LOGIN“โอ๊ะโอ๋…ฉันนึกออกแล้วว่ะ” หัวโจกกล่าวเสียงเหี้ยม
“แหม…หาตั้งนานที่แท้ก็มายืนทำเนียนจูบสาวอยู่นี่เอง” เสียงเหี้ยมถูกเค้นออกมาจากลำคอปูดโปน พร้อมกันนั้นมันก็เล็งปลายกระบอกปืนมายังเดเรคอย่างแน่วแน่
“ตายซะเถอะมึง!” วินาทีนั้นเจ้าพ่อหนุ่มจำต้องกลั้นใจรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่ชายโฉดจะได้ลั่นไกปืน เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นเสียก่อน มันใกล้เข้ามาจนคนชั่วไม่มีเวลาได้ปลิดชีวิตของพ่อหนุ่มจอมโอหัง เพราะต่างก็แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
เดเรคเห็นเช่นนั้นก็บดจูบสาวเจ้าเป็นการส่งท้ายอย่างดูดดื่มสะท้านทรวง ก่อนจะค่อยๆ ผละห่างด้วยท่าทางอ้อยอิ่งคล้ายแสนเสียดาย เมื่อไร้พันธนาการร้อนร้ายรัดรึงรอบเรือนกายอรชร หญิงสาวก็เหมือนจะเข่าอ่อนและทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
“ไอ้พวกเศษสวะ ไปซะได้ก็ดี” เสียงห้าวเจือแหบที่ดังขึ้นเหนือศีรษะน้อย ทำให้สติที่หลุดลอยเพราะการล่อลวงจากเจ้าของริมฝีปากเจนจัดกลับเข้าร่างอีกครั้ง วินาทีถัดมาคนที่โดนปล้นจูบไปอย่างอุกอาจ ก็ไม่รอช้าที่จะง้างฝ่ามือเรียวขึ้นกระทบซีกหน้าไอ้คนฉวยโอกาสสุดแรงเกิด
ฉาด!!!
“สารเลว!” เจ้าของร่างเพรียวระหงประณามเสียงขุ่นคลั่ก ทำเอานัยน์ตาสีเฮเซลวาวโรจน์ขึ้นในบัดดล เพราะตั้งแต่เกิดยังไม่เคยมีใครตบพ่อยอดชายมาก่อนในชีวิต
“บัดซบ นี่คุณกล้าตบผมงั้นเหรอ!” เสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่าทำให้อารดาอดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ หากแต่เลือดนักสู้ที่อยู่ในกายทุกหยาดหยดก็ผลักดันให้เธอเชิดหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างหาญกล้า
“ตบแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับที่คุณบังอาจเอาปากสกปรกมาแตะปากฉัน”
‘ให้ตายสิ…นี่คุณเธอเป็นสาวเวอร์จิ้นคนสุดท้ายของมวลมนุษยชาติหรือไงวะ ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับอีแค่เสียจูบแรกให้เรา’ หนุ่มเพลย์บอยตัวพ่อมองแม่สาวร่างเล็กเหมือนเป็นตัวประหลาดที่หลุดออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์อย่างไรอย่างนั้น
“ที่เราทำกันเมื่อกี้ เขาไม่ได้เรียกว่า ‘แตะ’ แต่เขาเรียกว่า ‘แลกลิ้น’ กันนัว ต่างหากละยาหยี” ขาดคำเธอก็ตวัดฝ่ามือเรียวกระทบใบหน้าหล่อระเบิดอีกครา
เผียะ!
“นี่สำหรับคำพูดพล่อยๆ ของคุณ”
“เธอ!” ปลายนิ้วกระด้างชี้หน้าแม่สาวใจเด็ดอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะกัดฟันกรอด เมื่อคุณเธอแหงนหน้าคอตั้งบ่าสวนกลับด้วยท่าทีไม่กริ่งเกรง
“ฉันทำไมไม่ทราบ”
“ยัยตัวร้าย!” ชายหนุ่มเค้นเสียงกระด้างคำรามลั่น
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ซังกะบ๊วย ลามก ชีกอ หื่นกาม!” ได้ทีแม่เจ้าประคุณก็จัดคำก่นด่าเป็นของสมนาคุณให้แก่ ‘ความเลว’ ของเขาชุดใหญ่
“หยุด!” เดเรคออกคำสั่งอย่างโอหัง การเถียงคำไม่ตกฟากของอีกฝ่ายกำลังทำให้พ่อหนุ่มเจ้าสำราญที่ชอบเอ็นดูสาวๆ เกิดอาการประสาทเสีย
“ไม่หยุด”
“โธ่โว้ย บอกให้หุบปาก!” เขาหลุดสบถอย่างเหลืออด
“ไม่หุบโว้ย”
“ฮึ่ย…” เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างลดมือลงข้างลำตัวด้วยท่าทางฮึดฮัดเต็มพิกัด ก่อนจะกระแทกลมหายใจผ่าวร้อนออกมาพรืดใหญ่
หากไม่ติดว่าเขาผิดจริงๆ ที่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยการดึงเธอเข้ามากระหน่ำจูบเอาซะดื้อๆ เดเรคคงจะสั่งสอนแม่สาวใจเด็ดให้รู้สำนึกไปแล้ว ว่าหนังหน้าเขาไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์สาธารณะ และที่สำคัญไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนลอยหน้าเถียงเขาแว้ดๆ อยู่แบบนี้ แต่นี่ทำได้ก็แค่เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มกลั้นความเดือดดาลที่กำลังพลุ่งพล่านไปทั้งร่างทรงพลัง
“เห็นแก่ที่คุณช่วยชีวิตผมไว้ ตบครั้งนี้ผมจะถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มว่าพลางกวาดสายตาคมกริบราวใบมีดโกนสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของสาวเจ้าอย่างไม่เกรงใจ
‘ผู้หญิงหน้าบ้านๆ นมแบนๆ ไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนในชีวิต แต่เอาวะ…หาอะไรทำแก้เซ็งก็ดีเหมือนกัน’ ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้เขานึกสนุกขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทั้งที่เมื่อกี้ยังโกรธจนแทบจะขยี้ยัยตัวร้ายให้เละคามือ แต่ตอนนี้กลับมองสาวน้อยราวกับเป็นของเล่นชิ้นใหม่
“ว่าไงครับคุณผู้หญิง ซาบซึ้งในคำพูดของผมจนใบ้รับประทานเลยหรืออย่างไร” ครั้นเห็นเธอเอาแต่เม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง พ่อหนุ่มมาดกวนก็ลอยหน้ายวนยั่ว
“เฮอะ…ช่างกล้าพูดมาได้ไม่อายปาก” หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความเดือดจัดให้คนที่ขโมย ‘จูบแรก’ ของเธอไปอย่างอุกอาจ
“สวัสดีอย่างเป็นทางการครับคุณผู้หญิง” อยู่ๆ เสียงทุ้มก็โพล่งขึ้น อารดาขึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยความกรุ่นโกรธ เพราะถึงแม้เขาจะทักทายด้วยวาจาสุภาพ แต่แววตาเต้นระริกคู่นั้นกลับกำลังขบขันสภาพของเธอในตอนนี้ ทั้งที่เธออุตส่าห์ให้เพื่อนสาวแปลงโฉมให้จนมั่นใจว่าตัวเองสวยสะพรั่ง แถมยังลงทุนใส่คอนแทคเลนส์แทนสวมแว่นตาหนาเตอะ เรียกได้ว่าถอดรูปจาก ‘ยัยเชย’ อย่างสิ้นเชิง แต่พ่อคุณก็ยังไม่วายมองเธอเป็นตัวตลกจนน่าโมโห!
“เชอะ!” หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง อย่างไม่ต้องการเสวนาใดๆ กับอีกฝ่ายทั้งสิ้น ท่าทางหยิ่งผยองยิ่งท้าทายให้ชายหนุ่มอยากเอาชนะ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณผู้หญิง” เดเรคเอ่ยเป็นเชิงตื๊อ ขณะจ้องแก้มป่องๆ ตาไม่กะพริบ ให้มันรู้ไปสิว่าเขาจะทำให้ผู้หญิง ‘นอกสายตา’ ยอมสยบไม่ได้
“ฉันอยากรู้จักคุณตายละ ไอ้คนเลว!” ครั้นเขายังตอแยไม่เลิก อารดาก็หันขวับกลับมายอกย้อนอย่างกระแทกแดกดัน พร้อมกำหมัดตัวสั่นเทิ้ม
“แน่ะ…เพิ่งเจอกันก็ขยัน ‘ชม’ ผมจังเลยนะ” คนตัวโตลอยหน้ายิ้มใส่ตาอย่างยียวน
“ฉัน ‘ด่า’ ย่ะ ไม่ได้ชม” เสียงห้วนจัดตอกกลับทันควัน
“อ้าว…เหรอ ถ้าคุณไม่บอกผมไม่รู้นะเนี่ย” พ่อหนุ่มจอมกะล่อนแสร้งทำหน้าตายชวนหมั่นไส้ เห็นคนตัวเล็กสาดสายตาเขียวปัดมาให้เขาก็ยิ่งอารมณ์ดีพิลึก จนนึกอยากจะยั่วแหย่สาวเจ้าให้สติขาดกระจุย
“คนบ้า!” ทนไม่ไหวแม่สาวเล็กมดคันไฟก็ตวาดแว้ดเข้าให้ แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“อือฮึ…” ชายหนุ่มทำเสียงบางอย่างในลำคอ ขณะยกมือขึ้นลูบปลายคางบึกบึนด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่แฝงเอาไว้ซึ่งความสง่าจนน่าทึ่ง ก่อนที่เขาจะวิจารณ์เธออย่างไร้มารยาทสิ้นดี “จะว่าไปแล้วผู้หญิงหน้าบ้านๆ อย่างคุณ ก็ดูเซ็กซี่ดีเหมือนกันนะ…เวลาเมา”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากร้ายกาจทำให้อารดาแทบกรี๊ดออกมาดังๆ โดยเฉพาะคำว่า ‘ผู้หญิงหน้าบ้านๆ’ ถึงเธอจะไม่สวยอย่างที่เขาเหน็บแนมจริงๆ แต่วันนี้เธอก็ ‘พยายามสวย’ จนสุดความสามารถ และที่สำคัญเธอรับไม่ได้อย่างแรงกับถ้อยคำปรามาสอันแสนระคายหู ทว่ายังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเสียงทุ้มก็โพล่งขึ้นเสียก่อน “เอ่อ…ว่าแต่ผมขอเบอร์คุณหน่อยสิ เผื่อวันไหนเกิดอารมณ์เปลี่ยวจนนึกอยากลอง ‘ของแปลก’ จะได้โทร.หา” ถึงแม้เดเรคจะไม่พิสมัยแม่สาวไซต์มินิเตี้ยหมาเลียตูด แถมยังควานหาความสวยแทบไม่เจอ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรตรงสเปกและกระแทกตาดึงดูดใจ แต่ผู้ชายกะล่อนอย่างเขาก็ยังไม่วายหว่านเสน่ห์เรี่ยราดใส่สาวเจ้า เพราะถือคติที่ว่าบริหารเสน่ห์วันละนิดจิตแจ่มใส ซึ่งคำพูดเหลือรับประทานที่พ่อคนโอหังพ่นออกมาจากปากหยักลึก ก็ทำให้ความอดทนของอารดาขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา “ปากสุนัขเรียกพี่แบบนี้ อย่าอยู่เลย!” ขาดคำคนตัวเล็กก็ง้างฝ่ามือเรียวขึ้นกลางอากาศ หวังจะฟาดลงที่ซีกแก้มสากแรงๆ เพื่อดับอารมณ์ ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้ได้ทันเสียก่อน จากนั้นเขาก็จัดการรวบมือของเธอทั้งสองข้างด้
“โอ๊ะโอ๋…ฉันนึกออกแล้วว่ะ” หัวโจกกล่าวเสียงเหี้ยม “แหม…หาตั้งนานที่แท้ก็มายืนทำเนียนจูบสาวอยู่นี่เอง” เสียงเหี้ยมถูกเค้นออกมาจากลำคอปูดโปน พร้อมกันนั้นมันก็เล็งปลายกระบอกปืนมายังเดเรคอย่างแน่วแน่ “ตายซะเถอะมึง!” วินาทีนั้นเจ้าพ่อหนุ่มจำต้องกลั้นใจรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่ชายโฉดจะได้ลั่นไกปืน เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นเสียก่อน มันใกล้เข้ามาจนคนชั่วไม่มีเวลาได้ปลิดชีวิตของพ่อหนุ่มจอมโอหัง เพราะต่างก็แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เดเรคเห็นเช่นนั้นก็บดจูบสาวเจ้าเป็นการส่งท้ายอย่างดูดดื่มสะท้านทรวง ก่อนจะค่อยๆ ผละห่างด้วยท่าทางอ้อยอิ่งคล้ายแสนเสียดาย เมื่อไร้พันธนาการร้อนร้ายรัดรึงรอบเรือนกายอรชร หญิงสาวก็เหมือนจะเข่าอ่อนและทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ “ไอ้พวกเศษสวะ ไปซะได้ก็ดี” เสียงห้าวเจือแหบที่ดังขึ้นเหนือศีรษะน้อย ทำให้สติที่หลุดลอยเพราะการล่อลวงจากเจ้าของริมฝีปากเจนจัดกลับเข้าร่างอีกครั้ง วินาทีถัดมาคนที่โดนปล้นจูบไปอย่างอุกอาจ ก็ไม่รอช้าที่จะง้างฝ่ามือเรียวขึ้นกระทบซีกหน้าไอ้คนฉวยโอกาสสุดแรงเกิด ฉาด!!! “สารเ
“ว้าย!” แม่สาวน้อยอุทานเสียงหลง ด้วยเกรงว่าตนจะล้มลงไปจูบกับพื้นถนน หากแต่เดชะบุญที่เจ้าของร่างทรงพลังคว้าข้อมือกลมกลึงและกระชากให้เธอหมุนตัวกลับมาได้ทันท่วงที ก่อนที่เขาจะวาดเรียวแขนแกร่งมาเกี่ยวเอวอ้อนแอ้น ชั่วพริบตาร่างอรชรก็ปลิวไปปะทะแผงอกกำยำที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นเต็มแรง ตุ้บ!!! ‘อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด…หน้าฉันซบอกล่ำๆ ของผู้ชาย!’ อารดาอุทานในอกด้วยความตะลึงพรึงเพริด หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักอย่างมิอาจห้ามได้ เจอสถานการณ์แบบนี้บวกกับฤทธิ์ของน้ำเปลี่ยนนิสัยซึ่งยังคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด ก็ทำให้แม่สาวเรียบร้อยที่รักนวลสงวนตัวเป็นชีวิตจิตใจออกแนวรั่วได้เหมือนกัน ครั้นจะผลักไสร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างให้ถอยห่างเธอก็ดันมือไม้อ่อน เพราะช็อกไปชั่วขณะ อันเนื่องจากว่าไม่เคยต้องมือชายมาก่อนในชีวิต “ตามหาให้เจอ อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงตะโกนโหวกเหวกจากทางถนนใหญ่ที่ลอยตามลมมากระทบโสตประสาท ทำให้ชายหนุ่มสบถลั่น “ระยำเอ๊ย!” ทันใดนั้นเดเรคก็ดันไหล่บอบบางออกจากร่างผึ่งผาย ทว่าไม่ได้ทำแม้แต่ปรายตามองหน้าสาวเจ้า เพราะกำลังพะวักพะวงกับกลุ่มคนที่หมายปลิดชีวิตของเขา หากพวกมั
เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เวลาเที่ยงคืน…‘ดาด้าลูกรัก ถือเสียว่านั่นเป็นประสงค์ของพระเจ้าก็แล้วกัน’ เพราะคำพูดกึ่งสอนสั่งของบิดาผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นยังคงดังก้องอยู่ในมโนสำนึกตลอดเวลา ทำให้อารดาพยายามคิดบวกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หากแต่เธอให้คำจำกัดความว่า ‘คราวซวย’ ที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งในเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ อารดากลับจากงานเลี้ยงรุ่น ที่เพื่อนสมัยเรียนรวมตัวกันจัดขึ้น ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง เกือบจะได้กลับไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สร่างเมาอยู่แล้ว แต่รถคู่ใจดันมางอแงก่อนจะถึงปากซอยทางเข้าบ้านแค่สองร้อยเมตร หลังจากโทร.ไปเรียกช่างซ่อมเจ้าประจำ ซึ่งเปิดให้บริการลูกค้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาลากรถไปเข้าอู่ เธอก็เดินตุปัดตุเป๋กลับบ้านในสภาพเมานิดๆ “โอ๊ย…ม่ายน่าลองกินเหล้าเลยเรา ปวดหัวชะมัด ให้ตายสิ!” เสียงยานคางเล็กน้อยบ่นอุบกับตัวเอง ขณะยกมือขึ้นคลึงขมับอิ่ม เพื่อให้มันช่วยบรรเทาอาการมึนหัวจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในกระแสเลือด “อุ๊ย!”







