로그인รถเอสยูวีสีดำของบุรินทร์เข้ามาจอดภายในอาคารจอดรถของคอนโดหรูของกันติชา ในตอนนั้นภัททิราก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทั้งสามคนจึงพากันขึ้นมาบนห้อง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน
“เดี๋ยว”
บุรินทร์ร้องห้ามเสียงดัง ทำให้กันติชาหน้ามุ่ยทันที เธออุตส่าห์จะทำเนียนเข้าห้องไป และคิดว่าบุรินทร์คงจะลืมไปเอง หญิงสาวเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องโถงใหญ่ โดยมีภัททิราเดินตามมาอย่างงง ๆ
“อะไรของแกบุ๊ก ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว”
ภัททิราว่าพลางปิดปากหาว“กี้” บุรินทร์เอ่ยขึ้นพร้อมหรี่ตามองกันติชา “เล่ามาว่าตกลงแกไปซัดลาบเลือดกับใครมา สภาพถึงได้เป็นแบบนั้น”
กันติชามองหน้าบุรินทร์และภัททิราสลับไปมา สองเพื่อนซี้ที่ได้มารู้จัก จนสนิทสนมภายในรั้วมหาวิทยาลัย พวกเธอไม่เคยมีเรื่องปิดบังกัน สามารถแลกเปลี่ยนพูดคุยทุกข์สุขกันได้ทุกเรื่อง
หญิงสาวเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสถานบันเทิงให้เพื่อนทั้งสองฟัง โดยไล่เรียงลำดับตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไม่ปิดบัง
“โอ้วมายก็อด อีกี้ แล้วแกก็หนีออกมาปล่อยให้คุณพี่เขาค้างเติ่งอยู่แบบนั้นเหรอ” กันติชายิ้มแหยพร้อมพยักหน้าให้บุรินทร์
“ละ...ละ...แล้วแลกเบอร์แลกไลน์กันไหม”
ภัททิราพูดลิ้นพันกันอย่างตื่นเต้น ด้วยความคาดหวังว่าจะได้ยินข่าวดี ทว่ากันติชากลับส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเอาบุรินทร์และภัททิราถอนหายใจออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่ภัททิราจะตัดจบการสนทนาเพราะง่วงนอนเต็มที
“โอเค จบกัน บุญมีแต่กรรมบังจริง ๆ เลยนะไอ้กี้ นาน ๆ จะได้เจอผู้ชายในฝันสักที ฉันไปอาบน้ำนอนละ ง่วง”
“เออ ฉันไปด้วย”
กันติชานั่งมองเพื่อนทั้งสองแยกย้ายกันไปนอน เมื่อในห้องตกอยู่ในความเงียบ มันก็ทำให้เธอหวนคิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมา
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนราบบนโซฟาตัวยาว เธอตัดสินใจนอนพักตรงนี้สักงีบ เพื่อรอเวลาให้ภัททิราอาบน้ำเสร็จ จึงค่อยเข้าไปอาบต่อ ทว่าพอใกล้จะผล็อยหลับก็มีใบหน้าหล่อเหลาลอยเด่นขึ้นมาจนทำให้เธอสะดุ้งตื่น คืนนั้นทั้งคืนเธอจึงแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะทุกครั้งที่หลับตาลง ชายหนุ่มปริศนาก็เข้ามารบกวนจิตใจเธออยู่ร่ำไป
กันติชากลับเชียงใหม่ในช่วงสายของอีกวัน หญิงสาวขับรถเทสล่าคู่ใจออกจากลานจอดรถของท่าอากาศยานเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ไร่เปี่ยมรักสวนส้มอันกว้างใหญ่นับพันไร่ในจังหวัดเชียงใหม่ อาณาจักรของพ่อเลี้ยงกฤษณ์ดนัย พ่อม่ายหนุ่มวัย 45 ปี ผู้เป็นบิดาของเธอนั่นเอง
รถเทสล่าสีขาวคันงาม แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินกว้าง มองออกไปเห็นสวนส้มไกลสุดลูกหูลูกตา
ร่างระหงในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนทรงวินเทจขาดวิ่นเดินลงจากรถ มุ่งหน้าเข้าไปในตัวบ้าน
“ป้าอิ่มขา กี้กลับมาแล้ว มีอะไรกินบ้างหิวจังเลย”
“คุณหนูของป้า ตายแล้วทำไมสภาพดูไม่ได้แบบนั้นคะ” หญิงชราร่างเล็กผู้เป็นคนรับใช้เก่าแก่ เดินเข้ามาหากันติชา พลางสำรวจร่างกายของเจ้านายตั้งแต่หัวจรดเท้า
“กี้นอนไม่หลับค่ะ แต่ตอนนี้หิวมากเลย ขอกินก่อน จะได้ไปนอนยาว”
“เข้าไปทานในห้องอาหารเลยค่ะ พ่อเลี้ยงรออยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว”
“หืม พ่อยังไม่เข้าออฟฟิศอีกเหรอคะ”
“ค่ะ เห็นว่าจะรอคุณหนูกลับมาแล้วค่อยไป มีเรื่องจะคุยด้วย”
กันติชาพยักหน้า พลางนึกแปลกใจ คงต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้เป็นบิดาถึงได้อุตส่าห์รอเธอจนสายป่านนี้
หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปในห้องอาหาร แอบมองผู้เป็นพ่อที่ยังคงหล่อเหลาคงเส้นคงวา เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ดูอ่อนเยาว์ไม่เคยเปลี่ยน ด้วยความที่กฤษณ์ดนัยมีเธอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขายอมพักการเรียนนานถึง 5 ปี จนกระทั่งกันติชาเข้าเรียนอนุบาล กฤษณ์ดนัยจึงไปเรียนต่อ ส่วนมารดาของเธอนั้น แม้แต่รูปถ่ายสักใบเธอก็ไม่เคยเห็น เพราะหล่อนทิ้งลูกสาวตัวน้อยไปตั้งแต่ยังแบเบาะ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ มีครอบครัวใหม่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ และไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย
กันติชาย่องเข้าไปด้านหลังบิดา ก่อนสวมกอดจากด้านหลัง
“มอร์นิ่งค่ะพ่อ กี้กลับมาแล้ว”
“รู้แล้ว เสียงดังมาตั้งแต่หน้าบ้านโน่น”
“ป้าอิ่มบอกว่าพ่อมีอะไรจะคุยกับกี้เหรอคะ”
กันติชาว่าพลางนั่งลงตักข้าวต้มกุ้งจากหม้อกระเบื้องบนโต๊ะ แบ่งมาใส่ถ้วยเล็ก ตักใส่ปากด้วยความหิว
“ตกลงกี้ยังไม่อยากทำงานกับพ่อใช่ไหม”
“ก็กี้อยากลองไปทำงานที่อื่นหาประสบการณ์ก่อนนี่คะ แต่พ่อก็ยังไม่ยอมให้กี้ไปทำงานที่ไหนสักที” กันติชาบ่นอุบ
เธอเรียนจบมาได้เกือบปี ควานหาบริษัทที่น่าสนใจเพื่อไปทำงานหาประสบการณ์ ทว่าก็ไม่เคยผ่านด่านกฤษณ์ดนัย คุณพ่อผู้หวงแหนลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดและเธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีกันเพียงสองคนพ่อลูก และท่านก็ไม่เคยคบใครจริงจังถึงขั้นพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแม่เลี้ยงของเธอ เพราะท่านนึกถึงความรู้สึกของลูกสาวเพียงคนเดียวคนนี้เสมอ เธอจึงทำตัวดีเสมอต้นเสมอปลายเพื่อไม่ได้กฤษณ์ดนัยต้องผิดหวัง แต่บางครั้ง เธอก็อยากจะลองดื้อดูบ้าง
“พ่อคะ นะคะ”
“อืม รู้แล้วน่า พ่อหาที่ทำงานให้ได้แล้ว”
“จริงเหรอคะพ่อ ที่ไหนคะ” หญิงสาวถามนัยน์ตาเป็นประกาย
“บริษัทเพื่อนพ่อเอง มันกำลังขาดคนพอดี แต่ต้องไปอยู่กรุงเทพนะ กี้จะไปเหรอ” กฤษณ์ดนัยหยั่งเชิงถาม เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่อยากให้ลูกสาวไปไกลหูไกลตา แต่หนทางนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้กันติชาไปทำงานที่อื่น
“ไปค่ะ กี้อยากไป” ลูกสาวคนสวยพยักหน้ารัว ๆ ส่งยิ้มจนแก้มแทบแตก
“โอเค ไปก็ไป แต่ถ้าว่างก็ต้องกลับบ้านมาหาพ่อบ่อย ๆ นะ” กฤษณ์ดนัยว่าพลางทำหน้าเศร้า
ที่ต้องปล่อยลูกสาวเพียงคนเดียวออกไปเผชิญโลกกว้างอีกครั้ง“พ่ออ่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ถ้าพ่อเหงาก็หาผู้หญิงดี ๆ สักคนได้แล้ว กี้เคยบอกแล้วใช่ไหมว่ากี้อยากเห็นพ่อมีความสุข อย่าให้คนในอดีตมามีอิทธิพลเหนือชีวิตเราสิคะ กี้เชื่อว่าคนในอนาคตจะต้องดีกว่าแน่นอน” กันติชากล่าวเป็นนัย เพราะเธอรู้ดีว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้กฤษณ์ดนัยไม่คิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับใคร สาเหตุก็มาจากแม่แท้ ๆ ของเธอนั่นเอง
“พูดเป็นคนแก่เลย ไม่ต้องมาหว่านล้อมให้ยาก ลำพังงานที่ไร่พ่อก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาไปไหนแล้ว”
“โอเคกี้ยอมแพ้ ว่าแต่เพื่อนพ่อคนนี้กี้เคยเจอไหมคะ”
“อืม ไม่น่าจะเคยนะ ไอ้เชนทร์มันเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย มันอ่อนกว่าพ่อน่าจะสักห้าปีได้ สมัยนั้นสนิทกันมากเลย กินเที่ยวด้วยกันตลอด พอเรียนจบ แม่มันแต่งงานใหม่มันก็เลยย้ายตามแม่มันไปอยู่อังกฤษ แต่พ่อกับมันก็ยังติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นคนดีมากเลย ถ้าลูกเจอลูกน่าจะชอบ”
“ชื่อเชนทร์ อายุน้อยกว่าพ่อ งั้นกี้ก็ต้องเรียกว่าอาเชนทร์สิคะ”
“อืม” กฤษณ์ดนัยพยักหน้ารับพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนวางแก้วลง หยิบสมาร์ตโฟนบนโต๊ะขึ้นมาดู “เดี๋ยวพ่อต้องไปก่อน วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์มาลงหลายกลุ่ม ส่วนเรื่องงาน เชนทร์มันจะให้เลขาส่งรายละเอียดมาให้ กี้ก็เตรียมเอกสารไว้ให้เรียบร้อยนะ เริ่มงานเดือนหน้า”
“ค่ะพ่อ”
กันติชาฉีกยิ้มให้บิดา พลางมองกฤษณ์ดนัยเดินออกจากห้องอาหารไป
เธอนั่งรับประทานอาหารเช้าต่ออีกครู่หนึ่ง พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน หญิงสาวจึงขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายเนื้อตัว
เมื่อได้ล้มตัวลงนอน หัวถึงหมอนเพียงไม่กี่นาทีก็เดินทางเข้าสู่ห้วงนิทรา ดำดิ่งสู่ความฝัน ในห้วงฝันนั้นมืดมิดจนดูน่ากลัว เธอเดินคลำหาทางออกอยู่นานสองนาน จนไปเจอเข้ากับประตูบานหนึ่งที่ดูคุ้นตา และเมื่อเปิดเข้าไป ร่างบางก็ถูกมือปริศนาคว้าเอาไว้ เธอพยายามดิ้นอย่างสุดกำลัง ทว่าพอได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้น ร่างเล็กก็อ่อนระทวย เขาโน้มลงจุมพิตเธออย่างแผ่วเบา ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรง ฝ่ามือหนาลูบไล้บั้นท้ายงอนงาม ก่อนพยายามล่วงล้ำเข้ามาในเขตหวงห้ามที่เธอเฝ้าหวงแหนมาตลอดชีวิต
ครืด~ครืด~ครืด~
แรงสั่นสะเทือนจากสมาร์ตโฟนเครื่องหรูที่เธอตั้งปลุกเอาไว้ กระชากเธอออกจากความฝันอันชวนวาบหวิว ทันทีที่เปลือกตาเธอเปิดขึ้น ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน
“โห ฝันบ้าอะไรเนี่ยโคตรเหมือนจริงเลย”
กันติชากัดริมปากล่างเบา ๆ ก่อนยกมือขึ้นสัมผัสเรียวปากอิ่ม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนจริงราวกับไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวตบแก้มนวลเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู พบอีเมลใหม่เข้ามาหนึ่งฉบับ อีเมลนั้นส่งมาจากเลขาของคเชนทร์ แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่กันติชาต้องนำไปยื่นในการสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของประธานบริษัทเทย์เลอร์ อิเล็คทริค
“คเชนทร์ เทย์เลอร์ ประธานบริษัทเทย์เลอร์ อิเล็คทริค”
หญิงสาวพึมพำก่อนอ่านข้อมูลที่เหลือต่อไปอย่างตั้งใจ
ท่านประธานหนุ่มกลับมาทำงานที่บริษัทได้เกือบอาทิตย์ โดยไร้เงาผู้ช่วยเลขานุการสาวสวย คเชนทร์ไม่ได้รับการติดต่อจากกันติชาเลย พอโทรไปถามกฤษณ์ดนัยก็ได้คำตอบแบบเดิมซ้ำ ๆ ว่ากันติชาใกล้กลับมาแล้ว จนแล้วจนรอดก็ผ่านไปเกือบสัปดาห์เต็ม หากไม่ได้งานช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ชายหนุ่มคงได้อกแตกตายเสียก่อนในแต่ละวัน คเชนทร์ลองกดโทรหากันติชาหลายต่อหลายครั้ง หวังว่าจะโทรติดและเธอรับสาย ทว่าปลายสายนั้นกลับปิดเครื่อง แม้แต่เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์กดเข้าไปดูวันละหลายรอบ ราวกับจะรอให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นสักอย่างวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขายังคงทำเช่นนั้น หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฝ่ามือหนาก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาด้วยความเคยชิน ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรง เลื่อนดูรูปภาพในอินสตาแกรมของแฟนสาวที่เพิ่งจะอัปเดตเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ในภาพนั้นเธออยู่ในชุดบิกินี่สีแดงเพลิงกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมสระว่ายน้ำ องค์ประกอบภายในภาพมีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือท่าจอดเรือยอชต์ที่อยู่ไกลออกไป มีเรือยอชต์ที่ดูคุ้นตาจอดลอยลำอยู่เหนือผิวน้ำนอกจากนี้ยังมีแคปชั่น ‘พา
กันติชากลับมาอยู่บ้านได้สามวัน คเชนทร์ก็ตามมาเชียงใหม่ตั้งแต่วันแรก ทว่าต้องรออยู่หน้าบ้านทุกวัน เนื่องจากกฤษณ์ดนัยให้ลูกน้องที่เป็นชายฉกรรจ์ร่วมสิบคนเฝ้ารอบบ้าน ทั้งสองทำได้เพียงมองหน้ากันผ่านหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว ไม่สามารถพูดคุยกันได้ เพราะผู้เป็นพ่อยืดโทรศัพท์มือถือของลูกสาวเอาไว้ แต่เธอก็ยังมีอิสระอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ถูกกักขังอยู่แต่ในห้องนอน หญิงสาวจึงขอร้องป้าอิ่มให้ช่วยไปดูแลถามไถ่คนรักกันติชาลงมือเข้าครัวทำอาหารคาวหวาน ให้เด็กในบ้านนำไปส่งให้คเชนทร์ที่นั่งปักหลักทำงานอยู่ในศาลานั่งเล่นหน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ตกกลางคืนก็อาศัยนอนหลับพักผ่อนภายในรถเอสยูวีที่เช่ามาจากสนามบินกฤษณ์ดนัยเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างภายในบ้านตลอดจนศาลาหน้าบ้านผ่านกล้องวงจรปิด บางครั้งลูกสาวสุดที่รักก็ทำกับข้าวไปร้องไห้ไป เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อยู่หน้าเตา ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดไม่น้อยเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนเวลาล่วงเลยครบสัปดาห์เต็มในช่วงบ่ายที่กันติชาคิดว่าผู้เป็นพ่อยังทำงานอยู่ในไร่ส้ม หญิงสาวแอบย่องลงมาเพื่อจะออกไปหาคเชนทร์ และต้องผ่านห้องทำงานของกฤษณ์ดนัย เธอก็ได้ยินบทสนท
ทางด้านกฤษณ์ดนัยผู้รักลูกสาวดั่งแก้วตาดวงใจ ยิ่งกันติชาเกริ่นว่ามีคนที่คบหาดูใจอยู่อยากนัดให้มาเจอกันอย่างเป็นทางการก็รีบเคลียร์งานที่ไร่เปี่ยมรักให้เสร็จสิ้น และรีบเดินทางมากรุงเทพฯทันทีด้วยงานที่เสร็จเร็วก่อนกำหนด ทำให้กฤษณ์ดนัยเดินทางมาถึงคอนโดของลูกสาวก่อนเวลานัดหลายชั่วโมงกฤษณ์ดนัยขับรถซีดานคันงามที่เช่ามาจากสนามบินเข้ามาจอดบนลานจอดรถหน้าคอนโด ขณะที่กฤษณ์ดนัยกำลังลงจากรถ ก็มีรถแอสตันมาร์ตินสีดำเงาวับขับผ่านไป ความสวยหรูของซูเปอร์คาร์คันแพงระยับดึงดูดสายตาของเขาให้มองตามไปจนกระทั่งรถคันดังกล่าวจอดห่างออกไปไม่ไกลนักสารถีหนุ่มที่ก้าวลงจากรถเป็นคนที่กฤษณ์ดนัยคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนเกือบจะอ้าปากเรียก ทว่าหญิงสาวที่ก้าวตามลงมาจากที่นั่งอีกฝั่งข้างคนขับทำให้กฤษณ์ดนัยชะงักไปยิ่งฝ่ายชายเดินเข้ามาโอบเอวบางเข้าแนบชิด ก้มลงหอมแก้มฝ่ายหญิง ก่อนเดินโอบกอดคลอเคลียกันไปยังทางขึ้นคอนโด ทำเอากฤษณ์ดนัยมองตาค้าง ในหัวสมองขาวโพลน พยายามตั้งสติปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด กว่าจะตั้งสติได้ว่าเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท คือคนที่ลูกสาวสุดที่รักกำลังคบหาอยู่ ทั้งสองคนก็เดินหายลับสายตาไปแล้วเมื่อสติสัมปชัญญะก
ร่างอรชรในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวเนียนจรดบั้นเอว ทว่าดูไม่โป๊เท่าไรนัก เพราะได้ทรงผมดัดลอนรวบครึ่งศีรษะแผ่สยายจนถึงกลางหลัง พอได้เห็นผิวสวยวับ ๆ แวม ๆเธอหมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ดวงหน้าสวยถูกแต่งแต้มอย่างประณีตด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยิ่งทำให้กันติชาสวยสง่ายิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวร่างสูงเดินเข้ามาทางด้านหลัง ก่อนหยุดยืนเคียงข้าง คเชนทร์สวมชุดสูทแบรนด์หรูสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มมองภาพสะท้อนของคนรักในกระจกด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างเปิดเผย“อาเชนทร์แน่ใจนะคะว่าจะควงกี้เปิดตัว”“ไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลยครับ” ว่าจบเขาโน้มตัวลงจูบข้างขมับหญิงสาวหนึ่งทีตั้งแต่วันที่คเชนทร์ประกาศต่อหน้านุชนภางค์ว่ากันติชาคือคนรัก ชายหนุ่มก็ไม่คิดปกปิดความสัมพันธ์นี้อีกต่อไป เขาไปไหนมาไหนกับกันติชาอย่างเปิดเผย พนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มสังเกตเห็น จนมีการจับกลุ่มซุบซิบกันบ้างเป็นธรรมดา หากแต่ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับกันติชา เขาก็ไม่คิดเข้าไปก้าวก่ายทางด้านเศรษฐาลูกค้าคนสำคัญ เมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักมาก่อเรื่
หลังสิ้นสุดกิจกรรมเอาท์ติ้งของบริษัทกันติชาและอลิษาก็กลับมาหัวหมุนยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากมีโพรเจคใหญ่ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทำให้สองสาวต้องจัดการงานกองโตของคเชนทร์กันมือเป็นระวิงแต่ทว่าแม้งานจะยุ่งเพียงใด คเชนทร์ก็ยังคงหมั่นเติมความหวานให้คนรักไม่เคยขาด บางวันก็ส่งดอกไม้มาให้กำลังใจทั้งที่เจอหน้ากันทุกวัน ทำให้บนโต๊ะของผู้ช่วยสาวมีดอกไม้ประดับส่งกลิ่นหอมไม่เคยขาด เมื่อดอกไม้เริ่มทำท่าจะเหี่ยวเฉาเมสเซนเจอร์ก็นำดอกไม้ช่อใหม่มาส่งหากวันใดเลิกงานเร็ว คเชนทร์ก็จะพาหญิงสาวไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบ้าง ดูหนังฟังเพลงบ้างสิ่งเล็กน้อยที่คเชนทร์ทำให้นั้น กลับสร้างความสุขให้เธอได้อย่างมากมาย แม้จะทำงานหนักแต่กลับหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งในตอนนี้ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดของกันติชาและบ้านของคเชนทร์โดยจะย้ายเข้าบ้านเป็นการถาวรก็ต่อเมื่อกันติชาบอกกฤษณ์ดนัยผู้เป็นบิดาแล้วเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ก็มีความเห็นตรงกันคเชนทร์เสนอว่าหลังจากโพรเจคสำคัญผ่านพ้นไป ชายหนุ่มจะเดินทางไปเชียงใหม่พร้อมเธอ เพื่อพูดคุยกับกฤษณ์ดนัยอย่างเป็นทางการยิ่งใกล้งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้า
กว่าคเชนทร์จะพากันติชากลับขึ้นฝั่งก็ปาเข้าไปเช้ามืด หลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก ชายหนุ่มพาเธอไปอาบน้ำ ก็ยังไม่วายจัดหนักเธอต่ออีกหลายยกกันติชาต้องแอบย่องเข้าห้องพัก เพราะเกรงว่าอลิษาจะตื่น ค่อย ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางความมืดอย่างระมัดระวัง ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ในช่วงสายของอีกวัน โดยวันนี้เธอได้ตกลงกับแฟนหนุ่มสุดเอาแต่ใจว่าต้องอยู่ห่างกันสักพัก จนกว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ มิเช่นนั้นทั้งคู่อาจถูกจับได้ถ้าหายไปด้วยกันอีกโชคดีที่อลิษาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะพี่เลขานุการคนสนิทกว่าจะกลับจากปาร์ตี้เมื่อคืนก็ดึกดื่นค่ำคืนไปแล้ว จึงไม่ได้สังเกตว่ากันติชากลับมาเกือบสว่างหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยสองสาวจึงชวนกันออกไปกินข้าวเช้า ก่อนจะลงไปทำกิจกรรมกันที่ชายหาดอีกครั้ง“น้องกี้ ไปโดนตัวอะไรกัดมาหรือเปล่าคะ ที่คอเป็นรอยแดง ๆ”กันติชาเดินออกมาในชุดแม็กซี่เดรสยาวกรอมเท้า เปิดเปลือยแผ่นหลังขาวผ่อง ก็โดนอลิษาทักเข้า หญิงสาวจึงเดินไปส่องกระจกเอียงคอดูก็เห็นจ้ำแดงสองจุดบริเวณซอกคอระหงค่อนไปทางด้านหลังทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต“น้องกี้ ข้างหลั







