เพราะคำว่า ‘รัก’ ที่สามีพร่ำบอกอยู่เสมอ ทำให้นภัสสรมาที่นี่ มาที่บ้านของเจ้าหนี้ ผู้ต้องการให้เธอเป็นนางบำเรอแลกกับการใช้หนี้ของสามีที่เธอไม่ได้มีส่วนก่อ ความขมขื่นที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ทำเอาเธอปวดร้าวแทบขาดใจ ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วชีวิตจะมาลงเอยเช่นนี้ แม้จะเตรียมใจไว้ว่าหากสุดท้ายหาเงินมาจ่ายงวดแรกไม่ได้ก็อาจจะยอมตอบตกลง แต่ทว่าณรงค์กลับออกปากให้เธอทำตามข้อเสนอ ทั้งที่ยังไม่ได้พยายามหาทางรอดอย่างถึงที่สุด
มันก็แน่อยู่แล้ว จะพยายามหาทางอื่นไปให้เหนื่อยไปทำไม ในเมื่อให้เมียอย่างเธอเอาตัวเข้าแลกก็สิ้นเรื่อง
“หนูนภัสสรเชิญทางนี้เลยค่ะ” ป้าแม่บ้านเอ่ยเรียกให้เธอไปพบเจ้าของบ้าน
“ค่ะป้า”
เธอค้อมหัวเล็กน้อย ทำเอาป้าแม่บ้านอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางนอบน้อมของหญิงสาว
“หนูนภัสสรทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ทานมานิดหน่อยแล้วค่ะป้า”
“แล้วอิ่มไหมคะเนี่ย ทานอะไรเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวป้าเตรียมไว้ให้พร้อมคุณชัชเลย”
หญิงวัยเจ็ดสิบเอ่ยอย่างอ่อนโยน ทำเอานภัสสรรู้สึกเหมือนกับได้รับการปลอบประโลม แม้จะเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำจากหญิงแปลกหน้า แต่มันกลับแสดงความเป็นห่วงเป็นใยจนเธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ป้ายินดีทำให้”
“ขอบคุณนะคะ”
“ป้าสายจัดอาหารมาสองชุดเลยก็ได้ครับ” เสียงเจ้าของบ้านเอ่ยแทรกขึ้น
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าไปเตรียมให้นะคะ” หญิงสูงวัยยิ้มละมุนก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องครัว
“ไม่เจอแค่สองสามวัน หน้าเธอดูหมองลงนะ”
ชัชวาลเอ่ยแหย่ แต่ทำเอาหญิงสาวกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก ใครมันจะไปกินอิ่มนอนหลับมีความสุดได้ เมื่อมีเจ้าหนี้อย่างเขาคอยตามจี้ตามทวงอยู่ทักวี่วัน
“คงจะเครียดหาเงินใช้หนี้น่าดูเลยล่ะสิ”
“เสี่ยคะ เรื่องข้อเส-” เสี่ยชัชยกมือห้าม ทำให้เธอต้องหยุดพูดกลางคัน
“ค่อยว่ากันหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วดีไหม”
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบพลางหยักหน้า
“เธอดื่มไวน์ได้ไหม” ชัชวาลเปลี่ยนเรื่อง
“คิดว่าพอได้ค่ะ แต่ปกติสรไม่ค่อยดื่ม”
“ทำไมล่ะ ผัวเธอไม่ค่อยซื้อให้กินเหรอ”
คำถามเหน็บแนมจี้ใจดำนภัสสรจนพูดไม่ออก สิ่งที่ชัชวาลพูดไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด เธอไม่ค่อยได้ดื่มได้กินอะไรตามใจอยากเท่าไหร่นัก ทั้งที่ก่อนแต่งงาน ณรงค์มักจะสรรหาของที่ต้องการมาให้เธอได้เสมอ
“ฉันแค่แหย่เล่น ไม่นึกว่าจะจริง”
เขายิ้มขำขณะหยิบขวดไวน์ในห้องทำงานออกมา
“เธออุตส่าห์มาหาฉันทั้งที ฉันเปิดไวน์ขวดนี้ดีกว่า ฉันว่าเธอน่าจะชอบ สปาร์กกิ้งรสผลไม้หวาน ๆ น่าจะเหมาะกับเธอ”
“จะขวดไหนก็คงเหมือนกันแหละค่ะ ต่อให้ราคาแพงขนาดไหน ลิ้นของสรก็คงแยกของแพงของมีคุณภาพไม่ออกอยู่ดี”
ความเศร้าสร้อยฉายแววในดวงตากลมโตของหญิงสาว รู้สึกหดหู่เมื่อย้อนนึกถึงชีวิตตัวเองที่ค่อย ๆ ห่างไกลจากความฝันไปเรื่อย ๆ
“ต่อไปกินบ่อย ๆ เดี๋ยวก็แยกออกเอง”
คนแก่กว่ายิ้มอบอุ่น ทำเอาหัวใจของหญิงสาวสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ได้
“ฉันว่าไปกันดีกว่า ป้าสายน่าจะจัดโต๊ะเสร็จแล้ว”
“ได้ค่ะ”
สเต๊กเนื้อชั้นดีเสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยสำหรับเจ้าของบ้านและแขกคนสำคัญ เมนูนี้นภัสสรอยากกินมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสจะได้ลิ้มลองเลยสักครั้ง เพราะราคาของมันเทียบเท่ากับค่ากับข้าวทั้งอาทิตย์ของเธอ หากเลือกความสุขเพียงสั้น ๆ แล้วเธอต้องระทมทุกข์กับไข่ต้มไปทั้งอาทิตย์ เธอขอเลือกกินข้าวแกงธรรมดาทุกวันจะดีกว่า อย่างน้อยมันก็ทำให้เธออิ่มท้องและมีความสุขแบบพอเพียงโดยไม่ได้รู้สึกขาดอะไร แม้ว่ามันจะไม่ใช่ชีวิตแบบที่เธอใฝ่ฝัน
“ปกติเธอกินเนื้อไหม ถ้ากินไม่ได้ฉันจะได้ให้ป้าสายทำอย่างอื่นมาให้”
“สรกินได้ค่ะ”
เธอตอบเสียงอ่อน รู้สึกเก้กังอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่านภัสสรคิดมากเกินไปหรือเปล่า แต่เสี่ยชัชปฏิบัติกับเธอดีเกินกว่าที่เจ้าหนี้จะทำกับลูกหนี้
“กินเสียสิ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน”
“ค่ะเสี่ย”
เวลาล่วงเลยไปจนอาหารในจานของทั้งสองพร่องหายไปจนหมด นภัสสรรู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังจากได้กินอาหารชั้นดีกับไวน์รสเลิศ แม้ว่าจะเป็นความสุขเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมอยู่มาก
ใครว่าความสุขซื้อไม่ได้ มันก็เห็น ๆ อยู่ ว่ามีเงินแล้วมีความสุขกว่าตอนไม่มีเป็นไหน ๆ
“เป็นไง อาหารถูกปากไหม” ชัชวาลเอ่ยพลางแกว่งแก้วไวน์เบา ๆ
“อร่อยดีค่ะ”
“แล้วเธอชอบไหม”
“ชอบค่ะ” เธอยิ้มบาง
“ฉันหมายถึง... เธอชอบไหมชีวิตแบบนี้” ดวงตาคมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง จนเธอทำตัวไม่ถูก
“ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนจนเกินไป อยากจะทำอะไรก็ได้ทำ อยากจะกินอะไรก็ได้กิน”
เขาเว้นช่วงพลางลอบมองท่าทีจองนภัสสรที่นั่งตรงหัวโต๊ะฝั่งตรงข้าม
“เธออยากมีชีวิตแบบนั้นบ้างไหมล่ะ”
“ใคร ๆ ก็อยากสบายกันทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ว่าตอนนี้มันคงยากสำหรับสร”
“ทำไมล่ะ เธอจะปฏิเสธข้อเสนอฉันเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์
“เปล่าค่ะเสี่ย ที่สรมาวันนี้ก็จะมาบอกเสี่ย ว่าสรตกลงทำตามข้อเสนอของเสี่ยค่ะ”
ชัชวาลยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ฟังคำตอบ
“แต่ว่าสรไม่ตกลงปากเปล่านะคะ สรขอเอกสารสัญญาไว้เป็นหลักฐานด้วยค่ะ”
เขายิ้มขำกับความทันคนของนภัสสร คิดไม่ผิดที่เขาเลือกผู้หญิงคนนี้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ทำอะไรมันก็ต้องชัดเจนทั้งสองฝ่าย”
“ขอบคุณค่ะเสี่ย”
หญิงสาวโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ครบหนึ่งปี เธอกับสามีก็จะได้เป็นอิสระจากนรกขุมนี้สักที
“ไหน ๆ วันนี้เธอก็มาแล้ว จ่ายหนี้งวดแรกให้ฉันสักหน่อยดีไหม”
ดวงตาสองคู่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนประกบจูบมอบจุมพิตกันอย่างถวิลหา ในตอนนี้หัวใจของคนทั้งคู่ต่างไร้พรมแดนซึ่งกันและกัน เขาสามารถล่วงก้าวเข้าไปในพื้นที่ของหญิงสาว เช่นเดียวกับที่เธอก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในก้นบึ้งหัวใจของชายหนุ่มสองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันอย่างแนบชิด สันจมูกคมพรมจูบไปตามเนื้อเนียนนวลอย่างรักใคร่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังส่วนเนื้ออวบอูม เรียวขาสวยทั้งสองข้างถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่ริมฝีปากหยักหยุ่นจะแตะโลมเลียตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไปถึงปลีน่องและขาอ่อนเนียนตอหนวดเฉียดสัมผัสช่วงเรียวขาที่อ่อนไหว ทำเอาหญิงสาวสั่นระทดระทวยจนร่างแทบเหลวเป็นน้ำ เป็นความหวามไหวที่ไม่ได้ทำให้สติถึงขั้นกระจัดกระเจิง แต่ทว่ากลับตื่นเต้นจนหัวใจสั่นระรัวยากเกินกว่าจะควบคุมให้เป็นปกติสองนิ้วเรียวแหวกกลีบเนื้อพลางถูไถเป็นจังหวะคล้ายเรียกน้ำปรารถนาให้ไหลออกมาจากตัวเธอ เพียงไม่กี่อึดใจน้ำสีใสเหนียวลื่นก็ซึมซาบออกมาราวกับสั่งได้“จะกี่ปี ๆ น้ำเธอก็เต็มรูตลอดเลยนะ” เสี่ยชัชยิ้มมุมปากพลางเอ่ย“ก็เสี่ยเล้าโลมดีนี่คะ”“ฉันเล้าโลมดี หรือเธออารมณ์ขึ้นง่ายกันแน่”“อาจจะเพราะเป็นเสี่ยมั้งคะ สรก็เลยมีอารมณ์ต
นภัสสรขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยท้ายสุดของหมู่บ้าน ประตูรั้วบานใหญ่เปิดออกอัตโนมัติเมื่อหญิงสาวมาถึง เธอสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระราวกับว่าเธอเป็นหนึ่งในเจ้าของบ้าน เธอได้รับเกียรตินั้นเสมอตั้งแต่วันแรกที่มาจนถึงปัจจุบัน“สวัสดีค่ะหนูสร ให้ป้าช่วยถืออะไรไหมคะ” ป้าสายออกมาต้อนรับเธออย่างดี“ไม่เป็นไรค่ะป้า เดี๋ยวสรถือเองก็ได้ค่ะ”“หนูสรกินอะไรมาหรือยังคะ ให้ป้าเตรียมให้ไหม”“สรกินมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้เสี่ยอยู่ไหนหรือคะ” เธอระบายยิ้มพลางถาม“คุณชัชอยู่ที่ห้องนอนค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย“งั้นเดี๋ยวสรไปหาเสี่ยก่อนนะคะ” เธอปลีกตัวก่อนจะเยื้องย่างมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของชัชวาลก๊อก ก๊อก ~ ~หญิงสาวเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดมันเข้าไปด้านใน เจ้าของบ้านสะลึมสะลือคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่เธอเข้ามา ร่างเพรียวบางหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวพรมจูบบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์“เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามทั้งที่ยังลืมตาตื่นไม่เต็มที่“เพิ่งมาถึงเองค่ะ”“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” เขาถามก่อนจะหยัดตัวนั่งพิงหัวเตียง“จะห้าทุ่มแล้วค่ะ”“อ้าว ดึกแล้วทำ
สามปีต่อมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างเบิกบานแต่ทว่าสำหรับนภัสสรแล้ว วันนี้กลับกลายเป็นวันทำงานที่เธอทั้งกดดันและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน เพราะเป็นวันที่แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของเธอจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเองสักทีหลังจากที่เธอหย่าขาดกับณรงค์ เธอก็ได้เอาเงินเก็บที่เสี่ยชัชให้ด้วยความเสน่หามาลงทุนสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ในช่วงแรกกิจการลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจมากนักแต่เมื่อได้ลองผิดลองถูกหลายอย่าง มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้และผลักดันให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างที่เธอต้องการ จนกระทั่งสามารถเช่าพื้นที่เปิดร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ได้“พี่สรคะ มีดอกไม้มาส่งค่ะ” น้ำรินทร์เอ่ยพลางยื่นดอกกุหลาบช่อโตให้เจ้าของแบรนด์“ใครให้มาเหรอรินทร์” เธอยิ้มบางพลางทำหน้างุนงงเล็กน้อย“พี่สรดูเองดีกว่าค่ะ”ลูกน้องคนสนิทยิ้มร่าก่อนจะว่าต่อ“แต่รินทร์ว่าพี่สรคงเดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ ก็คงเป็นคนดีคนเดิมของพี่สรนั่นแหละ”หญิงสาววัยสามสิบสามไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มหน้าอ่านจดหมายน้อยที่
ชัชวาลอุ้มร่างเพรียวสวยไปวางบนโซฟาอย่างค่อย ๆ พลางถอนแกนกายออก ก่อนจะไปจัดการเช็ดคราบแห่งความสุขสมที่เลอะอยู่กลางห้องอีกฝ่ายวางเธอลงไว้ที่โซฟาท่าไหน เธอก็ยังเอนตัวพิงโซฟาอยู่ท่านั้น นภัสสรนั่งอ้าขาเอนกายพิงพนักที่นั่งอย่างสิ้นสภาพ การร่วมรักครั้งนี้ทำเธอล่องลอย สติกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางจนเธอแทบจะจับจุดและเอาสติกลับมาไม่ได้“เธอโอเคไหม นภัสสร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางจับแก้มนวลเพื่อตรวจเช็กร่างกายว่าเธอยังปกติดีหรือไม่“โอเคค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อน“โอเคจริง ๆ ใช่ไหม ฉันไม่เคยเห็นเธอหมดสภาพแบบนี้มาก่อนเลย” เสียงทุ้มต่ำเจือความกังวลเอ่ยก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก“โอเคจริง ๆ ค่ะ สรแค่หมดแรงเฉย ๆ” ตอนนี้สติของเธอเริ่มกลับมาเกือบหมดแล้ว“งั้นเธอนอนพักก่อนดีไหม”“ก็ดีค่ะ นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น”“ขอโทษนะ ฉันไม่น่าเอาเธอขนาดนี้เลย” ว่าจบชายหนุ่มก็กดจูบกลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา“ไม่ใช่ความผิดเสี่ยเลยค่ะ ก็สรอยากให้เสี่ยทำแรง ๆ เอง และอีกอย่างที่ทำกันเมื่อกี้ไม่ใช่ไม่ดีสักหน่อย” เธอเอ่ยพลางเม้มปากอย่างขัดเขิน“หมายความว่ายังไง”“ที่เสี่ยอุ้มสรเมื่อกี้มันดีมาก ๆ เลยค่ะ”นัยน์ตาดำขลับฉายแววเป็
ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีตรงแก้มอย่างเห็นได้ชัด ก้อนเนื้ออกข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รู้สึกประหม่าจนต้องเม้มปากเพื่อแก้อาการเขิน แต่ทว่ามันกลับยั่วยุอารมณ์กามของอีกฝ่ายให้พลุ่งพล่าน จนเผลอกระทุ้งเสยเข้าไปเต็มแรง“อ้ะ จ...จุก”“เจ็บเหรอ”ร่างกำยำถามอย่างเป็นกังวล แต่ก็ยังกระแทกกระทั้นไม่ยั้งแรงเช่นเดิม“ไม่เจ็บค่ะ แค่จุกเฉย ๆ” เธอเอ่ยพลางลูบตรงท้องน้อยที่ปวดมวนวาบเป็นที ๆ“ให้ฉันทำเบากว่านี้ไหม”“ไม่เอาค่ะ ทำแรง ๆ แบบนี้แหละ หนูชอบ”รอยยิ้มเสือร้ายปรากฏบนใบหน้าชายวัยกลางคนทันที ก่อนจะตอกอัดเสยแกนกายอย่างไม่ปรานี ทำเอาหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความจุกเสียว“อ่าส์ ตรงนั้นแหละค่ะ เสียวสุด ๆ ไปเลย”สะโพกสอบโถมแรงอัดกระแทกเข้าใส่ไม่บันยะบันยัง ทำเอาสองเต้ากลมกลึงเด้งกระเพื่อมตามแรงโน้มถ่วง อีกทั้งเรียวขาสวยทั้งสองข้างสั่นสะท้านจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้เต็มฝ่าเท้า แขนแกร่งจึงยกขาข้างหนึ่งของหญิงสาวมาประคองไว้ หวังจะช่วยทำให้เธอทรงตัวได้ง่ายขึ้น แต่ทว่ามันกลับทำให้ท่อนลำเนื้อทะลวงเข้าไปในตัวของอีกคนลึกกว่าเดิม“อ้าาาส์ ล...ลึก ลึกจังเลยค่ะเสี่ย”“พิงผนังไว้ดี ๆ นะ ฉันจะใส่เต็มแรงแล้ว”“กรี๊ดดดด อ่าห์”นภ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเจ้าของใบหน้าสอางค์ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานของเขา“ไม่เป็นไรค่ะ เหลืออีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” นัยน์ตาดำขลับฉายแววแน่วแน่ขะมักเขม้นกับงานเอกสารตรงหน้าพลางเอ่ย“เธอนั่งทำมาทั้งวันแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”“เสี่ยก็ทำมาทั้งวันเหมือนกัน ไม่เห็นเสี่ยจะเหนื่อยเลยนี่คะ” เธอเอ่ยย้อนตาใส แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนแก่กว่ารู้สึกเดือดดาล“ก็ฉันทำจนชินไปแล้ว แต่เธอเพิ่งจะทำเองนะ”นภัสสรมาช่วยงานเอกสารและตัวเลขให้ชัชวาลได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้มาก่อน แต่ทว่าความรู้จากการเรียนจบครูคณิตฯ ระดับมัธยมศึกษามาก่อนก็พอจะช่วยเธออยู่ได้บ้าง ถึงจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโง่งมจนเกินไป“ถึงจะเพิ่งทำ แต่สรก็ทำได้นะคะ” เธอยังคงมุ่งมั่น“ก็รู้ แต่มันก็ต้องทำแต่พอดีไง ทำเยอะเกินไป เธอจะล้าเอาได้ เดี๋ยวจะเหนื่อยจนไม่ได้ทำอย่างอื่น” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายมีอายุ“เสี่ยหมายถึงทำอะไรคะ” หญิงสาวเอียงคอถามชัชวาลเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอก่อนจะโน้มใบหน้าและกระซิบข้างหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“ก็ทำแบบที่เธอร้องครางเสีย