LOGIN“ว้าย!” แม่สาวน้อยอุทานเสียงหลง ด้วยเกรงว่าตนจะล้มลงไปจูบกับพื้นถนน หากแต่เดชะบุญที่เจ้าของร่างทรงพลังคว้าข้อมือกลมกลึงและกระชากให้เธอหมุนตัวกลับมาได้ทันท่วงที ก่อนที่เขาจะวาดเรียวแขนแกร่งมาเกี่ยวเอวอ้อนแอ้น ชั่วพริบตาร่างอรชรก็ปลิวไปปะทะแผงอกกำยำที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นเต็มแรง
ตุ้บ!!!
‘อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด…หน้าฉันซบอกล่ำๆ ของผู้ชาย!’ อารดาอุทานในอกด้วยความตะลึงพรึงเพริด หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักอย่างมิอาจห้ามได้ เจอสถานการณ์แบบนี้บวกกับฤทธิ์ของน้ำเปลี่ยนนิสัยซึ่งยังคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด ก็ทำให้แม่สาวเรียบร้อยที่รักนวลสงวนตัวเป็นชีวิตจิตใจออกแนวรั่วได้เหมือนกัน ครั้นจะผลักไสร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างให้ถอยห่างเธอก็ดันมือไม้อ่อน เพราะช็อกไปชั่วขณะ อันเนื่องจากว่าไม่เคยต้องมือชายมาก่อนในชีวิต
“ตามหาให้เจอ อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงตะโกนโหวกเหวกจากทางถนนใหญ่ที่ลอยตามลมมากระทบโสตประสาท ทำให้ชายหนุ่มสบถลั่น
“ระยำเอ๊ย!” ทันใดนั้นเดเรคก็ดันไหล่บอบบางออกจากร่างผึ่งผาย ทว่าไม่ได้ทำแม้แต่ปรายตามองหน้าสาวเจ้า เพราะกำลังพะวักพะวงกับกลุ่มคนที่หมายปลิดชีวิตของเขา หากพวกมันไม่ทำตัวเป็นหมาหมู่ สาบานได้เลยว่าเดเรคจะไม่ยอมหนีเหมือนคนขี้ขลาดอย่างนี้แน่ แต่ช่างเถอะ! แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย
“ไม่อยากทำอย่างนี้เลย บ้าชะมัด!” เสียงห้าวห้วนติดจะดุดันคำรามลั่นด้วยความคับข้องใจ จากนั้นปลายนิ้วกระด้างก็เชยคางมนขึ้น วินาทีแรกที่ได้มองหน้าอีกฝ่าย อารดาถึงกับตะลึงตาค้างในความหล่อบาดใจ ประหนึ่งเทพบุตรที่หล่นตุ้บมาจากสรวงสวรรค์ พลันรองเท้าในมือก็ร่วงผล็อยไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นถนน โอ้พระเจ้า! ให้ตายสิ! เธอแพ้คนหล่อ
“ไอ้เดเรค อย่าให้เจอตัวนะมึง พ่อจะยำให้เละเลย!” น้ำคำอาฆาตมาดร้ายที่ได้ยินจากระยะไม่ไกล ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มตัดสินใจได้ในบัดดลว่าตนควรจะเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ได้อย่างไร
“ถือว่าช่วยผมก็แล้วกันนะ”
เสี้ยววินาทีถัดมาใบหน้าหล่อลากไส้ก็ลอยเด่นอยู่ใกล้แค่คืบ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจผ่าวระอุที่รินรดซึ่งกันและกัน เขาไม่ได้สนใจจะมองหน้าเธอ เพราะดวงตาคมกล้าคู่นั้นเบนไปยังหน้าปากซอยอย่างระแวดระวัง แต่อารดานี่สิจ้องอีกฝ่ายไม่กะพริบ ก่อนที่เสียงหวานจะหลุดอุทานเบาๆ เมื่อมือใหญ่เคลื่อนมาจับตรึงท้ายทอยสลวยไว้มั่น
“อ๊ะ…อุ๊บ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ทว่ายังไม่ทันจะจับต้นชนปลายได้ก็ถูกอีกฝ่ายก้มลงมาปิดปากด้วยจุมพิตดุดันเสียแล้ว คราแรกเธอนั้นนิ่งงันคล้ายถูกสาป หากแต่ลมหายใจฟืดฟาดประหนึ่งกระหายจัดเจือด้วยกลิ่นบุหรี่จางๆ ก็ทำให้ร่างบางทะลึ่งพรวด และสร่างเมาได้อย่างชะงัด!
‘หล่อแต่เลว ฉันไม่สน!’ ความคิดของอารดาเปลี่ยนไปทันควัน ครั้นพ่อตัวโตตวัดเรียวแขนกำยำข้างที่ว่างรัดรอบเอวอ้อนแอ้นอีกครา แม่สาวอ่อนเดียงสาก็ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง
“อื้อ…” เสียงอู้อี้ครางประท้วงกลั้วลำคอระหง คนถูกปล้นจูบดิ้นรนต่อต้านสุดฤทธิ์ พลางระดมกำปั้นน้อยๆ ซัดเข้าที่ไหล่กว้างไม่ยั้ง หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยี่หระ แถมพ่อเจ้าประคุณยังสอดแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้าไปฉกฉวยความหวานล้ำจากกระพุ้งแก้มอิ่มอุ่นอย่างโอหัง
การกระทำอันแสนอุกอาจทำให้อารดาหายเมาเป็นปลิดทิ้ง สติสัมปชัญญะกลับมาเกือบจะครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เพราะที่จริงแล้วเธอนั้นไม่ได้เมามากมายอะไร เพียงแค่ร่างกายไม่ชินกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ อีกทั้งน้ำเปล่าก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว
‘จูบไม่ประสา แถมยังเงอะๆ งะๆ แบบนี้ แม่สาวเวอร์จิ้นชัดๆ’ นั่นคือความคิดแวบแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของพ่อหนุ่มจอมฉกฉวยมือฉมัง ผู้ผ่านสมรภูมิรักมาอย่างโชกโชน
ครั้นได้ดื่มชิมความหวานแสนซ่านทรวง แถมยังเจือด้วยรสชาติของเตกีล่านิดๆ ที่ยังติดอยู่ตรงกระพุ้งแก้มนุ่มและปลายลิ้นเรียวเล็ก เดเรคก็ยิ่งลุ่มหลง ความไร้เดียงสาอันหอมหวานกำลังดึงเขาเข้าสู่วังวนปรารถนาจนแทบฉุดไม่อยู่ พ่อคนโอหังกระชับร่างบอบบางมาแนบแผงอกผ่าวระอุมากยิ่งขึ้น แล้วจูบเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมาแรมปี ทั้งที่เพลย์บอยตัวเอ้อย่างเขาไม่เคยขาดแคลนอิสตรี แถมยังเรียกได้ว่าเซ็กส์จัดเสียด้วยซ้ำ หากแต่ในเวลานี้ร่างกายของเดเรคกลับกำลังตื่นตัวอย่างประหลาดล้ำ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่เขายังไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้มองหน้า จะทำให้เลือดในกายหนุ่มร้อนฉ่าได้มากถึงเพียงนี้ มันมากเสียจนเดเรคนึกอยากจะปล้ำสาวเจ้ากลางถนนโล่งๆ เสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
เมื่อทนไม่ไหวเขาก็บดขยี้กลีบปากเจ่ออย่างหื่นหิว ขณะถือวิสาสะวาดมือใหญ่ไปขยำสะโพกอวบอั๋นอย่างเมามัน โดยไม่นำพาการขัดขืนจากอีกฝ่าย คนตัวเล็กพยายามรวบรวมกำลังระดมกำปั้นทุบเข้าที่ไหล่กว้าง บ้างก็ดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการแกร่ง ทว่าความช่ำชองของพ่อหนุ่มนักรักกลับทำให้เธอกลายเป็นคนมือไม้อ่อน ไม่นานจุมพิตร้อนแรงระคนดิบเถื่อนก็ทำเอาโลกทั้งใบของอารดาสะเทือนเลื่อนลั่น สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ฉับพลันสมองน้อยๆ ก็ขาวโพลนไปหมด ส่งผลให้เขาถือโอกาสช่วงชิงความหวานล้ำจากเรียวปากสีกุหลาบอย่างย่ามใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงวิ่งมุ่งตรงมาทางที่หนุ่มสาวทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ซึ่งผู้มาใหม่ก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไร เพราะมองดูเผินๆ คล้ายกับคู่รักอยากเปลี่ยนบรรยากาศอะไรประมาณนั้น
“บัดซบเอ๊ย…มันหายไปไหนของมันวะ!” ชายหน้าเหี้ยมสบถลั่นด้วยความเดือดดาลสุดขีด เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าของร่างทรงพลังที่กำลังจูบสาวอย่างดูดดื่มอยู่นั้นคือคนที่ตนกำลังไล่ล่า
“เจอไหมวะ?” คนที่เพิ่งวิ่งตามหลังมาถามไถ่ปนหอบหนักๆ เพราะความเหนื่อย
“ไม่เจอว่ะ” เสียงขุ่นสวนกลับอย่างหัวเสียสุดๆ ก่อนที่ชายฉกรรจ์อีกเกือบสิบชีวิตซึ่งมีอาวุธในมือครบครันจะตามมาสมทบ
“ให้ตายสิ…หนุ่มสาวสมัยนี้มันเล่นรักประเจิดประเจ้อแบบนี้เลยเหรอวะ” ทันทีที่เหลือบไปเห็นฉากจูบร้อนแรงของหนุ่มสาวหนึ่งในผู้มาใหม่ก็โพล่งขึ้น
“นั่นสิวะ เห็นแล้วอุจาดตาพิลึก”
“ช่างหัวมันเถอะน่า เรามาตามกุดหัวไอ้เดเรคนะโว้ย อย่าลืมสิ!” ชายหน้าเหี้ยมเตือนสติเพื่อนด้วยน้ำเสียงกระด้างติดจะดุดัน
“งั้นกลับไปดูทางนั้นกัน” ขาดคำทั้งหมดก็ตั้งท่าจะวิ่งย้อนกลับไปทางปากซอย
“เดี๋ยว!” เสียงที่โพล่งขึ้นทำให้ทุกคนต่างชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า
“อะไรของแกอีกวะ คนยิ่งรีบๆ อยู่” คนที่อาวุโสสุดชักสีหน้าใส่ลูกกระจ๊อกด้วยความหงุดหงิด
“ฉันว่าไอ้หมอนั่นมันดูคุ้นๆ ว่ะ” วาจาที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของชายร่างเตี้ยล่ำ ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปมองบุรุษที่กำลังจูบสาวอย่างดูดดื่มเป็นตาเดียวกัน เดเรคตัวแข็งทื่อแต่ต้องพยายามบังคับให้บทจูบของเขาและเธอเป็นไปอย่างแนบเนียน เพราะครั้นจะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
วาจาที่หลุดออกมาจากปากร้ายกาจทำให้อารดาแทบกรี๊ดออกมาดังๆ โดยเฉพาะคำว่า ‘ผู้หญิงหน้าบ้านๆ’ ถึงเธอจะไม่สวยอย่างที่เขาเหน็บแนมจริงๆ แต่วันนี้เธอก็ ‘พยายามสวย’ จนสุดความสามารถ และที่สำคัญเธอรับไม่ได้อย่างแรงกับถ้อยคำปรามาสอันแสนระคายหู ทว่ายังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเสียงทุ้มก็โพล่งขึ้นเสียก่อน “เอ่อ…ว่าแต่ผมขอเบอร์คุณหน่อยสิ เผื่อวันไหนเกิดอารมณ์เปลี่ยวจนนึกอยากลอง ‘ของแปลก’ จะได้โทร.หา” ถึงแม้เดเรคจะไม่พิสมัยแม่สาวไซต์มินิเตี้ยหมาเลียตูด แถมยังควานหาความสวยแทบไม่เจอ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรตรงสเปกและกระแทกตาดึงดูดใจ แต่ผู้ชายกะล่อนอย่างเขาก็ยังไม่วายหว่านเสน่ห์เรี่ยราดใส่สาวเจ้า เพราะถือคติที่ว่าบริหารเสน่ห์วันละนิดจิตแจ่มใส ซึ่งคำพูดเหลือรับประทานที่พ่อคนโอหังพ่นออกมาจากปากหยักลึก ก็ทำให้ความอดทนของอารดาขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา “ปากสุนัขเรียกพี่แบบนี้ อย่าอยู่เลย!” ขาดคำคนตัวเล็กก็ง้างฝ่ามือเรียวขึ้นกลางอากาศ หวังจะฟาดลงที่ซีกแก้มสากแรงๆ เพื่อดับอารมณ์ ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้ได้ทันเสียก่อน จากนั้นเขาก็จัดการรวบมือของเธอทั้งสองข้างด้
“โอ๊ะโอ๋…ฉันนึกออกแล้วว่ะ” หัวโจกกล่าวเสียงเหี้ยม “แหม…หาตั้งนานที่แท้ก็มายืนทำเนียนจูบสาวอยู่นี่เอง” เสียงเหี้ยมถูกเค้นออกมาจากลำคอปูดโปน พร้อมกันนั้นมันก็เล็งปลายกระบอกปืนมายังเดเรคอย่างแน่วแน่ “ตายซะเถอะมึง!” วินาทีนั้นเจ้าพ่อหนุ่มจำต้องกลั้นใจรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่ชายโฉดจะได้ลั่นไกปืน เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นเสียก่อน มันใกล้เข้ามาจนคนชั่วไม่มีเวลาได้ปลิดชีวิตของพ่อหนุ่มจอมโอหัง เพราะต่างก็แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เดเรคเห็นเช่นนั้นก็บดจูบสาวเจ้าเป็นการส่งท้ายอย่างดูดดื่มสะท้านทรวง ก่อนจะค่อยๆ ผละห่างด้วยท่าทางอ้อยอิ่งคล้ายแสนเสียดาย เมื่อไร้พันธนาการร้อนร้ายรัดรึงรอบเรือนกายอรชร หญิงสาวก็เหมือนจะเข่าอ่อนและทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ “ไอ้พวกเศษสวะ ไปซะได้ก็ดี” เสียงห้าวเจือแหบที่ดังขึ้นเหนือศีรษะน้อย ทำให้สติที่หลุดลอยเพราะการล่อลวงจากเจ้าของริมฝีปากเจนจัดกลับเข้าร่างอีกครั้ง วินาทีถัดมาคนที่โดนปล้นจูบไปอย่างอุกอาจ ก็ไม่รอช้าที่จะง้างฝ่ามือเรียวขึ้นกระทบซีกหน้าไอ้คนฉวยโอกาสสุดแรงเกิด ฉาด!!! “สารเ
“ว้าย!” แม่สาวน้อยอุทานเสียงหลง ด้วยเกรงว่าตนจะล้มลงไปจูบกับพื้นถนน หากแต่เดชะบุญที่เจ้าของร่างทรงพลังคว้าข้อมือกลมกลึงและกระชากให้เธอหมุนตัวกลับมาได้ทันท่วงที ก่อนที่เขาจะวาดเรียวแขนแกร่งมาเกี่ยวเอวอ้อนแอ้น ชั่วพริบตาร่างอรชรก็ปลิวไปปะทะแผงอกกำยำที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นเต็มแรง ตุ้บ!!! ‘อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด…หน้าฉันซบอกล่ำๆ ของผู้ชาย!’ อารดาอุทานในอกด้วยความตะลึงพรึงเพริด หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักอย่างมิอาจห้ามได้ เจอสถานการณ์แบบนี้บวกกับฤทธิ์ของน้ำเปลี่ยนนิสัยซึ่งยังคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด ก็ทำให้แม่สาวเรียบร้อยที่รักนวลสงวนตัวเป็นชีวิตจิตใจออกแนวรั่วได้เหมือนกัน ครั้นจะผลักไสร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างให้ถอยห่างเธอก็ดันมือไม้อ่อน เพราะช็อกไปชั่วขณะ อันเนื่องจากว่าไม่เคยต้องมือชายมาก่อนในชีวิต “ตามหาให้เจอ อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงตะโกนโหวกเหวกจากทางถนนใหญ่ที่ลอยตามลมมากระทบโสตประสาท ทำให้ชายหนุ่มสบถลั่น “ระยำเอ๊ย!” ทันใดนั้นเดเรคก็ดันไหล่บอบบางออกจากร่างผึ่งผาย ทว่าไม่ได้ทำแม้แต่ปรายตามองหน้าสาวเจ้า เพราะกำลังพะวักพะวงกับกลุ่มคนที่หมายปลิดชีวิตของเขา หากพวกมั
เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เวลาเที่ยงคืน…‘ดาด้าลูกรัก ถือเสียว่านั่นเป็นประสงค์ของพระเจ้าก็แล้วกัน’ เพราะคำพูดกึ่งสอนสั่งของบิดาผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นยังคงดังก้องอยู่ในมโนสำนึกตลอดเวลา ทำให้อารดาพยายามคิดบวกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หากแต่เธอให้คำจำกัดความว่า ‘คราวซวย’ ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งในเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ อารดากลับจากงานเลี้ยงรุ่น ที่เพื่อนสมัยเรียนรวมตัวกันจัดขึ้น ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง เกือบจะได้กลับไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สร่างเมาอยู่แล้ว แต่รถคู่ใจดันมางอแงก่อนจะถึงปากซอยทางเข้าบ้านแค่สองร้อยเมตร หลังจากโทร.ไปเรียกช่างซ่อมเจ้าประจำ ซึ่งเปิดให้บริการลูกค้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาลากรถไปเข้าอู่ เธอก็เดินตุปัดตุเป๋กลับบ้านในสภาพเมานิดๆ “โอ๊ย…ม่ายน่าลองกินเหล้าเลยเรา ปวดหัวชะมัด ให้ตายสิ!” เสียงยานคางเล็กน้อยบ่นอุบกับตัวเอง ขณะยกมือขึ้นคลึงขมับอิ่ม เพื่อให้มันช่วยบรรเทาอาการมึนหัวจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในกระแสเลือด “อุ๊ย!”







