ถ้าถามว่าทำไมถึงได้เลือกจำแลงเป็นผู้หญิงร่างสวยนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคนนี้ด้วย นั่นสินะ พอดีมันเดินผ่านหุ่นลองชุดพวกนี้พอดีน่ะสิ ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าการที่ต้องนั่งจับคู่รอเวลาให้พวกคนคลั่งรักทั้งหลายมาเจอกันหรอก จะว่าไปแล้วตอนที่ฉันยังเป็นมนุษย์ก็ไม่เคยได้รับความรักอะไรพวกนี้เลยนี่นะ นั่งดูดน้ำส้มไปประมาณครึ่งแก้วได้ ฉันถึงเริ่มมองเห็นเป้าหมายของภารกิจนี้เสียที คนร่างสวยสวมกระเป๋าสะพายสีดำสนิท
แบรนด์ชาแนลงั้นหรอ อืม รสนิยมดีนี่ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดกำลังเดินมาทางนี้แล้ว ส่วนอีกฝ่ายนึง ก็นั่นไง คนร่างสูงสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด เรือนผมสีบรอนด์ทองสะบัดไปมาเล็กน้อย สัญลักษณ์แห่งด้ายแดงที่ผูกโยงกันไว้ไม่ว่าจะใกล้หรือจะไกลแค่ไหนฉันก็สามารถสังเกตเห็นมันได้อยู่ดี
หรือว่าฉันคนนี้จะลองใช้แผนเดินชนกันแล้วแกล้งทำน้ำหกใส่พวกเขาเลยดี ทั้งสองคนจะได้รู้จักกันในแบบนิยายรักอะไรพวกนั้น เฮ้อ แต่แบบนั้นมันออกจะเป็นละครน้ำเน่าไปหน่อยรึเปล่านะ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านี้อยู่ๆ ตัวฉันก็เปียกแทนซะแล้ว
“ขอโทษค่ะ คือฉันนึกว่าคุณคือ พายอาร์”
คนร่างเพรียวซึ่งยืนถือแก้วน้ำยื่นมาทางฉันชะงักค้างไปชั่วครู่ขณะหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าจากที่โกรธขึ้งเป็นการสำนึกผิดแทนที่ แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจเท่าไร นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าแมงกะพรุนสีใสในโหลแก้วก็ทักฉันว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางน้ำซะด้วยสิ ที่แท้มันก็ทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วนี่เอง
“ไม่เป็นไร ก็คุณไม่ได้ตั้งใจนี่ งั้นฉันขอตัวก่อน”
ขืนไม่รีบตามไปล่ะก็มีหวังเป้าหมายหนึ่งในสองของฉันก็คาดสายตาหายไปพอดีแบบนั้นจะเป็นปัญหายิ่งกว่าเดิมอีก
“เดี๋ยวค่ะ! คุณจะไปทั้งแบบนี้เลยหรอคะ เสื้อคุณเปียกไปทั้งตัวเลยนะ ถ้ายังไงไปเปลี่ยนชุดกับฉันก่อนจะดีกว่านะคะ”
อะไรของเธออีกเนี่ย มาดึงเสื้อฉันไว้ทำไม ไหนจะมีเสื้อผ้าพร้อมเปลี่ยนนี่อีกไม่ใช่ว่าวางแผนมาแล้วหรอกหรอ
“ไม่เป็นไร ฉันรีบ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ฉันเป็นคนทำให้คุณอยู่ในสภาพนี่นะ ให้ฉันรับผิดชอบเถอะค่ะ”
เพราะมัวแต่สนใจผู้หญิงคนนี้พอหันหลังกลับไปอีกที เป้าหมายของฉันก็หายไปซะแล้ว การจะตามพวกเขาเจอมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซะด้วย แถมแผนที่คู่รักก็ดันไปอยู่กับเจ้าคนเลือดร้อนอย่างหมอนั่นอีก เพราะเธอคนเดียวเลย
“คุณรับผิดชอบอะไรให้ฉันไม่ได้หรอก เพราะคุณทำให้เป้าหมายของฉันหายไปแล้ว เฮ้อ ชักจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วสิ”
คนร่างบางเสยผมของตัวเองเองขึ้นมาดื้อๆ ก่อนจะหมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะดันลืมไปว่าติดต่อคนร่างสูงไม่ได้ จริงสิฉันยังส่งกระแสจิตไปหาหมอนั่นไม่เป็นเลยนี่ ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่สร้างร่างจำแลงกับควบคุมความคิดคนได้นิดหน่อยจากการทดสอบรอบเช้าที่ผ่านมาก็เท่านั้นเอง แถมพวกเราก็ยังไม่ยอมทดสอบเชื่อมกระแสจิตกันเลยซักนิด เพราะฉันกับเขาไม่ถูกกัน
“ฉันขอโทษค่ะ แต่ฉันว่าคุณควรไปเปลี่ยนชุดก่อนจะดีกว่านะคะ เสื้อของคุณมัน เอ่อ...”
ทำไมต้องหลบสายตากันด้วย เริ่มรู้สึกถึงความผิดที่ทำกับฉันคนนี้แล้วสินะ เล่นมาสาดน้ำใส่หน้ากันแบบนี้เพราะคิดว่าฉันเป็นคนอื่น มีอย่างที่ไหนกัน
“เอาเป็นว่าตามฉันมาก่อนเถอะค่ะ”
พูดจบเธอก็ลากฉันเข้าไปในร้านกาแฟข้างๆ พลางผละฉันเข้าไปในห้องน้ำด้วยความร้อนร่น
“อะไรของคุณจะเข้ามาด้วยทำไม”
ฉันมองคนร่างเพรียวที่พยายามยัดเยียดเสื้อผ้าให้ฉันอย่างลนล่านก่อนจะพยายามเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปถึงใบหู
“ก็เสื้อของคุณมันเปียกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วนี่คะ รีบเปลี่ยนก่อนเถอะค่ะ ฉันจะออกไปรอด้านนอก”
แค่นี้ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วยหรอ ผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ ฉันบ่นพึมพำพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปเจออีกคนในสภาพที่เรียบร้อยกว่าเดิม เสื้อยืดสีดำรัดรูปกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินที่เจ้าตัวยัดเยียดให้ส่วนเสื้อสูทสีน้ำตาลฉันก็ทำให้มันหายไปแล้วก็มันขี้เกียจถือ
“เปลี่ยนแล้ว พอใจเธอแล้วนะ”
คนตรงหน้าพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนที่ฉันจะล้มตัวลงนั่งข้างๆ กาแฟแก้วขนาดปานกลางถูกเสิร์ฟมาให้กันอย่างเป็นมิตร
“กาแฟ?”
“ค่ะ ฉันเลี้ยงเอง”
ฉันปลายตามองคนร่างเพรียวที่มองมาทางฉันอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเริ่มเล่าในสิ่งที่ฉันไม่ได้ถามออกมา
“อันที่จริงฉันคิดว่าคุณคล้ายกับพายอาร์คนที่ฉันรู้จักมากๆ มันก็เลยเผลอไป คือฉันไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ เพียงแต่ฉันโกรธที่เธอมาหลอกใช้พี่ชายของฉันให้รักแล้วก็มาทำให้เขาต้องทรมาน พอดีฉันได้ข่าวมาว่าเธอจะผ่านมาแถวนี้ก็เลยมาดักรอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะจำคนผิด...”
งี้เอง ผู้หญิงที่ชื่อพายอาร์อะไรนั่นมาหลอกให้พี่ชายของเธอรักแล้วก็เขี่ยทิ้งงั้นสิ โลกของความเป็นจริงความรักมันไม่ได้สวยงามอย่างที่หวังนักหรอก แต่ถึงอย่างงั้นผู้คนก็ยังต้องการโหยหาความรักที่ไม่ได้สวยงามนั้นอยู่ดี
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอคะ”
“ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แล้วก็ขอบคุณสำหรับกาแฟ เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ”
ฉันที่เตรียมจะลุกขึ้นยืนกับโดนจับข้อมือเอาไว้โดยคนหน้าสวยซึ่งทำหน้าเหมือนว่าฉันกำลังจะหนีเธอไปจนต้องฝืนตัวเองให้นั่งลงกับที่อีกครั้ง
“คุณแทบไม่แตะกาแฟเลยนะคะ”
“ฉันไม่ชอบดื่มกาแฟ มันขม แล้วจะปล่อยฉันได้รึยัง”
“คุณชื่ออะไรคะ”
“เราจำเป็นต้องรู้จักชื่อกันด้วยหรอ”
ฉันมองตามสายตาของเธอด้วยความสงสัยก่อนจะเข้าใจในความหมายที่เธอกำลังจะสื่อ ที่แท้ก็ชุดนี่เอง
“ฉันชื่อ-”
“ยัยบ้า! เล่นเดินหนีกันมาได้นะ”
ยังไม่ทันจะพูดอะไร เจ้าคนบ้องตื้นก็เดินเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาคงตามหาฉันได้จากกระแสพลังที่ใช้ครั้งล่าสุดสินะ นั่นก็เพราะฉันยังลบกระแสพลังไม่เป็น ถือเป็นข้อดีสำหรับครั้งนี้ล่ะนะ
“มาแล้วหรอ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะตามหานายยังไง”
“ฉันเหนื่อยนะ เดินตามหาเธอซะทั่ว ใครใช้ให้เธอส่งกระแสจิตไม่เป็นกันล่ะ”
คนร่างสูงหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะปลายตามองแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้าฉันพลางยกขึ้นดื่มหน้าตาเฉย ทำให้คนร่างเพรียวตั้งคำถามกับฉันมากกว่าเดิม
“กระแสจิตหรอคะ คุณรู้จักผู้ชายหยาบคายแบบนี้ด้วยหรอคะ”
“หยาบคายหรอ เธอนี่ตาถึงนะ”
ฉันแอบหัวเราะคนหน้าหล่อที่กำลังสำลักกาแฟพลางมองค้อนใส่ฉันด้วยความโมโห
“อย่าคิดจะเป็นศัตรูกันตอนนี้ดีกว่านะ คะแนนติดลบแย่กว่าการสู้กับนายเป็นไหนๆ เลยจริงไหม”
“เหอะ เห็นแก่ภารกิจหรอกนะ ฉันจะญาติดีกับเธอไปก่อนก็ได้ แล้วก็ฉันไม่ใช่ผู้ชายหยาบคายซะหน่อย”
รินคุหันไปมองคนร่างเพรียวซึ่งกำลังทำหน้าไม่พอใจใส่เขาอยู่ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
“นี่เธอกำลังคิดว่าฉันเป็นแฟนของยัยนี่งั้นหรอ หึ คิดได้สมเป็นมนุษย์ดีนะ”
“ทำไมคุณถึงได้!”
คนตรงหน้าฉันดูตกใจเป็นอย่างมากที่รินคุเดาความคิดเธอออกทั้งหมดอย่างกับอ่านใจได้งั้นล่ะ และมันก็เป็นความจริงที่เขากำลังอ่านความคิดเธออยู่ เพียงแต่ว่าคนร่างบางที่กำลังนั่งข้างๆเขากลับพูดดักทางทำให้เจ้าตัวต้องล้มเลิกความคิดนั้นและหันมาโฟกัสกับยูโรแทน
“ถูกปรับตกคงดีกว่าคะแนนติดลบสินะนายน่ะ”
“ถนัดแต่พูดแดกดันดีนะเธอน่ะ”
คนร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงจิกกัดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะโบกมือเรียกพนักงานให้มาเก็บเงินซะเองทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกับฉันคิ้วหมวดขึ้นอย่างสงสัย
“คิดจะทำอะไรน่ะคะ”
“ก็จ่ายเงินน่ะสิ ไม่ต้องทอนนะ ไปกันได้แล้ว”
คนผมแดงวางเงินลงในถาดก่อนจะลุกขึ้นพลางปลายตามองคนร่างบางที่อมยิ้มนิดๆ ให้กับคนตรงหน้าที่ยอมสงบศึกกับเธอง่ายๆ
“เดี๋ยวค่ะ ฉันบอกว่าจะเลี้ยงคุณคนนี้เอง แล้วคุณเป็นใครคะมาชิงตัดหน้าแบบนี้”
ดูเหมือนผู้หญิงตรงหน้าฉันจะเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ช่วยไม่ได้การรู้จักคนในโลกใบนี้ซักนิด คงไม่ทำให้เดือดร้อนเท่าไรหรอก
“เขาเป็นเพื่อนของฉันเอง ชื่อรินคุ ส่วนฉันชื่อยูโร ส่วนชุดเดี๋ยวฉันจะส่งคืนให้ เอาเบอร์มือถือของคุณมาสิ”
ฉันยื่นสมาโฟนให้เธอพร้อมนามบัตรที่ฉันแอบเสกขึ้นมาโดยที่มีรินคุยืนมองการกระทำของฉันและเธออยู่ตลอด
“ฉันชื่อ อีเมลค่ะ จะเรียกว่าเมลก็ได้”
คนร่างเพรียวรับมือถือของฉันไว้ก่อนจะยื่นมันมาอย่างรวดเร็วจนฉันต้องพยักหน้าตามเล็กน้อยและเดินตามรินคุออกไป
“นี่ยัยเด็กใหม่ เธอไปสนิทสนมกับพวกมนุษย์ทำไม เดี๋ยวก็เกิดความผูกพันขึ้นหรอก”
คนร่างสูงที่เดินด้วยกันซักพักพูดขึ้นในขณะที่เขากำลังดูแผนที่คู่รัก
“ถึงเวลาก็แค่ลบความจำ ไม่เห็นยุ่งยากเลย ว่าแต่นายเถอะ จะเรียกฉันว่ายัยเด็กใหม่ไปถึงเมื่อไรกัน ฉันมีชื่อว่ายูโร”
“ฉันก็ชื่อว่ารินคุ ถ้าเธอไม่เรียกชื่อฉัน ทำไมฉันต้องเรียกชื่อเธอด้วย-”
“รินคุ ฉันเรียกแล้วนะ ชื่อของนายน่ะ”
ทันทีที่ฉันเรียกชื่อเขาขึ้นมาดื้อๆ รินคุก็ชะงักค้างไปพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงจางๆ
“ล่ะ...แล้วเธอจะยิ้มทำไม!”
แค่ยิ้มก็ผิดรึไง ทำไมเขาต้องโมโหใส่ฉันขนาดนั้นด้วยเล่า หรือว่าจะชอบให้ฉันตึงหน้าใส่อย่างเดียวรึไง ประหลาดคนชะมัด
“นี่รอฉันด้วยสิ รินคุ”
“หยุดเรียกชื่อฉันได้แล้วน่า ยัยบ้า”
ไหงฉันกลายเป็นคนผิดอีกแล้วล่ะ เราจะญาติดีกันสักนาทีไม่ได้เลยสินะ
“ถึงแล้ว”
“อะไร?”
ฉันคิ้วหมวดเล็กน้อยก่อนที่รินคุจะพูดต่อท้ายให้ฉันหายสงสัยเล่น
“บริษัทที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไงล่ะ พายอาร์ คนที่จะกลายมาเป็นคู่รักของอทินด้วยฝีมือของเราสองคน”
รู้สึกว่าจะเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อนเลยแหะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ p&j เป็นบริษัทสำหรับผลิตพวกนักร้อง นักแสดงไม่ใช่หรอ
“ถ้าจำไม่ผิดคนที่ชื่ออทินอะไรนั่น เขาเป็นโรคเกลียดที่ๆมีคนเยอะๆ ใช่ไหม”
“ประมาณนั้น ดูเหมือนจะไม่ง่ายแล้วสิ หรือพวกเราต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ซัก2-3 ปีเห็นจะได้”
คนผมแดงเกาหัวแกรกๆพลางนับเวลาที่ต้องใช้ในภารกิจครั้งนี้
“ไม่อยากให้นานขนาดนั้นหรอก”
“สำหรับโลกทางนั้นไม่นานขนาดนั้นหรอก อาจจะผ่านไปแค่วันหรือสองวัน ยังไงซะพวกเขาก็ให้เวลาเรามาตั้ง10ปีเหลือๆ สำหรับพวกมือใหม่ เธอจะซีเรียสไปทำไมล่ะ นึกว่ามาเล่นสนุกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีกว่าน่า โลกมนุษย์ไม่ได้มีแค่เราที่มาซักหน่อย”
“หมายความว่ายังไง”
“ถ้าตัวแทนพระเจ้าอย่างฝ่ายเรายังมีภารกิจให้ทดสอบ แล้วพวกปีศาจล่ะ แน่นอนว่าก็ต้องมีมาทำให้พวกเขาแตกแยกกันอยู่แล้ว อะไรก็ตามที่ดึงดูดความมืดในจิตใจออกมาก็เป็นส่วนหนึ่งของงานพวกปีศาจนั่นล่ะ รวมถึงพวกแม่มดที่ชอบทำสัญญาแลกอายุไขจิตวิญญาณหรืออะไรก็ตามแต่ด้วย”
คนร่างสูงปลายตามองคนร่างบางที่ยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะดิ้ดนิ้วลงไปที่หน้าผากมนเบาๆ ของเด็กสาวให้เจ้าตัวออกจากภวังค์ความคิด
“นึกกลัวขึ้นมารึไง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า คนที่จะทำร้ายเธอได้มีแค่ฉันคนเดียว ฉันจองคิวจัดการกับเธอไว้แล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวไปหรอก”
ฉันไม่ได้กลัวซะหน่อยตาคนบ้องตื้น แต่ที่กำลังกังวลอยู่นี่ก็เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอปีศาจที่ตลบอบอวลอยู่ในนี้ต่างหากเล่า งี่เง่าชะมัดเลยนะเขาน่ะ คนร่างบางปัดมือเด็กหนุ่มร่างสูงทิ้งก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางทำให้คนร่างสูงโปร่งมองตามเด็กสาวไปอย่างไม่เข้าใจนัก
“นั่นเธอจะไปไหน”
“ก็แยกทางกันไง ฉันจะไปตีสนิทกับอทินเอง ส่วนนายก็ไปตีสนิทเด็กฝึกพายอาร์นั่นซะ แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที แต่ฉันพูดไว้ชัดเจนแล้วนะว่าจะไม่อยู่บ้านเดียวกับนายแน่ๆ ดังนั้นนายก็สร้างฐานะและตัวตนของตัวเองป้องกันคนอื่นเค้าจับได้ด้วยก็ดี ฉันแค่แนะนำในฐานะที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน เพราะงั้นขอตัวล่ะ”
พูดจบฉันก็สะกดจิตเจ้าของรถตรงหน้าให้ลุกออกไปทันทีโดยที่ไม่ลืมจะยัดเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อนอกของเขาไว้
“จากนี้คุณจะจำได้แค่ว่าคุณขายรถคันนี้ให้กับฉันแล้ว ด้วยความเต็มใจ”
“ผมขายรถคันนี้ให้กับคุณด้วยความเต็มใจ”
ชายหนุ่มเจ้าของรถพูดตามด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนที่คนร่างบางจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วโดยที่มีคนร่างสูงยืนมองตามด้วยความรู้สึกขุ่นมัวไม่หาย
“นี่เธอกล้าสั่งฉันอีกแล้วหรอ แล้วทำไมฉันถึงได้ยอมตลอดเธอเลยเนี่ย ยูโร”
เกร็ดความรู้ : โลกมนุษย์เป็นหนึ่งในสถานที่ชั้นยอดในการเลือกหาแหล่งพลังงานชีวิตของปีศาจและแม่มด และจะถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก หากตัวแทนพระเจ้ายืนมือไปยุ่งย่ามโดยไม่มีเหตุอันสมควร