หลังจากวันที่นภัสสรกลับมาจากบ้านของชัชวาล ดูเหมือนว่าข้อเสนอของอีกฝ่ายจะทำให้เธอเครียดและหนักใจมากกว่าเดิม เธอเล่าเรื่องข้อเสนอต่าง ๆ ให้ณรงค์ได้ทราบทั้งหมด ยกเว้นเสียแต่การจ่ายดอกเบี้ย เธอไม่ได้บอกเขา
ทว่าแค่เท่านั้นมันก็มากพอจะทำให้ผู้เป็นสามีโกรธจนควันออกหู จนสบถด่าเจ้าหนี้อย่างไม่ปรานี แต่มันกลับทำให้หัวใจใกล้โรยราของนภัสสรกลับมาชุ่มชื่นได้อีกครั้ง อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายรักและหวงแหนเธอมากขนาดไหน
แกร๊ก ~ ~
เสียงประตูห้องเช่าเปิดออก ณรงค์กลับมาหลังจากหายออกจากบ้านไปครึ่งค่อนวัน เขาหัวเสียจนเลือดขึ้นหน้า จึงขอตัวไปสงบสติอารมณ์ที่อื่น เวลานี้คงจะดีขึ้นมากแล้ว ทำให้เขากลับมาหาผู้เป็นภรรยาได้เสียที
“พี่รงค์ กินข้าวหรือยัง” เธอเอ่ยถามสามีอย่างที่ทำเป็นปกติ
“พี่กินมาแล้ว”
สีหน้าสามีกังวลอย่างเห็นได้ชัดจนหญิงสาวอดห่วงไม่ได้
“พี่รงค์เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย”
“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ” เธอแน่นิ่งไปทันทีเพราะรู้ดีว่าคงไม่พ้นเรื่องหนี้สินเช่นเคย
“ไม่เป็นไรนะพี่ ยังเหลืออีกห้าวัน ฉันว่-”
ยังไม่ทันที่ภรรยาจะพูดจบ ผู้เป็นสามีก็เอ่ยขัดขึ้น
“เรื่องข้อเสนอ พี่ว่าตกลงตามนั้นก็ได้นะ” เขาเอ่ยพลางหลบสายตาหญิงสาว
“พ...พี่รงค์” ดวงตากลมโตเอ่ยเสียงสั่น
“พี่ขอโทษ จะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวก็ได้ แต่พี่ว่ามันไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ เราก็คงต้องทำตามที่เสี่ยชัชเสนอ”
คำพูดของณรงค์ทำเอานภัสสรจุกและเจ็บจนพูดไม่ออก ท่าทีนิ่งเฉยราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวของสามี ทำเอาหัวใจของนภัสสรแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ
ทำไมเขาถึงตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้าโมโหจนแทบคลั่ง ทำเหมือนกับว่าจะไม่ยอมให้เธอไปทำเรื่องพวกนั้นด้วยซ้ำ
“สรว่ามันน่าจะยังมีทางอื่นนะพี่”
“มันไม่มีทางอื่นแล้วสร”
“พี่จะยอมให้สรไปเป็นของคนอื่นอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานเจือสะอื้น ราวกับไม่สามารถกวาดเก็บเศษซากแห่งความเสียใจได้อีกต่อไป
“พี่ไม่ได้อยากทำอย่างนี้ แต่มันไม่มีทางรอดแล้วสร”
“พี่ก็เอาแต่บอกว่าไม่มีทาง แล้วพี่ได้ลองหาทางแล้วหรือยัง พี่ได้ทำอะไรบ้างแล้วหรือยังพี่รงค์”
นภัสสรเอ่ยเสียงแข็งผิดกับน้ำเสียงที่ใช้ปกติ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถทนอย่างที่เป็นอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่พี่นะสร พี่ก็หาทางของพี่อยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าสรพยายามอยู่คนเดียวสักหน่อย”
“แต่คนที่มันต้องใช้หนี้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อมันคือสรไงพี่รงค์”
น้ำสีใสไหลพรั่งพรูพร้อมกับความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมาหลายวัน
“พี่ให้สรเอาตัวเองไปใช้หนี้ได้ยังไงอ่ะ สรเป็นเมียพี่นะ”
“ถ้าสรรักพี่ สรทำเพื่อพี่ได้ไหม”
ราวกับหูทั้งสองข้างได้ดับสนิท เมื่อสามีเอ่ยคำนั้นออกมา คำหวานดังมีดเฉือนเนื้อทิ่มแทงหัวใจแตกสลาย บดขยี้หัวใจของเธอเละจนไม่มีชิ้นดี
“แล้วพี่ไม่รักสรเหรอ” นภัสสรสะอื้นไห้จนตัวโยน
“พี่รักสร แต่ว่าพี่จำเป็นต้องให้สรช่วย เพื่อความอยู่รอดของเราสองคน”
ความอยู่รอดอย่างนั้นหรือ?
ดูเหมือนว่าคนเดียวที่รอดจากปัญหานี้คงจะมีแค่ณรงค์เท่านั้น
“พี่เสียใจนะที่ตัดสินใจแบบนี้ แต่อยากให้สรรู้ไว้ ไม่ว่าสรจะเอากับใคร แต่ยังไงพี่ก็ยังรักสรเหมือนเดิม”
ดวงตาสองคู่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนประกบจูบมอบจุมพิตกันอย่างถวิลหา ในตอนนี้หัวใจของคนทั้งคู่ต่างไร้พรมแดนซึ่งกันและกัน เขาสามารถล่วงก้าวเข้าไปในพื้นที่ของหญิงสาว เช่นเดียวกับที่เธอก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในก้นบึ้งหัวใจของชายหนุ่มสองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันอย่างแนบชิด สันจมูกคมพรมจูบไปตามเนื้อเนียนนวลอย่างรักใคร่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังส่วนเนื้ออวบอูม เรียวขาสวยทั้งสองข้างถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่ริมฝีปากหยักหยุ่นจะแตะโลมเลียตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไปถึงปลีน่องและขาอ่อนเนียนตอหนวดเฉียดสัมผัสช่วงเรียวขาที่อ่อนไหว ทำเอาหญิงสาวสั่นระทดระทวยจนร่างแทบเหลวเป็นน้ำ เป็นความหวามไหวที่ไม่ได้ทำให้สติถึงขั้นกระจัดกระเจิง แต่ทว่ากลับตื่นเต้นจนหัวใจสั่นระรัวยากเกินกว่าจะควบคุมให้เป็นปกติสองนิ้วเรียวแหวกกลีบเนื้อพลางถูไถเป็นจังหวะคล้ายเรียกน้ำปรารถนาให้ไหลออกมาจากตัวเธอ เพียงไม่กี่อึดใจน้ำสีใสเหนียวลื่นก็ซึมซาบออกมาราวกับสั่งได้“จะกี่ปี ๆ น้ำเธอก็เต็มรูตลอดเลยนะ” เสี่ยชัชยิ้มมุมปากพลางเอ่ย“ก็เสี่ยเล้าโลมดีนี่คะ”“ฉันเล้าโลมดี หรือเธออารมณ์ขึ้นง่ายกันแน่”“อาจจะเพราะเป็นเสี่ยมั้งคะ สรก็เลยมีอารมณ์ต
นภัสสรขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยท้ายสุดของหมู่บ้าน ประตูรั้วบานใหญ่เปิดออกอัตโนมัติเมื่อหญิงสาวมาถึง เธอสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระราวกับว่าเธอเป็นหนึ่งในเจ้าของบ้าน เธอได้รับเกียรตินั้นเสมอตั้งแต่วันแรกที่มาจนถึงปัจจุบัน“สวัสดีค่ะหนูสร ให้ป้าช่วยถืออะไรไหมคะ” ป้าสายออกมาต้อนรับเธออย่างดี“ไม่เป็นไรค่ะป้า เดี๋ยวสรถือเองก็ได้ค่ะ”“หนูสรกินอะไรมาหรือยังคะ ให้ป้าเตรียมให้ไหม”“สรกินมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้เสี่ยอยู่ไหนหรือคะ” เธอระบายยิ้มพลางถาม“คุณชัชอยู่ที่ห้องนอนค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย“งั้นเดี๋ยวสรไปหาเสี่ยก่อนนะคะ” เธอปลีกตัวก่อนจะเยื้องย่างมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของชัชวาลก๊อก ก๊อก ~ ~หญิงสาวเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดมันเข้าไปด้านใน เจ้าของบ้านสะลึมสะลือคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่เธอเข้ามา ร่างเพรียวบางหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวพรมจูบบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์“เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามทั้งที่ยังลืมตาตื่นไม่เต็มที่“เพิ่งมาถึงเองค่ะ”“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” เขาถามก่อนจะหยัดตัวนั่งพิงหัวเตียง“จะห้าทุ่มแล้วค่ะ”“อ้าว ดึกแล้วทำ
สามปีต่อมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างเบิกบานแต่ทว่าสำหรับนภัสสรแล้ว วันนี้กลับกลายเป็นวันทำงานที่เธอทั้งกดดันและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน เพราะเป็นวันที่แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของเธอจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเองสักทีหลังจากที่เธอหย่าขาดกับณรงค์ เธอก็ได้เอาเงินเก็บที่เสี่ยชัชให้ด้วยความเสน่หามาลงทุนสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ในช่วงแรกกิจการลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจมากนักแต่เมื่อได้ลองผิดลองถูกหลายอย่าง มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้และผลักดันให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างที่เธอต้องการ จนกระทั่งสามารถเช่าพื้นที่เปิดร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ได้“พี่สรคะ มีดอกไม้มาส่งค่ะ” น้ำรินทร์เอ่ยพลางยื่นดอกกุหลาบช่อโตให้เจ้าของแบรนด์“ใครให้มาเหรอรินทร์” เธอยิ้มบางพลางทำหน้างุนงงเล็กน้อย“พี่สรดูเองดีกว่าค่ะ”ลูกน้องคนสนิทยิ้มร่าก่อนจะว่าต่อ“แต่รินทร์ว่าพี่สรคงเดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ ก็คงเป็นคนดีคนเดิมของพี่สรนั่นแหละ”หญิงสาววัยสามสิบสามไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มหน้าอ่านจดหมายน้อยที่
ชัชวาลอุ้มร่างเพรียวสวยไปวางบนโซฟาอย่างค่อย ๆ พลางถอนแกนกายออก ก่อนจะไปจัดการเช็ดคราบแห่งความสุขสมที่เลอะอยู่กลางห้องอีกฝ่ายวางเธอลงไว้ที่โซฟาท่าไหน เธอก็ยังเอนตัวพิงโซฟาอยู่ท่านั้น นภัสสรนั่งอ้าขาเอนกายพิงพนักที่นั่งอย่างสิ้นสภาพ การร่วมรักครั้งนี้ทำเธอล่องลอย สติกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางจนเธอแทบจะจับจุดและเอาสติกลับมาไม่ได้“เธอโอเคไหม นภัสสร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางจับแก้มนวลเพื่อตรวจเช็กร่างกายว่าเธอยังปกติดีหรือไม่“โอเคค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อน“โอเคจริง ๆ ใช่ไหม ฉันไม่เคยเห็นเธอหมดสภาพแบบนี้มาก่อนเลย” เสียงทุ้มต่ำเจือความกังวลเอ่ยก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก“โอเคจริง ๆ ค่ะ สรแค่หมดแรงเฉย ๆ” ตอนนี้สติของเธอเริ่มกลับมาเกือบหมดแล้ว“งั้นเธอนอนพักก่อนดีไหม”“ก็ดีค่ะ นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น”“ขอโทษนะ ฉันไม่น่าเอาเธอขนาดนี้เลย” ว่าจบชายหนุ่มก็กดจูบกลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา“ไม่ใช่ความผิดเสี่ยเลยค่ะ ก็สรอยากให้เสี่ยทำแรง ๆ เอง และอีกอย่างที่ทำกันเมื่อกี้ไม่ใช่ไม่ดีสักหน่อย” เธอเอ่ยพลางเม้มปากอย่างขัดเขิน“หมายความว่ายังไง”“ที่เสี่ยอุ้มสรเมื่อกี้มันดีมาก ๆ เลยค่ะ”นัยน์ตาดำขลับฉายแววเป็
ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีตรงแก้มอย่างเห็นได้ชัด ก้อนเนื้ออกข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รู้สึกประหม่าจนต้องเม้มปากเพื่อแก้อาการเขิน แต่ทว่ามันกลับยั่วยุอารมณ์กามของอีกฝ่ายให้พลุ่งพล่าน จนเผลอกระทุ้งเสยเข้าไปเต็มแรง“อ้ะ จ...จุก”“เจ็บเหรอ”ร่างกำยำถามอย่างเป็นกังวล แต่ก็ยังกระแทกกระทั้นไม่ยั้งแรงเช่นเดิม“ไม่เจ็บค่ะ แค่จุกเฉย ๆ” เธอเอ่ยพลางลูบตรงท้องน้อยที่ปวดมวนวาบเป็นที ๆ“ให้ฉันทำเบากว่านี้ไหม”“ไม่เอาค่ะ ทำแรง ๆ แบบนี้แหละ หนูชอบ”รอยยิ้มเสือร้ายปรากฏบนใบหน้าชายวัยกลางคนทันที ก่อนจะตอกอัดเสยแกนกายอย่างไม่ปรานี ทำเอาหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความจุกเสียว“อ่าส์ ตรงนั้นแหละค่ะ เสียวสุด ๆ ไปเลย”สะโพกสอบโถมแรงอัดกระแทกเข้าใส่ไม่บันยะบันยัง ทำเอาสองเต้ากลมกลึงเด้งกระเพื่อมตามแรงโน้มถ่วง อีกทั้งเรียวขาสวยทั้งสองข้างสั่นสะท้านจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้เต็มฝ่าเท้า แขนแกร่งจึงยกขาข้างหนึ่งของหญิงสาวมาประคองไว้ หวังจะช่วยทำให้เธอทรงตัวได้ง่ายขึ้น แต่ทว่ามันกลับทำให้ท่อนลำเนื้อทะลวงเข้าไปในตัวของอีกคนลึกกว่าเดิม“อ้าาาส์ ล...ลึก ลึกจังเลยค่ะเสี่ย”“พิงผนังไว้ดี ๆ นะ ฉันจะใส่เต็มแรงแล้ว”“กรี๊ดดดด อ่าห์”นภ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเจ้าของใบหน้าสอางค์ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานของเขา“ไม่เป็นไรค่ะ เหลืออีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” นัยน์ตาดำขลับฉายแววแน่วแน่ขะมักเขม้นกับงานเอกสารตรงหน้าพลางเอ่ย“เธอนั่งทำมาทั้งวันแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”“เสี่ยก็ทำมาทั้งวันเหมือนกัน ไม่เห็นเสี่ยจะเหนื่อยเลยนี่คะ” เธอเอ่ยย้อนตาใส แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนแก่กว่ารู้สึกเดือดดาล“ก็ฉันทำจนชินไปแล้ว แต่เธอเพิ่งจะทำเองนะ”นภัสสรมาช่วยงานเอกสารและตัวเลขให้ชัชวาลได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้มาก่อน แต่ทว่าความรู้จากการเรียนจบครูคณิตฯ ระดับมัธยมศึกษามาก่อนก็พอจะช่วยเธออยู่ได้บ้าง ถึงจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโง่งมจนเกินไป“ถึงจะเพิ่งทำ แต่สรก็ทำได้นะคะ” เธอยังคงมุ่งมั่น“ก็รู้ แต่มันก็ต้องทำแต่พอดีไง ทำเยอะเกินไป เธอจะล้าเอาได้ เดี๋ยวจะเหนื่อยจนไม่ได้ทำอย่างอื่น” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายมีอายุ“เสี่ยหมายถึงทำอะไรคะ” หญิงสาวเอียงคอถามชัชวาลเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอก่อนจะโน้มใบหน้าและกระซิบข้างหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“ก็ทำแบบที่เธอร้องครางเสีย