Share

จองจำรัก
จองจำรัก
Auteur: Kaowsethong

บทนำ

Auteur: Kaowsethong
last update Dernière mise à jour: 2024-11-01 21:03:40

บทนำ

           

            ช่วงเวลาสิบหกนาฬิกา ณ โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครองที่มารับบุตรหลาน ใบหน้าหัวเราะยิ้มแย้มของเหล่าวัยรุ่นบ่งบอกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้กลับบ้าน บางคนก็นัดเพื่อนเพื่อไปสังสรรค์กันช่วงเย็น บ้างก็นั่งคุยสัพเพเหระกับคนสนิทไม่ต้องการจะกลับบ้าน

            เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ใส่ชุดมัธยมปลายปีที่สาม หล่อนกำลังจะเรียนจบในไม่กี่เดือนข้างหน้าเตรียมพร้อมจะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะสอบได้ทุนของสถานอุดมศึกษารัฐบาลแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและโด่งดังพอสมควร

            ใบหน้าหวานไม่ได้แต้มรอยยิ้มกลับมีท่าทีกังวลจนเพื่อนอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มมีส่วนสูงมากกว่าเพื่อนผู้ชายรุ่นเดียวกันอาจเพราะมีบิดาเป็นชาวต่างชาติจึงโตเร็ว อีกทั้งท่าทีขึงขัง ดวงตาคมยามจ้องมองทำให้หากไม่ใส่ชุดนักเรียนก็อาจเข้าใจผิดว่าเรียนมหาวิทยาลัย

            เขากำลังจะเอ่ยปากถามแต่ก็โดนเพื่อนผู้หญิงอีกคนซึ่งมีกิริยาอ่อนหวานนุ่มนิ่มจนรู้สึกขัดตาทุกครั้งเวลาเห็นอีกฝ่ายทำอะไรเชื่องช้า ผิวขาวราวหยวกกล้วยอย่างคุณหนูลูกผู้ดีไม่เคยต้องแสงแดด หยิบจับอะไรที่หนักก็ดูเหมือนจะล้มทำให้เพื่อนคนสนิทต้องออกโรงช่วยทุกครั้ง

            “ข้าวเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นถอนหายใจหลายรอบแล้ว” ถามขณะที่มือก็ตักไอศกรีมขึ้นมากินอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา มันกลายเป็นที่ประจำสำหรับพวกเธอไปเสียแล้วจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามานั่งเพราะกลัวจะโดนสายตาคมดุของรุ่นพี่ร่างสูงหุ่นหมี

            ถึงจะหล่อคมเข้มเป็นหนุ่มในฝันของสาวหลายคนแต่ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จักสักเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายไม่ต้อนรับหญิงใดเข้ามาในห้องหัวใจเลย

            สายตาของเขาเอาแต่มองไปที่ผู้หญิงคนเดียว

            “กินเข้าไป ผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว” บอกหล่อนพลางยื่นลูกชิ้นปิ้งและผักจำนวนมากไปตรงหน้าคนที่ตนเองมีใจให้

            บุณณดา บวรกิตติ์ หรือใบข้าว สาวหน้าสวยหวานเป็นที่หมายปองของรุ่นน้องแต่ไม่มีใครได้เข้าใกล้หล่อนเลยเนื่องจากมีสุนัขตัวใหญ่เฝ้าไม่ห่าง นั่นคือ เปมทัต ป้องเกียรติหรือเปรม ผู้ซึ่งได้รับฉายาหมาเฝ้าดอกฟ้า เพราะไม่เพียงแค่ดูแลหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจแต่ยังต้องดูแลเพื่อนสนิทอีกคน อรวรา บุญญานนท์หรือหนูอร คุณหนูแสนหวานที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ค่อยได้

            พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนประถมจนมาถึงชั้นมัธยมก็อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดจะมีแยกจากกันก็ช่วงมัธยมต้นทว่าพอมัธยมปลายก็กลับมารวมตัวกัน และมีบางที่เปมทัตไปเล่นกับเพื่อนผู้ชายแต่ส่วนมากก็กลับมาหาเพื่อนสนิททั้งสองเหมือนเดิม

            อาจเพราะหัวใจเขาอยู่ที่นี่ จะให้ไปไกลได้อย่างไร

            “เปล่าหรอก แค่เบื่อๆ ไม่อยากกลับบ้าน” ดวงตากลมโตหม่นลงเมื่อคิดถึงบ้านที่ควรจะอบอุ่น แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นและไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด

            บิดาติดการพนันจนสร้างหนี้สินจำนวนมากต้องให้เจ้าหนี้มาทวงแทบทุกวัน ส่วนท่านก็หนีหัวซุกหัวซุนจะมาหาหล่อนบ้างในบางครั้ง ชีวิตพ่อลูกไม่ค่อยได้พบกันสักเท่าไหร่ บุณณดาอยู่กับน้าข้างบ้านที่ครองตัวโสดทำทีเป็นลูกสาวท่านไม่ให้พวกนั้นรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นใคร กลัวว่ามันจะเอาตัวเธอไปใช้หนี้แทนพ่อ

            ส่วนมารดาก็เสียชีวิตด้วยโรคร้ายตั้งแต่หล่อนอายุได้เพียงห้าขวบ จำใบหน้าของท่านไม่ได้ด้วยซ้ำหากไม่ได้ตั้งรูปครอบครัวไว้บนหัวเตียง

            แต่ก่อนหล่อนมีบ้านหลังใหญ่โตให้อาศัย คนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังแต่เพราะพ่อโดนโกงจนสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจ่ายเงินจ้างทนายจนบ้านที่เคยมั่งมีกลับกลายเป็นแทบไม่เหลือแม้แต่ข้าวจะประทังชีวิต

            จำได้ว่าตอนนั้นอายุสิบสามปีเรียนชั้นมัธยมต้นอยู่ที่โรงเรียนเอกชนได้แค่สองสัปดาห์ก็ต้องย้ายมาโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านแทน ตอนแรกก็ปรับตัวไม่ได้เพราะสังคมค่อนข้างต่างกันจนกระทั่งเริ่มชิน หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ไม่มีเงินจะส่งจนหล่อนต้องถีบตัวเองขยันมากขึ้นเพื่อให้ได้รับทุน

            เพื่อนที่เคยสนิทก็ห่างหายจะมีเพียงสองคนที่คอยอยู่เคียงข้าง

            เปมทัตและอรวรา..

            สองคนคือเพื่อนแท้ของหล่อนที่จะไม่มีทางเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่น

            “พวกนั้นไม่รู้ว่าข้าวเป็นใครไม่ใช่เหรอ อย่าคิดมากเลย” หล่อนหันไปมองอรวราที่ไม่เคยคิดมากกับเรื่องอะไรเพราะครอบครัวมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว

            หล่อนซึ้งใจวันที่เพื่อนทั้งสองบอกจะสอบเข้ามัธยมปลายที่โรงเรียนรัฐชื่อดังด้วยกัน จะได้อยู่พร้อมหน้ากลุ่มสามคนทั้งที่ความจริงแล้วสามารถเรียนต่อเอกชนที่โรงเรียนเดิมได้แท้ๆ

            “เดี๋ยวไปส่ง จะได้แน่ใจว่ากลับบ้านปลอดภัย” ที่จริงช่วงนี้พวกมันก็ไม่ค่อยมาแถวบ้านหล่อนแล้วไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ก็ยังอาศัยบ้านน้าที่อยู่เยื้องกันเหมือนเดิมด้วยท่านเป็นห่วงเธอกลัวจะโดนคนพวกนั้นเข้ามาทำมิดีมิร้าย

             “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” สูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตของตนเองแล้วลุกขึ้นกระชับกระเป๋าสะพาย

            “ไปด้วย” เปมทัตรีบเก็บของพร้อมจะตามหญิงสาวไปทันทีแต่ก็โดนถามกลับ

            “นายต้องไปฝึกงานที่โรงแรมพ่อไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงชะงักขาพลางสบถในลำคอด้วยไม่ค่อยอยากไปฝึกเป็นเด็กล้างจานสักเท่าไหร่

            พ่อของเขาเปิดโรงแรมมีสาขาทั่วประเทศไทย ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเพราะราคาไม่สูงมากนักแต่บริการมีระดับจนกลายเป็นขาประจำ หากมาไทยเมื่อไหร่ก็ต้องแวะมาพักที่โรงแรมนี้เมื่อนั้น

            เปมทัตที่เป็นลูกชายก็ถูกคาดหวังให้มาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ต้องเข้าไปเรียนรู้งานตั้งแต่พนักงานต้อนรับ เด็กขนกระเป๋าและตอนนี้เลื่อนมาล้างจานในครัวที่ทำเอาปวดหลังจนกลับมาบ้านต้องให้คนรับใช้นวดให้ทุกครั้ง

            “ฉันกลับเองได้ไม่ต้องห่วงหรอก ไปแล้วไว้เจอกันพรุ่งนี้” โบกมือลาพลางเดินไปหน้าโรงเรียนปล่อยเพื่อนทั้งสองมองตามจนลับสายตาแต่ทำอะไรไม่ได้

            ทางไปโรงแรมและบ้านของบุณณดาอยู่คนละฟากเลย เจ็บใจจนอยากบอกบิดาให้มาเปิดกิจการใกล้บ้านหล่อนเพื่อจะได้เห็นหญิงสาวอยู่ในสายตาทุกเมื่อ

            “จะกลับไหมบ้าน จะให้ติดรถไปด้วย” หันกลับมาถามเพื่อนอีกคนที่เอาแต่นั่งกินไม่ยอมลุกทำเอาหล่อนต้องรีบพยักหน้าเช็ดไม้เช็ดมือกลัวเขาไม่รอตัวเอง

            “กลับๆ” เพราะบ้านอยู่ใกล้กันบางวันก็มาโรงเรียนด้วยกัน คนส่วนมากจึงคิดว่าเปมทัตคบกับอรวราทั้งที่ความจริงไม่ใช่สักนิด

            ในเมื่อมีแต่ฝ่ายหญิงที่ปันใจให้เพื่อนสนิทเพียงฝ่ายเดียวตลอดมา

           

            หล่อนเดินออกจากโรงเรียนเพียงลำพังก่อนจะแวะซื้อของกินใกล้โรงเรียนค่อยเดินไปรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน เหม่อลอยคิดไปถึงช่วงชีวิตที่มีพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ถูกเรียกว่าคุณหนูใบข้าว อยากได้อะไรเพียงแค่เอ่ยปากบิดาก็หามาให้

            ผิดจากตอนนี้ลิบลับ หากต้องการอะไรก็ทำเพียงแค่ฝัน

            แค่ฝันก็ดูเหมือนจะไกลตัวเสียแล้ว..

            ปิ๊บๆๆๆ

            เสียงบีบแตรทำให้สะดุ้งหันไปมองถนนพบว่าตนเองกำลังจะข้ามทั้งที่มีรถขับไปมา ร่างบางสะดุ้งตกใจจนรีบขึ้นไปบนฟุตบาธแต่ไม่ทันมองจึงสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองด้วยความสนใจ

            อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ที่ทำได้คือกลั้นใจยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลกระทั่งมีมือมาประคองหล่อนเอาไว้จึงได้เงยหน้าไปมอง

            “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่บีบแตรรีบลงมาจากรถแล้วถามอาการนักเรียนที่มีท่าทีตกใจด้วยความเป็นห่วง ดีที่เบรกรถทันตอนที่เห็นใบหน้าหวานเหมือนกำลังเหม่อลอยจะก้าวลงมาทั้งที่พาหนะของเขากำลังแล่นไปตรงหน้าเธอ

            “ปะ เปล่า ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย สบายดีค่ะ” อับอายจนพูดตะกุกตะกักแล้วค่อยผละออกจากเขา ดวงหน้าหวานเงยขึ้นไปสบตาคมที่มองอย่างเป็นห่วงพลันหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

            โอ้โห..หล่อจัง

            แอบชื่นชมใบหน้าคมอยู่ภายในใจ ดวงตาเรียวยามจ้องมองทำเอาใจสะท้านได้ไม่ยาก จมูกโด่งเป็นสันทั้งริมฝีปากบางเฉียบราวอิสตรีนั้นอีก มีเสน่ห์จนทำให้คนที่ไม่เคยชายตามองใครอย่างหล่อนเพ้อขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

            “ขอโทษด้วยนะคะ” ค้อมศีรษะพร้อมแสดงความรู้สึกผิดที่ทำให้ชายตรงหน้าเสียเวลากับหล่อน นึกกลัวว่าเขาจะโมโหแต่ดูท่าทีเป็นห่วงเป็นใยก็พอเบาใจว่าคงไม่โดนฝ่ายชายเอาเรื่องที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ

            “ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คราวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน” เตือนด้วยความหวังดีไม่มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด หล่อนยกมือไหว้เขาแล้วมองร่างสูงเดินกลับไปนั่งบนรถค่อยเคลื่อนตัวออกช้าๆ อยากมองจนลับสายตาทว่าเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ต้องหันไปเสียก่อน

            ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นแล้วมองซ้ายขวาทันทีค่อยพาชายมากกว่าวัยเข้ามาหลบคุยกันเพียงลำพังอยู่ด้านหลังป้ายรถเมล์ ค่อนข้างตระหนกเพราะไม่เจออีกฝ่ายหลายเดือนและเมื่อพบกันวันนี้สภาพของบิดากลับทรุดโทรมลงกว่าเดิม แทบไม่เชื่อว่าท่านอายุสามสิบแปดปีแต่ร่างกายกลับเหมือนคนห้าสิบกว่า อาจเนื่องจากพิษสุราที่ดื่มแทนน้ำแทบทุกวันทั้งที่แทบไม่มีเงินกินข้าว ปล่อยปะละเลยตนเองจนไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนี้เคยดูดีมากขนาดไหนในอดีต

            “พ่อมาได้ไง” กระซิบถามกลัวคนอื่นได้ยินบทสนทนา

            “มีเงินให้พ่อสักหนึ่งพันไหม” กลิ่นที่ออกจากปากทำเอาหล่อนต้องย่นจมูกทันที

            “พ่อดื่มเหล้าอีกแล้วเหรอ ข้าวบอกว่าให้เลิกไงมันไม่ดีต่อสุขภาพ ไหนพ่อบอกจะอยู่กับข้าวไปนานๆ ช่วยรักษาสัญญาหน่อยไม่ได้เหรอ” ถามเสียงเว้าวอนทำเอาคนกินเหล้าแทนน้ำอดรู้สึกผิดกับลูกสาวไม่ได้

            เขามีสีหน้าจืดเจื่อนแต่เพียงไม่นานก็รีบยิ้มรับคำถามเป็นมั่นเป็นเหมาะ “พ่อสัญญา พ่อจะเลิกเหล้าแต่ตอนนี้ขอเงินหน่อยสิ” ไม่วายเอ่ยถึงเรื่องที่บากหน้ามาหาลูกสาวทั้งที่คอยหลบซ่อนตัวตลอดเวลา

            ท่านทำงานขับแท็กซี่ทั้งยังใช้รถยนต์เป็นสถานที่หลับนอน กลับบ้านบางวันเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำกลัวเจ้าหนี้ตามมาหาเรื่อง ตอนนี้มันก็พังข้าวของในบ้านแทบไม่มีชิ้นดี บ้านพวกเขาเหมือนบ้านร้างที่โดนตัดน้ำตัดไฟ ปล่อยเลยตามเลยทำเหมือนไม่มีคนอยู่พวกมันจะได้คิดว่าเขาตัวคนเดียวไม่มีลูก

            บุณณดาทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟและแคชเชียร์ในช่วงวันหยุด หาเงินเลี้ยงชีพตนเองทุกทางหวังพึ่งพ่อไม่ได้ แค่น้าที่ไม่ใช่ญาติสนิทแต่เพราะอยู่บ้านใกล้กันเห็นหญิงสาวขยันขันแข็งจึงเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ด้วยก็เกรงใจจะแย่แล้ว

            เธอไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นเลี้ยง ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมั่นคงมากกว่าจึงยึดความคิดนี้เอาไว้ตลอด

            “ข้าวมีเท่านี้” ควักแบงค์ห้าร้อยยื่นให้บุพการีที่ตาลุกวาว ที่จริงหากท่านไม่ดื่มสุราและมัวเมากับการพนันป่านนี้คงมีเงินเก็บแล้ว

            พยายามบอกและเตือนใช้ไม้อ่อนไม้แข็งแต่สุดท้ายพ่อก็กลับไปเล่นการพนันอยู่ดี ในเมื่อท่านติดมันเสียงอมแงมใครบอกใครเตือนก็ไม่ฟังสักคน

            ญาติฝั่งบิดาเสียชีวิตไปหมดแล้วหล่อนจึงไม่อาจพึ่งใครได้ ส่วนมารดาก็เป็นกำพร้าตั้งแต่เด็กจึงไม่มีตายายให้เธอไปหา โลกใบใหญ่ที่แสนโหดร้ายมีเพียงพ่อเป็นครอบครัวที่หล่อนเหลืออยู่

            บางทีก็อยากตัดพ่อตัดลูกแต่ก็ทำไม่เคยได้

            แค่เห็นแววตาท่านหม่นหล่อนก็ใจอ่อนยอมให้เงินทุกครั้งทั้งที่ตัวเองต้องทำงานหนักเพิ่มเป็นสองเท่า

            “ขอบใจมากลูก พ่อต้องรีบไปทำงานแล้ว” กอดบุตรสาวก่อนจะรีบเดินไปยังรถแท็กซี่ที่ใช้หากินของตนเอง มีเพียงบุณณดาที่มองบิดาจนท่านลับสายตาค่อยผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ

            เหลือเงินกลับบ้านแค่ยี่สิบบาท..

            เป็นค่ารถเมล์พอดี

            ดวงตาคมจ้องมองคนทั้งคู่ผ่านกระจกก่อนได้ยินเสียงบีบแตรให้เคลื่อนรถจึงค่อยขับออกไปอย่างเชื่องช้าขณะที่สมองก็ทำการประมวลผลทันที ใบหน้าคมเคร่งขรึมมากกว่าปกติแผ่ไอเย็นรอบห้องโดยสารที่มีเขาเพียงผู้เดียว

            มือหนาเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะใช้ความคิดก่อนจะกดโทรศัพท์หาเลขาของตนซึ่งวันนี้เขาให้พักผ่อนก่อนจะลุยงานใหญ่

            “ช่วยตรวจประวัติของบัลลพ บวรกิตติ์ให้ฉันที” สั่งเสียงเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกและเมื่อปลายสายรับคำก็จัดการวางเครื่องมือสื่อสารทันที

            จากที่คิดจะปล่อยวางให้เวรกรรมหมุนไปตามล้อของมัน

            แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจ คงต้องช่วยกระตุ้นให้กรรมหมุนเร็วขึ้นเสียแล้ว

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • จองจำรัก   ตอนพิเศษ พบเจอทุกชาติไป

    ตอนพิเศษพบเจอทุกชาติไป วาระสุดท้ายของคุณแทนไทห้อมล้อมไปด้วยลูกหลานที่มาเฝ้าหลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คนรักอย่างบุณณดาดูแลไม่ห่างถึงยามมองหน้าเขาจะแอบน้ำตาซึมจนต้องแอบหลบไปร้องไห้เพียงลำพัง ปีนี้สามี 85 ปี ซึ่งหล่อนได้แต่อธิษฐานให้เขาอยู่อีกสักร้อยปี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะหนึ่งสัปดาห์ต่อมาบุรุษผู้สร้างอาณาจักร The area group ได้จากไปในตอนเช้า สร้างความเศร้าโศกให้ครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง บุณณดาเสียใจเป็นอย่างยิ่งทว่าต้องหยัดยืนเพื่อลูกและหลาน หล่อนทำเหมือนไม่เป็นอะไรมาก ดำเนินชีวิตอย่างปกติกระทั่ง 5 ปีผ่านไป เช้าวันที่อากาศแจ่มใสหล่อนก็จากไปด้วยอาการหลับใหลที่ไม่ว่าใครจะปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียที ครอบครัวทรัพย์พูนทวีสูญเสียคุณผู้หญิงของบ้านไปอย่างน่าเศร้า “ขอให้พ่อกับแม่ได้เจอกันบนสวรรค์นะครับ” ลูกชายคนโตอย่างคิมหันต์เอ่ยขึ้นพลางมองอัฐิเจดีย์ของท่านที่วางเคียงกัน คำอธิษฐานนั้นไม่รู้จะถึงคนบนฟ้าหรือไม่ แต่ขอให้สักวันพวกท่านได้เจอและครองรักกันอีกครั้ง... 90 ปีต่อมา หญิงสาวในช

  • จองจำรัก   ตอนพิเศษ กรงขังแห่งรัก

    ตอนพิเศษกรงขังแห่งรัก หลังจากกลับมาจากเที่ยวปีใหม่คุณแม่คนสวยก็มุ่งทำร้านกาแฟจนมีคนแวะเข้าไม่ขาดสาย ตัวชูโรงคือเด็กน้อยอย่างคิมหันต์ซึ่งมีชุดเสิร์ฟอาหารเป็นของตัวเองโดยอ้อนแม่บ้านให้ตัดโดยเฉพาะหลังจากเห็นในการ์ตูน และรูปของหนูน้อยก็ดังชั่วข้ามคืนจนมีคนขอให้มาถ่ายแบบ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อนุญาต จนตอนหลังคนเพิ่งมารู้ว่าเป็นทายาทคนโตของ The area group มีทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านก็สร้างความแตกตื่นกันยกใหญ่ “น้องคิม พี่ให้” พี่สาวเรียนมหาวิทยาลัยมานั่งอ่านหนังสือในร้านพร้อมยื่นลูกอมรสโปรดให้เด็กน้อย เธอค่อนข้างคุ้นเคยเพราะมาร้านนี้บ่อย “พี่ดาดา ขอบคุงคับ” ไหว้อย่างสวยงามแล้วทำตาโตรอให้อีกฝ่ายแกะลูกอม เมื่อร่างบางจัดการปอกเปลือกออกก็ยิ้มตาหยีด้วยความดีใจ “น่ารักจังเลยนะเรา” ยอมให้หญิงสาวกอดโดยไม่เกี่ยงงอน ค่อยผละออกเมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียก ตอนนี้คนค่อนข้างเยอะจึงกังวลว่าบุตรชายจะเดินตามพี่ๆ ออกไปข้างนอก แต่เห็นใบหน้ากลมยิ้มแป้นแล้นให้จึงเบาใจแล้วบอกลูกเข้าไปนอนหลังร้าน คิมหันต์พยักหน้าไม่กล้าตอบเพราะกำลังอมลูกอมเอาไว้ ทำ

  • จองจำรัก   ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์

    ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ ในวันที่ดอกกุหลาบขึ้นราคา ร้านค้ามีโปรโมชั่นสำหรับคู่รัก และเสื้อคู่ขายดิบขายดีทว่าชายหนุ่มผู้เป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่กลับต้องนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้กลับบ้านหาคนรัก ใบหน้าคมเคร่งขรึมจนเลขาไม่กล้าทำเสียงดัง เขามองนาฬิกาบ่อยภาวนาให้เลิกประชุมโดยเร็วแต่เหมือนทุกอย่างจะยืดเยื้อเพราะโครงการที่กรรมการบริหารคนอื่นเสนอขึ้น มือหนากำเข้าหากันแน่นแล้วพูดเสียงเฉียบขาด “พรุ่งนี้ไว้พูดกันใหม่ครับ วันนี้ผมขอปิดประชุม” สามทุ่มสิบห้านาทีห้องประชุมถูกเปิดออก แต่ละแผนกเดินออกมาด้วยใบหน้าโล่งใจ ตอนแรกก็คิดว่าจะนานกว่านี้ดีที่ท่านประธานยอมให้กลับบ้าน “ทำไมวันนี้คุณแทนให้เลิกเร็วครับ ปกติห้าทุ่มไม่ใช่เหรอ” ธีปถามรุ่นพี่ซึ่งทำงานมานานกว่า และนนทัชก็กระซิบบอกพลางอมยิ้ม “จะรีบไปฉลองกับเมียไง วันวาเลนไทน์ทั้งทีใครจะมาเหงาเหมือนเราสองคน จริงไหมไอ้น้อง” กอดคอถามแล้วยักคิ้วแต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าค่อยปลดมือของนนทัชออก “ผมมีนัดกับแฟนเหมือนกันครับ ต้องขอโทษด้วยที่พี่คงต้องเหงาคนเดียว” เลขามากฝีมือหน้าเหวอทันทีเมื่

  • จองจำรัก   ตอนพิเศษ ปีใหม่ที่แรงร้อน

    ตอนพิเศษปีใหม่ที่แรงร้อนรีสอร์ทที่ชายหนุ่มมาสร้างไว้อยู่อำเภอท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดน่านได้มีผู้เข้าพักเป็นจำนวนมากทั้งที่มีจำนวนบ้านเพียงสิบหลังเท่านั้น อาจเป็นเพราะการโปรโมทจากคนเข้าพักเอง หรือละครที่มาถ่ายทำช่วยสร้างเม็ดเงินให้แก่นักธุรกิจครั้งนี้เขาพาภรรยากับเจ้าตัวน้อยมาพักผ่อนแบบส่วนตัว จัดการให้พี่เลี้ยงพาบุตรชายเข้านอนอีกห้องตั้งแต่หัววันทำให้ตอนนี้เหลือเพียงสองสามีภรรยานั่งดื่มไวน์อยู่ตรงระเบียงที่มองเห็นภูเขาทับซ้อนและผืนท้องฟ้ากว้างใหญ่อันมีดาวส่องประกายระยิบระยับเต็มไปหมด“ไวน์รสชาติดีนะคะ” ทำตามวิธีซึ่งเขาเคยสอนเอาไว้ก่อนเอ่ยชม“คอแข็งขึ้นหรือเปล่า ไปแอบดื่มที่ไหนแล้วไม่บอกฉัน หือ” เห็นดื่มหมดไปเกือบขวดก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเมาเหมือนเมื่อก่อน เธอยกยิ้มมุมปากแล้วไหวไหล่เล็กน้อย“ก็ต้องฝึกไว้บ้างสิคะ เวลาเข้าสังคมจะได้ไม่อายใคร” ช่วงนี้เริ่มเข้าสังคมไปงานสังสรรค์มากขึ้น ก็ได้อรวรานั่นแหละที่คอยบอกคอยสอนและไปเป็นเพื่อนตลอด จนสนิทกับคุณหญิงคุณนายบางคนที่เข้ามาทำความรู้จักหวังร่วมค้าขายกับ The area group“ดีแล้ว” เขาหั่นเนื้อวัวเกรดเอแล้วละเลียดกินช้าๆ บรรยากาศในฤดูหนาวปีนี้ค

  • จองจำรัก   ตอนพิเศษ หนูอรและเพื่อนชายของเธอชื่อเปมทัต

    ตอนพิเศษหนูอรและเพื่อนชายของเธอชื่อเปมทัต หลังเหตุการณ์จากไปของบุณณดาทุกคนต่างตกอยู่ในความเศร้าเสียใจยกเว้นก็แต่ชายคนหนึ่งซึ่งขึ้นเหนือมาเพื่อสร้างรีสอร์ทในที่ดินที่พ่อได้มอบให้ เขาทุ่มเททำงานหนักจนไม่มีใครสงสัยว่าร่างสูงแอบซ่อนใครอีกคนเอาไว้ ใครบางคนซึ่งควรจะตายไปในกองเพลิง... “เป็นไงบ้าง อยู่ได้ใช่ไหม” ช่วงแรกก็สร้างบ้านพักหลังเล็กไว้ให้หญิงสาวขณะที่รอบ้านหลังใหญ่สร้างเสร็จ ใบหน้าหวานพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้คนที่ช่วยเหลือมาตลอดจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรดี กระทั่งสินใจอย่างเด็ดขาด ถึงได้บอกเรื่องสำคัญ “ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายยังไง เลยจะบอกเรื่องที่สำคัญมากๆ กับนายแทน” บุณณดา..หญิงสาวที่ทุกคนคิดว่าลาจากโลกไปแล้วกลับยืนอยู่บนแผ่นดินทางภาคเหนือ หล่อนจ้องเพื่อนสนิทที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เรื่องสำคัญเหรอ เรื่องอะไร” เธอเม้มปากแน่นแล้วขอโทษหญิงสาวอีกคนในใจ ‘ขอโทษนะหนูอรที่ผิดสัญญา แต่ฉันทำเพื่อเธอจริงๆ’ สูดลมหายใจเข้าปอดพลางจ้องชายหนุ่มตรงหน้าแล้วตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ “หนูอรท้อง...” พูดเ

  • จองจำรัก   บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย หลังจากคืนดีกันเป็นที่เรียบร้อยบ้านก็กลับมาสดชื่นขึ้น ไม่มีคนที่เคร่งเครียดกับงานมีเพียงชายหนุ่มผู้หลงภรรยาและลูกชายจนไม่เป็นอันทำงาน หากประชุมอยู่บ้านก็พาลูกชายเข้าไปนั่งตักแล้ววางขนมไว้ให้ แน่นอนแค่มีของกินน้องคิมก็สามารถอยู่ได้เป็นชั่วโมงก่อนที่คนเป็นแม่จะเข้ามารับลูกไปนอน ข่าวลือเรื่องหนุ่มนักบริหารมีลูกเข้าหูนักข่าวและเหล่าคณะกรรมการบริษัทจนเขาต้องประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบ และใช้เวลาในการจัดงานเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นสร้างความตกใจแก่คนในบริษัทและคู่ค้าเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งบุณณดาก็เช่นกัน เธอต้องเป็นแม่งานคอยควบคุมทุกอย่างภายในเวลาอันจำกัด แต่หญิงสาวก็ทำได้ดีจนมีแต่คนออกปากชื่นชม งานแต่งของพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพราะเจ้าสาวไม่ใช่คนร่ำรวยอย่างที่คิด กลับเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่มัดใจหนุ่มใหญ่อยู่หมัด แต่สิ่งที่น่าตกใจคือทุกคนเข้าใจว่าหล่อนตายไปแล้ว จึงถูกแก้ไขใหม่ว่าเธอรอดตายมาได้แต่ความจำเสื่อมจึงอาศัยอยู่ทางภาคเหนือ ถึงไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรในเมื่อเจ้าตัวสะดวกใจจะตอบแค่นั้น

  • จองจำรัก   ๑๘ เมื่อไหร่จะเข้าใจ

    ๑๘เมื่อไหร่จะเข้าใจ หลังจากวันนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากหล่อน สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงหยอดภรรยาทุกวันแล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ดีที่มีลูกชายคอยช่วยเหลือเห็นด้วยทุกอย่างจนต้องยกนิ้วโป้งให้พร้อมของแถมคือลูกอมรสโปรด เด็กน้อยชอบคุณลุงมากติดหนึบไม่ไปไหน หากเห็นแทนไทที่ไหนก็จะเห็นน้องคิมหันต์ที่นั่นเหมือนเป็นฝาแฝด ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แต่ดูท่าบุณณดาจะยังไม่ยอมกลับไปด้วย เขาเริ่มคิดหนักเพราะไม่สามารถละทิ้งหน้าที่การงานมาได้นานกว่านี้ เอกสารสำคัญก็ให้ส่งทางอีเมล์แล้วค่อยอนุมัติ แต่ก็ไม่เหมือนไปดูหน้างานเอง อีกทั้งคู่ค้าจากต่างประเทศสนใจจะเข้ามาเปิดร้านในห้างของเขา สงสัยต้องรีบเคลียร์ปัญหาหัวใจให้จบโดยเร็วเพื่อจะได้หันไปมุ่งการทำงานสร้างอาณาจักรตนเอง เขามีโครงการสร้างรีสอร์ทที่น่าน สงสัยกลับไปคงต้องรีบนัดสถาปนิกมาประชุมอย่างจริงจังเสียแล้ว โปรเจคผุดขึ้นไม่หยุดจนต้องบอกตนเองให้พอก่อน แค่นี้ก็ยุ่งไม่มีเวลาพักแล้ว “คุงลุง หยักเล่งน้ำ” เดินเข้ามาหาร่างสูงพลางบอกความต้องการของตนเอง แต่ก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะโดนปฏิเสธ “เกราะของลุงลงน

  • จองจำรัก   ๑๗ ใจแลกใจ

    ๑๗ใจแลกใจ เด็กน้อยเดินขยี้ตาลงมาจากบนบ้านพร้อมกอดผ้าขนหนูสีหม่น ไม่เรียกหาแม่เพราะรู้ว่าท่านคงไปเปิดร้าน ปกติหนูน้อยจะเดินไปหามารดาแต่วันนี้กลับเห็นคุณลุงซูเปอร์ฮีโร่นั่งรออยู่โต๊ะอาหารใต้ถุนบ้าน ดวงตาที่ลืมไม่ขึ้นเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นเฝือกสีขาวขนาดใหญ่ วิ่งทึกทักเข้าไปหาพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุงลุงมีเกาะด้วย ผมอยากมีเกาะบ้าง” อ้อนด้วยการพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนตักหนา แต่เพราะมีพุงทำให้ขึ้นอย่างทุลักทุเลถ้าไม่ได้คนอายุมากกว่าช่วยก็คงไม่สามารถมานั่งบนนี้ได้ ดวงตาคมมองลูกชายอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะบอกว่ามันไม่ใช่เกราะแต่คุณลุงตกสะพานจนกระดูกแขนหักคุณหมอเลยให้ใส่เฝือกเพื่อสมานแผล อีกสามเดือนถึงจะเอาออกได้ “คุงลุงไม่สบาย คุงลุงเจ๊ะไหม” แตะเฝือกอย่างแผ่วเบาพลางก้มลงไปเป่าให้ “แม่บอกว่าถ้าเจ๊ะให้เป่า ผมเป่าให้แล้วเด๋วลุงกะหาย” คนฟังอมยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพลางก้มลงไปจุมพิตกระหม่อมเล็ก เสียดายช่วงเวลาที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการของลูกตั้งแต่แรกเกิด อยากบันทึกความทรงจำนั้นเอาไว้ทว่าไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ ในเมื่ออด

  • จองจำรัก   ๑๖ ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว

    ๑๖ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว ไร่ภูเทพเปิดบ้านต้อนรับนักธุรกิจจากเมืองหลวงที่มาเยือนแต่เช้า เจ้าช่อฟ้าตาโตไม่คิดจะได้พบเขาเพราะอีกฝ่ายงานยุ่งมาก ต้องขยี้ตาซ้ำกลัวจะตาฝาก แต่เมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้ก็รีบยิ้มกลับทันที ทำไมหนุ่มอายุเข้าเลขสี่ถึงได้หล่อเหลาขนาดนี้ มองด้วยความชื่นชมทั้งใบหน้าและรูปร่างที่อีกฝ่ายดูแลอย่างดี ถ้าแต่งงานก็อยากได้สามีแบบเขานี่แหละ ตรงตามความต้องการทุกอย่างทั้งหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย มีสมองอันชาญฉลาดไม่อดตายแน่ หม่อมแม่จะต้องไฟเขียวถ้าจะได้ดองกับตระกูลทรัพย์พูนทวี เจ้าชะครามเห็นท่าทีของพี่สาวก็ได้แต่ถอนหายใจเอ่ยเชิญอีกฝ่ายเข้ามาภายในห้องรับแขก บ้านไม้หลังนี้ถูกสร้างตั้งแต่สมัยปู่ย่าจนตกทอดมายังรุ่นหลาน เมื่อหลายปีก่อนเพิ่งรีโนเวทและต่อเติมในบางส่วนทำให้ดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้าง “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณคราม” เคยบอกไม่ให้แทนไทเรียกเจ้านำหน้าเพราะคนอายุน้อยกว่าอย่างชะครามไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เขาชอบให้เรียกคุณนำหน้ามากกว่าเจ้าที่ดูสูงเกินเอื้อม เจ้าช่อฟ้าได้ยินอย่างนั้นก็ทำทีเป็นขอต

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status