รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถลุงเงินเล่นอยู่เลยแฮะ ตั้งแต่มายังโลกมนุษย์ฉันก็เอาแต่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ประหนึ่งว่าเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปหลายต่อหลายครั้งในขณะที่ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้อะไรกับเขาดี หรือบางทีอาจเป็นพวกไวน์องุ่นไม่ก็แซนวิช อืม ฉันเลือกไวน์องุ่นก็แล้วกัน คิดว่ามันคงจะสร้างความประทับใจแรกให้กับฉันมากพอดู
“ครับ คุณมีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
คนร่างสูงโปร่งเปิดประตูออกมาต้อนรับฉันอย่างสับสน เนื่องจากเขาไม่ได้รู้จักคนตรงหน้านี้เลย สีหน้าของเขาจึงบ่งบอกทุกอย่างออกมาหมด
“คือฉันเพิ่งย้ายเข้ามาน่ะค่ะ อยู่ห้องถัดจากคุณ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันยูโร ชิยูอิน และนี่ก็ของฝากค่ะ คิดซะว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนข้างห้องนะคะ”
อทินมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรนอกเสียจากยอมรับขวดไวน์ราคาแพงมาถือเอาไว้เองพลางหลบเลี่ยงสายตาฉันนิดๆ
“ขอบคุณครับ”
“แค่นี้เองเหรอคะ นึกว่าคุณจะยอมบอกชื่อกับเพื่อนข้างห้องของคุณซะอีก”
ฉันแกล้งตัดพ้อใส่คนร่างสูงซึ่งยืนลังเลใจอยู่พักนึงก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผมชื่ออทิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะครับ”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเขาก็ดันปิดประตูใส่หน้าฉันดังปังเลยให้ตายสิ คนๆ นี้ กลัวคนขั้นสุดเลยรึไงนะ แต่คิดไปก็หัวเสียซะเปล่าๆ ดังนั้นฉันก็เลยกลับมาอยู่ห้องของตัวเองพลางคิดต่อว่าจะเอายังไงต่อไปดี ความรักของเขาและเธอดูท่าทางจะลำบากกว่าถนนลูกรังที่ขรุขระในตัวเมืองซะอีก และนั่นมันก็ช่างไม่ยุติธรรมเลยในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกจนหัวหมุนไม่ยอมหยุดอยู่แบบนี้แต่เขากลับไม่รับรู้ถึงมันด้วยซ้ำไป
“มาคนเดียวงั้นเหรอ”
“ค่ะ ฉันมาสำรวจที่อโคจรน่ะค่ะ”
ฉันเอ่ยตอบผู้ชายผมสีเทาที่เดินมานั่งโต๊ะของฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกหนุ่มจ้องจับเหยื่ออย่างไม่ยอมคาดสายตา เพียงแต่ว่าฉันไม่ใช่เหยื่อในค่ำคืนนี้ของเขาหรอกนะ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน
“จะดีเหรอครับ เป็นผู้หญิงแล้วมาคนเดียวแบบนี้ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไหมล่ะครับ”
คำพูดอ่อนหวาน นัยต์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายจ้องตาฉันพลางยิ้มรับอย่างไม่ละสายตา นึกว่าฉันดูไม่ออกรึไง
“กลิ่นฉุนจังเลยนะคุณน่ะ มันออกจะเสียมารยาทกันไปหน่อยไม่ใช่เหรอคะ คุณจิ้งจอกเก้าหาง”
“คุณรู้ด้วยเหรอ ว่าผมเป็น ถ้างั้นทางนี้ก็คงใช่จริงๆสินะครับ อยากดื่มอะไรรึเปล่าล่ะ ผมเลี้ยงเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคุณในที่แบบนี้ด้วย ผมรันเวย์”
พูดจบเขาก็ขยับมือมาทางฉันที่ยังคงจับตาดูผู้คนซึ่งคับคั่งไปด้วยกลิ่นไอของปีศาจปะปนไปกับของพวกมนุษย์ สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าไนต์คลับคงไม่พ้นเรื่องพวกนี้เลยสินะ
“รับอะไรดีครับ”
ทันทีหมอนี่นั่งลง เขาก็กวักมือเรียกบริกรหนุ่มให้มาทางนี้เป็นการเร่งด่วน พร้อมกับสั่งเมนูยอดฮิตติดชาร์ตในมือด้วยความคล่องแคล่ว
“ผมเอาเตกีล่า แก้วนึงครับ ~”
“แล้วคุณผู้หญิงท่านนั้นล่ะครับ”
บริกรที่นี่ดูขยันขันแข็งน่าดูเลยนะ ถ้าไม่สั่งคงเสียมารยาทแย่
“อืม...ฉันเอาดราย มาร์ตินี่แล้วกันค่ะ”
ฉันจิ้มไปตามเมนูเครื่องดื่มทั้งที่ไม่รู้จักมันซักนิดเดียว ก่อนจะคืนเมนูให้กับทางร้านไป แต่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ นะ ที่เขาลอบยิ้มใส่ฉันที่กำลังจดบันทึกยุกหยิกอย่างตั้งใจอยู่ มีอะไรน่าขำมากรึไง ถ้ามีก็พูดออกมาสิ นั่งอมยิ้มอยู่ได้
“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะมาหาข้อมูลการทำให้คนรักกันถึงที่นี่ แถมยังใจกล้าไม่เบา”
“นี่คุณไม่คิดจะไปที่อื่นเลยรึไงคะ”
“คุณยังไม่บอกชื่อของคุณเลยนี่ครับ อีกอย่างวันนี้ผมไม่ต้องการพลังงานจากพวกมนุษย์หรอกนะ แต่ถ้าเป็นคุณก็ไม่แน่”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้จักคุณเลยค่ะ และไม่คิดอยากจะรู้จักด้วย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะคะ ไม่งั้นฉันอาจจะทำอะไรที่มันจำเป็นซึ่งเป็นข้อยกเว้นของข้อห้ามก็ได้”
“ท้าทายดีจังครับ ผมยิ่งอยากรู้จักคุณมากขึ้นไปอีก”
ไม่คิดจะฟังกันเลยสินะ ปีศาจจิ้งจอกดื้อด้านแบบนี้ทุกตัวเลยรึเปล่า ฉันจะได้จับขังโรงเรียนฝึกสุนัขทุกตัวไปเลย
“เครื่องดื่มที่สั่งมาแล้วครับ ค่อยๆ ดื่มนะครับ”
พอดีเลยฉันยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย ก็เลยหยิบแก้วดราย มาร์ตินี่ยกดื่มเข้าไปรวดเดียว ทำให้คนตรงหน้าอึ้งไปทันทีกับการกระทำของฉันพลางตบมือให้เบาๆ
“สุดยอดเลยครับ คุณนี่คอแข็งเป็นบ้า ผมนับถือเลย”
ตึง!
“เอ๋? อย่าบอกนะว่า...”
ทำไมมันถึงมึนหัวได้ขนาดนี้ หนักไปทั้งตัวเลย รู้ตัวอีกทีฉันก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะแล้ว แต่ก็พอจะได้ยินเสียงจากคนข้างๆ อยู่บ้าง
“คุณเมาแล้วหรอครับ อย่าบอกนะว่าเพิ่งเคยมาครั้งแรก นี่ไม่เป็นไรแน่นะ?”
“อืม...ฉันก็แค่พัก...ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรแน่หรอครับ หน้าแดงแจ๋เลย”
“ดูเหมือนคอฉันจะไม่แข็งจริงๆ ”
ฉันพึมพำพลางพยายามยันตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะโดยที่มีรันเวย์คอยช่วยพยุงอยู่ ไม่ไหวจริงๆ นั่นล่ะ แม้ว่าจะจำแลงร่างตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ยังไงร่างจริงของฉันก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี เหล้านั่นมันคงแรงไปสินะ ทั้งที่คิดว่าน่าจะเบาที่สุดแล้วแท้ๆ
“ยังไงดีล่ะ คุณในตอนนี้อ่อนแอกว่าปีศาจอย่างผมอีกนะ ไม่คิดว่าผมจะกินคุณบ้างรึไง”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ....ถ้าฉันปล่อยคลื่นพลังออกมาแค่เพียงเล็กน้อย...ไม่คิดหรอว่าพวกเขารับรู้ถึงตัวตนของฉัน...ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้มีแค่คุณที่ต้องการฉันหรอก....”
ถึงจะพยามยามโฟกัสเท่าไร แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเลยแหะ ถ้าไม่ใช่สายรักษาก็คงต้องฝึกฝนมากกว่าคนพวกนั้นถึงเท่าตัวเพราะฉะนั้นแค่ฉันตอนนี้ทำได้เพียงประคองสติให้มีอยู่ก็เต็มกลืนแล้ว
“สมกับเป็นพวกคุณเลย แต่แค่ผมกลบพลังของคุณตอนนี้ ก็น่าจะพอทำได้นะ”
คนร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยพลางประคองศีรษะของคนคออ่อนมาพิงไหล่ของตัวเขาเอง
“......”
“หลับไปซะแล้วหรอ”
“.......”
“เมื่อกี้ยังขู่ฟ่อๆ เป็นลูกแมวน้อยอยู่เลยแท้ๆ ”
“.......”
“ชักอยากเลี้ยงลูกแมวน้อยขึ้นมาแล้วสิ”
รันเวย์ปลายตามองคนร่างบางที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ เขาด้วยลมหายใจสม่ำเสมอก่อนจะถูกหญิงสาวแปลกหน้ามองจิกใส่เขาด้วยอีกคน
“นั่นคุณคิดจะทำอะไรเพื่อนของฉันกันคะ!?”
ผู้หญิงหน้าสวยเดินตรงมาประคองคนร่างบางต่อจากรันเวย์ที่กำลังประมวลผลหญิงสาวซึ่งอ้างตัวเป็นเพื่อนของเจ้าลูกแมวน้อยอย่างนึกสนุก นี่ลูกแมวน้อยของผมมีเพื่อนเป็นมนุษย์กับเค้าด้วยหรอเนี่ย
“เดี๋ยวสิครับ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณเป็นเพื่อนของเธอ”
ชายหนุ่มยื้อแขนข้างนึงของคนร่างบางเอาไว้ทำให้หญิงสาวอีกคนปัดมือเขาออก
“ยูโร เป็นเพื่อนของฉันค่ะ การให้เธอไปกับฉันยังจะปลอดภัยว่าการไปกับผู้ชายอย่างคุณ”
ดูท่าเธอจะรู้จักกับเจ้าแมวน้อยของผมจริงๆ นะเนี่ย ช่วยไม่ได้แหะงั้นผมจะยอมปล่อยพวกเธอไปก่อนก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกแมวน้อยตัวนี้คงจะเกลียดจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างผมแน่ๆ
“ถ้างั้นรถของคุณอยู่ทางไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมจะอุ้มเธอไปส่งให้”
ดูยังไง ผู้ชายคนนี้ก็ดูไม่ใช่คนดีเลย รอยลิปสติกที่คอ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายเจ้าชู้อีก คุณยูโรต้องโดนเขาหลอกมาแน่ๆ ดีนะที่ฉันมาเจอซะก่อน!
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการเองได้ ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลเพื่อนของฉันนะคะ”
พูดจบฉันก็รีบพยุงคนร่างบางมายังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนๆ ของฉันนั่งอยู่ด้วยกันอย่างทุลักทุเล
“ยัยเมล แกหายไปไหนตั้งนานสองนาน เอ้า ! แล้วนี่แกไปหิ้วใครมาด้วยเนี่ย น่ารักนะยะ”
กลุ่มเพื่อนของฉันที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ ตัวของไนท์คลับแห่งนี้จ้องมายังคนร่างสวยที่ฉันพยุงอยู่ตาเป็นมัน นี่ฉันลืมบอกไปสินะ ว่ายัยพวกนี้มันได้หมดทั้งชายหญิง แต่ว่าฉันคงยกให้ไม่ได้หรอก
“หยุดเลย ห้ามคิดเด็ดขาด”
“ทำไมหวงหรอยะ ก็ได้ๆ รู้แล้วน่า ของๆ เพื่อนเราไม่แย่งหรอก”
“ไม่ใช่แล้วไหมล่ะ นี่พวกแกใครซักคนมาช่วยพยุงคุณยูโรไปที่รถที”
“ฉันๆ ฉันไปเอง”
วีน่าเสนอรับตัวเข้ามาคว้าแขนซ้ายของร่างสวยเอาไว้ก่อนที่จะโดนฉันเขม็งตาใส่
“เออ ไม่แย่งหรอกน่า หยุดจ้องฉันแบบนั้นสักที!”
“อืม....อย่าไป.....”
“อุ้ย! แก เค้าอ้อนฉัน ฉันคงต้องไปกับแกด้วยแล้วล่ะ!”
“หยุดเลย กลับเข้าไปได้แล้ว”
“โหดร้าย ไปเจอตรงไหนไม่ยอมบอกเพื่อนเลยนะยัยตัวดี ก็ได้ๆ หยุดทำหน้าแบบนั้นเลยนะ”
พอยัยวีน่าเดินกลับเข้าไปในคลับแล้วฉันก็ถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของคนหน้าสวยออกดู เพื่อที่จะได้รู้ที่อยู่ของเธอ จนกระทั่งเจอกับสมุดบันทึกเล่มนึงเข้า
“แผนจับคู่ของอทิน โดย ยูโร งั้นหรอ”
“ไม่ให้ดู...”
“อะ ขอโทษทีค่ะ ฉันจะพาคุณไปส่งที่คอนโดนะคะ”
“......”
“หลับไปแล้วหรอคะ”
ฉันรีบคาดเข็มขัดให้กับคนร่างสวยที่นอนหลับตาพริ้มอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไปยังคอนโดมิเนียมตามนามบัตรและเลขที่ห้องของเธอ
ระบบสแกนนิ้วงั้นหรอ....
“คุณยูโรคะ...ขอนิ้วหน่อยค่ะ ดะ เดี๋ยวสิคะ อย่ากอดกันสิคะ ”
ปี๊ป!
ในที่สุดก็เข้าได้ซักที ฉันรีบพยุงคนที่เมาไม่รู้เรื่องไปที่เตียงไซส์คิงโดยที่เธอยังคงกอดคอฉันเป็นลูกลิงไม่ยอมปล่อย
“ว้ายยย”
ล้มไปนอนทั้งคู่จนได้ พอเมาแล้วขี้อ้อนมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะคะ ฉันได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะยันตัวขึ้นมานั่งข้างๆ คนที่หลับไหลไม่รู้เรื่องพลางระบายยิ้มออกมาน้อยๆ
“เจอกันอีกแล้วนะคะ คุณกาแฟขม”
“......”
“คุณดูบอบบางจังเลย ถ้าฉันแตะต้องคุณมากเกินไป คุณจะบุบสลายไปไหมนะ....”
“......”
"แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนของคุณเองจนกว่าจะสร่างเมา เพราะฉะนั้นปล่อยชายเสื้อฉันเถอะค่ะ”
“.....”
“แกะไม่ออกเลย ถ้าอย่างนั้นก็หลับฝันดีแล้วกันค่ะ คุณยูโร ถือว่าคุณอนุญาตให้ฉันนอนด้วยแล้วนะคะ”
ปวดหัวจังเลย ทำไมปวดหัวขนาดนี้ล่ะ ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองกลับมานอนห้องพักได้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“กลิ่นเหล้ายังไม่หายไปเลย คุณโอเคนะคะ”
ทันทีที่ฉันหันกลับไปก็พบเข้ากับคนร่างบางซึ่งกำลังผูกผ้ากันเปื้อนสีขาวแล้วเดินเข้ามาดูฉันพร้อมกับกำลังจัดโต๊ะอาหารให้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคนที่สาดน้ำใส่ฉันวันนั้นถึงได้มาอยู่ในห้องของฉันกันล่ะ
“ฉันบังเอิญไปเจอคุณที่ไนท์คลับน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็เลยอาสามาส่งคุณที่คอนโดเพราะคุณดูไม่มีสติเลย”
นายจิ้งจอกนั่นคงยอมปล่อยฉันออกมาสินะ เมื่อคืนฉันคงประมาทตัวเองมากเกินไป….
“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหมคะ ฉันทำซุปแก้แฮงก์ให้คุณแล้ว คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
คนร่างเพรียวพูดพลางดึงมือฉันให้เข้าไปที่ห้องน้ำ โดยที่ก็ยืนรออยู่ไม่ห่างจากที่นั่นมากนัก อาจเป็นเพราะเธอกำลังซักเสื้อผ้าของเธอในคืนนั้นอยู่ก็ได้
“ขอบคุณที่ช่วยพาฉันออกมานะ”
“ยินดีค่ะ”
ในที่สุดกลิ่นเหล้าก็ออกไปซักที ฉันเช็คสภาพตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาพบกับแขกหน้าสวย ซึ่งกำลังสำรวจห้องของฉันอย่างนึกสนุก
“ถ้ากำลังหาชุดของคุณอยู่ล่ะก็ ฉันส่งไปร้านซักรีดเรียบร้อยแล้ว เอาที่อยู่ของคุณมาสิ ฉันจะส่งกลับไปให้ค่ะ”
ฉันกอดอกมองสายตาซุกซนของคนร่างบางที่ทำเป็นไม่เห็นฉันพลางเบือนหน้าหนี เพราะการที่ฉันสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่มันดูไม่สุภาพงั้นเหรอ
“ฉันว่าคุณไปใส่ชุดให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะคะ ฉันจะไปรอที่โต๊ะอาหารค่ะ”
ฉันกำลังถูกเมินอยู่สินะ.....
“เรื่องชุดของคุณ”
ฉันที่เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยก้าวเข้ามานั่งตรงกันข้ามกับคนที่พยายามหลบหน้าของฉันไปมา ก่อนจะตั้งสติอีกครั้งพลางเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับฉันเข้า
“คุณอยู่คนเดียวหรอคะ”
“ค่ะ ฉันอยู่คนเดียว กลิ่นตัวฉันยังเหม็นเหล้าอยู่เหรอคะ”
“ไม่เลยค่ะ กลิ่นตัวคุณหอมมากเลย!”
“งั้นก็ดีค่ะ ฉันนึกว่ายังเหม็นอยู่อีก คุณถึงพยายามหลบตาฉัน”
“ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ประหม่าเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณ...”
“เป็นเพื่อนกันแล้วคุณยังประหม่าฉันอยู่อีกเหรอคะ”
“ตอนนั้นคุณไม่ได้หลับอยู่เหรอคะ”
คนร่างบางถึงกับทำหน้าตกใจที่ฉันสามารถจำเหตุการณ์ของเมื่อคืนได้เป็นอย่างดีจนเธอต้องเผลอยกมือปิดปากตัวเองไว้
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันพอจำได้บ้างลางๆ น่ะ ว่าแต่ฉันไม่ได้ทำเผลออะไรแปลกๆ กับคุณใช่ไหม”
‘ทำสิคะ ทำมากด้วย ’ คนร่างบางคิด พลางส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้อีกคนคิดมาก
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ พอหัวถึงหมอนคุณก็หลับไปเลย”
“งั้นเหรอ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะทำให้คุณเดือดร้อนซะแล้ว ดีแล้วล่ะค่ะ ”
คนข้างๆ ฉันนิ่งค้างไปพักนึงก่อนจะยิ้มรับฉันด้วยแววตาเศร้าสร้อย เป็นอะไรของเธอกันนะ เมื่อกี้ยังดูร่าเริงอยู่เลย
“ชุดของฉันคุณไม่ต้องคืนฉันแล้วนะคะ ถือว่าฉันให้คุณเลยแล้วกันค่ะ จริงสิ นี่ก็สายมากแล้ว ฉันขอตัวกลับบ้านของฉันก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ”
“คุณอยากเจอฉันอีกเหรอคะ”
“แน่นอนสิคะ ฉันอยากตอบแทนคุณด้วยนี่น่า คราวหน้าให้ฉันจะเลี้ยงข้าวเมลเองนะ คือฉันเรียกคุณแบบนี้ได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ แน่นอนคุณเรียกได้ ฉันไปนะคะ”
พูดจบคนร่างบางก็ส่งยิ้มจางๆให้กับฉันก่อนที่เธอจะค่อยๆเปิดประตูออกไป
'เฮ้อ เป็นคนดีจนรู้สึกผิดเลยแหะ'