Share

Chapter 5

“อาดี้?” เสียงเคาะประตูจากอีกฟากหนึ่งของประตูถาม

"คะ?" ฉันตอบพลางนั่งลงบนเตียง

“ฉันเองเบลล์ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”

"แน่นอน เข้ามาได้เลยค่ะ"

ประตูเปิดออกและเธอก็เข้ามายิ้มให้ฉัน

"คุณหลับสบายดีไหมคะ?" เธอถามยิ้ม และนั่งลงบนเตียงของฉัน

“ดีจ้ะ เตียงนี้นอนสบายมาก และฉันก็เหนื่อยมากด้วย” ฉันหาวและเหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“นี่ก็เก้าโมงเช้าแล้ว และอัลฟ่าก็ขอให้คุณลงมากินข้าว” เธอพูดแล้วฉันก็พยักหน้า

ฉันลุกขึ้นจากเตียงเปิดกระเป๋าและสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำและกางเกงยีนส์ของฉัน ฉันหยิบชุดชั้นในและกางเกงชั้นในและเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

ฉันอาบน้ำและแปรงฟันอย่างรวดเร็ว ถักเปียไว้ด้านข้างและสวมเสื้อผ้า เมื่อออกจากห้องน้ำก็พบว่าเบลล์กำลังถือกรอบรูปของครอบครัวฉันอยู่

"คุณกำลังทำอะไรน่ะ?" ฉันถาม เสียงเย็นโดยเธอไม่ทันตั้งตัว

“เอ่อ ฉันกำลังคิดจะช่วยเก็บของของคุณ และฉันก็เห็นกรอบรูปนี้ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคุณเลย” เธอพูดด้วยความเสียใจและเก็บกรอบรูปไว้บนโต๊ะ

“ไม่ ไม่เป็นไร” ฉันพูดแล้วเดินไปหาเธอและโบกมือให้เธอช่วยฉันเก็บของ เธอยิ้ม และภายใน 15 นาที เราก็เก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

ฉันหยิบกรอบรูปและวางไว้ข้างเตียงใกล้โคมไฟตั้งโต๊ะ

“นี่คือครอบครัวของคุณหรือคะ” เธอถามและชี้ไปที่รูป

“ใช่จ้ะ” ฉันยิ้มแล้วพยักหน้ามองที่กรอบรูป

“แล้วตอนนี้ครอบครัวคุณอยู่ที่ไหนคะ?” เธอถามและฉันก็ยิ้มกระซิบ "อยู่ใกล้ฉันมาก"

“คุณโชคดีมากเลยรู้ไหมคะ” เธอพูดแล้วฉันก็เลิกคิ้ว

“ทำไมเหรอคะ”

ฉันสังเกตเห็นท่าทางที่เศร้าโศกและดวงตาที่วาววับของเธอ

“คุณมีครอบครัว ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีแม่ที่คุณสามารถแบ่งปันสิ่งต่างๆได้ มีพ่อที่จะปกป้องคุณและจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป พี่ชายและน้องสาวที่สามารถมอบความรักให้กัน เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ฉัน ฉันมีพี่ชายคนเดียว” หัวใจของฉันบีบแน่นเมื่อได้ยินเธอพูดประโยคนั้น

“พ่อแม่คุณอยู่ที่ไหนคะ” ฉันถามและเสียใจที่ถามเมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบแก้มเธอ

“พวกเขาทิ้งฉันและโคลไว้ตอนที่เรายังเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมกับจดหมายที่บอกว่าพวกเขาไม่สามารถให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแก่เราได้ พวกเขาบอกว่าพวกเขายากจนและไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูเรา และพวกเขาเสียใจจริงๆที่ทำอย่างนั้น พวกเขาถึงกับเขียนว่าพวกเขาจำใจถูกบังคับให้ก้าวต่อไป ที่ทำไปก็เพื่อพวกเราเท่านั้น พวกเขาต้องการให้เรามีความสุขและขอให้เรายกโทษให้พวกเขาด้วย” เธอพูดแล้วเธอก็เริ่มร้องไห้

"โอ้ ฉันขอโทษ" ฉันพูดและกอดเธอในขณะที่เธอสะอื้นไห้บนอกของฉัน

“ไม่เป็นไรนะคะ ฉันแน่ใจว่าพวกเขารักคุณจริงๆ และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ” ฉันพูดตามความจริงและตบหลังเธอเบาๆ

“ใช่ค่ะ ฉันรู้” เธอพูดแล้วเช็ดน้ำตาพร้อมยิ้มให้ฉัน

“ยังไงก็เถอะ ลงไปกันเถอะค่ะ ทุกคนรออยู่” เธอพูดแล้วหันหลังกลับ แต่ฉันจับปลายแขนเธอแล้วจับเธอให้หันมาที่ฉัน

"ทุกคน? คุณหมายถึงอะไรคะ?" ฉันถามอย่างงงๆ

“ครอบครัวของฉันค่ะ แล้วคุณจะได้เห็น” เธอยิ้มและดึงแขนฉันออกจากห้องโดยที่ฉันยังสับสน

เราลงไปข้างล่าง และใช้เวลาเดินไปเกือบสามนาทีก็ถึงประตูบานหนึ่ง และเมื่อเราเข้าไปข้างใน ฉันก็มองเห็นผู้คนเยอะแยะมากมายที่กำลังพูดคุยกันและรับประทานอาหาร

อาจจะมีคนอยู่ที่นั่นทั้งหมดประมาณหนึ่งร้อยถึงสามร้อยคนก็เป็นได้ บางคนเป็นคนแก่ บางคนเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน บางคนเป็นวัยรุ่น รวมถึงมีเด็กเล็กๆอยู่ด้วย

"นี่คืออะไรคะ? เมืองเล็กๆของพวกคุณเองเหรอ?” ฉันถามเบลล์อย่างงงๆ

“ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของฉันค่ะ” เธอยิ้มและหัวเราะเมื่อเห็นการแสดงออกของฉัน

มันเป็นห้องที่ใหญ่มาก มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่สำหรับคนจำนวนมากและผู้คนก็นั่งกันเป็นกลุ่มของตัวเอง ซึ่งทำให้ฉันนึกถึงโรงอาหารของโรงเรียน

ทันใดนั้นทุกคนก็หยุดพูด และสายตาหลายร้อยคู่ก็จับจ้องมาที่เรา หรือฉันควรจะพูดว่า มองมาที่ฉัน

พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นเมื่อเห็นฉัน และฉันแน่ใจว่าใบหน้าของฉันแสดงความสับสน

นี่เป็นการแสดงความเคารพหรือ?

สำหรับฉันหรือ? ทำไมล่ะ?

“ลูน่า” ทุกคนพูดพร้อมกันและก้มหัวลง

ฉันเกาหัวและมองไปข้างหลังและคิดว่าอาจจะเป็นคนอื่นที่พวกเขาทำความเคารพ แต่กลับสับสนมากขึ้นเมื่อไม่พบใครนอกจากฉันเพียงคนเดียว

“ใครคือลูน่า” ฉันกระซิบและทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มกระซิบกันระหว่างกลุ่มของพวกเขา

เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?

ฉันพบว่าทุกคนมองฉันด้วยความสงสัย บางคนดูมีความสุขมาก ในขณะที่บางคนน้ำตาใหลด้วยความปิติ พวกเขา มองดูฉันด้วยความหวัง ในขณะที่บางคนก็ดูนิ่งๆ

“ใครคือลูน่า” ฉันถามเบลล์ และก็เห็นว่าสีหน้าของเธอซีดลง

“เอ่อ คือฉันหมายถึงเธอ-” เธอเริ่มพูดตะกุกตะกัก

โอ้เยี่ยมเลย อะไรเนี่ย! เธอกลับไปพูดตะกุกตะกักอีกแล้ว

สถานที่แห่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกกังวลจริงๆ

ทันใดนั้นทุกคนก็หยุดพูดและยืนตัวตรงเงียบกริบ

ตอนนี้อะไรอีกละเนี่ย?

“อัลฟ่า” ทุกคนพูดพร้อมกันและโค้งคำนับ

ฉันขมวดคิ้วและหันไปหาอัลฟ่า ซึ่งมีชื่อว่า เทย์ลอนละมั้งให้ฉันเดา เขายืนอยู่ข้างหลังฉันราวกับเป็นพระราชาด้วยท่าทีของความมั่นอกมั่นใจที่เปล่งออกมาจากร่างของเขา

“สวัสดี เทย์ลอน” ฉันโบกมือเมื่อเบลคกับโคลเดินตามเขาไป

หนุ่มอัลฟ่าทำหน้าบึ้งใส่ฉันและจ้องมาที่ฉันแล้วพูดว่า "ดีแลน"

“เออใช่ ดีแลน” ฉันแก้ไขและยิ้มอย่างเขินๆ ขณะที่เบลคกับโคลพยายามซ่อนรอยยิ้มของพวกเขา

อัลฟ่าและเพื่อนของเขาเข้ามาในห้องแล้วเดินผ่านฉันไปและพูดว่า "อรุณสวัสดิ์ทุกคน นี่คือ มิสเอเดอริน บรูคส์ เป็นแขกพิเศษของเรา และฉันหวังว่าพวกคุณทุกคนจะต้อนรับให้เธอมีช่วงเวลาที่ดีตราบเท่าที่เธออยู่ที่นี่” เขาพูดและนิ่งเงียบแม้ยังพูดไม่จบประโยค

ฉันทำหน้าบึ้งใส่เขาและรอให้เขาพูดจบประโยค แต่เมื่อเขาไม่พูดอะไรเลย ดูเหมือน 15 นาทีแล้ว ฉันก็เลยตะโกนถามออกไป "นี่คุณจะพูดอะไรต่อไหม"

เขาหยุดสิ่งที่เขาทำและจ้องมองมาที่ฉัน ฉันเอามือกอดอกและเลิกคิ้ว

เขาคิดอะไรอยู่นะ ?

แววตาของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหว

เขามองกลับมาที่ทุกคนและพยักหน้าให้ทุกคนนั่งลงที่ของตน และพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารเช้า

ฉันยังคงสับสน เขาหันกลับมามองหน้าฉันและจับมือฉันไว้ ทันใดนั้นฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบในส่วนที่เขาสัมผัสและเขาก็สะบัดมือออก ตัวฉันสั่นไหววาบไปถึงกระดูกสันหลัง

ฉันคิดว่าเขารู้สึกเหมือนกันเพราะเขามีสีหน้าแบบเดียวกับฉัน ฉันช็อค!

เขาจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของฉันราวกับว่าเขาต้องการจะอ่านใจฉัน ขนตาของเขาเริ่มกระพืออย่างโกรธจัดและเขาก็ขมวดคิ้ว

ใบหน้าของเขาแสดงอารมณ์ที่ว่างเปล่าซึ่งในไม่ช้าก็เปลี่ยนแปรเป็นความสับสน ฉันสังเกตท่าทางของเขาเปลี่ยนไป มีความหงุดหงิดและในไม่ช้าความโกรธก็แสดงจากสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขา

มันแปลกมาก

เขากำลังจะอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ปิดมันไว้และมองไปทางคนอื่นๆ เขาจ้องกลับมาที่ฉันและหลังจากจ้องมองกันยาวนาน 5 นาที เขาก็ตัดสินใจออกจากห้อง

เขาเดินแซงฉันไปไกลโดยที่เบลคและโคลเดินตามหลังเขา

ฉันมองไปข้างๆ พบว่าเบลล์มีสีหน้ากังวลใจ เธอเอาแต่จ้องและผงกหัวไปมาราวสิบนาที ราวกับว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพียงแต่ว่าไม่มีโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น

ดูเหมือนฉันจะต้องค้นหาทุกอย่างด้วยตัวเองแล้วล่ะ

ภารกิจค้นหาคำตอบได้เริ่มขึ้นแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status