นายหัวฉัตรา เจ้าของเกาะเหมือนมุกที่ทั้งดิบและเถื่อน ใช้อำนาจที่มีไปจับตัว 'อีหนูเด็กเสี่ย' ของพ่อเลี้ยงที่เป็นสามีของแม่ตัวเองมาทรมาน เพราะอยากช่วยแม่กำจัดเมียน้อย ทั้งๆที่ 'อีหนู' ก็บอกแล้วว่าตัวเธอเองไม่ใช่เมียน้อย หากแต่เป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงตัวเองจริงๆ แต่นายหัวก็ดันไม่ยอมเชื่อ ยังคงตั้งแง่รังเกียจ แถมพูดตะคอกใส่หน้า 'อีหนู' สารพัดว่าชาตินี้จะไม่มีวันเเตะต้องเธอ จนกระทั่งได้เผลอใช้บริการของ 'อีหนู' ไป ถึงได้รู้ว่า 'อีหนู' นั้นยังสดใหม่ไม่เคยผ่านมือชาย สืบไปสืบมาก็ดันไปรู้มาอีกว่า 'อีหนู' นั้นคือลูกสาวแท้ๆของพ่อเลี้ยงตัวเองจริงๆ คราวนี้นายหัวก็เลยว้าวุ่น เพราะว่าพ่อเขาตามมาเอาตัวลูกสาวเขาคืนจนได้ จากคนบงการ ต้องกลายเป็นผู้ถูกบงการ นายหัวฉัตราจะทำอย่างไร ในเมื่อตอนนี้ตัวเองดันกลับติดใจ 'อีหนู' คนนั้นเสียแล้ว ทำอย่างไรเขาถึงจะได้ 'อีหนู' คนนั้นของเขากลับคืนมาไว้ในอ้อมอก แล้ว 'อีหนู' จะยอมยกโทษให้เขาหรือเปล่าที่เธอถูกเขาเข้าใจผิดสารพัด
ดูเพิ่มเติมควันบุหรี่สีขาวถูกจุดและพ่นออกจากริมฝีปากเข้มครั้งแล้วครั้งเล่าภายในกระท่อมที่ดูออกจะกลางเก่ากลางใหม่ บนแคร่ไม้ไผ่ตัวยาวตรงหน้ามีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่พึ่งจะถูกจับตัวมาโดยลูกน้องของเขานั้นถูกมัดแขนมัดขาและปิดสก็อตเทปเอาไว้ที่ปากแน่นิ่ง
สายตาคมไล่กวาดมองตามไปยังเรือนร่างงดงามสมส่วนของคนที่นอนสลบอยู่ในชุดนักศึกษาตัวสั้น โดยด้านล่างมีกระโปรงทรงเอสีดำรัดรูปถลกขึ้นมาเหนือเข่าเผยให้เห็นต้นขาเนียนขาวคู่กับเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวไม่ยาวที่ผู้เป็นเจ้าของสวมใส่มันจงใจใส่ให้ดูรัดแน่นเสียจนเน้นให้เห็นบริเวณทรวงอกที่แทบจะล้นทะลักออกมา
หากเป็นผู้ชายคนอื่น ไม่รู้ว่าภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็นนั้นจะกระตุ้นอารมณ์ความหื่นได้มากเพียงใด แต่สำหรับเขา นายหัวฉัตรา แห่งเกาะเหมือนมุก ภาพของหญิงสาวที่นอนกระโปรงเปิดอยู่เบื้องหน้านั้นกลับไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าอยากจะมองมันเลย เนื้อตัวที่แสนสกปรกนั่นไม่ได้ดูน่ามอง ตรงกันข้าม หากว่าแถวนี้พอที่จะมีอะไรสามารถให้นำมาปกปิดความอุบาทตาตรงหน้าได้ นั่นคือสิ่งที่เขาจะไม่มีทางรีรอที่จะทำมัน
"เฮ้ย! ตื่นสักทีสิวะ จะนอนนิ่งให้เป็นศพตายอยู่ตรงนี้เลยหรือไง ตื่น!"
รองเท้าบู๊ทขนาดใหญ่ถีบกระแทกไปยังแคร่ไม้ไผ่นั้นจนเสียงดัง จนร่างของคนที่นอนขดตัวแน่นิ่งพลิกกลิ้งไปมาจนเกือบที่จะหล่น มือน้อยขยับขยุกขยิก แต่ดูเหมือนว่าเชือกที่ถูกมัดเอาไว้นั้นจะทำให้เธอไม่สามารถขยับได้ จึงได้แต่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วกวาดมองไปรอบๆด้านอย่างช้าๆ จนกระทั่งได้มาหยุดลงตรงหน้าของชายแปลกหน้าที่..โคตรจะหล่อ
"ตื่นได้สักทีสินะ นึกว่าตัวเองยังนอนสุขสบายดีอยู่ในวิมานสีทองหรือไง ลืมตาตื่นขึ้นมาดูหน่อยว่าตอนนี้วิมานสีทองของเธอน่ะได้เปลี่ยนเป็นขุมนรกแล้ว"
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา พริมา ก็หันไปเห็นชายแปลกหน้าที่ยืนแสยะยิ้มเหี้ยมมองที่เธอด้วยสายตาที่ดูแล้วช่างน่าหวาดกลัว คนตัวเล็กพยายามรีบขยับตัวลุกเพื่อที่จะตะโกนร้อง แต่แล้วก็ดูเหมือนพึ่งจะประจักษ์ได้ว่าเวลานี้ทั้งมือ แขน ขา แม้กระทั่งปากนั้นได้ถูกมัดเอาไว้เสียแน่นจนไม่สามารถขยับได้ แม้ว่าอยากจะร้องตะโกนออกไปเพียงใดก็ปราศจากเสียง
"อื้อ อื้อ"
"อย่าพยายามเลย โดนมัดจนแน่นขนาดนี้ถ้าแหกปากหลุดมาได้ก็เก่งเกินไปแล้วล่ะ"
ร่างสูงใหญ่เดินย่างสามขุมเข้าไปหา ก่อนที่รองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้มจะถูกยกขึ้นมาย่ำเหยียบเอาไว้บนแคร่ พริมายังคงพยายามเขยิบถอยหนี จนกระทั่งที่ศรีษะถูกฝ่ามือใหญ่ตรงเข้ามาขยุ้มเส้นผมของเธอเสียจนเต็มกำมือแล้วดึงมันขึ้นจนหน้าแหงนเพื่อเป็นการบอกว่าให้เธอนั้นลุกขึ้นนั่ง
ลมหายใจอุ่นร้อนที่สาดเข้ามาทางใบหน้านั้นเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่เหม็นคลุ้ง แม้ว่าลึกๆแล้วมันช่างมีเสน่ห์แต่ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ทำให้เธอต้องหันหนี และด้วยความเจ็บปวดได้ร้องไห้ออกมาอย่างไม่นึกอาย
"อื้อ อื้อ ฮือๆๆ"
นาทีนี้เธอทั้งตกใจและหวาดกลัว บุคคลตรงหน้าของเธอตอนนี้เป็นใคร เขาจับเธอมาทำแบบนี้ทำไม แล้วตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ไหน ทำไมถึงได้ถูกจับมามัดเอาไว้แบบนี้
"ร้องไห้งั้นเหรอ น้อยไปสิ ทีทำคนอื่นเจ็บยังไม่เห็นสนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง เจ็บแค่นี้ไม่ต้องสำออยเลย อีพวกเมียน้อย!"
แล้วจากนั้นร่างของเธอก็ถูกเขาผลักลงไปบนแคร่ตามเดิมเต็มแรง พริมาร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดและกลัว พร้อมทั้งยังอยู่ในอาการสับสน เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยไปทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจอะไรตอนไหน ยิ่งคำว่า เมียน้อย ด้วยแล้ว ชาตินี้ก็ยังไม่เคยคิดว่าจะอยากเป็น แต่ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ที่ถูกทั้งมัดมือเท้าและปาก เธอคงจะไม่สามารถตอบโต้หรือว่าอธิบายอะไรได้ หมายความว่าคงต้องยอมรับสถานภาพนี้ไปอย่างนั้นหรือ
วินาทีแห่งความหวาดกลัวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีดปลายแหลมขนาดเล็กถูกหยิบออกมาจากปลอกที่ห้อยเหน็บอยู่ข้างหลัง รอยยิ้มเหี้ยมเกิดขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าที่มีไรหนวดปกคลุมเขียวครึ้มเนื้อริมฝีปาก ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินย่างกรายเข้ามาใกล้ นี่เขาคงไม่ได้กำลังคิดที่จะฆ่าเธอทิ้งที่นี่หรอกใช่ไหม พอคิดได้ก็เริ่มขยับ หากแต่ก็ไม่พ้น จนในที่สุดก็โดนฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่ลำคอเต็มแรง
"อื้อ อื้อ อะแฮ่กๆ"
วินาทีนี้พริมายอมรับว่าเธอกลัวที่สุดในชีวิตแล้ว ยิ่งตรงเอวด้านข้างถูกปลายมีดสะกิดจี้ก็ยิ่งหวาดกลัว หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพร่างพรายออกมาไม่มีหยุด นี่เธอกำลังจะต้องถูกจบชีวิตที่นี่จริงๆหรือ ทำไมชีวิตเธอถึงได้แสนสั้นนักล่ะ ขอให้เธอได้มีชีวิตที่ยืนยาวอยู่ดูโลกนี้ต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมโชคชะตาเธอถึงได้โหดร้ายถึงเพียงนี้ เธอทำอะไรผิดกัน
"ฆ่าเธอทิ้งเสียที่นี่ แล้วเอาศพโยนทิ้งลงทะเลให้น้ำซัดไป กว่าจะลอยอืดกลับเข้าฝั่งก็คงจะไม่เหลือซาก"
พริมาส่ายหน้าร้องไห้รัว ภายในใจก็ได้แต่นึกอ้อนวอนขอให้ชายคนนี้เมตตา อย่างน้อยก็ช่วยเปิดปากให้เธอได้พูดได้อธิบายหน่อย หรือไม่ก็ได้ถามว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
"อื้อ อื้อ อื้อ"
"ทำไม อยากจะให้ฉันเปิดปากให้ได้สั่งเสียอะไรก่อนตายงั้นเหรอ หรือว่า..อยากจะฝากอะไรถึงไอ้แก่ชยุต ก็ได้เดี๋ยวฉันจะช่วยสงเคราะห์"
ทันทีที่สก็อตเทปถูกลอกออกจากปาก พริมาก็ไม่รอช้าที่จะสาดทุกคำถามที่มีในหัว เธอทั้งพูดไปร้องไห้ไปจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ จนแล้วจนรอดชายคนที่จับตัวเธอมาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย แถมถามอะไรก็ไม่ตอบ พอถามว่ารู้จักเธอเหรอถึงได้จับตัวเธอมา มันก็เอาแต่นั่งเบะปากยิ้มเยาะคล้ายกับว่าสนุกที่ได้เห็นเธอร้องไห้
กระทั่งพริมาเหลืออดนึกอะไรไม่ออกจึงได้พูดประโยคสุดท้ายที่พึ่งพอจะนึกได้ออกไป แต่นั่นกลับทำให้คนที่กำลังนั่งฟังเธอพร่ำอยู่นั้นถึงกับเปลี่ยนมาอยู่ในโหมดตบะแตกด้วยความโมโหปานถูกพายุใหญ่สาดซัดใส่เข้ามา
"ตกลงนี่แกจะเอายังไง จับฉันมาทำไม ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบยอมพูด แกปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้บ้า แกรู้ไหมว่าคุณป๋าของฉันเป็นใคร ถ้าคุณป๋ารู้ว่าแกจับฉันมาไว้ที่นี่ รับรองได้เลยว่าแกจะต้องถูกสับจนเละไม่เหลือชิ้นดีแน่ ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย!"
"อ๊าๆ พี่ฉัตรขา อ๊า แรงอีกค่ะ เอาพิมแรงๆ"เสียงพริมาครางกระเส่าออกมาจนแทบไม่ได้ศัพท์ เมื่อเวลานี้แก่นกายของฉัตรากำลังขยับซอยเข้าออกจากร่องหลืบกลางกายของเธออย่างร้อนแรง สามชั่วโมงมาแล้วที่เพลิงพิศวาสนี้ยังคงดำเนินต่อไม่หยุด หลังจากที่เคลียร์จบปัญหากับว่าที่พ่อตาจบได้ อรอุษาก็บอกให้พริมาและฉัตราพากันขึ้นไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าหลังจากเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ แต่พอพริมาพาคุณว่าที่สามีก้าวผ่านเข้าประตูห้องนอนเธอมาเท่านั้น ฉัตราก็กดล็อกประตูแล้วอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน "พี่ฉัตร ทำอะไรคะ""แม่พี่บอกให้เราไปอาบน้ำไง นี่พี่ก็กำลังจะพาพิมเข้าไปอาบน้ำ""แล้วทำไมถึงจะต้องอุ้มพิมไปด้วยล่ะคะ พิมเดินเองได้ค่ะ ห้องน้ำอยู่ตรงแค่นี้เอง""ก็ตอนนี้พ่อพิมอนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้ว พี่ก็เลยกะ..ว่าจะลองพาพิมทดลองเข้าหอกันหน่อย""อีกแล้วเหรอคะ""อีกแล้ว? คืออะไร นี่อย่าบอกนะว่าพิมเบื่อพี่แล้ว""ใครว่าล่ะคะ พิมก็แค่กลัวว่าถ้าให้พี่ฉัตรบ่อยเกินไป แล้วพี่ฉัตรต่างหากที่จะเป็นคนเบื่อพิม""งั้นลองมาดูกันนะว่านานแค่ไหนกว่าวันนั้นจะมาถึง เผลอๆพี่ว่า ต่อให้พี่เอาพิมวันละสามรอบ พิมก็คงก็รอจนแก่หงำเหงือก รอจนเอ็นพี่ไร้สมรร
ชยุตนั่งทรุดตัวลงกับโซฟาแล้วยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ ภาพของกมลา หญิงสาวที่หลงรักเขามาตั้งแต่สมัยหนุ่มนั่งทรุดตัวลงร้องไห้กับพื้นในวันที่ได้รับรู้ความจริงว่าที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพียงเพราะว่าหวังในทรัพย์สมบัติ เพื่อเอาไปช่วยคนรักเก่า หาได้มีใจรักเธอไม่ นับตั้งแต่วันนั้นกมลาที่เคยสดใสก็เอาแต่กักขังตัวเองไว้อยู่ในห้องนอน กมลาพาลเกลียดพริมา ลูกสาวตัวน้อยที่เกิดมาเป็นสักขีพยานในความโง่เขลาของเธอ วันๆเอาแต่เก็บตัวเองร้องไห้ คนในที่สุดเธอก็จากไป ทิ้งบาดแผลและความรู้สึกผิดไว้ติดอยู่ในใจเขาจนถึงทุกวันนี้'พี่ชยุต ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ กมลาก็จะไม่มีวันยกโทษให้อภัยพี่ พี่หลอกกมลา หวังเอาทรัพย์สมบัติของกมลาไปช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่น กมลาไม่มีทางยอมเด็ดขาด สมบัติของกมลาจะต้องเป็นของพริมาลูกสาวกมลาเท่านั้น ห้ามพี่มีลูกกับใครใหม่แล้วเอาสมบัติของกมลาไปเสวยสุขกับมัน รับปากกมลาสิถ้าพี่รู้สึกผิดจริงๆ'คำพูดสุดท้ายยังดังกึกก้องอยู่ในหัวแทบทุกจะประโยค ความรู้สึกผิดกัดกินในใจอยู่ชั่วทุกคืนวัน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าถึงแม้เขาจะรักอรอุษาเพียงใด แต่เขาก็รับปากกมลาเอาไว้ก่อนตาย ว่าจะมีพริมาป็นลูกแค่คนเดีย
ในที่สุดวันที่ฉัตราไม่อยากให้ถึงก็มาถึงจนได้ เรือสปีดโบ๊ทที่เขาเป็นคนขับพาตัวเองและคนตัวเล็กกลับเข้ามายังฝั่งเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีได้ถูกจอดไว้ที่ท่าเรือส่วนตัวของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงออกถึงความเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพาพริมาก้าวขึ้นฝั่งมาบนบก แถมยังถอนหายใจออกมาเสียจนเสียงดัง ทำเอาพริมาถึงกับต้องคอยจับมือของคนตัวใหญ่มากุมเอาไว้และพูดให้กำลังใจไม่ห่าง"พี่ฉัตร พิมเป็นกำลังใจให้นะคะ"แล้วจากนั้นประตูรถตู้คันหรูสีดำก็ถูกเปิดออกเพื่อให้เธอและเขาขึ้นไปนั่ง ระหว่างนั้นทั้งสองคนยังคงนั่งกอดกันเอาไว้ตลอด ที่วันนี้ฉัตราเลือกที่จะให้ลูกน้องเป็นคนขับรถมาก็เป็นเพราะว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงที่จะจับพวกมาลัยขับมาเลยต่างหาก ไม่รู้จริงๆว่าสถานการณ์ที่จะต้องเจอจะเป็นยังไง การที่ต้องเขาไปพูดคุยกับผู้ชายสารเลว คนที่ทำให้แม่ของเขาเสียใจมาเป็นเวลายี่สิบสามสิบปี เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้เปลี่ยนจากสถานะพ่อเลี้ยงมาเป็นพ่อตานั้นมันทำใจง่ายเสียที่ไหน ความโกรธเกลียดแค้นที่สั่งสมมา แต่ไม่สามารถทำอะไรตาแก่นั่นได้เนื่องจากว่าถูกมารดาขอร้องนั่นก็ยังพอที่จะยอมทน แต่เวลานี้กลับกลายเป็นว่าตัวเองต้องมากลายเป็
"คิดเหรอว่านายหัวจะเอาเธอจริงๆ ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี เห็นนายหัวเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในเสียอีก อย่าสำคัญตัวผิดแล้วก็หวังอะไรลมๆแล้งๆเข้าล่ะ ฉันขอเตือน"จังหวะที่เดินยกจานที่ทานเสร็จแล้วเข้ามาช่วยเก็บในอ่างในครัว แล้วฉัตราเองก็ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก พริมาก็ได้เผชิญหน้าเข้ากับผู้หวังดีแบบเต็มๆ ฝ่ายนั้นยืนกอดอกพิงตัวเองกับตู้เย็น แล้วยืนมองมาที่เธอด้วยสายตาสุดเหยียด หากแต่พริมาก็ไม่ได้นึกแยแส แล้วตอบกลับผู้หวังดีไปแบบเจ็บๆ"งั้นฉันก็คงต้องขอขอบใจเธอมากเลยนะที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาเตือนฉัน เพราะว่าถึงแม้ว่าพี่ฉัตรจะไม่เอาฉันจริงๆ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ลองกินแล้วว่าผู้ชายคนนี้แซ่บมากแค่ไหน ว่าเเต่เธอเถอะ อุตส่าห์เฝ้าพี่ฉัตรมาตั้งหลายปี เคยได้ลองดูบ้างสักทีหรือเปล่า หรือว่าให้พี่ฉัตรลองแล้ว แต่ว่าเธอมันไม่อร่อย เขาก็เลยต้องคอยเปลี่ยนรสชาติบ่อยๆจนได้มาเจอฉัน""อีบ้า อย่ามามั่นหน้ามากไปหน่อยเลย วันไหนถูกนายหัวถีบหัวส่งขึ้นมาฉันจะหัวเราะเยาะแกให้ดังไปสามบ้านแปดบ้าน""งั้นก็ค่อยรอเอาไว้ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนก็แล้วกัน แต่ว่าวันนี้เขายังหลงฉันหัวปักหัวปำอยู่น่ะ ยังไงจานนี
พอกินเธอเสร็จ ฉัตราก็พาเธอเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นเขาทิ้งรอยจ้ำสีแดงไว้ตามจุดต่างๆบนร่างกายเสียจนทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งบริเวณกลีบบอบบางตรงกลางลำตัว ถึงว่าตอนที่ฉัตรามุดก้มลงไปเขาดูดมันเสียแรง ส่วนเธอเองก็เอาแต่มัวร้องครางเพราะความเสียวจนไม่ลืมหูลืมตาราวกับว่าส่งเสริมให้เขาทำมัน เป็นไงล่ะทีนี้ จะเดินออกไปกินข้าวยังไงทันทีที่บานประตูเปิดออก ที่หน้าห้องนั้นกลับมีหญิงสาวคนเดิมยืนแอบจิกตามองเธอด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าต้องการจะประกาศศักดิ์ดา ก็เอาสิ ในเมื่อฉัตรายังคงกำมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซึ่งนั่นก็จะต้องรู้แล้วว่าระหว่างเธอกับแม่ลิ้นจี่นั่น ฉัตราจะเลือกที่จะหนุนหลังใคร"นายหัวขา ป้าตาให้ลิ้นจี่มาตามนายหัวไปทานข้าวเย็นค่ะ""อื้มขอบใจ วันนี้มีอะไรกินบ้าง""ก็เยอะเลยค่ะนายหัว มีแต่ของโปรดนายหัวเผ็ดๆทั้งนั้น ลิ้นจี่รู้ว่านายชอบอาหารรสจัด ก็เลยเตรียมพวกของหวานเอาไว้ให้ด้วย ไปดูสิคะ"หญิงสาวคนนั้นยังคงพูดไปยิ้มไป สายตาและท่าทางแสดงออกเต็มๆว่าต้องการทำให้คนตรงหน้าหลงใหลได้ปลื้มไปกับท่าทีนั้นของเธอ จนพริมาเห็นแล้วก็เกิดของขึ้นเผลอกัดฟันและจิกเล็บเสียแรงลงไปบนฝ่ามือใหญ่อย่า
พริมายังคงนิ่งเงียบไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรใดๆในขณะที่ฉัตราจูงมือเธอเดินเข้ามาในบ้านและก่อนจะพาเดินเข้าในในห้องส่วนตัวซึ่งเป็นห้องนอนตัวเอง จากนั้นทันทีที่บานประตูถูกปิดลง เสียงลูกบิดหน้าประตูก็ถูกกดล็อก แล้วคนตัวใหญ่ก็ยกสองมือขึ้นมาจับใบหน้าเธอประครองเข้าหา แล้วจึงจัดการประกบริมฝีปากลงมาทันทีทั้งที่ฉัตรากำลังจูบเธออย่างหนักหน่วง หากแต่พริมากลับยังคงยืนนิ่งเฉยไร้ซึ่งการตอบสนอง ในขณะที่เขาจัดการเปิดปากแล้วส่งลิ้นร้ายของตัวเขาเองเข้าไปรุกรานภายในปาก หากแต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้พริมาคล้อยตามได้ ส่วนคนที่กำลังคลั่งจูบเธออยู่ พอเห็นว่าเธอยังคงนิ่งก็เริ่มเอะใจ "พิม เป็นอะไรหรือเปล่า""พี่ฉัตร คือว่าพิม.."จะให้เธอตอบออกมาได้ยังไงว่าที่เธอนิ่งไปเป็นเพราะว่ามีเรื่องค้างคาใจอยู่ แน่นอนว่าสายตาของผู้หญิงด้วยกันมอง มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าสายตาของผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่มองเธอและฉัตรานั้นมองมาด้วยสายตาแบบไหน พริมาไม่ได้อยากเก็บความสงสัยที่มันกำลังรบกวนจิตใจตัวเองเอาไว้แบบนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและฉัตรานั้น เขาให้อภิสิทธิ์เธอในการแสดงถึงความหึงหวงเขาได้เพียงใด"
ความคิดเห็น