บทที่2.เผชิญหน้ากับคนป่วยจอมแสบ
“แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?”
เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50%
“ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”
โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน
“แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...”
เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่...
โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไปนอกห้อง เหมือนเป็นการตัดบทสนทนา
“แกจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะโจ...คนที่ทำกับแกยังลอยนวลอยู่ข้างนอกนั่น แกไม่คิดจะเอาคืนมันเหรอไง?”
เบนกล่าวลอยๆ ผู้ต้องสงสัยคือเสี่ยกวง คู่แข่งทางธุรกิจ ไอ้เฒ่านั่นไม่ใช่คนดีเท่าไร หากย้อนดูปูมหลัง กว่าจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ มันเหยียบหัวคนมาเป็นร้อย...แล้วเขากับน้องก็ดันเข้ามาขวางทางมันเสียอีก จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ‘เสี่ยกวง’ นี่แหละอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของโจนาธาน
“ผมไม่ได้ยอมแพ้นะพี่...แต่ดูสิ...มีอะไรดีขึ้นมั้ง...เหมือนเดิม...แม้แต่กระปลายเท้า ผมยังกระดิกไม่ได้”
โจนาธานตอบเสียงแหบ...เขาทอดสายตามองขาลีบเล็กของตัวเอง...ด้วยความเสียใจ
“แกก็ต้องพยายามสิ...ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้...ไม่ใช่เหรอ?”
เบนให้กำลังใจ...แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เบนเปรยลอยๆ
“ฉันหาพยาบาลคนใหม่มาให้แกแล้วล่ะ รับรองได้คนนี้... ทนถึกเหมือนควาย ต่อให้แกอาละวาดแค่ไหน...หล่อนก็คงไม่สน”
แหงล่ะ... บิดาหล่อนเป็นหนี้เขาเรือนล้าน หากวันวาดถอดใจ หล่อนต้องมีเงินล้านมาคืนเขา นี่เป็นการจ้างงานที่คุ้มค่าที่สุด เขาอยากเห็นเหมือนกัน หล่อนจะสู้ได้แค่ไหน เพราะประเมินจากท่าทาง นับว่าหล่อนแกร่งพอตัว...แววตาหล่อนจัดจ้าและไม่ย่อท้อ หล่อนคงทำงานนี้ได้อย่างดี ไม่เหมือนรายก่อนๆ ที่มาเพราะหวังผล หากโจนาธานถูกใจ หล่อนคงกลายเป็นนักตกทอง เมื่อโจนาธานคือบ่อทองดีๆ นี่เอง...
มุมปากรูปกระตุกยิ้มเหยียด...เขาตะโกนก้องในใจ!!
เขาไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวาย และมองเขาด้วยสายตาที่แฝงความเวทนา
แต่...โจนาธานเลือกที่จะนิ่ง...คนเหล่านั้นจะได้รู้ฤทธิ์เขา หากมายุ่มย่ามกับเขามากเกินไป...
โรงพยาบาลในตัวเมือง...แม่สาย...เชียงราย...
“วาดๆ วันนี้อยู่ต่อแทนพี่หน่อยสิ พี่มีธุระ”
สายใจวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาหาวันวาด หญิงสาวกำลังเข็นรถจักยานยนต์คู่ใจออกมาจากช่องจอดรถพอดี
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ “คงไม่ได้หรอกค่ะพี่สาย วาดต้องไปทำงานอีกที่”
เธอตอบปฏิเสธ คงไม่สามารถทำแทนใครได้อีกนาน เมื่อมีงานที่ใหม่ ต้องทำประจำ จนกว่า ‘คน คนนั้น’ จะมีอาการดีขึ้น
“งานอะไร? พี่ไม่เห็นในตารางงานเลย” สายใจซักต่อ ตารางงานของทุกคนเขียนไว้บนกระดาน เผื่อหากใครมีธุระร้อน จะได้หาคนว่างทำแทนได้
“งานใหม่นะพี่สาย วาดยังไม่รู้กำหนดแน่ๆ เลยยังไม่ได้ลง”
หญิงสาวตอบตามจริง งานชิ้นนี้มีระยะเท่าไรเธอก็ยังเดาไม่ออก จนกว่าจะได้เจอตัวคนป่วย
“ที่ไหนเหรอ พอบอกได้ไหม?”
“วาดไม่ได้ปิดค่ะ แต่วาดยังไม่รู้ ต้องไปคุยกับนายจ้างก่อนค่ะ”
ข้อมูลทั้งหมด วัดวาดยังไม่รู้อย่างละเอียด จนกว่าจะได้ตกลงกันจริงจัง
“เหรอ...อย่าบอกนะว่าครูสร้างหนี้ไว้อีก วาดเลยต้องรับมาเป็นธุระ”
สายใจเดา และหล่อนเดาถูกเสียด้วย
หญิงสาวยิ้มอ่อนๆ เธอไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ทนเอาแล้วกันวาด เห้อ!! ไม่น่าเชื่อนะว่าวาดจะต้องลำบากขนาดนี้ เมื่อก่อนนะ...ครูนะรวยโคตร!! อย่างว่าแหละ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย มีแต่ฉิบหายหากหลงใหลมัน”
เป็นเรื่องที่คนมีสติรับรู้อยู่แก่ใจ...แต่ก็ไม่รู้ทำไม คนเราก็ยังลุ่มหลงอบายมุขกันเหลือเกิน อยากได้อยากมีกับการเสี่ยงโชค ที่ไม่รู้แน่ๆ ว่าจะได้หรือจะเสีย เท่าที่เห็นมีแต่ฉิบหายล่มจมตามๆ กัน
“วาดไปก่อนนะคะ...วาดต้องไปที่...”
โรงแรมขนาดใหญ่ที่เจ้าของเป็นนักธุรกิจหนุ่ม หน้าฉากคือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่เบื้องหลังคือกาสิโนเต็มรูปแบบ...จริงอยู่มันสร้างงานให้กับคนพื้นที่ มีคนได้รับผลบุญจากการทำงาน หลายครอบครัวมีรายได้จุนเจือ แต่มันก็สร้างความฉิบหายให้กับหลายครอบครัวเช่นกัน...รวมทั้งครอบครัว พิศิษรุ่งเรืองของเธอด้วย
สายลมพัดโชยปะทะใบหน้า เมื่อรถจักยานยนต์วิ่งฉิวออกจากที่ ด้วยความเร็วชนิดหากมีคนวิ่งแซงก็ย่อมได้ เมื่อตัวเลขบนไมล์ที่หน้าปัดชี้ที่เลข40 วันวาดขับรถไม่เร็วนัก เธอกลัวอุบัติเหตุ เมื่อตอนนี้มีหลายคนหวังพึ่งพา เธอจึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรมใหญ่สวยงามชวนมอง อาคารที่ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของสองประเทศ เป็นสถาปัตยกรรมที่วันวาดยอมรับ มันสวยสมบูรณ์แบบ เหมือนที่เคยเห็นตามสื่อโซเซียล...ความอลังการจากเมล็ดเงินมหาศาลเขาทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ มีหรือจะเขาไม่หวังกำไรกลับคืนมา
หญิงสาวยิ้มเซียวๆ เมื่อมาถึงที่ เธอเลี้ยวรถจักยานยนต์ไปตามทางที่ รปภ. ใจดีชี้นำ เส้นทางอันมืดครึ้มเพราะสถานที่จอดรถ เป็นสถานที่ส่วนตัวของพนักงานที่มีรายได้น้อย พาหนะที่พวกเขาใช้ ก็ไม่พ้นจักรยานยนต์เหมือนเธอ
“ต้องไปทางไหนล่ะ”
หญิงสาวเดินวนหาทางเข้า เมื่อไม่แน่ใจนัก เธอไม่คุ้นชินสถานที่
“เธอเป็นใคร? มาทำอะไรแถวนี้”
หญิงวัยกลางคนหน้าตาบึ้ง!! นางถามวันวาดเสียงกรรโชก
“วาดมาหาคุณเบนค่ะ”
หญิงสาวตอบตามตรง สายตาที่มองจึงเปลี่ยนไปจากไม่ไว้ใจ กลายเป็นแววดูถูก ผู้หญิงสาวๆ มาหานายใหญ่ คงไม่พ้น ‘อีตัว’
“นัดไว้เหรอ?”
เสียงถามลดความแข็งกร้าวลงนิดๆ แต่ก็ยังแฝงความไม่เป็นมิตรอยู่ดี
“เปล่าค่ะ ...เออ วาดหมายถึงไม่ได้นัดเวลาแน่นอน แต่คุณเบนให้วาดมาหา เพื่อคุยธุระ”
หล่อนขมวดคิ้ว ทำท่าจะเดินหนี วันวาดจึงต้องอธิบายเพิ่ม
“เข้าประตูนี้จะเจอลิฟต์ กดชั้นสูงสุดนั่นล่ะที่ทำงานท่าน แต่ไม่ได้นัดไว้ คุณไทยคงให้พบหร็อก!!”
เสียงดูถูกยังลอยตามหลังมา หลังแจ้งสถานที่ให้วันวาดรู้
หญิงสาวเดินตัวตรง คอตั้ง เธอพยายามไม่ใส่ใจความไม่พอใจที่ฉายชัดบนสีหน้าคนที่พบเจอ หากมัวเอาอารมณ์กับคนรอบข้าง คนที่จะแย่คือตัวเอง วันวาดจึงพยายามปล่อยวาง...
ลิฟต์ค่อนข้างเก่า เมื่อเป็นลิฟต์ใช้งานของพนักงาน หญิงสาวกดหมายเลขชั้นสูงสุด ยืนสงบนิ่งระหว่างที่ตัวลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นสู่ชั้นสูงสุดของโรงแรม...
เกือบ2 นาทีที่ต้องอยู่ในลิฟต์คนเดียว ความกดดันรอบตัวทำให้หญิงสาวรู้สึกหน่วงๆ ในอก...
ติ้ง!!
เสียงสัญญาณเตือน เธอกระชับกระเป๋าสะพายไหล่แน่นขึ้น แล้วจึงก้าวออกจากด้านใน เมื่อประตูลิฟต์เปิดกว้าง
ทางเดินในชั้นนี้ ดูดีเสียจนวันวาดไม่ใคร่กล้าเหยียบย่าง มันปูด้วยพรมกำหยี่สีน้ำตาลไหม้ ดูขรึมและอลังการ ข่มให้เธอรู้สึกด้อยค่า หญิงสาวรวบรวมความกล้า เธอเดินตัวตรง ตรงไปยังเบื้องหน้า จะมาถอยหลังเพราะความกลัวไม่ได้ เมื่อหนี้ของบิดาค้ำคอ!!
ไทยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ เขาเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง...แทนคำถาม
“วาดมาหาเจ้านายคุณค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาดันปลายเท้ากับพื้น จนเก้าอี้เคลื่อนถอยหลัง แล้วจึงผุดลุกขึ้นยืน
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ