"หาบเข้าไปอย่ามัวแต่ทำเป็นอิดออดสำออย ฉันไม่ใช่ไอ้แก่ชยุตนะที่จะมาหลงเสน่ห์เมตตาเธอ รีบตักขึ้นมาไวๆได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องลงไปตาม!"
เสียงตะโกนลงมาจากบนโขดหินดังแว่วเข้ามาในหูแว้ดๆ หลายวันมาแล้วที่เธอถูกชายแปลกหน้าคนนี้จับมาขังเอาไว้ที่บนเกาะไหนสักแห่ง มองไปรอบตัวก็มีเพียงท้องทะเลกว้างใหญ่ พอหันหลังไปก็มีเพียงแค่กระท่อมเกือบร้างข้างหลังที่เอาไว้ใช้หลับนอน
พริมาหลับหูหลับตาหย่อนเชือกที่ผูกกับถังน้ำลงไปในบ่อที่มีอยู่ข้างหน้าผาเพื่อตักน้ำขึ้นมาตามคำสั่งของคนที่นั่งจุดบุหรี่สูบและคอยจับตามองเธอมาจากบนโขดหินข้างบนแล้วก็พยายามชั่งใจ
จะเอายังไงดี โดดลงไปตอนนี้เลยดีไหม ตราบใดที่ยังมีแรงเธอก็จะขอว่ายน้ำไปให้ไกลจนกว่าจะเจอเรือของชาวประมงสักลำแล้วค่อยขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่ อย่างมากก็แค่ตาย ดีกว่าต้องมาทนอยู่ที่นี่โดยที่ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าต่อไปเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ยิ่งสองสามวันมานี้ผู้ชายคนนี้พยายามที่จะทรมานเธอสารพัด ทั้งสั่งให้ออกมาดายหญ้ารอบกระท่อมบ้างตั้งแต่เช้ายันบ่าย ขนกรวดหินทรายจากอีกที่ไปกองอีกที่ ขุดหลุมดินปลูกต้นไม้ ตักน้ำจากบ่อที่ขุดเอาไว้ใส่โอ่ง รดน้ำแปลงผัก กวาดใบไม้ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พอจะนึกออกได้เพื่อทรมานเธอ
ทั้งๆที่ถ้ามองไป กระท่อมแห่งนี้มันก็เป็นเพียงแค่กระท่อมที่เกือบจะร้าง รอบๆบริเวณก็ไม่มีใครอยู่ ยิ่งพอตกกลางคืนบรรยากาศก็ยิ่งเงียบสงบจนแทบจะหลับตาไม่ลงเลยสักคืน แน่นอนว่าเธอถูกปล่อยให้นอนที่นี่คนเดียว ตกเย็นมอเตอร์ไซค์วิบากก็ถูกขับไป และขับกลับเข้ามาใหม่ในตอนเช้า ทุกค่ำคืนเธอก็จะมีเพียงแค่ตะเกียงพายุกับบานประตูไม้ไผ่ที่เขาล่ามโซ่เอาไว้กันไม่ให้เธอหนีไปได้เท่านั้นที่พอจะทำให้ได้อุ่นใจ ว่าอย่างน้อยก็จะไม่มีอะไรที่จะสามารถเปิดเข้ามาได้ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่มาไขกุญแจที่หน้าประตู
ตู้ม! ไม่ต้องคิดนาน เพราะพริมาไม่อยากรอช้า ไม่ต้องรอให้ผู้ชายคนนั้นเผลอ แต่เธอเลือกที่จะโดดมันต่อหน้าต่อตาลงไปแบบนั้นเลย เพราะจ้างให้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีทางวิ่งลงมาจากบนโขดหินที่นั่งอยู่แล้วจับตัวเธอได้ทันด้วยระยะห่างขนาดนี้ คงจะคิดไม่ถึงล่ะสิว่าเธอจะกล้า
"เฮ้ย! แม่งเอ้ย ทำบ้าอะไรวะ"
พริมาได้ยินเพียงแค่เสียงแว่วเพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้คิดที่จะหันมองกลับไปดูเลย นาทีนี้สิ่งที่ต้องทำคือรีบว่ายน้ำหนีไปให้ไกลและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะต้องว่ายหนีไปทางไหน แต่เธอก็ยังคงมุ่งมั่น จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ายในทะเลแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เพียงเธอคนเดียวที่ว่ายออกมา แต่พอวินาทีที่หันกลับไปมองไปทางด้านหลัง ผู้ชายคนนั้นกลับกำลังว่ายตามเธอมาติดๆ และว่ายเข้าถึงตัวเธอในที่สุด แม้ว่าจะพยายามขัดขืนแทบตาม แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้อยู่ดี และแล้วก็เป็นอันว่าเธอถูกเขาตามมาลากคอกลับเข้าฝั่งแล้วสั่งให้ปีนขึ้นตามบันไดลิงที่ถูกซ่อนไว้ที่ข้างหน้าผาขึ้นไปยังบนกระท่อมตามเดิม
"กล้ามากนะ สงสัยว่าฉันคงจะยังโหดกับเธอไม่มากพอ แก้ผ้า!"
เสียงตวาดแข็งๆถูกตะคอกออกมาทันทีที่จับตัวเธอโยนเข้ามาในกระท่อม ดูเหมือนว่าจากนี้ไปน่าจะไร้ซึ่งความปราณี เมื่อเธอถูกบุรุษตัวใหญ่ผลักให้ล้มลงไปจนหัวเข่าชนเข้ากับเหลี่ยมขอบเสาจนเลือดอาบ
"โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้หน้าตัวเมีย"
"หูแตกหรือไง บอกว่าให้แก้ผ้า!"
"ไม่! ฉันไม่แก้ นี่แกจะมาบังคับให้ฉันแก้ผ้าทำไม หรือว่าแกคิดจะทำอะไรฉัน"
อยู่ๆจากที่กล้าๆ คนตัวเล็กก็เกิดผวายกมือขึ้นมากอดเนื้อตัวตัวเองเอาไว้เสียจนแน่น ทำไมอยู่ๆไอ้บ้านี่ถึงได้มาสั่งให้เธอแก้ผ้า หรือว่านี่มันกำลังเปลี่ยนใจคิดจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับเธอ
"โธ่เอ้ยเธอไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า บอกแล้วไงว่าเน่าเละเฟะแบบเธอ ต่อให้นอนแบอ้าซ่าฉันก็กระเดือกไม่ลง ของที่ไอ้ชยุตกินแล้วใครมันจะอยากกินต่อ"
"นี่แกพูดบ้าอะไรของแก นี่แกอย่าบอกนะว่าแกคิดว่าฉันกับคุณป๋าไม่ใช่พ่อลูกกัน"
"หรือเธอจะบอกว่าใช่ ว่าแต่พ่อลูกแบบไหนกันนะ แบบในหนังเอ็กซ์หรือเปล่าล่ะ ที่พ่อกับลูกนอนเอากันได้"
"กรี๊ด ไอ้คนทุเรศ กล้าคิดแบบนี้กับคุณป๋าของฉันได้ยังไง จะบอกแกให้เอาบุญเลยนะว่าฉันชื่อ พริมา เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณป๋าชยุต ไม่ใช่เมียนงเมียน้อยอย่างที่แกเคยว่า ไอ้คนอุบาทชาติชั่ว ใครสั่งใครสอนให้แกกล้าคิดว่าคุณป๋าของฉันเลวทรามต่ำช้าขนาดนั้น คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณป๋าให้เอาเรื่องแก"
"อย่างไอ้ชยุต พวกคำที่เธอพูดมาเมื่อกี้น่ะยังน้อยไป ไอ้แก่มักมาก แก่เฒ่าแล้วยังจะตัณหากลับ ส่วนเธอก็เป็นผู้หญิงประเภทพวกที่ชอบหลอกเสี่ยแก่ๆไว้คอยจ่ายค่ากระเป๋าเสื้อผ้ารองเท้า จ่ายค่าเล่าเรียนให้ อย่าคิดว่าจะมาหลอกฉันเสียให้ยาก ไม่รู้หรือไงว่าไอ้ชยุตมันมีเมียอยู่ที่บ้านทนโท่ทั้งคน เธอก็ยังกล้าหน้าด้านเอาตัวเองเข้าไปแทรกกลางให้คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีก ฉันจะไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอได้ทำตัวร่านๆแย่งผัวชาวบ้านเขาได้อีก ก็เลยต้องจับตัวเธอมาไว้ที่นี่ยังไง"
"พูดอย่างกับว่าทุกอย่างที่แกทำไปนั้นแกกำลังทำเพื่อคุณน้าอรอุษา หรือว่า นี่แกรู้จักกับคุณน้าอรอุษาอย่างงั้นเหรอ แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"อ๊าๆ พี่ฉัตรขา อ๊า แรงอีกค่ะ เอาพิมแรงๆ"เสียงพริมาครางกระเส่าออกมาจนแทบไม่ได้ศัพท์ เมื่อเวลานี้แก่นกายของฉัตรากำลังขยับซอยเข้าออกจากร่องหลืบกลางกายของเธออย่างร้อนแรง สามชั่วโมงมาแล้วที่เพลิงพิศวาสนี้ยังคงดำเนินต่อไม่หยุด หลังจากที่เคลียร์จบปัญหากับว่าที่พ่อตาจบได้ อรอุษาก็บอกให้พริมาและฉัตราพากันขึ้นไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าหลังจากเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ แต่พอพริมาพาคุณว่าที่สามีก้าวผ่านเข้าประตูห้องนอนเธอมาเท่านั้น ฉัตราก็กดล็อกประตูแล้วอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน "พี่ฉัตร ทำอะไรคะ""แม่พี่บอกให้เราไปอาบน้ำไง นี่พี่ก็กำลังจะพาพิมเข้าไปอาบน้ำ""แล้วทำไมถึงจะต้องอุ้มพิมไปด้วยล่ะคะ พิมเดินเองได้ค่ะ ห้องน้ำอยู่ตรงแค่นี้เอง""ก็ตอนนี้พ่อพิมอนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้ว พี่ก็เลยกะ..ว่าจะลองพาพิมทดลองเข้าหอกันหน่อย""อีกแล้วเหรอคะ""อีกแล้ว? คืออะไร นี่อย่าบอกนะว่าพิมเบื่อพี่แล้ว""ใครว่าล่ะคะ พิมก็แค่กลัวว่าถ้าให้พี่ฉัตรบ่อยเกินไป แล้วพี่ฉัตรต่างหากที่จะเป็นคนเบื่อพิม""งั้นลองมาดูกันนะว่านานแค่ไหนกว่าวันนั้นจะมาถึง เผลอๆพี่ว่า ต่อให้พี่เอาพิมวันละสามรอบ พิมก็คงก็รอจนแก่หงำเหงือก รอจนเอ็นพี่ไร้สมรร
ชยุตนั่งทรุดตัวลงกับโซฟาแล้วยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ ภาพของกมลา หญิงสาวที่หลงรักเขามาตั้งแต่สมัยหนุ่มนั่งทรุดตัวลงร้องไห้กับพื้นในวันที่ได้รับรู้ความจริงว่าที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพียงเพราะว่าหวังในทรัพย์สมบัติ เพื่อเอาไปช่วยคนรักเก่า หาได้มีใจรักเธอไม่ นับตั้งแต่วันนั้นกมลาที่เคยสดใสก็เอาแต่กักขังตัวเองไว้อยู่ในห้องนอน กมลาพาลเกลียดพริมา ลูกสาวตัวน้อยที่เกิดมาเป็นสักขีพยานในความโง่เขลาของเธอ วันๆเอาแต่เก็บตัวเองร้องไห้ คนในที่สุดเธอก็จากไป ทิ้งบาดแผลและความรู้สึกผิดไว้ติดอยู่ในใจเขาจนถึงทุกวันนี้'พี่ชยุต ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ กมลาก็จะไม่มีวันยกโทษให้อภัยพี่ พี่หลอกกมลา หวังเอาทรัพย์สมบัติของกมลาไปช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่น กมลาไม่มีทางยอมเด็ดขาด สมบัติของกมลาจะต้องเป็นของพริมาลูกสาวกมลาเท่านั้น ห้ามพี่มีลูกกับใครใหม่แล้วเอาสมบัติของกมลาไปเสวยสุขกับมัน รับปากกมลาสิถ้าพี่รู้สึกผิดจริงๆ'คำพูดสุดท้ายยังดังกึกก้องอยู่ในหัวแทบทุกจะประโยค ความรู้สึกผิดกัดกินในใจอยู่ชั่วทุกคืนวัน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าถึงแม้เขาจะรักอรอุษาเพียงใด แต่เขาก็รับปากกมลาเอาไว้ก่อนตาย ว่าจะมีพริมาป็นลูกแค่คนเดีย
ในที่สุดวันที่ฉัตราไม่อยากให้ถึงก็มาถึงจนได้ เรือสปีดโบ๊ทที่เขาเป็นคนขับพาตัวเองและคนตัวเล็กกลับเข้ามายังฝั่งเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีได้ถูกจอดไว้ที่ท่าเรือส่วนตัวของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงออกถึงความเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพาพริมาก้าวขึ้นฝั่งมาบนบก แถมยังถอนหายใจออกมาเสียจนเสียงดัง ทำเอาพริมาถึงกับต้องคอยจับมือของคนตัวใหญ่มากุมเอาไว้และพูดให้กำลังใจไม่ห่าง"พี่ฉัตร พิมเป็นกำลังใจให้นะคะ"แล้วจากนั้นประตูรถตู้คันหรูสีดำก็ถูกเปิดออกเพื่อให้เธอและเขาขึ้นไปนั่ง ระหว่างนั้นทั้งสองคนยังคงนั่งกอดกันเอาไว้ตลอด ที่วันนี้ฉัตราเลือกที่จะให้ลูกน้องเป็นคนขับรถมาก็เป็นเพราะว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงที่จะจับพวกมาลัยขับมาเลยต่างหาก ไม่รู้จริงๆว่าสถานการณ์ที่จะต้องเจอจะเป็นยังไง การที่ต้องเขาไปพูดคุยกับผู้ชายสารเลว คนที่ทำให้แม่ของเขาเสียใจมาเป็นเวลายี่สิบสามสิบปี เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้เปลี่ยนจากสถานะพ่อเลี้ยงมาเป็นพ่อตานั้นมันทำใจง่ายเสียที่ไหน ความโกรธเกลียดแค้นที่สั่งสมมา แต่ไม่สามารถทำอะไรตาแก่นั่นได้เนื่องจากว่าถูกมารดาขอร้องนั่นก็ยังพอที่จะยอมทน แต่เวลานี้กลับกลายเป็นว่าตัวเองต้องมากลายเป็
"คิดเหรอว่านายหัวจะเอาเธอจริงๆ ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี เห็นนายหัวเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในเสียอีก อย่าสำคัญตัวผิดแล้วก็หวังอะไรลมๆแล้งๆเข้าล่ะ ฉันขอเตือน"จังหวะที่เดินยกจานที่ทานเสร็จแล้วเข้ามาช่วยเก็บในอ่างในครัว แล้วฉัตราเองก็ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก พริมาก็ได้เผชิญหน้าเข้ากับผู้หวังดีแบบเต็มๆ ฝ่ายนั้นยืนกอดอกพิงตัวเองกับตู้เย็น แล้วยืนมองมาที่เธอด้วยสายตาสุดเหยียด หากแต่พริมาก็ไม่ได้นึกแยแส แล้วตอบกลับผู้หวังดีไปแบบเจ็บๆ"งั้นฉันก็คงต้องขอขอบใจเธอมากเลยนะที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาเตือนฉัน เพราะว่าถึงแม้ว่าพี่ฉัตรจะไม่เอาฉันจริงๆ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ลองกินแล้วว่าผู้ชายคนนี้แซ่บมากแค่ไหน ว่าเเต่เธอเถอะ อุตส่าห์เฝ้าพี่ฉัตรมาตั้งหลายปี เคยได้ลองดูบ้างสักทีหรือเปล่า หรือว่าให้พี่ฉัตรลองแล้ว แต่ว่าเธอมันไม่อร่อย เขาก็เลยต้องคอยเปลี่ยนรสชาติบ่อยๆจนได้มาเจอฉัน""อีบ้า อย่ามามั่นหน้ามากไปหน่อยเลย วันไหนถูกนายหัวถีบหัวส่งขึ้นมาฉันจะหัวเราะเยาะแกให้ดังไปสามบ้านแปดบ้าน""งั้นก็ค่อยรอเอาไว้ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนก็แล้วกัน แต่ว่าวันนี้เขายังหลงฉันหัวปักหัวปำอยู่น่ะ ยังไงจานนี
พอกินเธอเสร็จ ฉัตราก็พาเธอเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นเขาทิ้งรอยจ้ำสีแดงไว้ตามจุดต่างๆบนร่างกายเสียจนทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งบริเวณกลีบบอบบางตรงกลางลำตัว ถึงว่าตอนที่ฉัตรามุดก้มลงไปเขาดูดมันเสียแรง ส่วนเธอเองก็เอาแต่มัวร้องครางเพราะความเสียวจนไม่ลืมหูลืมตาราวกับว่าส่งเสริมให้เขาทำมัน เป็นไงล่ะทีนี้ จะเดินออกไปกินข้าวยังไงทันทีที่บานประตูเปิดออก ที่หน้าห้องนั้นกลับมีหญิงสาวคนเดิมยืนแอบจิกตามองเธอด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าต้องการจะประกาศศักดิ์ดา ก็เอาสิ ในเมื่อฉัตรายังคงกำมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซึ่งนั่นก็จะต้องรู้แล้วว่าระหว่างเธอกับแม่ลิ้นจี่นั่น ฉัตราจะเลือกที่จะหนุนหลังใคร"นายหัวขา ป้าตาให้ลิ้นจี่มาตามนายหัวไปทานข้าวเย็นค่ะ""อื้มขอบใจ วันนี้มีอะไรกินบ้าง""ก็เยอะเลยค่ะนายหัว มีแต่ของโปรดนายหัวเผ็ดๆทั้งนั้น ลิ้นจี่รู้ว่านายชอบอาหารรสจัด ก็เลยเตรียมพวกของหวานเอาไว้ให้ด้วย ไปดูสิคะ"หญิงสาวคนนั้นยังคงพูดไปยิ้มไป สายตาและท่าทางแสดงออกเต็มๆว่าต้องการทำให้คนตรงหน้าหลงใหลได้ปลื้มไปกับท่าทีนั้นของเธอ จนพริมาเห็นแล้วก็เกิดของขึ้นเผลอกัดฟันและจิกเล็บเสียแรงลงไปบนฝ่ามือใหญ่อย่า
พริมายังคงนิ่งเงียบไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรใดๆในขณะที่ฉัตราจูงมือเธอเดินเข้ามาในบ้านและก่อนจะพาเดินเข้าในในห้องส่วนตัวซึ่งเป็นห้องนอนตัวเอง จากนั้นทันทีที่บานประตูถูกปิดลง เสียงลูกบิดหน้าประตูก็ถูกกดล็อก แล้วคนตัวใหญ่ก็ยกสองมือขึ้นมาจับใบหน้าเธอประครองเข้าหา แล้วจึงจัดการประกบริมฝีปากลงมาทันทีทั้งที่ฉัตรากำลังจูบเธออย่างหนักหน่วง หากแต่พริมากลับยังคงยืนนิ่งเฉยไร้ซึ่งการตอบสนอง ในขณะที่เขาจัดการเปิดปากแล้วส่งลิ้นร้ายของตัวเขาเองเข้าไปรุกรานภายในปาก หากแต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้พริมาคล้อยตามได้ ส่วนคนที่กำลังคลั่งจูบเธออยู่ พอเห็นว่าเธอยังคงนิ่งก็เริ่มเอะใจ "พิม เป็นอะไรหรือเปล่า""พี่ฉัตร คือว่าพิม.."จะให้เธอตอบออกมาได้ยังไงว่าที่เธอนิ่งไปเป็นเพราะว่ามีเรื่องค้างคาใจอยู่ แน่นอนว่าสายตาของผู้หญิงด้วยกันมอง มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าสายตาของผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่มองเธอและฉัตรานั้นมองมาด้วยสายตาแบบไหน พริมาไม่ได้อยากเก็บความสงสัยที่มันกำลังรบกวนจิตใจตัวเองเอาไว้แบบนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและฉัตรานั้น เขาให้อภิสิทธิ์เธอในการแสดงถึงความหึงหวงเขาได้เพียงใด"