Share

Chapter 6

ขณะที่ผมมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน ผมก็ส่งกระแสจิตถึงเบลล์ ขอให้เธอพาบรูคส์ลงไปรับประทานอาหารเช้าด้วย ข่าวการปรากฏตัวของเธอในบ้านของผม และข่าวที่ว่าเธอคือลูน่า แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟป่า มนุษย์หมาป่าทุกตัวได้รู้ข่าวว่าเธอจะเป็นราชินีภายในชั่วข้ามคืน

ผมไม่สามารถโทษใครได้ เอเดอริน มีรังสีออร่าอยู่รอบตัวเธอ ซึ่งทำให้มนุษย์หมาป่าต้องสวามิภักต่อเธอ เธอถูกวางให้เป็นคู่กับราชามนุษย์หมาป่า ซึ่งนั่นจะทำให้เธอเป็นราชินีแห่งมนุษย์หมาป่า

แม้ว่าเธอจะสวยมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือเธอเป็นมนุษย์ มนุษย์ไม่มีทางเปรียบเทียบกับมนุษย์หมาป่าในแง่ใดได้เลย มนุษย์หมาป่าแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากทั้งในเรื่องความแข็งแรงทางกายภาพ พลัง อายุขัย หรือแม้กระทั่งสติปัญญา

การแต่งงานกับมนุษย์หมายถึงความรับผิดชอบ มนุษย์ไม่ควรจะรู้เกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า และในเมื่อผมจะต้องแต่งงานกับมนุษย์ ผมจะต้องดูแลเธอและชีวิตของเธอ เหมือนเธอเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชิวิตผม และนี่เป็นเรื่องยากสำหรับผมและสำหรับเธอที่เป็นมนุษย์

เธอไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าและศัตรูของผม การเป็นราชา ผมจะต้องดูแลอาณาจักรและประชาชนของผมเอง แต่ผมก็ยังคงมีศัตรู ที่จะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางและทำลายชื่อเสียง ในขณะที่พวกเขาไม่เคยมีโอกาสที่จะมาทำร้ายผมได้เพราะพลังพิเศษที่ผมมี ตอนนี้พวกเขาอาจจะใช้โอกาสที่จะทำร้ายอาณาจักรของผมโดยใช้คู่ครองของผม เอเดอริน บรูคส์

ผมไม่เคยต้องการคู่ครอง ไม่สิ ผมไม่คิดว่าการมีคู่ครองจะเป็นต้นเหตุของความอ่อนแอของผม แต่ตอนนี้ผมก็มีปัญหาของตัวเอง ผมมีอดีตที่เลวร้าย

ครอบครัวของผม

ดวงตาของผมรื้นไปด้วยน้ำตา เมื่อคิดถึงพวกเขา ครอบครัวเดียวของผมได้เสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาตั้งแต่ผมมีอายุเพียงสิบสามปี พวกเขาถูกศัตรูของเราฆ่าต่อหน้าต่อตาผม พ่อของผมซึ่งเป็นพระราชาและแม่ของผม เป็นราชินี ลูน่า ถูกศัตรูของเราฆ่า โดยใช้ยาพิษซึ่งทำขึ้นโดยแม่มดเจ้าเล่ห์ที่ทรงพลัง

ยาพิษดังกล่าวหยุดความสามารถของพ่อและแม่ของผม ทำให้พวกเขาอ่อนแอเหมือนมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงถึงแก่ความตายเมื่อพวกเขาถูกแทงด้วยมีดสีเงิน

ผมได้รับการช่วยเหลือจาก เบต้า ผู้ช่วยของพ่อ ซึ่งจัดการพาผมหนีไปในที่ที่ปลอดภัย ในสมัยนั้น เมื่อเราอยู่ห่างจากราชอาณาจักร เราก็ได้รู้ว่าราชอาณาจักรกำลังจะล่มสลายโดยศัตรูของเรา พวกเขาต้องการล้างการดำรงอยู่ของมนุษย์หมาป่าจากโลกนี้

ใจของผมมอดไหม้ไปด้วยความต้องการแก้แค้น แก้แค้นให้กับการตายของครอบครัวของผม แก้แค้นเพื่อพลเมืองของผม แก้แค้นเพื่อราชอาณาจักรของผม ดังนั้น เมื่อผมแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเป็นครั้งแรก ไม่นานนักผมก็ได้รู้ถึงพลังความสามารถของตัวเอง ผู้ช่วยของพ่อเริ่มสอนผม เขาสอนวิธีการต่อสู้ การใช้พลังความสามารถพิเศษ และสอนผมเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์หมาป่าของราชวงศ์นี้

แม้ว่าเราจะยังคงอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ภูเขา เราก็สามารถสร้างตัวเองได้ และในไม่ช้า เมื่อวันนั้นมาถึงเพื่อให้แผนในการแก้แค้นของเราสำเร็จ

ในขณะที่เราไม่อยู่ เบต้า ผู้ช่วยของพ่อ ยังคงติดต่อกับคนสำคัญที่มีอำนาจอย่างอัลฟ่า เพื่อเตรียมการทั้งหมดตามแผนของเรา อัลฟ่าอยู่กับพระราชาในอนาคตของพวกเขา ซึ่งก็คือผม

สุดท้ายเราโจมตีและใช้กลอุบายแบบเดียวกับที่พวกเขาทำกับเรา เราได้รับความช่วยเหลือจากแม่มด แม่มดที่ทรงพลังที่สุดสิบเอ็ดคนจากสิบสองคนได้รับการว่าจ้างให้ทำงานให้เราและคนที่เตรียมยาสำหรับศัตรูของเราก็ถูกแม่มดอีกสิบเอ็ดคนฆ่า พวกแม่มดบอกว่า เธอละเมิดกฎ การทรยศหักหลังราชามนุษย์หมาป่านั้นเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับเผ่าพันธุ์แม่มด

เราสามารถดักจับศัตรูของเราได้ และสุดท้ายพวกเรายังคงคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งการแก้แค้น ผมฆ่าพวกเขาอย่างไร้ความปราณีด้วยมือของผมเอง ผมเผาพวกเขาจนตาย

เป็นเวลาห้าปีแล้วสำหรับเหตุการณ์นี้และการแก้แค้นของผม แต่แน่นอนว่าศัตรูของผมไม่ใช่พวกที่จะลืมหรือให้อภัยได้ พวกมันทรงพลังและพยายามล้างแค้นพวกเราอย่างสุดความสามารถ พวกเขาไม่ใช่แวมไพร์หรือแม่มดที่ผมจะสามารถควบคุมได้ง่าย พวกมันคือปีศาจ "นาชเซเรอร์”

ในศตวรรษที่หนึ่ง ที่แวมไพร์อายุหลายศตวรรษมีวิกฤติและเกิดการผสมผสานทางสายเลือดของสายพันธุ์ที่มีปัญหา มันเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มชิวิตใหม่ให้กับเผ่าพันธุ์แวมไพร์ นั่นคือการถือกำเนิดของพวกนาชเซเรอร์ เป็นการผสมเผ่าพันธุ์ที่แปลกประหลาดระหว่างผีปอบและแวมไพร์ กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูดกินวิญญาณ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบภาคเหนือของเยอรมนี ซึ่งปีศาจเหล่านี้จะลุกขึ้นจากหลุมศพเพื่อกลืนกินเครือญาติของพวกมันเอง นับเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของพวกมนุษย์หมาป่าและแม้กระทั่งสำหรับมนุษย์ นาชเซเรอร์ ยังสามารถฆ่าผู้คนที่มีชีวิตได้ด้วยการสั่นกระดิ่งของโบสถ์ที่นำความตายมาสู่ทุกคนที่ได้ยินเสียงพวกมัน และสามารถทำให้ความตายมาเยือนเมื่อคุณสัมผัสกับเงาของมัน ฟังดูน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก

ผู้คนเรียกพวกมันว่าเงาเพราะไม่มีใครเห็นตัวพวกมันจริงๆ และเมื่อพวกมันล่วงลับไป คุณก็แทบจะไม่สามารถทำสังเกตหรือแยกเงาของพวกมันได้ ผมเคยเชื่อว่ามันเป็นสัตว์ในตำนานเท่านั้นจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเราถูกจู่โจมโดยพวกนาชเซเรอร์นับร้อย

ปรากฎว่าพ่อของผมฆ่าพวกนาชเซเรอร์ เมื่อเขาออกไปลาดตระเวน มันไม่ใช่ความผิดของพ่อ พวกมันมีกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ของเราซึ่งทำให้พ่อต้องปกป้องเผ่าพันธุ์ของเขา และพ่อก็สามารถช่วยคนของเราได้มากมายจากการฆ่าพวกนาชเซเรอร์เหล่านั้น แต่สมาชิกครอบครัวพวกนาชเซเรอร์ตนหนึ่งสามารถหลบหนีไปได้ และเขาสาบานว่าจะมาแก้แค้นเรา เวลาผ่านไปเนิ่นนานและวันหนึ่งเราถูกโจมตีในที่สุด

เราไม่สามารถทำอะไรกับความเร็วและพลังอันน่าทึ่งของพวกมันได้ มันแปลกจริงๆ เพราะปกติแล้วมนุษย์หมาป่าสามารถสู้กับพวกมันได้ แต่ในกรณีนี้ เราจึงได้รู้ว่าพวกมันใช้เวทมนต์คาถาปกป้องและเป็นโล่กำบัง มนต์ดำนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแม่มดผู้ทรงพลังคนหนึ่ง

ผมแตกสลาย การสูญเสียครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม ผมฝันร้ายกับเสียงกรีดร้องของพวกเขาและความทรงจำที่พวกเขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตายังตามหลอกหลอน

ผมไม่คิดว่าเอเดอรินจะเข้าใจสิ่งนี้ เธอดูเหมือนเด็กสาวที่ไร้กังวล เธอมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเสมอ ผมคิดว่าธอไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ เธอไม่คู่ควรกับคนอย่างผม ชีวิตเธอไม่สมควรต้องได้รับความเจ็บปวดใดๆ

แล้วทำไมเธอถึงถูกวางเป็นคู่ครองของผมนะ ใครบางคนที่แหลกสลายและเย็นชา ไม่คู่ควรกับคู่ครองอย่างเอเดอริน

แล้วทำไมกัน?

วันนี้เมื่อผมไปที่ห้องอาหาร และส่งกระแสจิตบอกทุกคนเตือนให้อย่าไปยุ่มย่ามและพยายามอยู่ห่างๆจากเธอไว้ และเธอไม่ควรรู้ว่าพวกเราเป็นมนุษย์หมาป่า ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ผมสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เปล่งประกายจากตัวเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอเป็นมนุษย์ ผมสามารถสัมผัสได้ถึงสายใยของความเป็นคู่ของเรา แต่วันนี้ผมรู้สึกได้ถึงรัศมีประหลาดที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเธอ

ดังนั้นเมื่อเธอตะโกนเสียงดังใส่ผม เพราะอยากรู้ว่าทำไมผมถึงไม่พูดอะไรต่อกับผู้คน โดยที่ยังไม่รู้ว่าพวกเรามีการสื่อสารกันทางจิต ผมจึงหันกลับไป จับแขนของเธอไว้

วิธีเดียวที่จะรู้เกี่ยวกับตัวเธอคือการอ่านใจเธอ ผมพบว่ามันแปลกมากที่ตั้งแต่ผมพบกับเธอที่ร้านอาหาร ผมไม่เคยได้ยินเสียงอะไรจากจิตใจเธอเลย

ผมจดจ่ออยู่กับการอ่านความคิดของเธอ ขณะที่เธอขมวดคิ้วมาที่ผม เป็นความน่าตกใจและน่ากลัวมากที่ผมไม่พบอะไรเลย

ผมขมวดคิ้วและพยายามเพ่งความสนใจให้มากขึ้นไปอีก แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งพบเจอแต่ความว่างเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนเธอไม่ได้คิดอะไร ผมเจอแต่ความว่างเปล่า เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์จะไม่มีความคิดอะไรเลย

ไม่นานผมก็เริ่มปวดหัว ผมอยากจะถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเธอ ผมอยากจะกรีดร้องใส่เธอว่าทำไมผมถึงอ่านเธอไม่ออก เธอเป็นใครกันแน่?

นี่เป็นสิ่งใหม่สำหรับผม ผมไม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ ผมรู้สึกอ่อนแอ เหมือนหัวของผมถูกทุบ ซึ่งนั่นทำให้ความโกรธของผมปะทุขึ้น

ผมไม่อยากสร้างเรื่องอะไรให้ใหญ่โต ผมจึงเดินออกจากห้องโถงกลับไปที่ห้อง

“ผมเป็นอะไรไป” ผมตะโกนอย่างหงุดหงิดและจับศีรษะที่สั่นเทา

ผมชกผนังด้วยความรู้สึกหงุดหงิด จนทำให้ผนังเป็นรอย

“คุณเป็นใคร เอเดอริน บรูคส์?” ผมถามตัวเองในใจ

ในไม่ช้า เหตุการณ์ที่ผมเจอกับเธอในวันแรกก็เธอแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของผม พอมาคิดดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ดวงตาของเธอขุ่นมัวเกือบตลอดเวลาเมื่อผมพูดคุยกับเธอ ผมพบว่าหัวใจเธอเต้นแรง แม้ว่าเธอจะดูสงบและสงวนท่าที ทุกครั้งที่เธอยิ้ม มันไม่เคยเป็นยิ้มที่ส่งออกมาจากดวงตา ซึ่งหมายความว่าเธอแสร้งยิ้ม

เธอดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความลับ แต่ความลับอะไรล่ะ? เบื้องหลังรอยยิ้มจอมปลอมของเธอคืออะไร? เธอดูมั่นใจตลอดเวลาและเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับมนุษย์และผู้หญิง ที่ไม่ออกอาการตกใจเมื่อพบว่าตัวเองถูกลักพาตัวและอยู่ในสถานที่แปลกๆ ดูเหมือนเธอจะไม่เกรงกลัวใครเลย

ยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งอยากรู้จักเธอ

โดยที่ผมไม่รู้ตัว เธอได้เข้ามาอยู่ในใจของผมแล้ว

“คุณเป็นอะไรกันแน่ เอเดอริน บรูคส์” ผมถามและเลื่อนตัวพิงกับผนังและนั่งบนพื้น ความคิดของผมล่องลอยกลับไปหาผู้หญิงลึกลับ ผู้ที่เอาความสนใจจากผมไปทั้งหมดและสามารถบุกรุกเข้ามาในจิตใจของผมได้ในทุกวิถีทาง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status