมูกของหมอเฒ่าหลี่ ดวงตาที่เคยเรียบเฉยของเขาพลันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย...เขาก้มลงหยิบเห็ดดอกหนึ่งขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดพลิกดูใต้ดอกดมกลิ่นสัมผัสความแน่นของเนื้อเห็ดด้วยนิ้วที่เหี่ยวย่นแต่ยังคงมั่นคง ความพอใจฉายขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่เขาจะพยายามเก็บมันลงไปเดี๋ยวเจ้าเด็กนี้เห็นเข้า…ไป่ซินซินเห็นท่าทางนั้นแน่นอน แต่เธอเลือกที่จะเก็บสายตาลงและทำท่าทางให้ดูไม่รู้เรื่องต่อไป..
"เห็ดหอมภูเขาฤดูใบไม้ผลิ... แถมยังเป็นของชั้นเลิศ"
หมอเฒ่าหลี่พึมพำกับตัวเอง แต่ก็ดังพอที่ไป่ซินซินจะได้ยินชัดเจน
"นังหนูไป๋ ไปเก็บมาจากไหนกัน? ฉันไม่เห็นมีใครในหมู่บ้านหาของดีขนาดนี้ได้มานานแล้ว"
"โชคดีนิดหน่อยค่ะหมอหลี่" ไป่ซินซินตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูใสซื่อ แต่แววตากลับฉายแววฉลาดเฉลียว
"พอดีเดินหลงเข้าไปในป่าลึก เลยบังเอิญเจอเข้า"
เธอรู้ดีว่าต้องสร้างเรื่องราวที่สมเหตุสมผล การบอกว่ามีระบบบอกตำแหน่งให้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหากเขาไม่ว่าเธอบ้าก็คงจะเรียกทหารแดงมาจับเธอในฐานะแม่มดหมอผีอย่างแน่นอน…หมอเฒ่าหลี่เหลือบมองเธออีกครั้ง สายตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุเข้าไปถึงความคิดของเด็กสาวตรงหน้า
"โชคดีอย่างนั้นรึ... แล้วเธอต้องการขายเท่าไหร่?"
นี่คือช่วงเวลาสำคัญ! การต่อรองราคาครั้งแรก! จิตวิญญาณของไป่หลิงตื่นตัวเต็มที่ เธอประมวลผลข้อมูลในหัวอย่างรวดเร็ว ราคาที่ระบบประเมินคือ 1-1.5 หยวนต่อจิน แต่เธอจะเปิดราคาที่เท่าไหร่ดี? เปิดสูงไปอาจจะถูกมองว่าโลภและทำให้การเจรจาล่ม เปิดต่ำไปก็จะเสียเปรียบ ในฐานนะนักธุรกิจฝีมือฉกาจฟาดฟันมาเยอะนั้นทราบดีว่าผู้ใดเอ่ยถึงราคาก่อนผู้นั้นแพ้…ดังนั้นผู้ที่เปิดราคาจะเป็นเธอไม่ได้…
"หมอหลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญ คุณย่อมรู้คุณค่าของมันดี"
เธอเริ่มต้นด้วยการโยนความรับผิดชอบกลับไปให้อีกฝ่าย เป็นเทคนิคการเจรจาขั้นพื้นฐาน
"ฉันเป็นแค่เด็กบ้านนอก ที่บ้านไม่มีผู้ใหญ่ ไม่ค่อยรู้เรื่องราคาตลาดเท่าไหร่ แต่ตอนนี้น้องชายของฉันป่วยหนัก ต้องการเงินไปซื้อยา...คุณหมอหลี่ให้ราคาเท่าไหร่ ฉันก็พร้อมจะรับไว้ค่ะ"
คำพูดของเธอดูเหมือนจะอ่อนน้อมและน่าสงสาร แต่ความจริงแล้วมันคือการกดดันทางอ้อมที่แยบยล เธอแสดงความต้องการที่ชัดเจน เงินที่จะนำไปซื้อยาให้น้อง สร้างความเห็นใจ และในขณะเดียวกันก็ยกย่องอีกฝ่ายให้เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกดีและมักจะให้ราคาที่ยุติธรรม หมอเฒ่าหลี่หรี่ตามองเธอ แววตาฉายแววพึงพอใจอยู่ลางๆ
"เจ้าเด็กนี่... ฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ" เขาวางเห็ดลงในตะกร้า
"เห็ดพวกนี้คุณภาพดีจริง แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ของป่าก็ขายยาก... ฉันให้เธอ 8 เหมาต่อจิน* ก็แล้วกัน ถือว่าราคาสูงที่สุดแล้ว" (หมายเหตุ: 1 หยวน = 10 เหมา, 1 เหมา = 10 เฟิน)
8 เหมา! ต่ำกว่าราคาประเมินของระบบไปพอสมควร!
ไป่ซินซินนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้แสดงอาการผิดหวังหรือรีบร้อนตอบตกลง เธอกำลังคำนวณอยู่ในใจ
"หมอหลี่คะ ฉันได้ยินมาว่าเห็ดพันธุ์นี้ถ้าเอาไปขายในตลาดอำเภอ อาจจะได้ราคาถึง 1-1.5หยวนเลยนะคะ"
เธอพูดขึ้นมาลอยๆ ราวกับเป็นการเปรยมากกว่าการต่อรอง และรู้ว่าราคากลางอยู่ที่เท่าไหร่ ไม่ได้ไม่มีความรู้อย่างสิ้นเชิง
"ตลาดอำเภอ?" หมอเฒ่าหลี่แค่นเสียง
"กว่าเธอจะเดินทางไปถึง เห็ดก็ช้ำหมดแล้วค่ารถอีกไหนจะความเสี่ยงต่างๆ นานา สุดท้ายอาจจะไม่ได้อะไรเลย เสียเวลาเปล่าขายให้ฉันที่นี่ปลอดภัย ได้เงินทันทีไม่ดีกว่ารึ?" เมื่อเจ้าเด็กนี้ดูเหมือนจะมีราคาจริงอยู่ในใจ หมอหลี่ก็แอบหวันเล็กน้อยว่าเธอจะไม่ยอมขายให้เขา จึงได้พยายามหาเหตุผลมาหักล้างราคาของเจ้าเด็กนี้เสียหน่อย
"นั่นก็จริงค่ะ..." ไป่ซินซินยอมรับอย่างว่าง่าย แต่แล้วเธอก็เสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
"แต่ถ้าหมอหลี่รับซื้อไว้ที่ราคา 1 หยวนต่อจิน... ต่อไปถ้าฉันหาของป่าดีๆ แบบนี้ได้อีก ฉันจะเอามาขายให้ท่านหมอเป็นคนแรกเลยค่ะ ถือว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาว"
คำว่า ความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาว ทำให้หมอเฒ่าหลี่ชะงักไปอีกครั้ง เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของไป่ซินซิน และสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่แววตาของเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา แต่มันคือแววตาของคนที่มองการณ์ไกล... แววตาของนักค้า! และเจ้าคำว่าธุรกิจระยะยาวนี้เจ้าเด็กนี้เอามาจากไหนกัน… หมอเฒ่าหลี่ครุ่นคิดในใจ เขาสังเกตเห็นมานานแล้วว่าไป่ซินซินดูเปลี่ยนไป ไม่ใช่เด็กสาวขี้อายและหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและสติปัญญาเกินวัย ท่าทางที่เด็ดเดี่ยว การใช้คำพูดที่ฉลาดเฉลียว รวมถึงการกระทำที่พลิกสถานการณ์จากวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส ทั้งหมดนี้ทำให้หมอเฒ่าหลี่อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ แต่เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะเด็กคนนี้ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการดูแลน้องชายและน้องสาว ความยากลำบากบีบเค้นให้ไป่ซินซินต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเข้มแข็งขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอดและปกป้องครอบครัวเล็กๆ ของเธอ เด็กคนนี้ไม่ได้มองแค่การขายของครั้งเดียวจบ แต่กำลังมองถึงอนาคต! หมอเฒ่าหลี่นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ ในหัวของเขากำลังชั่งน้ำหนักอย่างหนัก เห็ดคุณภาพดีขนาดนี้ไม่ใช่ของที่จะหาได้ง่ายๆ หากเด็กคนนี้หามาได้อีกจริง การผูกขาดการรับซื้อไว้ก็ย่อมเป็นผลดีกับเขาในระยะยาว
"ก็ได้!"
ในที่สุดเขาก็ตบโต๊ะดังปัง
"1 หยวนต่อจิน! แต่เธอต้องรักษาสัญญา ถ้ามีของดีอีก ต้องมาหาฉันก่อน!"
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป่ซินซิน
"แน่นอนค่ะท่านหมอ!"
****การต่อรองครั้งแรกสำเร็จแล้ว…ซินซินสู้ๆ ****
บทที่ 13 สมบัติแห่งขุนเขา ep 2“ระบบ! ตัดชิ้นเนื้อหมีดำออกมาหนึ่งส่วนทำให้เป็นชินเล็กๆ และโยนออกไปให้ไกลที่สุด! ให้มันไปคนละทิศกับฉัน! โยนกลับไปด้านหลังให้มากที่สุด” เธอสั่งอย่างรวดเร็ว เสียงลมหายใจหอบกระชั้นพรึ่บ!ในเสี้ยววินาทีนั้น ชิ้นเนื้อหมีดำขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นในอากาศจากนั้นมันก็กระจายไปทั่วทิศทางที่ และมากสุดเป็นด้านหลังเพื่อดึงความสนใจของเจ้างูเหลือมยักษ์เสียงครูดครืดของงูเหลือมยักษ์ชะงักไปชั่วขณะ มันหยุดการไล่ล่า แล้วส่วนหัวขนาดใหญ่ของมันก็หันไปยังทิศทางที่ชิ้นเนื้อตกลงไป มันพุ่งเข้าหาแต่ละชิ้น และหงุดหงิดเล็กน้อยที่แต่ละชิ้นนั้นช่างเล็กเหลือเกินราวกับเจ้าตัวที่วิ่งอยู่ข้างหน้านั้นขี้เหนียวทำให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อที่จะให้มันต้องวนไปเก็บหลายๆ ครั้ง ไป่ซินซินไม่รอช้า เธอใช้จังหวะนี้ วิ่งสุดฝีเท้า กระโดดข้ามลำธารเล็กๆ และกระโดดขึ้นไปเกาะกับเถาวัลย์ขนาดใหญ่เพื่อปีนขึ้นเนินสูงชันอย่างรวดเร็วย้อนกลับไปในเสี้ยววินาทีก่อนหน้านั้น เมื่อไป่ซินซินสั่งระบบให้ตัดชิ้นเนื้อ ระบบได้ทำการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วถึงปริมาณที่จำเป็นต่อการเบี่ยงเบนความสนใจของงูโดยให้สูญเสียทรัพยากรน้อยที
บทที่ 12 สมบัติแห่งขุนเขา ep 1 ‘ว้าว! นี่มันสุดยอดไปเลย!’ไป่ซินซินรู้สึกราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจที่สุดในโลก เธอทดลองนำสิ่งของเข้าๆ ออกๆ จากมิติเก็บของในมโนสำนึกอีกสองสามครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว นี่ไม่ใช่แค่คลังเก็บของ แต่มันคือมิติส่วนตัว ที่จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ทุกอย่างในการเอาชีวิตรอดและสร้างความมั่งคั่งในยุคนี้!เธอเหลือบตามองบนเล็กน้อยไปยังยอดเขาเมฆาที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้ายิ่งกว่าเดิมไป่ซินซินออกเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าแต่ละก้าวอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว เธอไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระหนักอึ้งอีกต่อไป เพราะทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในมิติเก็บของ เธอสามารถหยิบของที่ต้องการออกมาใช้ได้ทุกเมื่อที่นึกถึงอากาศบนยอดเขายิ่งเบาบางและหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ หมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่ว ทำให้ทัศนวิสัยจำกัด แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นที่อยู่ในมิติเก็บของออกมาสวมใส่ทันที มันช่วยกันลมหนาวที่กัดกินกระดูกได้อย่างดีในขณะที่เธอกำลังก้าวผ่านพุ่มไม้หนาแน่น ระบบก็ดังขึ้นในหัวของเธอติ๊ง![ตรว
บทที่ 11 ฟังก์ชั่นมิติเก็บของหลังจากเก็บเห็ดหลินจือจักรพรรดิได้อย่างภาคภูมิใจ ไป่ซินซินไม่ได้หยุดพักนานนัก สายตาแน่วแน่มุ่งตรงไปยังยอดเขาเมฆาที่สูงเสียดฟ้า อากาศเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ความหนาวเย็นกัดกินเข้ามาถึงกระดูกราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง เสื้อคลุมของพ่อที่เคยรู้สึกหนาพอเริ่มไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่ลดต่ำลงได้อีกต่อไป แต่แรงปรารถนาที่จะนำ โสมพันร้อยปี กลับไปให้ครอบครัว คือไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจเธอ ไม่ให้เธอยอมแพ้เส้นทางที่นำไปสู่โสมพันร้อยปีนั้นแตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง มันคือการปีนป่ายหน้าผาหินปูนที่สูงชันเสียดฟ้า ผิวหินเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและมอสที่ลื่นปรื๊ดราวกับทาน้ำมันไว้ และมีหมอกหนาทึบปกคลุมตลอดเวลาจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายเท้าติ๊ง!เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ไป่ซินซินรู้สึกหวิวในใจเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่เสียงนี้ดังขึ้น มักจะตามมาด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายเสมอ[พื้นที่เขตอันตรายระดับ A: ตรวจพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองชนิดกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด] [หลบหนีทันที! อัตราการรอดชีวิตในบริเวณ: 5%] [ตำแหน่งสิ่งมีชีวิต: ด้านหน้า 50 เมตร]ไป่ซินซินตาเบิกกว้าง ความวิตกกังวล
บทที่ 10 ความเสี่ยง 70%ที่ต้องแบกรับเอง...เส้นทางสู่ยอดเขาเมฆาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันเต็มไปด้วยหินผาขรุขระ ทางลาดชันที่ต้องปีนป่าย และป่าทึบที่แสงอาทิตย์ยังส่องไม่ถึง บางช่วงเธอต้องใช้มือช่วยยึดเกาะก้อนหินเพื่อปีนขึ้นไป บางช่วงต้องใช้มีดถางทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น ความคิดถึงบ้านใหม่ที่อบอุ่นสำหรับน้องๆ คือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของเธอ'โสมพันปี... เห็ดหลินจือจักรพรรดิ... พี่มาแล้ว!!!!!'เธอพึมพำกับตัวเอง สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอที่ย่ำไปบนใบไม้แห้งกรอบแกรบราวกับเสียงกลองศึกที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณนักสู้ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นเต็มที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนๆ เหนือทิวเขา เปลี่ยนผืนฟ้าสีดำสนิทให้กลายเป็นสีครามอมชมพู ภาพเบื้องหน้าคือหมอกหนาทึบที่ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมยอดเขา ราวกับม่านลึกลับที่ซ่อนเร้นความลับและอันตรายเอาไว้ ไป่ซินซินรู้ดีว่า ยิ่งสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งบางเบาและหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น เธอต้องใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นเป็นเกราะกำบังจากความหนาวเหน็บที่เริ่มกัดกิ
บทที่ 9 ออกเดินทางแน่นอนว่าหลังจากที่ไป่ซินซินมุ่งหน้าไปบริเวณที่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จบอกไม่นาน เธอก็กลับลงมาจากเขา ตัวตะกร้าที่สะพายมาเต็มแน่นไปด้วยเห็ดหอมดอกใหญ่สีน้ำตาลเข้ม และยังมีเห็ดโคนสีขาวนวลที่ผุดขึ้นมาเป็นกลุ่มๆ ราวกับว่าพวกมันรอการค้นพบจากเธออย่างไรอย่างนั้น นอกจากเห็ดเหล่านั้นแล้ว เธอยังได้ผักป่ากลับมาอีกหอบใหญ่ แน่นอนว่าเพราะมีระบบชี้นำทำให้เธอรู้ว่าผักชนิดไหนที่สามารถกินได้ ชนิดไหนที่กินไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้การขึ้นภูเขาของเธอก็ประสบความสำเร็จอีกครั้งเมื่อไป่ซินซินเดินกลับมาถึงกระท่อม ไป่เหมยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ดวงตาเล็กๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นของที่พี่สาวหอบหิ้วมา“พี่ใหญ่! กลับมาแล้ว! แล้วนี่อะไรคะ เต็มตะกร้าเลย!”ไป่เหมยร้องด้วยความตื่นเต้น มือเล็กๆ ชี้ไปที่ตะกร้าเห็ดไป่ซานที่ออกมาดูด้วย ก็เบิกตาโตไม่แพ้กัน“โห! เห็ดเยอะแยะเลยครับพี่ใหญ่! แล้วนี่ผักอะไรครับ ไม่เคยเห็นเลย!”ไป่ซินซินยิ้มกว้าง “พี่กลับมาแล้วจ้ะ! นี่ไง เห็ดหอมกับเห็ดโคน แล้วก็ผักป่าที่เราจะเอาไว้กินกันนะ”เธอลูบหัวน้องๆ อย่างอ่อนโยน“พวกเราจะได้มีของอร่อยๆ กินกันตลอดฤดูหนาวเลย!
บทที่ 8 เตรียมการก่อนออกเดินทาง หลังจากที่ได้ทราบว่าระบบวิเคราะห์ความสำเร็จที่อยู่ในหัวของเธอสามารถที่จะอัปเกรดได้ ทำให้ไป่ซินซินมีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างน้อยหากว่าอัปเกรดแล้ว เธอก็น่าจะหาข้าวปลาอาหารและข้าวของต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ความคิดนี้ทำให้ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความหวัง เธอลงมือเตรียมการต่อทันทีด้วยความกระตือรือร้นเพราะการจุขึ้นภูเขาเธอยังต้องหาเสื้อผ้าที่หนาพอจะกันลมหนาวบนภูเขาสูงด้วย แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ยอดเขาสูงย่อมมีอากาศที่แตกต่างออกไป อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเตรียมตัวไม่พร้อม เธอนึกถึงเสื้อคลุมเก่าๆ ของพ่อที่เก็บอยู่ในหีบไม้ใบเล็ก มันเป็นเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหนา แม้จะเก่าและมีรอยปะบ้าง แต่น่าจะพอช่วยกันลมหนาวได้ เธอลองสวมดู เสื้อตัวใหญ่โคร่งจนเกือบคลุมไปทั้งร่างผอมบางของเธอ แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ดีไป่ซินซินใช้เข็มและด้ายที่หาเจอ เย็บซ่อมแซมเสื้อคลุมตัวนั้นอย่างพิถีพิถัน รอยขาดต่างๆ ถูกเย็บปะอย่างบรรจง พลางคิดถึงอันตรายที่รออยู่บนยอดเขา 'สัตว์ป่าดุร้ายปกป้องงั้นหรือ? ไม่ว่าจะตัวอะไร ฉันก็ต้องผ่านมันไปให้ได้!' ดว