“เมื่อครู่ข้าสติเลอะเลือนไป แต่ตอนนี้ข้าเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่ข้าไม่แน่ใจนัก เจ้าช่วยเล่าความเป็นไปของจวนอู๋ รวมถึงความนิยมของคนที่นี่ได้หรือไม่”
เหยาเหยาที่ถูกความอ่อนโยนของจางเฟินเยว่เข้าจู่โจม กอปรกับน้ำเสียงหวานอันไพเราะจึงทำให้นางรู้สึกโล่งใจ นายหญิงคนเดิมของนางกลับมาแล้ว
“ได้เจ้าค่ะนายหญิง เหยาเหยาจะบอกท่านทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”
เหยาเหยาเป็นหญิงสาวที่ร่าเริงสดใส และเพราะนางเป็นคนช่างพูดและคุยเก่งจึงทำให้เข้ากับบ่าวคนอื่นได้ง่าย ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องราวหลาย ๆ อย่าง จนคล้ายกับว่านางคือกระบอกเสียงของข่าวสารของที่นี่เลยก็ว่าได้
จางเฟินเยว่ที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ที่ที่นางมาอยู่นั้นคือเมืองหวงซ่างแคว้นเจียงหนาน เมืองหวงซ่างคือเมืองใหญ่ที่อยู่ติดกับชายทะเลทางตอนใต้ของแคว้นเจียงหนาน
ชาวเมืองส่วนมากนิยมทำอาชีพเกี่ยวกับการประมง ผู้คนจึงนิยมแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อบางเบา เพราะเมืองหวงซ่างมีอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นไปจนถึงร้อนมาก และที่นี่ยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของแคว้น การค้าขายระหว่างต่างแดน รวมถึงสินค้าแปลกใหม่ล้วนมีที่เมืองหวงซ่างเท่านั้น
หลังจากที่จางเฟินเยว่ขบคิดการเอาชีวิตรอด ณ ที่แห่งนี้ได้แล้ว ดวงหน้าหวานก็หันมายิ้มให้กับเหยาเหยา แผนการแรกที่นางจะอยู่จวนอู๋ได้อย่างสุขสงบและปลอดภัย คือทำให้นายหญิงของจวนเลิกสนใจในตัวนางเสีย
“ข้ามีสินเดิมของตัวเองมากน้อยเท่าใดกัน”
“นายหญิงมีก้อนทองหนึ่งหีบเล็ก และเงินอีกกว่าสามร้อยเหรียญทองเจ้าค่ะ แม้นายท่านจะไม่นึกถึงนายหญิง แต่ในทุก ๆ เดือนนายหญิงจะได้รับเงินเดือน เดือนละสิบเหรียญทองเจ้าค่ะ”
“อู๋ซานนี่ร่ำรวยเสียจริง แม้แต่อนุที่ไม่สนใจไยดียังมอบเงินให้ทุกเดือน”
นางพึมพำออกเสียงเบา แต่เหยาเหยากลับเอ่ยตอบน้ำเสียงฉะฉาน
“นายท่านร่ำรวยที่สุดในเมืองหวงซ่างแล้วเจ้าค่ะ ใคร ๆ ก็อยากจะมาเป็นอนุของนายท่านกันทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ”
“คงมีแต่ข้าสินะที่ไม่ต้องการ”
“เอ่อ...เจ้าค่ะ”
เหยาเหยาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนายหญิงนัก นายท่านออกจะเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมงดงาม ทั้งยังร่ำรวยเงินทองถึงเพียงนี้ ด้วยรูปโฉมที่งามล้ำของนายหญิงจะต้องสามารถเป็นอนุที่โปรดปรานไม่แพ้อนุสามอย่างแน่นอน
“ช่างเถอะ เจ้าช่วยไปเอาน้ำร้อนมาให้ข้าได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
เหยาเหยารับคำก่อนจะเดินออกไปจากเรือนท้ายจวน เพื่อทำตามคำสั่งของจางเฟินเยว่ คล้อยหลังจากเหยาเหยาจากไปไม่นาน จางเฟินเยว่ก็ลุกขึ้นไปหยิบก้อนทองออกมาสามก้อน ของสิ่งนี้นางจะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่ออนาคตในภายภาคหน้าของนางเอง
เมื่อเหยาเหยากลับมาพร้อมถ้วยน้ำร้อน นางก็เดินไปหยิบผ้าสะอาดมาให้เจ้านายสาว
เพล้ง!!
“โอ๊ยยย!!”
ถ้วยน้ำร้อนตกลงมาพร้อมกับเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดของจางเฟินเยว่
“นายหญิง!!”
เหยาเหยารีบวิ่งเข้ามาดูเจ้านายสาวด้วยความเป็นห่วง พลันเห็นจางเฟินเยว่เอามือเกาะกุมข้างแก้มด้วยความเจ็บปวด เหยาเหยาก็ยิ่งตื่นตระหนกด้วยความตกใจ
“เจ็บ แสบมากเลย ฮึก” จางเฟินเยว่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร
“บะ บ่าวจะรีบไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
เหยาเหยารีบวิ่งออกไปจากเรือนด้วยความตกใจ นางออกไปเพียงชั่วครู่ ท่านหมอที่คอยดูแลจวนตระกูลอู๋ก็รีบตรงเข้ามาดูอาการของอนุเจ็ดทันที
“เหยาเหยา เจ้าช่วยไปหยิบกระจกให้ข้าที”
“จะ เจ้าค่ะ”
คล้อยหลังที่เหยาเหยาเดินจากไป ท่าทีที่ดูทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวดพลันมลายหายไป เหลือทิ้งไว้ความเย็นชาสายหนึ่งที่แผ่ออกมาจากโฉมสะคราญ
“อนุเจ็ดไม่เป็นอะไรแล้วหรือขอรับ”
“ไม่ปิดบังท่าน ความจริงข้าก็ถูกน้ำร้อนลวกที่แขนจริง ๆ แต่ที่ข้าแกล้งว่าถูกน้ำร้อนลวกที่ใบหน้าเพราะข้ามีความจำเป็น อันสตรีที่งดงามมากเกินไปมักจะนำภัยมาให้มากกว่า ข้าพูดแค่นี้ท่านหมอเข้าใจความหมายหรือไม่”
ท่านหมอนิ่งคิดไปก่อนจะนึกถึงเรื่องเล่าภายในจวนอู๋ นายท่านไม่โปรดปรานอนุเจ็ด และฮูหยินใหญ่ยังชิงชังอนุเจ็ดเพราะความงามของนางมิใช่หรือ หัวสมองของเขาสว่างวาบเมื่อคิดสิ่งใดได้
“อนุเจ็ดต้องการสิ่งใดขอรับ”
“แจ้งข่าวแก่ฮูหยินใหญ่ว่าข้าเสียโฉมเพราะถูกน้ำร้อนลวกที่ใบหน้า ท่านทำให้ข้าได้หรือไม่”
“เรื่องนี้มันออกจะ...”
จางเฟินเยว่หยิบก้อนทองออกมาจากใต้หมอนสามก้อน แล้วส่งให้ท่านหมอชรา
“ข้าทราบข่าวว่าบุตรชายของท่านจะต้องเข้าสำนักศึกษาส่วนกลาง แต่ค่าตำราและค่าเล่าเรียนนั้นสูงมาก ด้วยฐานะของท่านแม้จะได้เงินจำนวนมากจากตระกูลอู๋ แต่จะไม่ดีกว่าหรือถ้าจะเก็บเงินส่วนนั้นไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน”
ท่านหมอชรามองหน้าจางเฟินเยว่นิ่ง พลันยกยิ้มออกมาด้วยความยินดี เพียงแค่พูดปดเล็กน้อยก็ได้เงินมากมายแล้ว เขาจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้อย่างไรเล่า
มือเหี่ยวย่นรีบคว้าก้อนทองในทันที “อนุเจ็ดโปรดวางใจ ข้าจะเรียนฮูหยินว่าท่านได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า มิแน่ว่าอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นก็เป็นได้ นับแต่นี้คงต้องรบกวนอนุเจ็ดปิดบังใบหน้าเสียแล้ว”
จางเฟินเยว่ยกยิ้มด้วยความยินดี “ลำบากท่านหมอแล้ว”
ทั้งสองยกยิ้มให้แก่กันและกัน การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในครั้งนี้จึงลุล่วงไปได้ด้วยดี
ที่เรือนรับรองแขกของจวนตระกูลเหวิน เสี่ยวฮวาผู้นำสารมาแจ้งแก่ลู่เหมยฮวา และ ‘ลู่เหมยลี่’ คุณหนูรองตระกูลลู่สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหวงซ่าง นางนั้นหมายมาดต้องการจะเป็นฮูหยินเอกของเหวินมู่หยาง แต่เมื่อได้รู้ว่าเขารับอนุเข้ามาใหม่ นางก็อยากจะชมโฉมสตรีผู้นั้น จึงได้ไปชักชวนพี่สาวมาด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าอนุคนใหม่ของเขาจะเป็นอดีตอนุของพี่เขยเสียได้“เจ้าพูดใหม่สิ นางว่าอย่างไรนะ” ลู่เหมยฮวากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ“คะ คืออี๋เหนียงไม่สะดวกเจ้าค่ะ หากอู๋ฮูหยินกับคุณหนูรองลู่ต้องการพบจะต้องส่งเทียบเชิญมาก่อนเจ้าค่ะ”“ช่างเหิมเกริมนัก เป็นแค่อนุต่ำศักดิ์แต่กล้าให้ข้าที่เป็นถึงฮูหยินเอกต้องเขียนเทียบเชิญมาก่อนหรือ นี่มันไม่เห็นหัวข้าเลยใช่หรือไม่ คิดว่าตัวเองเป็นอนุของท่านกุนซือแล้วคิดว่าข้าจะไม่กล้าแตะต้องมันอย่างนั้นหรือ”“ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้นางคงได้ใจว่าตัวเองเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของท่านกุนซือ หากวันใดที่น้องตกแต่งเข้ามาแล้วย่อมจัดการให้นางหลาบจำเจ้าค่ะ”ลู่เหมยลี่ที่ใจเย็นและสุขุมมากกว่าเอ่ยเตือนพี่สาว วันนี้นางเพียงแค่มาหยั่งเชิงเท่านั้น ทีนี้ก็รู้แล้วว่าสตรีผู้นี้ไม่ได้เรีย
บทที่ 4สตรีของท่านกุนซือเหวินรถม้าขับเข้ามาจอดที่หน้าเรือนหลักของจวนตระกูลเหวิน ท่านกุนซือก้าวลงไปเป็นคนแรก ฝ่ามือหนายื่นออกไปให้อนุคนใหม่ของเขาจับลงมือของเขาลงมา จางเฟินเยว่มองฝ่ามือที่ใหญ่ของเขาแล้วจึงยื่นมือเล็กของตนวางลงไป ร่างบอบบางของนางก้าวลงมาจากรถม้าตามการจับจูงของเขาบ่าวไพร่ที่รอรับการกลับมาของผู้เป็นประมุขอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ท่านกุนซือผู้ขึ้นชื่อไม่ชมชอบสตรีกลับพาสตรีที่งดงามกลับมาที่จวนเช่นนั้นหรือนี่ช่าง...เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจนักทันทีที่ทั้งสองยืนอยู่ด้านหน้ารถม้า เหวินมู่หยางก็เอ่ยขึ้นเสียงดังก้องเพื่อให้ทุกคนได้คลายความข้อสงสัยลง เขาต้องการให้บ่าวไพร่รับรู้ถึงฐานะของจางเฟินเยว่“พ่อบ้านโจว ช่วยพาอนุจางไปพักยังเรือนไป๋หลานด้วย ต่อไปนี้นางจะเข้ามาอยู่ในฐานะอนุของข้า เป็นเจ้านายอีกคนหนึ่ง หวังว่าทุกคนควรรู้นะว่าต้องปฏิบัติกับนางอย่างไร” ประโยคท้ายเน้นย้ำกับบ่าวไพร่ทุกคน“เข้าใจแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”“วันนี้เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ส่วนสาวใช้ของเจ้า ข้าจะให้คนไปรับตัวนางที่จวนตระกูลอู๋เอง”“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”จางเฟินเยว่ย่อกายคารวะสามีใหม่ด้วยความนอบน
“เช่นนั้นข้าแทงสูง”หลี่หยวนจื่อวางเงินมากถึงสามร้อยตำลึงทอง ส่วนเหวินมู่หยางหยิบจำนวนเงินทั้งหมดออกมาวาง“หากครั้งนี้ท่านชนะก็เอาเงินของข้าไปได้ทั้งหมดเลย”“โอ้...ท่านกุนซือช่างใจป้ำเสียเหลือเกิน งั้นข้าจะบอกแล้วกันว่าอนุของข้าถึงนางจะผิวกายขาวเนียนละเอียด กลิ่นกายหอมกรุ่น แต่ใบหน้าของนางกลับอัปลักษณ์ เหตุเพราะอุบัติเหตุจากการโดนน้ำร้อนลวก แต่ข้าขอรับประกันได้เลยว่านางยังคงความบริสุทธิ์อยู่ขอรับ”จางเฟินเยว่กำมือแน่นด้วยความโกรธ ถ้าไม่เห็นว่าครั้งนี้อู๋ซานจะมอบสัญญาการเป็นทาสของเหยาเหยามาเป็นการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ด้วย นางคงไม่ยอมมาเป็นของเดิมพันที่มีชีวิตของเขาหรอก ครั้งนี้สามีผู้นี้ยังกล้านำเรื่องของนางมาพูดราวกับจะประจานนางเสียอย่างนั้น รอให้นางหลุดพ้นจากที่นี่ไปก่อนเถิด นางจะต้องให้คนตระกูลอู๋ชดใช้อย่างสาสม“ข้าไม่รังเกียจ เช่นนั้นเรามาต่อกันเถอะ”จางเฟินเยว่มองเหวินมู่หยางนิ่ง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงได้ทุ่มเงินหมดหน้าตักขนาดนี้ ที่บอกว่าไม่รังเกียจเพราะไม่สนใจ หรือไม่ให้ค่านางกันแน่เสียงลูกเต๋าครั้งสุดท้ายดังกริ๊งได้เรียกสติของจางเฟินเยว่ให้กลับมา ก่อนที่เหวินมู่หยางจะเปิดช
บทที่ 3สามีคนใหม่กระดาษแผ่นใหญ่ที่มีแต้มจุดวงกลมในแต่ละช่องนั้นมีตั้งแต่หนึ่งจุดถึงหกจุด ถูกนำมาวางกางไว้บนกลางโต๊ะตรงหน้าของบุรุษทั้งสาม ชามกระเบื้องสีขาวที่มีลวดลายดอกเหมยฮวาถูกนำมาวางตรงหน้าเหวินมู่หยาง เมื่อเปิดชามอีกใบที่ครอบอยู่นั้นจะเห็นลูกเต๋าสีเขียวหยกสามลูก ที่มีแต้มตั้งแต่หนึ่งถึงหกแกะสลักอยู่บนลูกเต๋าทั้งหกด้าน ทั้งหมดถูกนำมาวางตรงหน้าของเหวินมู่หยาง บ่งบอกว่าเขาคือเจ้ามือในการละเล่นครั้งนี้จางเฟินเยว่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ไม่ว่าจะชามกระเบื้องที่มีลวดลายวิจิตร และลูกเต๋าทั้งสามลูกนั้น ล้วนงดงามวิจิตรจนนางประหลาดใจ นางไม่เคยเห็นอุปกรณ์การเล่นไฮโลที่งดงามและควรค่าขนาดนี้มาก่อนเลยสายตาคู่หวานมองบุรุษผู้นั้นไม่วางตา ความสงสัยภายในใจและความอยากรู้ล้วนพุ่งเป้าไปที่บุรุษที่มีกลิ่นอายไม่ธรรมดานี้...เขาเป็นใครกันแน่!“อ่า...นี่คือไฮโลที่ท่านกุนซือบอกไว้เมื่อคราวก่อนใช่หรือไม่”อู๋ซานจ้องเขม็งด้วยความสนใจ หลี่หยวนจื่อเองก็จับจ้องไม่วางตาเช่นกัน“ใช่แล้ว นี่คือเกมไฮโลที่ข้าพูดไว้เมื่อคราวก่อน การเล่นนั้นง่ายมาก ข้าซึ่งเป็นเจ้ามือจะเขย่าลูกเต๋าที่อยู่ในชามที่ปิดเอาไว้ หลังจาก
อู๋ซานพลันอารมณ์เสีย เขาจำได้ว่าคืนนั้นนางร้องห่มร้องไห้ราวกับจะขาดใจตาย พอเขาใช้กำลังเข้าข่มเหง นางก็คว้าแจกันตรงหัวเตียงมาฟาดศีรษะเขาในทันที ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจไม่หายเขาผู้นี้มีแต่สตรีวิ่งเข้ามาหา หาได้ต้องง้องอนสตรีเช่นนางไม่!!“พอดีเลย คืนพรุ่งนี้พี่นัดกับท่านกุนซือเหวินกับท่านแม่ทัพ พี่จะเอานางไปเป็นของเดิมพันในเกมวันพรุ่งนี้ หากชนะพี่ก็ได้กำไร หากแพ้ก็แค่เสียอนุที่หน้าตาอัปลักษณ์ไปคนหนึ่งเท่านั้น” อู๋ซานบอกเล่าแผนการของตนเองให้ฟัง“นี่ไม่ออกจะใจร้ายกับนางเกินไปหรือเจ้าคะ ผู้ใดในเมืองหวงซ่างไม่รู้บ้างว่าท่านกุนซือเหวินรังเกียจสตรี หากท่านพี่เอานางไปวางเป็นของเดิมพัน ท่านกุนซือเหวินจะไม่มีโทสะหรือเจ้าคะ”“เขาจะว่าอะไรข้าได้ ในเมื่อไม่มีกฎว่าห้ามนำอนุมาวางเดิมพันนี่น่า เพียงแค่นางมีค่ามากพอก็ใช้ได้แล้ว ข้าจำได้ว่านางมีผิวกายที่เนียนละเอียดราวกับหยกขาวมันแพะ กอปรกับกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ”ลู่เหมยฮวากัดฟันแน่นด้วยความหึงหวง ปากบอกว่าหลงลืมมันไปแล้ว แต่จำได้แม้กระทั่งกลิ่นกายของมันเช่นนั้นหรือ ดีล่ะ! ใช้โอกาสนี้กำจัดนางแพศยานั่นออกไปจากจวนให้สิ้นเสีย“ดีเ
บทที่ 2ของเดิมพันมีชีวิต“ที่ท่านหมอกล่าวมาจริงหรือไม่ อนุเจ็ดช่างน่าสงสารนัก” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้นมาจากฮูหยินใหญ่แห่งจวนตระกูลอู๋นางคือลู่เหมยฮวาผู้กุมอำนาจของเรือนหลังทั้งหมด ใบหน้าที่งดงามเย้ายวนนี้กลับซ่อนความร้ายกาจเอาไว้มากมาย ไม่ว่าสตรีนางใดของสามีล้วนแต่ต้องเกรงกลัวนางทั้งสิ้น ล้วนเป็นเพราะอำนาจของตระกูลลู่ที่หนุนหลังนาง และความเจ้าแผนการของลู่เหมยฮวาด้วย“ขอรับ ช่างน่าสงสารอนุเจ็ดนัก บาดแผลของนางพุพองเป็นอย่างมาก ข้าน้อยจ่ายยาช่วยลดอาการอักเสบแล้ว ช่วงนี้อนุเจ็ดจึงต้องเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ไม่รู้ว่าหากแผลหายดีแล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นหรือไม่”ท่านหมอก้มหน้าเอ่ยตอบด้วยความนอบน้อม หากความจริงถูกเปิดเผยว่าใบหน้าอนุเจ็ดไม่มีรอยแผลเป็นก็จะมาโทษเขาไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้บอกว่านางจะมีรอยแผลเป็น แค่บอกว่าอาจจะเท่านั้นเอง“ไม่รู้ว่าท่านพี่รู้เข้าจะว่าอย่างไร สตรีที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าช่างอัปมงคลนัก เรื่องนี้ข้าคงต้องแจ้งให้ท่านพี่ทราบโดยด่วน ขอบคุณท่านหมอมากที่รักษาอนุเจ็ดจนสุดความสามารถ”ลู่เหมยฮวาแสยะยิ้มอย่างพอใจ นางพยักหน้าให้สาวใช้ข้างกายเป็นสัญญาณว่าให้มอบรางวัลกับท่านหม