เข้าสู่ระบบกรณิการ์หน้าร้อนวูบวาบไปหมดเพียงแค่ความคิดนั้นสว่างวาบขึ้นมาในความทรงจำ เหตุการณ์สดร้อนนั่นเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง
ความเงียบทำให้ฟ้าครามต้องหันมามอง เสี้ยวหน้าอ่อนใส พวงแก้มนั้นซับสีระเรื่อดูน่ามอง แต่เธอก็ยังเหมือนเด็กมากกว่าจะเป็นสาวอายุเฉียดๆ ยี่สิบ
ฟ้าครามนึกถึงเหตุผลที่เพชรพญายกขึ้นมาพูด มันทำให้เขาต้องจดทะเบียนสมรสกับสาวน้อยตรงหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้นว่า เปมิศาจะยกมันมาขู่เขาก่อนนั้น และเขาปฏิเสธที่จะทำตาม
“อ้อนยังเหลือเวลาหลายเดือนถึงจะเต็มยี่สิบนะเฮีย ช่วงนี้ถ้าพี่เปรมเขาบ้าจะเอาเรื่องเฮียก็ทำได้นะ ผมว่าเฮียจดๆ ไปก่อน ป้องกันเรื่องยุ่งยากใจ ไว้อ้อนบรรลุนิติภาวะค่อยหย่ากันก็ได้”
“ฉันจัดการกับเรื่องยุ่งได้”
“ผมรู้ว่าเฮียจัดการได้ เพียงแต่ไม่อยากให้พี่เปรมมีช่องเข้าไปวุ่นวายกับอ้อนอีก สงสารเด็กมัน”
“แล้วทำไมนายไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเองวะเพชร”
“อยากอยู่เหมือนกัน แต่ผมมีเหตุผลที่ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้มาก เฮียนั่นแหละเหมาะสุดแล้ว”
ฟ้าครามมองเห็นความยุ่งยากเหมือนกัน จากสีหน้า น้ำเสียง นิสัย รวมถึงแววตาของเปมิศาที่กราดมองเขาตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า มันมีแต่ความหมิ่นแคลน อันนั้นเขาไม่ใส่ใจนัก หมดความใส่ใจนานแล้วนับแต่ที่เธอเลือกคนรวยมากกว่านักศึกษาจบใหม่อย่างเขา และเขาก็พอใจมากที่ได้เห็นธาตุแท้ของเธอก่อนที่จะมีความผูกพันกันไปมากกว่านั้น
การป้องกันความยุ่งยาก กันเปมิศาออกไปจากชีวิตอันสงบสุขของเขาก็เป็นทางเลือกที่ดี
ทะเบียนสมรสยังนอนอุ่นๆ อยู่ในกระเป๋า ขณะที่เมียหมาดๆ ทางนิตินัยนั่งหน้าแดงอยู่ม้านั่งฝั่งตรงข้าม
ปรายตามองคราใด...
ให้รู้สึกเหมือนว่า เขาไปฉุดลูกเต้าชาวบ้านมาเหลือเกิน ผู้หญิงอะไรจะเต็มยี่สิบอยู่แล้ว แต่หน้ายังกับเด็กอายุสิบหก
“เอ่อ... อ้อนขอไปห้องน้ำนะคะ”
เพราะรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองจากสายตาคมปลาบ กรณิการ์จึงพูดขึ้นมาด้วยเสียงขลาดๆ เธอต้องการเวลา อย่างน้อยๆ ก็สักสิบยี่สิบนาที ก่อนกลับมาเผชิญหน้ากับเขา...
สามีโดยนิตินัยที่แสนจะหน้าดุดันราวกับ...โจร
ร่างบางรีบเดินออกจากตรงนั้นเมื่อฟ้าครามพยักหน้าให้พร้อมบุ้ยใบ้บอกว่าห้องน้ำไปทางไหน เธอก็เผลอสะดุดขาตัวเองเพราะความขัดเขินจนเซไปชนเก้าอี้ของผู้โดยสารคนอื่นจนต้องรีบขอโทษเสียงอ่อยหน้าเสีย ดีว่าเป็นชายชราผมสีดอกเลา ท่านก็ยิ้มให้บอกไม่เป็นไร
กรณิการ์ไม่กล้าหันไปมองด้านหลัง รีบเดินก้มหน้างุดๆ ตรงไปยังห้องน้ำ เพราะแสนจะอับอายในความเซ่อซ่าของตัวเอง
ฟ้าครามส่ายหน้า เกือบกระตุกยิ้มไปแล้ว
ซุ่มซ่าม... ผู้หญิงอะไร...
ใจแกร่งใต้แผงอกกลับรู้สึกอวลอบไปด้วยความอุ่นจากเส้นสายบางอย่าง แผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจอย่างไม่รู้สาเหตุ คนหน้าดุหันไปสนใจทิวทัศน์นอกหน้าต่าง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน การเดินทางโดยรถไฟไม่ทำให้เขาลำบากอะไรนัก ชอบเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องเหนื่อยขับเอง ได้นอนหลับ ตื่นอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว
หากคราวนี้มีเพื่อนร่วมทางด้วย ออกจะแปลกๆ อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนที่ว่านั้นเป็นสุภาพสตรี มิหนำซ้ำ ยังมีชื่อคู่เขาบนใบทะเบียนสมรส!
ไม่นาน...พนักงานประจำรถไฟก็เข้ามาจัดการปูที่นอนให้...
“เธอนอนชั้นบน”
กรณิการ์แหงนหน้ามองเหนือสภาพที่นั่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกปรับเปลี่ยนเป็นเบาะนอนสองชั้น มีผ้าม่านที่ยังไม่ได้รูดกาง รวมกันอยู่ด้านข้าง ไว้สำหรับดึงปิดตลอดความยาวของที่นอน
“บนนั้น”
ฟ้าครามนิ่วหน้า เด็กน้อยตรงหน้าของเขาทำหน้าแปลกใจเหมือนไม่เคยเห็นไม่เคยใช้บริการรถไฟแบบตู้นอน
ขณะนั้นรถออกจากสถานีในกรุงเทพฯ มาถึงสถานีในจังหวัดเพชรบุรี มีนักท่องเที่ยววัยรุ่นต่างชาติชาวตะวันตกขึ้นมากลุ่มใหญ่ ฟ้าครามซึ่งมองไปทางประตูพอดี ดึงร่างบางของสาวน้อยให้หลบกลุ่มคนชายหญิงที่พูดคุยกันมาเสียงดัง
“เคยขึ้นรถไฟหรือเปล่า”
กรณิการ์สั่นหน้าปฏิเสธ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เธอตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน หากพอถึงเวลาที่ต้องเข้านอน มองที่นอนแล้วหวั่นๆ ความสูงของชั้นสองจากพื้นสูงพอประมาณ ถ้ากลิ้งตกลงมาคงเจ็บพอควรล่ะ มองที่นอนแล้วหันมามองคนตัวใหญ่
“ไม่ตกหรอก ขึ้นไปได้แล้ว” เสียงห้าวเรียบติดขรึมบอก
“เอ่อ คือ อ้อน...”
“ทางเดินมันแคบ ยืนเกะกะคนอื่น”
รถนอนปรับอากาศชั้นสองชนิด 40 ที่นั่ง ความสะดวกสบายมีพอประมาณไม่ได้เลิศหรูดูอลังการอะไร ฟ้าครามไม่คิดอะไรมาก แค่นอนหลับ เช้าก็ถึงบ้านแล้ว แล้วราคาค่าโดยสารที่นั่งละไม่เกินหนึ่งพันบาทแบบนี้ ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว
สาวน้อยฟังแล้วเม้มปาก คนอื่นๆ ยังไม่ได้นอนกันหรอก บ้างก็นั่งคุยกันเบาๆ หยอกล้อกันสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะวัยรุ่นฝรั่งต่างชาติ ต่างพากันส่งภาษาบ้านเกิดดังกว่าคนอื่นๆ
ฟ้าครามไม่ได้รอให้สาวน้อยปีนขึ้นไป แต่เขามุดเข้าไปล้มตัวลงนอนบนเบาะนอนชั้นล่างที่จับจองไว้ หลับตาลงไม่สนคนยืนอ้ำอึ้ง
กรณิการ์มองแล้วเกิดอารมณ์หดหู่ใจเล็กน้อย จำใจปีนบันไดขึ้นไปชั้นบน บอกตัวเองให้ทำใจ จะคาดหวังอะไรกับเขา แม้จะอยู่ในฐานะสามี แต่ก็เป็นแค่สามีตีทะเบียน สามีจำเป็นเท่านั้น
ลับร่างบอบบาง เปลือกตาคู่คมเปิดขึ้นอีกครั้ง
“อ้อนรักคุณคราม อยากให้คุณครามมีความสุขค่ะ”“ฉันสุขจนล้น อ้อนจ๋า”“รักอ้อนมากๆ นะคะ”“แน่อยู่แล้ว ฉันแก่ขนาดนี้จะให้ไปวิ่งหาผู้หญิงที่ไหนอีก กลัวแต่เธอจะเผลอไปรักคนอื่น”“แน้... หาความแล้วนะคะ คุณครามแก่ที่ไหน แถมหล่อแบบนี้ อ้อนจะไปไหนได้”“แต่แรกว่าเถื่อน ว่าโหด”“โหดก็รัก เถื่อนก็รักค่ะ”“น่ารักนะเรา”กรณิการ์หัวเราะคิก ป่ายปีนขึ้นไปบนตักกว้าง ทำตัวน่ารักเพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วยการขยับเสียดสีเนื้อตัวอ่อนนุ่มปลุกปั่นกายแกร่งให้แข็งขึง ซึ่งเธอไม่ต้องใช้ความพยายาม แค่สัมผัส ฟ้าครามก็ตื่นแล้ว“เห็นไหมคะ แก่อะไรตื่นไวปานนี้”ฟ้าครามส่ายหน้าแต่คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้คนน่ารัก เขาแนบหน้าครึ้มเคราเข้ามาจูบปากหวานๆ ที่แสนจะพูดถูกใจ“อ้อนทำมันตื่น ต้องดูแลมันรู้ไหม”“รู้หรือไม่รู้ดีน้า...”หน้างามระบายยิ้ม ส่งสายตายั่วเย้า แต่ขยับบั้นท้ายคลึงเคลื่อนเบาๆ เมื่อสามีหนุ่มไล่จูบฟัด กรณิการ์หัวเราะลั่นก่อนถูกจูบจนตัวอ่อน คำหวานถูกกระซิบบอกย้ำ แล้วเธอจะใจดำกับเขาได้ยังไงสาวน้อยจึงเริ่มต้นออดอ้อน สนองรัก ตามเสียงพร่ำขอของสามีอย่างเต็มใจอย่างยิ่งยวดฟ้าครามคำรามระคนครางกระหึ่ม เมียสาวแปลงร่างเป็นนางแมวป่ายั่ว
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึง คร่อมแล้วต้องคลึงด้วย มันจะยิ่งดี” เพราะเขากำลังถูกกดทับจนปวดร้าว ฟ้าครามขบกรามกรอด ผงกหัวมอง เมื่อเมียรักไล้ลิ้นลงไปถึงสะดือ เธอไม่ลืมจุ่มจ้วงลิ้นวนแอ่งเล็กๆ นั่นเล่น ก่อนจะเดินหน้าต่อไปตามขอบกางเกงที่สาบซิปเปิดแยกมือบางช้อนเข้าใต้สัดส่วนอลังการ มันกระตุกราวกับเริงร่า เหยียดขยายรอเวลาแผลงฤทธิ์ สาวน้อยมองแล้วหน้าร้อนผ่าวๆ หากเธอก็เหลือบขึ้นมองหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่เดี๋ยวนี้เขาจะตัดแต่งหนวดเคราจนสั้นเตียนทำให้ยิ่งหล่อเข้มคม เธอสบตาร้อนแรง ชอบใจที่ทำให้สามีเก็บกลั้นทรมานได้“ปรานีกันบ้างเถอะที่รัก”“คนใจร้ายชอบแกล้ง ทำไมต้องสงสาร”“แกล้งเพราะรัก” เขาออด ทำตัวอ่อนหวานอย่างพยายามฝึกทำเต็มที่สองปีมานี้ฟ้าครามปรับเปลี่ยนตัวเองไม่น้อย จากคนที่ดุดันเคร่งขรึม เวลาอยู่กับกรณิการ์เขารู้จักออดทำตัวอ้อน แม้เสียงที่พูดจะไม่หวานหยด แต่น้ำเสียงนั้นก็จับใจเมียรัก“อ้อนก็ลงโทษเพราะรัก”กางเกงยีนตัวเก่งเลื่อนลงไปทางปลายเท้าพร้อมกับปราการของท่านชาย ความเข้มแข็งผงาดตั้งประกาศศักดา กรณิการ์ใจสั่น แต่ด้วยความรักที่มีต่อเขา แท้จริงเธอแค่อยากเอาใจฟ้าครามบ้าง สิ่งที่เขาท
เจ้าของร่างหนาชะงัก เสียงร่ำไห้บาดหัวใจ น้ำตาที่รินไหลคล้ายน้ำกรดรดราดตัวให้แสบร้อนจนทนไม่ได้“อ้อน”“ไม่! ได้โปรด อย่าทำฉัน คุณคราม ฮือๆ ช่วยอ้อนด้วย ช่วยด้วย ฮือๆ”“อ้อน นี่ฉันเอง”ฟ้าครามกระซิบ จูบเคล้าปากอิ่มที่บวมเจ่ออย่างปลอบประโลม บ้าชะมัด เขาไม่น่าทำตามคำแนะนำของพ่อเลย เสียงร่ำไห้ของกรณิการ์บีบหัวใจเขาชะมัด อ้อมกอดแกร่งกระชับ กายหนาผละห่าง อุ้มร่างบางขึ้น เธอไม่ฟังเขาสักนิด เลยต้องพาออกไปนอกห้อง สับคัตเอาต์ไฟ ก่อนจะเข้าห้อง กดสวิตช์เปิดไฟให้สว่าง“อ้อน ดูสิ ฉันเอง”ร่างบางถูกเขย่าจนผมเผ้ากระจาย เสียงห้าวดุที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในหัว กรณิการ์ลืมตาเปียกน้ำตาขึ้นมอง พอพบว่าเป็นฟ้าครามจริงๆ เธอก็ร้องไห้โฮ... ผวาเข้าระดมกำปั้นเล็กๆ ทุบอกกว้างไม่ยั้ง“คนบ้า บ้า บ้า บ้าที่สุด ฮือๆ”ฟ้าครามนั่งเฉย ปล่อยให้เมียสาวทุบได้ตามใจ พอเธอทุบเหนื่อยก็ซบหน้ากับซอกคอเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาจึงลูบไล้แผ่นหลังบางเบาๆ อย่างปลอบโยนกระทั่ง เสียงสะอื้นสร่างซา เนื้อตัวอุ่นนุ่มหยุดสะท้าน เสียงแผ่วดังขึ้นอย่างไม่เข้าใจในการกระทำบ้าๆ ของสามี“ทำไมต้องแกล้งอ้อนแบบนี้”“ไม่ได้แกล้ง”“แล้วที่ทำเรียกว่าอะไรล่ะ
เสียงเสื้อนอนขาดดังแควกจากแรงกระชากทึ้ง กรณิการ์กรี๊ดลั่น ทว่า... เสียงนั้นไม่ดังออกมา เพราะหน้าถูกกดลงกับหมอน สองขาถูกทับ เมื่อเจ้าคนชั่วฉีกทึ้งเสื้อผ้าเธอเสร็จก็ดึงตัวเธอขึ้น แล้วจับเอาเสื้อนั้นขยำเป็นก้อนยัดปากเธอ เสียงร้องดังเพียงอู้อี้“อู้... เมียไอ้คราม ทั้งขาวทั้งหอม ขอพี่กระแทกให้น้ำแตกทีนะน้อง น่าเอาเป็นบ้า”กรณิการ์หวาดผวา ฟ้าครามไปไหน เขาอยู่ไหน ช่วยด้วย! ช่วยเธอด้วย“ไม่!”ร่างบางกระเสือกกระสนหนีไปบนเตียง มันก็ปล่อยให้เธอหนี เพื่อจะได้ฉีกฉุดกระชากกางเกงออกจากตัวเธอจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในกับเสื้อชั้นใน กรณิการ์ขวัญเสีย ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมือจะถูกรวบและมัดด้วยเศษเสื้อนอน วินาทีต่อมาเสื้อชั้นในก็ถูกกระตุกออก เธอผวาเด้งตัวหนีแต่ถูกผลักลงไปนอนหงายบนที่นอน ก่อนที่ขาจะถูกง้างออกห่างกัน ร่างใหญ่แทรกเข้ามาตรงกลางเสียงพึงพอใจดังขึ้นในลำคอของผู้อุกอาจ เมื่อกางมือทาบพื้นที่สงวน มือหยาบใหญ่ แต่พื้นที่ใต้ฝ่ามือก็เกือบปิดไม่มิด“อ่อย (ปล่อย) อ่า (อย่า)”เจ้าของร่างทะมึนไม่สนใจ มือหนึ่งจับมือที่ถูกมัดรวบกดไว้เหนือศีรษะเล็ก อีกมือเคล้าคลึงพื้นที่น่าหลงใหล เกลี่ยไล้ปลายนิ้วกับรูปรอย
สาวน้อยวิ่งตรงไป เลือกดอกไม้อย่างคุ้นเคยเพราะเคยมาซื้อหลายครั้ง คุ้นกับพ่อค้าเป็นอย่างดี“ดอกนี้ดีกว่าไหมจ๊ะน้องสาว พี่บ่าวจะซื้อให้”ดอกกุหลาบยื่นมาตรงหน้า ทำให้กรณิการ์ผงะ เงยหน้ามองก็พบหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่อีกคนรูปร่างเล็กแต่ผิวคล้ำ กลิ่นเหล้าคลุ้งจนมึนหัว เธอเดาว่าน่าจะเป็นชาวเลแถวนั้น แววตากะลิ้มกะเหลี่ยกวาดมองตัวเธอทั้งตัวสร้างความหวาดผวาให้กรณิการ์ เธอรีบส่งดอกไม้ให้พ่อค้า“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”“เฮ้ย พวกมึงกลับเรือไปเลย อย่ามาวุ่นวายกับลูกค้ากู” พ่อค้าขายดอกไม้ส่งเสียงไล่“โธ่ จะรีบไล่กันไปไหนเล่า อยู่กับเรือมาแรมเดือน ขึ้นบกพบสาวน่ารักก็อยากทำความรู้จักเท่านั้นเองน่า” หนึ่งในนั้นร้องตอบพ่อค้า“นั่นสิจ๊ะ ชื่ออะไรครับคนสวย”กรณิการ์ไม่ตอบ จ่ายเงินรับถุงดอกไม้ หมุนตัวเดินกลับไปหาฟ้าคราม คิดเอาว่าถ้าเธอไม่เล่นด้วย พวกนี้ก็คงเลิกราไปเองทว่า... ไอ้หนุ่มใจกล้าคนหนึ่งกลับคว้าแขนเธอไว้อย่างถือวิสาสะ“เดี๋ยวสิ”“ว้าย ปล่อยนะ!” กรณิการ์สะบัดแขนเต็มแรงแต่ไม่หลุดสองหนุ่มหัวเราะร่าที่ได้แกล้งลวนลามสาวเจ้าโดยไม่สนเสียงด่าของพ่อค้า ซ้ำยังทำท่าจะรุกไล่มากไปกว่านั้น โดยไม่รู้ดวงมันกำลั
“เดี๋ยวนี้พูดแบบนี้ก็เป็นเหรอคะ”“หัดมา เดี๋ยวเมียงอน ต้องง้อยาวเสียพลังงานเยอะด้วย งอนครั้งต่อไปที่ไหนดี บ่อปลาหรือว่าสวนยาง”“บ้าจริง คุณงามนี่” หน้าสวยแดงก่ำ แต่ไม่ว่าที่ไหน เธอไม่คิดขัดใจเขาอยู่แล้วเมียที่ดีต้องตามใจผัว...“อ้อนรักคุณครามค่ะ” เสียงหวานสั่นกระซิบ ก่อนเรือนกายน่าปรารถนาจะขยับตอบรับลำนำสวาทสร้างความถูกใจให้กับสามีจอมเถื่อน“น่ารักมาก”เสียงห้าวพร่ากระซิบ ก่อนที่ห้องสวีทสุดหรูจะถูกแผดเผาด้วยเปลวปรารถนาตลอดค่ำคืนที่มีความหมาย สองกายผลัดกันบอกย้ำคำรักราวกับจะจารจดไว้ทั่วทุกอณูเนื้อกายและสลักในเนื้อหัวใจตราบนานเท่านาน...เป็นเวลาสองปีแล้วนับจากวันแต่งงาน กรณิการ์ปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ได้จนกลายเป็นความคุ้นเคย สวนของฟ้าครามยังให้ผลิตผลเป็นอย่างดี ทำรายได้ให้ชายหนุ่มทุกวัน ขณะที่เธอเรียนจบจากโรงเรียนสอนทำขนมทำอาหาร ฟ้าครามเปิดร้านให้ เริ่มแรกนั้นลองทำและฝากขายก่อน พอมีลูกค้าการันตีความอร่อย กรณิการ์ก็ได้ร้านซึ่งอยู่ในย่านท่องเที่ยว เปิดเป็นร้านน่ารักๆ บรรยากาศดี ขายอาหารและขนม มีลูกมือช่วยหลายคน กระทั่งมีแม่ครัวประจำ เพราะฟ้าครามไม่ยอมให้เธอห่างกาย เช้าๆ เ







