หน้าหลัก / โรแมนติก / จะรักหรือจะร้าย / จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 4 | ห้องนอนร่วม

แชร์

จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 4 | ห้องนอนร่วม

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-18 03:01:37

EPISODE 4

ห้องนอนร่วม

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

ถึงจะเตรียมใจมาแล้วส่วนหนึ่งเรื่องย้ายออกจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด แต่พอเอาเข้าจริงก็แอบคิดถึงความสะดวกสบายที่เคยได้รับขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ตื่นมาก็มีคนจัดโต๊ะให้กินข้าว อาหารไม่เคยต้องหากินเอง เสื้อผ้าก็มีคนจัดการให้ตลอด พอต้องย้ายออกมาแบบนี้ก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

แม้ฉันจะเป็นคุณหนูที่ไม่ใช่คุณหนูจ๋าอะไรขนาดนั้นแต่ตลอดชีวิตก็พบเจอแต่ความสะดวกสบาย แม้ว่าระยะหลังมานี้ไอ้ความสะดวกสบายเรื่องเงินจะไม่เหมือนก่อนเก่าแล้วก็ตาม

เฮียครามเป็นคนไปรับฉันมาจากที่บ้านเพื่อจะย้ายเข้าไปอยู่ยังที่อยู่อาศัยใหม่ของเราทั้งคู่ ซึ่งมันก็อยู่ไกลจากบ้านของฉันมากพอสมควร กว่าจะออกมาได้ก็เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลไปสามยก แม้ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าคนที่บ้านทุกวันเหมือนเดิมอีกแล้ว

ระหว่างเราไร้ซึ่งบทสนทนาใด ๆ หลังจากเหตุการณ์ร้อนระอุดุเดือดในคืนนั้น เราสองคนก็ยังไม่ได้เจอหน้ากันอีก เพราะเรือนหอที่ต้องย้ายเข้าของจริงยังอยู่ระหว่างตกแต่งเพิ่มเติม และใช่… นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มาเจอหน้ากันอีกครั้ง

แค่คิดถึงเรื่องในคืนนั้นฉันก็รู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งภายนอกและภายใน อีกคนไม่ได้ปริปากพูดอะไรเลย เฮียยังคงนิ่งสนิทเหมือนเดิม และในเมื่อเขาไม่พูดเรื่องนั้นขึ้นมา ฉันก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องเอ่ยออกมาเหมือนกัน เพราะถึงยังไงเราก็เป็น… ผัวเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย…

ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยหรือวันไนต์สแตนด์ หรืออะไรประเภทที่ต้องออกมาเรียกร้องหาความรับผิดชอบ ก็อย่างที่เห็นแม้ว่าคืนนั้นเฮียจะเครื่องร้อนกว่าที่คิดเอาไว้มาก แต่นั่นก็เพราะตัวฉันเป็นคนเรียกร้องเอาเอง

และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในสายตาคนเป็นสามี… ป่านนี้จะมองยาหยีเป็นคนยังไง…

            แต่ที่แน่ ๆ ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือการที่ผู้หญิงถวายตัวให้ ใช่ว่าผู้ชายจะเปลี่ยนไปง่าย ๆ ถึงจะหลุดทีท่าอ่อนโยนออกมาให้ได้เห็น แต่ถ้าถามถึงตอนนี้เฮียก็กลับมาทำหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ฉันก็เดาเอาไว้แล้ว ใช่ว่าจะเปลี่ยนให้ใครมาทำดีด้วยได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน

“จะลงไหม?”

“ฮะ?”

“ถึงแล้ว”

“อือ”

“เปิดรั้ว”

“…”

คงเพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้ตอนนี้เพิ่งได้สังเกตเห็นว่าเรามาถึงเรือนหอที่ว่าแล้ว มันเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการบ้านสุดหรูที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไปนัก มีสวนเล็ก ๆ ด้านหน้า ลานบ้านเขียวสดไปด้วยหญ้าที่ตัดเตียน รั้วบ้านโปร่งโล่ง ไม่ได้สูงใหญ่ทึบทะมึน ทำให้มองเห็นตัวบ้านได้ถนัดชัดเจน

ฉันรับกุญแจมาก่อนจะเดินลงจากรถไปเปิดประตูรั้วตามคำสั่ง ชำเลืองมองไปบ้านหลังทางขวาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผ้าม่านชั้นล่างของตัวบ้านถูกกระตุกปิดเร็ว ๆ ราวกับมีคนกำลังแอบมอง เลื่อนสายตามองดูหน้าบ้านหลังนั้นก็เห็นรถราคาแพงจอดอยู่นอกรั้วสองคัน ในรั้วอีกหนึ่งคัน

ปิ๊น!

เสียงแตรรถทำให้ต้องละสายตากลับมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนบีบแตร ก็คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั่นไง… มันจะรอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยรึไง

หลังจากรอคนขี้รำคาญถอยรถเข้ามาจอดแล้ว เฮียครามก็เดินลงมาจากรถ ลากสายตามองการแต่งกายของฉันเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร แต่ถึงงั้นก็เห็นไอ้หัวคิ้วนั่นกระตุกเข้าหากัน

ฉันลดแว่นกันแดดสีดำลง พร้อมทั้งถอดหมวกปีกกว้างบนหัวออกมาโบกพัดดับความร้อนเมื่อแดดเมืองไทยมันระอุร้อนยิ่งกว่าเตาอบ และถึงฉันจะแต่งตัวจัดเต็มแบบที่ชอบทำ แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับไม่ได้ดูพิศวาสกันขึ้นมา สายตาที่มองกันยังคงนิ่งสนิทเหมือนเคย

“เลือกห้องนอนเองแล้วกัน”

“หมายความว่ายังไง?” ฉันเลื่อนคิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของบ้านยื่นกุญแจอีกพวงมาให้ เจ้าตัวไม่ตอบในทันทีแต่ยัดลูกกุญแจลงในฝ่ามือฉัน เดินห่างออกไปเล็กน้อยก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

“แยกห้องนอนได้”

“…”

“ต่างคนต่างนอน”

“แต่เราแต่ง…”

“เฮียยังไม่ชิน ชอบนอนคนเดียว”

“แต่เรา…”

“นอนไม่หลับถ้ามีคนนอนด้วย”

“…”

ฉันถึงกับอ้าปากค้างอย่างหมดคำจะพูด เราสองคนเล่นเกมจ้องตากันอยู่เกือบนาที คนบ้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีหันหน้าหนีไปก่อน ปากก็ยังพ่นควันอยู่นั่น ไม่ได้สนใจอาการอึ้งระดับสิบของฉันเลยสักนิด

มันหยามกันเกินไปแล้วนะเฮ้ย!

“คราวก่อนก็เห็นนอนหลับได้ยันเช้า” ฉันเอ่ยต่ออย่างไม่ยอมแพ้

“…”

“หยีไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรตรงไหน… ทำไมเฮียต้องเล่นตัวด้วย?”

“ไม่ได้เล่นตัว”

“ไม่ได้เล่นตัวแล้วคืออะไร?”

“…” เฮียครามถอนหายใจเสียงดัง สีหน้าราวกับปวดประสาทหนักกับการมายืนคุยกับคนแบบฉัน แต่ได้ยังไงเล่า! ฉันต้องสู้เพื่อความเป็นเมียสิ… จะมาแยกห้องนงห้องนอนได้ยังไงกัน

“ไม่รู้แหละ ยังไงหยีก็จะนอนด้วย”

“ถามจริงว่าอยากจะอยู่ด้วยกันอะไรขนาดนั้น?” เฮียครามที่ดูเหมือนความอดทนจะสิ้นสุดลงโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป ยืนเท้าสะเอวมองกันด้วยสีหน้าเหนื่อยหนัก

“ก็เราแต่งงานกันแล้วไง หยีรู้ว่าเฮียไม่เต็มใจ แต่หยีก็ไม่คิดจะหย่าแบบที่พูดจริง ๆ”

“เราไม่ได้ชอบกันด้วยซ้ำ เรื่องแต่งงานก็แต่งงาน แต่ไม่จำเป็นต้อง…”

“แล้วใครบอกว่าหยีไม่ชอบเฮีย?”

“…” ดวงหน้าหล่อขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าเมื่อได้ยินประโยคที่ฉันสวนออกไป

“หล่อขนาดนี้ รวยขนาดนี้ แถมเรื่องนั้นก็ยัง…”

“พอ”

เฮียครามเม้มปากแน่น สายตากวาดมองไปรอบตัวราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้างั้นแหละ สีหน้ารับไม่ได้อย่างแรงกับสิ่งที่ฉันไล่นิ้วให้ฟังแบบไม่รักษาภาพพจน์กุลสตรีใด ๆ

สำหรับยาหยีแล้ว การเป็นคนตรงไปตรงมาดูเหมือนจะง่ายที่สุด จะให้มานั่งเหนียมอายก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี ทั้งยังเจอสามีประเภทที่คิดจะหย่าตั้งแต่วันแรกแบบนี้ด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งต้องสู้เพื่อความเป็นเมีย เรื่องอะไรต้องมัวแต่คิดเรื่องจะยงจะหย่าด้วย ประสาท

“ไม่รู้แหละ หยีจะนอนกับเฮีย”

ฉันตัดสินใจเองเสร็จสรรพโดยที่อีกคนทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรอีก ทำเพียงแค่เดินไปขนของลงจากรถ สีหน้าดูจะยอมรับชะตากรรมแม้ว่าคิ้วจะยังผูกเป็นโบอยู่ก็ตาม

ด้านในตัวบ้านตกแต่งด้วยของดีดูมีราคา โทนบ้านเป็นสีขาวดำ ทุกอย่างจัดวางเรียบร้อยเป็นระเบียบเพราะเป็นบ้านใหม่แกะกล่อง ยังไม่เคยมีใครอยู่มาก่อน ถ้าจะมีก็แค่อีกคนที่ขนของเข้ามาแล้วตั้งแต่เมื่อวานอย่างเฮียครามนั่นแหละ

หลังจากที่สำรวจชั้นล่างจนพอใจแล้วฉันก็เดินขึ้นมายังชั้นสองของตัวบ้าน เพราะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้มีห้องเพียงสามห้องเท่านั้น แต่ห้องที่ฉันตั้งใจจะใช้เป็นห้องนอนร่วมกับอีกคนคือห้องเดียวที่ฉันสนใจ

มันเป็นห้องนอนโปร่งโล่งสบาย ทว่ามุมหนึ่งมีข้าวของเครื่องใช้แบบผู้ชายวางกอง ๆ เอาไว้ราวกับเจ้าของของมันยังไม่ได้จัดเก็บให้เรียบร้อย

ถึงฉันจะดูเป็นคนที่ไม่ได้เป็นสาวเป็นนางเหมือนชาวบ้าน… แต่จริง ๆ ก็ไม่ใช่คนกร้านโลกอะไรขนาดนั้น แค่คิด… ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนที่ก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานก็อดรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

เขาไม่ได้อยากมีเมีย… แต่ฉันดันเป็นคนเต็มใจแต่ง… ถึงจะทำไปเพราะเรื่องธุรกิจของที่บ้าน แต่ที่บอกไปว่าฉันไม่คิดหย่า… มันตามนั้นจริง ๆ

แล้ว… ความสัมพันธ์ที่ดูเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่เปิดฉากแบบนี้ มันจะออกมาในรูปแบบไหนกัน… นึกไม่ออกเลยจริง ๆ

            หลายชั่วโมงต่อมา

            ฉันใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายหมดไปกับการจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง และถือวิสาสะเก็บของให้เฮียครามด้วย ไม่รู้ว่าเขาไปไหนทั้งที่รถก็ยังจอดอยู่ในรั้วแต่ไม่ยักเห็นเจ้าของของมัน

            เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นตอนที่ขนเอาขยะลงมาทิ้งพอดี เดินออกมาดูก็พบว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่นอกรั้ว เรือนร่างสูงโปร่งทว่าอุดมไปด้วยเนื้อนมไข่ตั้งท่าจะกดกริ่งอีกครั้ง แต่พอเห็นหน้ากันก็ชะงักไปนิด รอยยิ้มพิมพ์ใจถูกส่งมาให้

            “หยีใช่ไหม?” เสียงสดใสเอ่ยทักขึ้นก่อน ในขณะที่ฉันยังคงขมวดคิ้วแปลกใจว่าคนไม่คุ้นหน้าคนนี้เป็นใคร

            เราลอบมองกันอยู่อึดใจเพราะคนตรงหน้าสวยเฉี่ยวจนผู้หญิงด้วยกันแบบฉันเห็นแล้วก็แอบร้องว้าวในใจ ขนาดแต่งตัวธรรมดายังดูฮอตได้ขนาดนี้ ส่วนอีกคนก็เลื่อนสายตามองกันแค่เล็กน้อยก่อนจะยิ้มเป็นมิตรอีกครั้ง

            “เจ๊ชื่อพริกนะ เป็นเพื่อนไอ้คราม…” เมื่อเห็นว่าฉันยังคงทำหน้างง เจ้าตัวเลยรีบเฉลยให้ฟัง พร้อมกันก็พยักพเยิดไปทางบ้านหลังทางขวา “อยู่บ้านหลังข้าง ๆ นี้ไง”

            “สวัสดีค่ะ”

            เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนของเฮียครามทำให้ต้องรีบยกมือขึ้นไหว้ แต่อีกคนกลับหัวเราะก๊ากโบกไม้โบกมือยกใหญ่ เบียดกายแทรกเข้ามาในประตูรั้ว

            “เอาข้าวมาให้ เห็นว่าตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย”

            “…”

            จานอาหารหน้าตาดูดีถูกส่งต่อมาให้ฉันที่ต้องยื่นมือไปรับอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ ทำตัวไม่ถูกกับความเป็นมิตรเกินเบอร์แบบนี้ ซ้ำเราก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนเฮียก็เถอะ

            “ขอบคุณนะคะ”

            “ไม่ต้องทางการมากหรอก คนกันเอง เจ๊อยู่บ้านตลอด มีอะไรก็เข้าไปหาได้ ถ้ายังไม่ได้กินข้าวก็เข้าไปกินที่บ้านได้เลย”

            “ไม่เป็นไรหรอก หยีเกรงใจ”

จะให้ไปกินข้าวบ้านคนอื่นมั่วซั่วได้ยังไงกัน… แน่นอนว่าฉันได้แค่เติมประโยคหลังในใจ ก็แอบทึ่งอยู่เหมือนกันที่คนแบบเฮียครามผู้ซึ่งหน้าตาไม่รับแขกแทบจะตลอดเวลา จะมีเพื่อนสาวสวยหุ่นแซ่บแถมยังใจดีขนาดนี้

            “ไม่ต้องเกรงใจเลย เจ๊ก็กลัวว่าเพื่อนมันจะดูแลผู้หญิงไม่เป็นด้วย…”

            “…” หมายถึงเฮียครามสินะ…

            “ยังไงก็แวะไปนะ ผู้ชายเยอะหน่อยแต่ยังไงก็เป็นเพื่อนบ้านกัน”

            “โอเค… แล้วตอนนี้…” ฉันชำเลืองมองไปยังบ้านที่ว่า อึกอักอยู่เล็กน้อยเมื่อจะถามถึงคนเป็นสามี

            “ครามอยู่ข้างใน หลับอยู่…”

            “…”

            “แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวเจ๊จะไล่มันให้กลับมานอนบ้านแน่”

            “…”

            เจ๊พริกรีบเอ่ยต่อทันทีเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าพูดไม่ออก และการพูดคุยของเราก็จบลงแค่นั้นเพราะคู่สนทนาดูเหมือนจะต้องรีบกลับเข้าบ้านตัวเอง

            เสียงคนหลายคนกำลังหัวเราะฟังดูครึกครื้น ทั้งยังมีเสียงเด็กร้องดังออกมาจากตัวบ้าน เวลาแค่อึดใจร่างบางก็หายกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้น

แม้จะแอบหงุดหงิดอยู่ลึก ๆ ที่เฮียครามถึงกับหนีหน้ากันหลบไปนอนหลับอยู่บ้านเพื่อน แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินกลับเข้าบ้าน พลางก็คิดไม่ตกว่าคืนนี้จะยังไง…

เฮียครามจะกลับมานอนบ้านจริงอย่างที่เจ๊พริกว่าหรือเปล่า หรือจะปล่อยให้คนเป็นเมียนอนคนเดียว ท่าทางติดเพื่อนยังกับอะไรแบบนั้น

            และคนที่แอบมองตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงคงจะเป็นเพื่อน ๆ ของเขานั่นแหละ

ที่บอกว่าขอเลือกบ้านเองก็คงเป็นเพราะมีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ทำเป็นเก๊กเคร่งขรึม ที่ไหนได้โตแค่ตัว นิสัยยังเหมือนเด็กไม่มีผิดเลย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 3

    EPISODE 50ตอนพิเศษ 3 วันต่อมา ผมตื่นแล้ว… เพราะเสียงรัวกดกริ่งดังไม่หยุดที่หน้าบ้านนั่น ให้เดาก็คงเป็นไอ้พริกกับไอ้รามนั่นแหละ แต่ต่อให้เสียงกริ่งจะดังแค่ไหนก็ดูเหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ได้ยิน รู้อีกทีผมก็อุ้มหลานพาดบ่า ถือตะกร้าขวดนมเดินลงมาข้างล่าง สภาพสะลึมสะลือขีดสุดเพราะแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นัยน์ตาต้องหรี่ลงเพราะแสงอาทิตย์จ้าในช่วงสายของวัน “สภาพน่ารักแบบนี้กูต้องอัดรูปใส่กรอบแล้วมั้ง” เสียงร่าเริงของไอ้ห่ารามดังขึ้น พร้อมกันมันก็รีบยกโทรศัพท์รัวถ่ายรูปยกใหญ่ “ยิ้มเป็นไงบ้าง?” พอประตูเปิด คนเป็นแม่รีบรับลูกต่อไป ท่าทางเป็นห่วง ผมส่งต่อตะกร้านมให้ไอ้ราม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ขี้ทั้งคืน มึงรีบพาไปหาหมอเลย” “โถ…” “แค่นี้นะ กูจะไปนอน” “ตอนเย็นมาแดกข้าวด้วย” เสียงไอ้รามยังคงดังต่อ ผมไม่ได้สนใจเพียงแค่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน โบกมือให้มันนิดหน่อยเท่านั้น พอขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าหยีเหมือนจะเพิ่งตื่น หัวผงกขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาใสปรือมองก่อนจะตบที่นอน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 2

    EPISODE 49ตอนพิเศษ 2 หลายชั่วโมงต่อมา “เฮียชงนมเสร็จรึยัง?” “แป๊บ” “ยิ้มร้องไม่หยุดเลยทำไงดี?” “เดี๋ยวเฮียอุ้มเอง หยีไปอาบน้ำได้แล้ว” “ไม่เอาอะ” ผมเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนอุ้มหนูยิ้มพาดบ่า เสียงร้องไห้โยเยดังมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วแบบไม่มีพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ้มถึงได้ร้องไม่หยุดแบบนี้ แต่จะให้โทรไปบอกให้พริกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวแม่งไม่เป็นอันทำห่าอะไรกันพอดี หยีไม่ยอมให้เอายิ้มมา กลับเดินหนีไปอีกทาง วางร่างเล็กของหลานไว้บนเตียงก่อนจะป้อนนมเข้าปากเล็กนั่น และพอได้จับขวดนม นัยน์ตาใสแป๋วที่เมื่อครู่มีน้ำตาคลอก็ชะงักเงียบไป มืออ้วนป้อมจับขวดนมถือเอง พลิกตัวไปทางเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ แม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้แอบเหนื่อยไม่น้อย ทั้งที่ปกติหนูยิ้มเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้อง แต่อาจจะเป็นเพราะห่างพ่อห่างแม่ทำให้เกิดอาการร้องไม่หยุดแบบนี้ ก็เด็กนั่นแหละ แถมเป็นหลานผมด้วย จะบอกว่ารักเหมือนลูกตัวเองก็คงไม่ผิดนัก

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 1

    EPISODE 48ตอนพิเศษ 1 KRAM TALKS เวลาผ่านเลยไปก็หลายเดือน ทุกอย่างดูสงบสุขดี เว้นก็แต่… หยีไม่ยอมกินข้าวเลย เอาแต่ทำงาน ซ้ำยังไม่มีเวลาให้คนเป็นสามีแบบผมด้วย และใช่… มันน่าหงุดหงิด อยากจะจับมาฟัดสักทีสองที บรรยากาศในบ้านช่วงบ่ายอ่อน ๆ ที่แสนจะเงียบเชียบ มีเสียง ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังอยู่เหมือนเช่นทุกวัน ต่อให้ผมเดินผ่าน หรือเปิดประตูบ้านเข้ามา คนที่กำลังนั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ใส่แว่นตาทรงโต ในรูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบเอาไว้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจกันเลยแม้แต่นิด ช่วงนี้หยีจริงจังกับการเขียนนิยายมากจนผมไม่อยากจะไปกวน แต่บางทีมันก็แอบอยากอยู่ด้วย อยากชวนไปข้างนอก ไม่ก็ชวนหาอะไรทำ… เราไม่ได้เข้านอนพร้อมกันมาร่วมเดือนแล้ว และเรื่องพวกนั้นก็แทบไม่ได้ทำกันเลย เพราะน้องมันเอาแต่ทำงาน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตาย ใครแม่งจะไปกล้ากวน แต่เพราะระยะนี้เจ้าตัวออกจะอาการหนักเกินไปสักหน่อย ถึงขั้นไม่กินข้าวกินปลาเหมือนตอนก่อนนู้นสมัยที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรก ๆ ผมเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องบังคับให้เมียหยุดทำงาน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 47 | ก้าวไปข้างหน้า

    EPISODE 47ก้าวไปข้างหน้า หลายเดือนต่อมา “กรี๊ด!!!!!!” “อะไร…” “เฮีย! ตื่นมาดูนี่เร็ว!” “…” คนข้าง ๆ ยกหัวขึ้นมามองในตอนที่ฉันกำลังส่องหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู มือไม้สั่นหนักจนเฮียครามต้องดึงไปดูเอาเอง คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจจนฉันต้องดึงมันกลับมาดูอีกครั้ง ส่งเสียงวี้ดว้ายไปมาอย่างหยุดไม่อยู่ “เฮีย! นิยายของหยี… ได้ขึ้นหน้าหนึ่งขายดีแล้วนะ!!!” “อืม…” “เฮียอะ!! ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?” “ดีใจดิ” “เฮียดูสิ ๆ ๆ หยีตื่นเต้นอะ!” “ใจเย็น” คนข้าง ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ ดึงเอาตัวฉันไปกอดจูบลงบนเรือนผมกันสองสามที ถึงจะไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจได้มากไปกว่านี้ แต่แค่นี้สำหรับคนแบบเฮียแล้วก็ถือว่าโอเค… และใช่… หลังจากที่ฉันตั้งอกตั้งใจเขียนนิยายต่อเนื่องกันอยู่หลายเดือนแบบที่เรียกได้ว่าข้าวปลาไม่สนใจจะกิน ตอนนี้ก็ราวกับว่าความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผลเข้าให้แล้ว การตั้งตารอให้นิยายที่ตัวเองเขียนขึ้นหน้าขายดีของ

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 46 | งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

    EPISODE 46งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันยังคงนั่งนิ่ง พยายามเก็บอาการตระหนกตกใจเอาไว้ไม่ให้ผิดสังเกต คนข้าง ๆ กำลังทำเป็นส่งยิ้มให้คนอื่น ๆ แบบที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเฮียจะฝืนใจตัวเองทำแบบนี้ได้ลง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขากำลังทำ “เฮียทำไรอะ?” พอเห็นว่าอีกสามคนไม่ได้มองอยู่ ฉันก็รีบกระซิบถามทันที เฮียครามไหวไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แค่มาอยู่เป็นเพื่อนหยีไง” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ” “แต่…” “ไม่เป็นไร… เฮียตั้งใจจะช่วยเด็ก ๆ อยู่แล้ว” คนข้าง ๆ ยิ้มใจดี เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันผู้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือแบบที่ว่านี้ไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดูก็รู้ว่าเฮียคงอยากจะช่วยทำให้ฉันหายเป็นกังวลในเรื่องสังคมป่วย ๆ นี่ และใช่… ฉันไม่เห็นด้วยที่เฮียจะทำถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเขาพูดมางั้นว่าอยากช่วยน้อง ๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ ก็แค่… ไม่คิดว่าเฮียจะเต็มใจมาจนถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเบอร์นี้ “เอ… จริง ๆ ยิหวาคุ้นหน้าเฮียครามมากเลยนะคะ” เสียงคนตรงหน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 45 | ครบรอบ

    EPISODE 45ครบรอบ หลายวันต่อมา ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเปิดตัวกระเป๋าอะไรสักอย่างนั่นของคุณส้มที่ลิลลี่พูดถึง ถึงใจจะไม่อยากไป แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ถูกนินทาก็เลยจำใจต้องไป เฮียครามเพิ่งกลับมาจากข้างนอก กำลังถอดเสื้อเชิ้ตโยนใส่ตะกร้า เท้าสะเอวมองมาเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เฮียฟังอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบที่จะให้ฉันไปปั้นหน้าเข้าสังคมแบบนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่ยอมไปด้วยอยู่ดี “หยีน่าจะกลับดึก ๆ หน่อย”ฉันว่าพลางใส่ต่างหูที่กลั้นใจซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บอกว่ากลั้นใจซื้อเพราะว่าระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ถึงสถานการณ์ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไรให้มากนัก อีกทั้งเฮียเองก็บังคับให้ใช้เงินเขา เพราะงั้นไอ้ของฟุ่มเฟือยนี่ก็คือเงินเก็บของฉันเองที่ได้จากการขายงานนั่นแหละ“สวยไหม?”หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หันกลับไปหมุนตัวให้คนเป็นสามีดู เฮียที่ยังคงอยู่ในสภาวะหน้านิ่งชำเลืองข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status