ณ.อำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย
"ทำไมเราถึงมาไกลกันขนาดนี้คะ" ถามทีไรก็ถูกแม่ว่าทุกที แต่ก็อดถามไม่ได้เพราะนั่งรถมาเกือบจะ 24 ชั่วโมงแล้ว "ไม่ต้องถามมากหรอกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว" เพราะศรีไพรเห็นป้ายทางเข้าตอนที่เลี้ยวเข้ามา "แค่อยากเที่ยวภูเขาแวะที่เชียงใหม่ก็ได้นี่แม่" ทางที่วิ่งเข้ามาตั้งแต่ถนนใหญ่มีแต่ภูเขาและต้นไม้ใหญ่ปกคลุม ยังไม่นานรถก็มาจอดหน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่ ไม่ใหญ่ธรรมดาสิใหญ่และกว้างขวางมากด้วย "โรงแรมเหรอแม่" "ลงรถได้แล้ว" "เราจะอยู่กันกี่วันคะ" วันจันทร์ถามแม่ขณะที่ลงมายืนยืดเส้นยืดสายอยู่ "เอากระเป๋าตัวเอง" ศรีไพรถูกสามีสั่งไม่ให้พูดเรื่องนั้นแล้วก็เลยไม่ตอบคำถามลูก วันจันทร์เดินอ้อมไปเอากระเป๋าตัวเองที่อยู่หลังรถ "โรงแรมอะไรทำไมเหมือนบ้านคนจัง" "ถามอะไรมากมายตามมาเถอะน่า" หญิงสาวถือกระเป๋าเดินตามพ่อกับแม่เข้ามา พอพวกเธอถือของไปแล้วรถตู้คันนั้นก็ขับออกไป "แล้วรถเขาจะไปไหนคะแม่" "จะถามอะไรนักหนา" "ที่นี่ไกลบ้านคนจะตาย แล้วเราจะกลับออกไปกันยังไง" เพราะบ้านหลังนี้อยู่บนเนินเขา และอาณาเขตแถวนี้ก็ไม่เห็นมีบ้านคนเลย "ว่าแต่ที่นี่ก็สวยมากเลยนะ" "มากันแล้วเหรอ" เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนที่คุ้นหูหน่อยพูดขึ้นจนวันจันทร์รีบหันไปมอง "?" ใบหน้าที่มีรอยยิ้มตอนมองดูบรรยากาศรอบข้างเมื่อสักครู่เปลี่ยนไป "สวัสดีเจ้าค่ะ" "สวัสดีขอรับกระผม" "บอกให้พูดกันปกติไง" "มิได้หรอกขอรับ" ยิ่งมาเห็นอาณาจักรของพ่อเลี้ยงคนนี้แล้วมันก็ยิ่งทำให้สองสามีภรรยาตื่นตาตื่นใจ "เอาที่สะดวกเลยแล้วกัน เข้าบ้านสิ" "แม่คะเดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวเอื้อมไปรั้งแขนของผู้เป็นแม่ไม่ให้เดินเข้าไป "อยากจะถามอะไรค่อยเข้าไปคุยกันข้างในตามมา" ศรีไพรสะบัดมือลูกสาวออกเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปก่อน วันจันทร์ก็เลยจำใจต้องเดินตาม ทั้งๆ ที่เริ่มมีความสงสัยอยู่ในใจแล้ว "มารับกระเป๋าคุณๆไปเก็บสิ" "ไม่ต้อง!" เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากชั้นบน จนแม่บ้านที่กำลังจะเดินมายกกระเป๋าหยุดเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลมาก "พ่อเลี้ยงพาใครเข้าบ้านอีก ไหนบอกจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ" "ถ้าความคิดไม่สร้างสรรค์ก็หยุดคิดซะ แล้วนี่รับเงินเดือนจากใครบอกให้มายกกระเป๋าก็มายกสิ" พ่อเลี้ยงอิทธิพลหันไปตะคอกแม่บ้าน จนแม่บ้านรีบเดินมารับกระเป๋า "ไม่ต้องหรอกค่ะ" วันจันทร์กอดกระเป๋าตัวเองไว้แน่น "ส่งกระเป๋าให้ขี้ข้าไป" ศรีไพรกระซิบพูดกับลูกสาว แต่แม่บ้านก็ได้ยินคำใช้เรียกจิกหัวอยู่ พอศรีไพรเห็นว่าลูกสาวไม่ทำตามก็เลยกระชากกระเป๋าแล้วส่งให้กับแม่บ้าน วันจันทร์ไม่พอใจก็เลยเดินหนีออกไปทางซีกซ้ายของตัวบ้านหลังนั้น บ้านหลังนี้ปลูกสร้างแบ่งเป็นโซนเหมือนว่าไม่ได้มีอยู่ครอบครัวเดียว และบ้านก็ถูกปลูกสร้างด้วยไม้สักราคาแพงทั้งหลัง "หนูมาหาใครเหรอ" "คะ?" วันจันทร์ที่กำลังมองหาทางออกรีบหันไปหาคนที่ถาม "คือว่าฉันมากับแม่ค่ะ" "......" คนที่คุยกับวันจันทร์ชำเลืองสายตามองไปที่บ้านหลังใหญ่ "ฉันว่าหนูกลับไปเถอะ" "เดี๋ยวก่อนสิคะ หนูขอถามอะไรหน่อยสิ" "ฉันคงบอกอะไรหนูไม่ได้หรอก" วันจันทร์เดินกลับมาทางเดิมแบบงงๆ ในเมื่อทางซ้ายไปแล้วเจ้าของบ้านทางนั้นไม่ต้อนรับเธอก็เลยไปทางขวาดู บ้านอะไรจะสร้างใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก็สมแล้วล่ะกับเนื้อที่กว้างขวางดูแค่สายตาก็รู้ว่าคงไม่ต่ำกว่าร้อยไร่ "เธอเป็นใคร" เท้าเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนพูดมาจากมุมที่เพิ่งเดินผ่านเมื่อสักครู่ "ฉันกำลังหาทางกลับ ทางที่มาเมื่อกี้อยู่ค่ะ" ที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจเดินมั่วซั่วขนาดนี้หรอก แต่มันเหมือนเขาวงกตเลย "เธอเป็นแม่บ้านคนใหม่มาทำงานที่นี่เหรอ" "เปล่าค่ะ" "ถ้างั้นเธอก็เป็น.." "พะเพื่อน!" เสียงชายวัยกลางคนตะคอกจนคนที่พูดอยู่เมื่อสักครู่รีบหุบปาก วันจันทร์รีบหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นบิดาของพี่เขย "ฉันว่าแล้วหนูต้องหาทางกลับไม่เจอ..ตามมาสิ" "คุณพ่อคะ?" ผู้หญิงที่คุยอยู่กับวันจันทร์เมื่อสักครู่อุทานออกมาแบบตกใจ "ไม่มีอะไรทำหรือไงเรา ถ้าไม่มีก็เข้าไปดูงานที่โรงงาน" "มีอะไรเหรอพะเพื่อน" พิมพาได้ยินเสียงสามีแว่วๆ ก็เลยรีบเดินออกมา แต่ก็ไม่ทัน "เมื่อกี้คุณพ่อน่ะสิคะพาผู้หญิงเข้าบ้านอีกแล้ว" "อะไรนะ?" "เพื่อนขอตัวโทรหาพี่ใหญ่ก่อนนะคะ" พูดจบพระเพื่อนก็ถือโทรศัพท์เดินออกไปยั่วรักคุณหมอกฤษณะ บทที่ 91 ตอนจบ"ไอ้หมอคนไหนคะ""ก็ไอ้หมอคนที่คุณคุยด้วยหน้าลิฟต์ไง""คุณหมอโอโซนน่ะเหรอคะ" ทีแรกไม่คิดว่าคนที่เขาพูดถึงเป็นหมอด้วยซ้ำถึงแม้ว่าจะมีคำว่าหมอ"ใช่ผมไม่ชอบให้คุณคุยกับมันเลย""เดี๋ยวนะคุณหมอเรียกคุณหมอโอโซนว่าอะไรนะคะ?""ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องไปพูดกับไอ้หมอคนนั้น""คุณหมออย่าบอกนะว่า..""ผมหึง และก็ไม่ต้องไปคุยกับมันได้ยิ่งดี" เขาไม่คิดจะอ้อมค้อมกับเธออยู่แล้วไม่ชอบก็บอกไม่ชอบแต่กฤษณะก็แปลกใจในตัวเอง แต่ก่อนก็เคยมีเรื่องกันเขายังควบคุมอารมณ์ได้ แต่ทำไมตอนนี้แค่เห็นหน้าก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว"คุณหมอ.." เราจะช็อกก่อนไหมเนี่ยทำไมมันเต้นแรงขนาดนี้ ได้ยินชายอันเป็นที่รักบอกว่าหึงทำไมหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ"คุณเป็นอะไร" เขากำลังจับชีพจรเธออยู่พอดี"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะปกติดี""เอาเครื่องวัดคลื่นหัวใจเข้ามา" ชายหนุ่มรีบเปิดประตูบอกผู้ช่วยที่อยู่ด้านนอก"ไม่ต้องหรอกค่ะ วดีแค่ตื่นเต้นมากเกินไป""ตื่นเต้นเรื่องอะไร""ก็เรื่องที่คุณหมอหึงไงคะ""ผมหึงแล้วมันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ" เล่นเอาสะเขาตกใจเลย"ก็.."กฤษณะแอบยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย ทีแรกยังกลัวเธอโกรธให้อยู่เ
"หมอโอห์มคุณได้ยินไหม เมื่อกี้คุณแหม่มโทรมาบอกผลตรวจเลือดออกมาว่า...""ผมได้ยินแล้ว และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้ยินเหมือนกัน.." สายตาของคุณหมอโอห์มกรอกมองไปที่พ่อเลี้ยง เพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่าหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ด่วนเลย"......" กฤษณะเพิ่งรู้ตัวว่างานกำลังเข้า..ตายห่าแล้ว"เมื่อกี้คุณหมอว่าอะไรนะคะ" แต่เปรมวดีไม่ได้สนใจพ่อเลย ท่านจะรู้ความจริงหรือไม่รู้เธอก็ไม่ได้กลัว สิ่งที่เธอสนใจคือผลตรวจเลือดที่พยาบาลโทรมาแจ้ง"เลือดที่ผมนำไปตรวจผลออกมา ตอนนี้คุณตั้งท้อง" คิดแล้วทำไมเขาต้องกลัวด้วย มันเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับครอบครัว"พ่อคะ..วดีท้องจริงด้วยค่ะ" เธออยากบอกเรื่องยินดีแบบนี้กับพ่อ ถ้าแม่อยู่ตรงนี้ด้วยเธอก็จะกอดแล้วก็บอกท่าน"พ่อรู้แล้ว""ผมต้องขอโทษท่านมากนะครับ" กฤษณะพนมมือไหว้ขอโทษ คิดว่าท่านคงรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ขอโทษทำไมล่ะ แค่รักลูกสาวพ่อให้มากๆ ก็พอแล้ว"โอห์มลอบถอนหายใจโล่งอกมาก "..อุ๊ย" แต่ทำไมสายตาท่านที่มองเขา มันไม่เหมือนมองสองคนนั่นเลย"อย่าว่าอะไรให้คุณหมอโอห์มเลยนะคะพ่อ คุณหมอแค่..""แค่อะไรเหรอ"หลังทานข้าวเสร็จ..โอห์มรีบขอตัวออกมาก่อนใครเพื่อนเลย หวังว่าท่านคงไ
"นี่มันอะไรกัน" เปรมวดีจำได้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถก็คือลูกน้องของพ่อ"ท่านให้พวกผมเอารถมาให้คุณหนูไว้ใช้ครับ""พวกฉันมีรถใช้อยู่เอากลับไป" กลัวว่าคุณหมอจะคิดว่าทางครอบครัวของเธออวดร่ำอวดรวย"คุณหนูคงต้องคุยกับท่านเองแล้วล่ะครับ หมดหน้าที่ของพวกผมแล้ว กุญแจรถอยู่ในรถนะครับ""เดี๋ยวก่อนสิ" พอเรียกคนของพ่อไม่หันกลับมา เธอก็เลยหันไปหาเขา "คุณหมอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ""ผมจะว่าอะไรให้ท่านได้ล่ะครับ นั่นพ่อคุณนะท่านคงอยากให้ลูกสาว""คุณหมอไม่โกรธจริงนะคะ""ไม่โกรธหรอก แต่วันนี้ผมคงต้องขอติดรถคุณไปโรงพยาบาลด้วย" เขาก็คิดอยู่ว่าจะโทรให้เพื่อนมารับดีไหม เพราะไม่อยากพาเธอไปโหนรถเมล์"ถ้างั้นเราเก็บรถไว้ใช้แค่คันเดียวก็พอนะคะ""แล้วแต่คุณเถอะ ก็ท่านมอบให้คุณนี่""ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่เข้าใจ เอาเป็นว่าวันนี้วดีจะขับรถเอง..โอ๊ย" ขณะที่ก้าวเท้าเธอก็รู้สึกเจ็บหน่วงที่ท้องอีก แปลกจังเธอไม่เจ็บท้องแบบนี้มานานแล้ว เพราะตั้งแต่เรียนหมอมาเธอก็มีวิธีรักษาตัวเองเรื่องเจ็บท้องประจำเดือน"เดี๋ยวผมขับเอง" กฤษณะเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เธอได้ขึ้นนั่ง แล้วเขาก็กลับมาประจำที่คนขับ[โรงพยาบาล]"ว้าวรถใคร" รถคันหรู
หลังทานข้าวเสร็จปุรเชษฐ์ก็ให้คนมาส่งทั้งสองที่บ้านของหมอกฤษณะ ทีแรกเขาก็ขอให้ท่านบอกคนรถไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะว่ารถของทั้งสองอยู่ที่นั่น แต่พ่อของเธอบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกลับมาพักผ่อนกันให้สบายใจเพราะมันดึกแล้ว กฤษณะก็เลยยอมทำตามเพราะไม่กล้าขัดใจท่าน"พรุ่งนี้เราค่อยนั่งรถโดยสารออกไปก็ได้ค่ะ" แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าเขาคงเป็นกังวลเรื่องนี้"เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เรามาพูดอีกเรื่องกันดีกว่า""เรื่องอะไรคะ""ทำไมถึงไม่บอกผมแต่ทีแรก" เขาไม่มีโอกาสถามเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อของเธอ"จะให้เปรมเข้ามาแล้วก็บอกว่าเป็นใครเลยหรือคะ แล้วคุณหมอจะคิดยังไงล่ะ""ไม่คิดว่าคุณยังจะจำผมได้อีก" เรื่องนี้มันผ่านมาเป็น 10 ปีได้แล้วมั้ง ขนาดเขายังจำเธอไม่ได้เลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกตอนนั้นยังไม่แตกเนื้อสาวเลยด้วยซ้ำ แต่มาตอนนี้ดูสิสวยสะพรั่งเลย"จำได้สิคะ เปรมจำคุณหมอได้ไม่มีวันลืม""อย่าบอกนะว่า.."หญิงสาวพยักหน้า แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาจะถามอะไร"คุณเรียนหมอเพราะจะมาหาผมจริงเหรอ..""ค่ะ""เด็กโง่เอ้ย" มือหนาเอื้อมไปโอบร่างของเธอเข้ามาแนบไว้กับแผ่นอก "ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย""เปรมอยากให้คุณหมอเห็นความสำเร็จของคนที่คุณหม
"อะไรนะ คุณคือเด็กผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอ" จะต้องตกใจตรงไหนก่อนดี ทีแรกคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กเร่ร่อน เพราะตอนช่วยชีวิตเธอขึ้นมารวมถึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนพาเธอไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ พอดีขึ้นเขาจะพาไปส่งบ้าน แต่เธอกลับบอกว่าไม่มีบ้าน และทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนเขาแทบจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว"ใช่ค่ะ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือวดีเอง" ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก จำได้ว่าเพิ่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กำลังจะต่อมัธยมปีที่ 1 และเป็นช่วงเดียวกับที่พ่อกับแม่แยกทางกันใหม่ๆ หันไปทางไหนก็ดูเคว้งคว้างไปหมด จนคิดว่าจากไปก็คงจะดีกว่าแต่ตอนที่กระโดดลงไปแล้วหายใจไม่ออก มันก็ทำให้เธอคิดอะไรได้หลายๆ อย่าง ว่าทำไมเธอถึงต้องคิดสั้นเพราะคนสองคนหมดรักกันด้วย ถ้าพวกท่านยังรักกันมีหรือที่เรื่องแค่นั้นจะทำให้หย่าร้างกันได้ หญิงสาวพยายามดิ้นสุดแรงที่มีอยู่แต่ขาเริ่มเป็นตะคริว จนตอนที่คิดว่าคงไม่รอดแน่ก็ได้มีแสงสว่างจากร่างของผู้ชายคนหนึ่งว่ายน้ำเข้ามาช่วยจำได้ว่าเขาก็เกือบไม่รอด เพราะเธอเริ่มหมดแรงดึงร่างของเขาลงน้ำด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย ทั้งๆ ที่มีโอกาสที่จะปล่อยให้เธอจมลงไปคนเดียวพอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที
"คุณหมอว่าอะไรนะคะ""ช่วยผมหน่อยนะ ตอนนี้เหนื่อยมากเลย" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายังทิ้งตัวลงนอน วันนี้ผ่าตัดก็หลายชั่วโมง ทั้งเครียดเรื่องที่ต้องยื้อชีวิตคนไข้ไว้ด้วย แถมยังต้องเข้าเวรดึกอีก ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายก็เหนื่อยล้าได้เหมือนกัน"ถ้าเหนื่อยคุณหมอก็พักเถอะค่ะ""ไม่ได้" มือข้างที่อยู่ใกล้เธอที่สุดสอดเข้าไปใต้ร่างเล็ก แล้วก็ใช้แรงดึงตัวเธอให้ขึ้นมานอนทับร่างของตัวเอง"อุ้ยคุณหมอคะ เปรมพูดจริงนะ" เธออยากให้เขาพักผ่อน เปรมวดีรู้ดีว่าการทำงานมันเหนื่อยแค่ไหน"แข็งขนาดนี้จะให้ผมหลับได้ยังไง""แล้วคุณหมอจะให้เปรมทำยังไงล่ะคะ""ก็ทำแบบนี้ไง" ชายหนุ่มจับความแข็งนั้นตั้งขึ้นแล้วก็ให้เธอนั่งทับลงมา "ซี๊ดดด ใจเย็นก่อนครับ" ถึงแม้ของผู้ชายมันจะแข็งแกร่ง แต่พอถูกร่องเล็กกลืนกินแบบนี้ ก็รู้สึกเจ็บยอดปลายตรงที่มีหนังหุ้ม"อ๊อย คุณหมอคะ" เขาให้เธอขึ้นคร่อมก็จริงแต่เขาเป็นคนจับสะโพกเธอแล้วก็เด้งสะโพกตัวเองขึ้นมากระแทก"ซี๊ดดด แต่งงานกันนะ""คะ?" ใบหน้างามที่กำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความเสียวและเจ็บปนเปกันไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ใต้ร่างกายเธอแบบตกใจ "เมื่อกี้คุณหมอว่าอะไรนะคะ""แต่งงานกันนะวดี" ก่อนที่เขาจะ