ก็อกๆ
“พยาบาลที่คุณเบนต้องการตัว มาแล้วครับ”
เขาเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ยื่นหน้าเข้าไปภายพรางส่งเสียงบอก
“ให้เข้ามาซิ”
เสียงแหบห้าวตะโกนสวน เบนกำลังอารมณ์ไม่ดี เมื่อวันนี้น้องชายตัวแสบ ประท้วง...โจนาธานไม่แตะอะไรเลยแม้แต่น้ำ...จนคนดูแลวิ่งวุ่น เมื่อคนที่เคยอาละวาดปึงปังกลับนิ่งเฉย...แต่กลับทำให้อาการของเขาทรุดลง...
“มาก็ดีแล้ว...ไปกันเถอะ เธอจะได้เจอคนป่วยจอมป่วนเสียที”
วันวาดยังอยู่ในชุดทำงาน ใบหน้าหล่อนมันแพรบเพราะยังไม่แวะล้างคราบไคล แต่ในภาวะเร่งร้อนเช่นนี้ เบนไม่สนใจความสวยงามเท่าใด เขาต้องการใครก็ได้...ที่สามารถปราบพยศโจนาธานได้สักคน...
วันวาดเดินตามผู้ชายหน้าดุแบบงงๆ เขาดูเร่งร้อน การเดินของเขาก็เช่นกัน ช่วงขายาวๆ นั่นเดินฉับๆ จนเธอต้องรีบซอยเท้าถี่ๆ ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทัน
ลิฟต์ขาลง ดูดีกว่าลิฟต์ที่เธอโดยสารขึ้นมาลิบลับ ตัวลิฟต์ใหม่เอี่ยม กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้ง ผิวลิฟต์มันปราบ เพราะการเช็ดถูทำความสะอาดเป็นประจำ เธอยืนเงียบๆ ด้านข้างเขา พยายามสำรวมสายตา โฟกัสแค่ปลายเท้า
เสียงถอนหายใจแรงๆ จากคนข้างตัว แล้วเสียงห้าวๆ ของเขาจึงดังขึ้น...
“เธอดูประวัติการรักษาของน้องฉันแล้วใช่ไหม?...มีความเห็นอะไรมั้ย!!”
เบนถามเหมือนปรึกษา แต่ความจริงเขากำลังประเมินความใส่ใจงานของหล่อน
วันวาดสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนตอบ “เครสแบบนี้มีบ่อยๆ ค่ะ และไม่น่าจะยากอะไร หากคนป่วยให้ความร่วมมือ หรือมีกำลังใจสู้” เธอตอบแบบเป็นกลาง
คนเกิดอุบัติเหตุมีให้เห็นบ่อยๆ แต่หมายความว่าหากเขาอยากหาย คนๆ นั้นต้องทำตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นอะไรก็ช่วยเขาไม่ได้ แม้แต่...ยาเทวดา...
“นั่นคือปัญหาที่เธอต้องหาทางแก้ โจ...ไม่เอาอะไรเลย ไม่ให้ความร่วมมือ หรือแม้แต่จะกินยา...”
เบนตอบ เขาเหลือบมองวันวาดซ้ำ
“งั้นก็แย่ค่ะ เพราะหากเขาต่อต้าน ร่างกายก็จะทรุดลงไปเรื่อยๆ และอาจจะทำให้เขาเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
หญิงสาวตอบตามตรง หากคนป่วยไม่ให้ความร่วมมือ ผลเสียจะตกอยู่ที่ตัวเขาเอง
“นั่นคือหน้าที่เธอ!!...อย่าลืมสิ...เงินล้านมันไม่ได้หากันง่ายๆ ฉันใจดีแค่ไหนที่ยกหนี้ให้พ่อเธอ เพราะฉะนั้น... เธอต้องตอบแทนฉันให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย แค่ผู้ชายหัวดื้อคนเดียว เธอคิดว่าจะปราบเขาได้ไหมล่ะ!!”
เบนพูดเสียงเคร่ง...พยาบาลทุกคนที่เคยว่าจ้าง ส่วนมากแอบลวนลามโจนาธานจนน้องชายเขารำคาญ จึงไล่ตะเพิดพวกหล่อนออกไป แต่สำหรับวันวาด... เบนแน่ใจ...หล่อนไม่น่าจะพิศวาสโจนาธาน เมื่อหล่อนดูเฉยๆ ไม่วอกแวกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เบนเคยเจอ
“วาดรู้ค่ะ วาดจะพยายาม”
หญิงสาวรับคำเสียงหนักๆ...ที่เธอมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะ...บิดานั่นแหละ
ห้องโดยสารด้านหลังเงียบกริบ ไม่มีบทสนทนา ไร้ซึ่งคำถาม และวันวาดก็แสนยินดี เธอไม่อยากได้ยินคำขู่ที่เบนใช้บ่อยๆ
“รถเก่าๆ ของเธอ เดี๋ยวไทยจะเอามาทิ้งไว้ให้ จะไปจะมาจะได้สะดวก”
เบนพูดเหมือนรู้ใจ เพราะวันวาดกำลังกังวล เธอนึกไม่ออกว่าจะกลับบ้านอย่างไร เมื่อเส้นทางที่ผ่านมา ไม่มีรถรับจ้างเมื่อเบนอาศัยอยู่นั้น...เป็นหมู่บ้านคนร่ำรวย พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะเหล่านั้น มันไม่ไกลจากตัวโรงแรม หรือบ้านเธอก็จริง แต่หากต้องใช้สองขาเดิน คงเหนื่อยไม่น้อย กว่าจะถึงถนนที่มีรถรับจ้างวิ่งผ่าน
“ขอบคุณค่ะ”
“เธอคงต้องทำความรู้จักกับน้องฉันก่อน เมื่อก่อน...โจนาธานเป็นคนร่าเริง แต่อุบัติเหตุนั่น ทำให้เขาเปลี่ยนไป”
อุบัติเหตุร้ายแรงเกินจะรับ สภาพรถยนต์ของชายหนุ่มครั้งแรกที่เบนเห็น เขาไม่คิดว่าโจนาธานจะรอด แต่น้องชายเขาก็รอดมาได้แบบปฏิหาริย์ เมื่อพระเจ้ายังไม่ต้องการชีวิตโจนาธาน เขาจึงยังมีลมหายใจอยู่จนกระทั่งเบนไปถึง เขาทุ่มทุนไปกับการรักษาโจนาธานแบบไม่เสียดาย สามารถยื้อลมหายใจน้องชายไว้ได้ แต่ไม่สามารถทำให้โจนาธานเดินได้เหมือนเก่า คำบอกเล่าของนายแพทย์ประจำตัว การรักษาแบบต่อเนื่องจะช่วยทำให้โจนาธานดีขึ้น วันหนึ่งเขาจะเดินได้แม้จะไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่ากลายเป็นชายพิการตลอดชีวิต...
วันวาดรับรู้ คนปกติรับไม่ได้หรอก คนที่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง เดินด้วยขาตัวเอง แต่กลับทำไม่ได้เลย ครั้งแรกที่รู้... ไม่มีใครทำใจได้หรอก ส่วนมากที่เธอเจอ มักจะเป็นพายุอารมณ์ที่เขาสาดใส่ เพื่อลดทอนความหงุดหงิดของตัวเอง หลังจากยอมรับได้ อีกไม่นานเขาก็จะดีขึ้น
“ค่ะ”
“บอกซะก่อนเลยนะ หากคิดทำอะไรกับน้องฉัน เธอคงโดนฤทธิ์มัน ถึงจะเดินไม่ได้ แต่มันปากดีเป็นบ้า!!”
เบนบ่นยิ้มๆ น้องชายคนเก่าฉลาดเป็นกรด เจ้าชู้ตัวพ่อ เป็นหนุ่มเสน่ห์แรงคนหนึ่ง แต่ปัจจุบัน โจนาธานไม่ต่างอะไรกับซากศพ เมื่อร่างกายผอมซูบเพราะขาดอาหาร เพราะชายหนุ่มทรมานตัวเอง เขาอยากตาย มากกว่าการมีชีวิตอยู่
รายละเอียดของคนป่วยที่เธอต้องดูแล ค่อนข้างไปทางคนเจ้าอารมณ์ วันวาดผ่อนลมหายใจแผ่วๆ คงไม่มีใครทำให้เธอหวั่นไหวได้หรอก เมื่อคำพูดเสียดสีเช่นนี้ เธอผจญมาตั้งแต่จำความได้ หญิงสาวมั่นใจ เธอรับมือคนป่วย คนนี้ไหว...
10นาทีสำหรับการเดินทาง สิ้นสุดลงเมื่อรถยนต์วิ่งผ่านรั้วเหล็กสูงใหญ่ บรรยากาศโดยรอบสวยงามจนวันวาดตะลึง
บ้านหลังใหญ่น้องๆ ปราสาท ตัวบ้านสวยงามชวนให้หลงใหล มีสาวใช้วิ่งถลามาต้อนรับแบบรู้หน้าที่ เบนก้าวลงจากรถยนต์ เขาโยนกระเป๋าเอกสารให้หล่อน ก่อนจะเดินนำหน้าวันวาดเข้าไปด้านใน
“นี่พยาบาลคนใหม่ที่จะมาดูแลโจ หาห้องให้หล่อนด้วย เอาใกล้ๆ ห้องโจนะ”
ถึงวันวาดจะไม่ได้อยู่ประจำ หล่อนก็น่าจะมีห้องส่วนตัวไว้จัดการธุระ
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ วาดต้องอยู่ใกล้ๆ คนป่วย”
เบนยิ้ม เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เขาแน่ใจ หล่อนได้ใช้แน่ เมื่อไม่มีใครทนฤทธิ์โจนาธานได้นานเกิน3 ชั่วโมง...
“นี่ห้องโจ...ต้องให้ฉันเข้าไปด้วยมั้ย?”
การลองภูมิของวันวาดเริ่มขึ้น หลังเบนเดินนำจนมาถึงห้องๆ หนึ่ง
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ”
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเบน เธอยิ้มให้เขา เอื้อมมือแตะลูกบิดประตู หลังรวบรวมความกล้า...เธอพร้อมแล้ว
ตุ๊บ!!
หมอนใบหนึ่งหล่นปุลงตรงหน้า เมื่อเธอดันประตูเปิดเข้ามาด้านในห้อง
สิ่งแรกที่สายตารับรู้ คือความมืดครึ้ม เมื่อหน้าต่างทุกบานถูกปิด ม่านถูกรูดบดบังแสง จนแทบจะมองอะไรไม่เห็น
วันวาดเพ่งมองฝ่าความมืด เธอปิดงับประตูลงไม่ได้พูดอะไร ก้มลงเก็บหมอนไว้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินคลำทางจนสามารถปรับสายตาให้คุ้นกับความมืด มองเห็นภายในห้องลางๆ และที่สำคัญ สายตาวาวๆ กลางเตียงนั่น กำลังจ้องมองเธอแบบตาไม่กระพริบ...
เบนยืนอิงไหล่กับกรอบประตู เขาเงี่ยหูฟังเสียงจากภายในห้อง นึกอยากหัวเราะครั้งแรก...เมื่อไม่มีเสียงกรี๊ด!! ไม่มีเสียงร้องโวยวายของผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านประตูนี่ไป...
กระเป๋าสะพายไหล่ถูกวางลงบนโต๊ะเตี้ยๆ กลางห้อง เธอเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มงาน
สิ่งแรกที่ควรทำ คือทำให้ห้องสว่างขึ้น ไม่ใช่มืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น...
เธอเดินไปรูดม่าน....
ทันที่ที่แสงจากภายนอกส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา
เสียงโวยก็ดังขึ้น!!
“ใครให้หล่อนสาระแนเปิดม่านหะ!!”
หญิงสาวหมุนตัวกลับมามอง เธอตกใจเล็กๆ กับสภาพผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งเอนๆ อยู่กลางเตียง เขาผอมจนน่าใจหาย ใบหน้าตอบ คางรกครึ้มไปด้วยหนวดและเครา แต่แววตากลับจัดจ้า...
“ห้องมืดจนวาดมองอะไรไม่เห็นเลยค่ะ จะให้รูดม่านปิดเหมือนเดิมก็ได้ แต่วาดคงต้องขอเปิดไฟ...”
เธอตอบเสียงเรียบ หยุดรอฟังคำตอบของเจ้าของห้อง
“นั่นประตู หล่อนมาทางไหน...เชิญออกไปทางนั้นได้เลย ฉันไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่มย่าม!!”
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ