Share

บทที่ 4

Author: มู่เหลียนชิง
เห็นได้ชัดว่าโพสต์นี้ลืมบล็อคเธอ

แววตาของเธอลึกซึ้ง ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่น

สร้อยคอเพชรที่ส่งไปเมื่อวาน วันนี้ก็มือของสวีจือหรูแล้ว ประสิทธิภาพสูงจนน่าทึ่งจริง ๆ

แต่ก็จริง เพราะสวีจือหรูคือคนที่ฟู่เฉินให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

หนิงหนานเสว่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอกำลังจะปิดโทรศัพท์

ก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นว่า

[หนานเสว่ อีกสิบวันผมจะกลับประเทศแล้วนะ]

รูปโปรไฟล์สีดำ

ตัวย่อคือ jyc

บุคคลนี้ติดอยู่ในรายชื่อติดต่อของเธอมาเป็นเวลานานแล้ว

นับ ๆ ดูแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันมาหกปีแล้ว

ลมหายใจของหนิงหนานเสว่หนักอึ้ง แต่ไม่พูดอะไรสักคำ

ตอนเวลาสี่โมงยี่สิบ ฟู่เฉินเพิ่งจะปลีกตัวจากการประชุมที่หนักหน่วง จนกระทั่งเลขาจางเตือน เขาถึงจำเรื่องที่จะไปรับฟู่สุยสุยได้

ครั้นแล้วก็เขาจึงนั่งรถตู้ธุรกิจแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอนุบาล

ฟู่เฉินนวดขมับที่เหนื่อยล้าพลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อย “เร็วหน่อย”

คนขับได้ยินดังนั้นก็ตอบรับเสียงเบา “ครับ”

ฟู่เฉินตั้งใจว่าจะไปรับลูกมาแล้วส่งให้หนิงหนานเสว่ จากนั้นค่อยไปบ้านของสวีจือหรู

และในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของฟู่เฉินก็ทำลายความเงียบ หน้าจอปรากฏชื่อ ‘สวีจือหรู’ ขึ้นอย่างชัดเจน

ฟู่เฉินกระพริบตาเบา ๆ ก่อนกดรับสาย

เสียงสั่นเครือของสวีจือหรูดังจากปลายสาย น้ำเสียงนั้นปนไปด้วยเสียงสะอื้น “ฟู่เฉิน หนั่วหมี่แย่แล้ว ตอนนี้มันมีฟองออกปาก หมอบอกว่ามันเป็นโรคชราหนักมาก คราวนี้มีโอกาสสูงมากที่จะไม่รอด...”

หนั่วหมี่เป็นสุนัขที่สวีจือหรูเลี้ยงไว้ เป็นของขวัญวันเกิดที่ฟู่เฉินเคยให้เธอ

ในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนแยกจากกัน หนั่วหมี่อยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดเวลา ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าของเธอ

สำหรับสวีจือหรู สุนัขตัวนี้ก็เหมือนลูกของพวกเขา

แววตาของฟู่เฉินหม่นหมองลงเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่า “ไม่ต้องกลัว อีกเดี๋ยวผมจะไป”

“ไม่... คุณต้องรีบมา” เสียงของสวีจือหรูเริ่มสั่น เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังร้องไห้ “ฉันกลัวมันจะไม่รอด...”

พูดถึงตรงนี้เธอก็เกือบจะพังทลาย

แววตาของฟู่เฉินจดจ่อเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของสวีจือหรู ในหัวของเขาก็ผุดภาพดวงตาที่คาดหวังคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับเสียงที่เธอบอกว่าอยากให้เขามารับเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ

สุดท้าย ความห่วงใยที่มีต่อสวีจือหรูก็มีมากกว่าฟู่สุยสุย

สวีจือหรูขาดเขาไม่ได้

“ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

หลังจากวางสาย ฟู่เฉินก็สั่งคนขับว่า “กลับรถ ไปโรงพยาบาลสัตว์ซาง”

คนขับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบรับ “ได้ครับ ท่านประธานฟู่”

ฟู่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเลขาจาง บอกให้เขาไปรับฟู่สุยสุยแทน

จากนั้นวางโทรศัพท์ลง แล้วมองไปที่เค้กสตรอว์เบอร์รีชิ้นเล็กที่เลขาจางเตรียมไว้เป็นพิเศษด้วยสายตาที่หมองหม่นมาก เขาหลับตาลง ไม่อยากจะมองอีก

...

ฟู่สุยสุยมองดูท้องฟ้าที่เริ่มมีฝนตกปรอย ๆ ลมหนาวที่เย็นถึงกระดูกพัดเข้ามาหาเธอไม่หยุด ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอซีดขาวด้วยความหนาว เด็ก ๆ ในห้องเดียวกันกับเธอก็ถูกรับกลับไปหมดแล้ว

แม้แต่เด็กผู้หญิงคนสุดท้ายที่เดินออกไปก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “สุยสุย เธอบอกว่าวันนี้พ่อเธอจะมารับไม่ใช่เหรอ...”

ในขณะนั้นเอง เด็กผู้ชายอีกคนก็หัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “เธอมันคนโกหก พ่อที่ไหนกัน เธอหลอกก็เชื่อ!”

ดวงตาของฟู่สุยสุยเปลี่ยนเป็นไม่มั่นใจ หน้าอกเล็ก ๆ ก็รู้สึกแน่นขึ้นมา

แต่เธอพูดปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอมีพ่อจริง ๆ...

เพราะพ่อคนอื่นจะมาร่วมงานเลี้ยงผู้ปกครอง มาร่วมงานประชุมผู้ปกครอง แต่พ่อของเธอไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้ง

พูดประโยคนั้นจบ พ่อของเด็กผู้ชายก็ตบหัวเขาเบา ๆ “พูดอะไรไร้สาระ? ขอโทษนะครับคุณครู”

พูดจบ พ่อของเด็กผู้ชายก็ดึงเขาไป

ส่วนคุณครูโน้มตัวลงถามว่า “สุยสุย วันนี้พ่อหนูไม่มารับเหรอจ๊ะ?”

ฟู่สุยสุยอยากจะบอกว่าวันนี้พ่อจะมารับเธอ แต่บางทีเธออาจจะทำให้พ่อลำบากใจ เธอไม่ควรจะรบกวนพ่อ...

ฟู่สุยสุยยิ้มจาง ๆ “คุณครูคะ คุณแม่มารับค่ะ”

“งั้นก็ดี ครูจะลองโทรหาคุณแม่หนูนะ” คุณครูเอ่ยอย่างอ่อนโยน

ฟู่สุยสุยกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจไว้ แล้วพูดว่า “รบกวนคุณครูด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ตอนหนิงหนานเสว่ได้รับโทรศัพท์และรีบไปโรงเรียนอนุบาล ฝนก็กำลังตกหนักพอดี ลมหนาวจัด และฝนที่ตกกระหน่ำ ทำให้เธอแทบลืมตาไม่ขึ้น

เมื่อเธอมาถึงอย่างเหนื่อยหอบก็เห็นฟู่สุยสุยตัวเล็กจิ๋วหดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง หนาวจนสั่นไปทั้งตัว

วินาทีนั้น หนิงหนานเสว่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดด้วยมีดอย่างแรง จนเลือดไหลกระฉูด

น้ำเสียงที่สุยสุยพูดอย่างมีความสุขว่าวันนี้พ่อจะมารับดูเหมือนยังคงก้องอยู่ในหู

หนิงหนานเสว่รู้สึกเลือดลมขึ้นหน้าในชั่วพริบตา และรสคาวหวานก็พุ่งขึ้นมาถึงลำคอ

เธอเช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วเชิดรอยยิ้มขึ้นมา “สุยสุย—”

ฟู่สุยสุยเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้น วินาทีที่เห็นหนิงหนานเสว่ ความน้อยใจ ความน่าสงสารทั้งหมดที่มีก็กลายเป็นเสียงเรียกอันแผ่วเบา “คุณแม่คะ”

เด็กน้อยตัวแค่นี้ เธอไม่พูดอะไรเลย และไม่บ่นสักคำ

เพียงเรียกแม่อย่างว่าง่าย

หนิงหนานเสว่รู้สึกเสียใจชั่วขณะหนึ่ง ถ้าตอนนั้นเธอไม่ยืนกรานที่จะอยู่กับฟู่เฉิน บางทีสุยสุยอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่รักเธอ มีพ่อที่รักเธอ และแม่ที่ห่วงใยเธอ

เธอเดินเข้าไปกอดฟู่สุยสุย “แม่มาแล้วนะ แม่จะพาหนูกลับบ้าน ไม่ร้องนะลูกรัก”

ฟู่สุยสุยพยักหน้า น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ

จากนั้นหนิงหนานเสว่ก็พาลูกกลับบ้าน

ร่างกายของฟู่สุยสุยอ่อนแอมาก พอถึงบ้านก็มีไข้สูงทันที

หนิงหนานเสว่สัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ที่ร้อนจัดของเธอ หัวใจเจ็บปวดจนชาไปหมด

ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหนิงหนานเสว่ก็ดังขึ้น

คนที่โทรมาคือเลขาจาง

หนิงหนานเสว่คลุมผ้าห่มให้ฟู่สุยสุยดีแล้วก็เดินออกจากห้อง

ทันทีที่รับสาย เสียงขอโทษของเลขาจางก็ดังมาจากปลายสาย “ขอโทษนะครับคุณหนิง วันนี้ท่านประธานฟู่มีธุระด่วนกะทันหัน เลยให้ผมไปรับคุณสุยสุย แต่ผมมัวยุ่งอยู่กับการจัดการเอกสาร เลยไม่ทันได้ดูข้อความ เมื่อกี้ผมเพิ่งมาถึงโรงเรียนอนุบาล ได้ยินว่าคุณรับคุณหนูกลับไปแล้ว...”

หนิงหนานเสว่ไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ สายตาของเธอเย็นชาจนน่ากลัว “เขาไปไหน?”

น้ำเสียงที่สงบอย่างยิ่งนั้นแฝงด้วยความเย็นชาเล็กน้อย

ทางฝั่งเลขาจางชะงักไปชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด

หนิงหนานเสว่เอ่ยเสียงเรียบว่า “เลขาจาง ฉันคิดว่า ฉันในฐานะภรรยาของท่านประธานฟู่ซื่อกรุ๊ป ฉันมีสิทธิ์ที่จะถามว่าสามีของฉันไปไหน”

ในที่สุดเลขาจางก็เม้มปาก “สุนัขของคุณสวีป่วยครับ เธอร้องไห้ขอให้ท่านประธานไปดู ดังนั้นท่านประธานก็เลย...”

ดวงตาของหนิงหนานเสว่ไม่มีระลอกคลื่นใด ๆ

ลูกของเธอยังเทียบกับสุนัขของสวีจือหรูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

น่าตลกอะไรขนาดนี้!

รสคาวหวานพุ่งขึ้นมาถึงลำคอของหนิงหนานเสว่

“คุณแม่คะ…”

เมื่อหนิงหนานเสว่หันกลับมาก็เห็นฟู่สุยสุยเดินโซซัดโซเซออกมาจากห้อง ใบหน้าซีดเซียวเล็ก ๆ ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่คะ คุณแม่อย่าโกรธคุณพ่อเลยนะคะ...”

“หนูรู้ว่าคุณพ่อไม่ได้ตั้งใจ”

“คุณพ่อมีธุระต้องทำเยอะแยะ หนูรู้ค่ะ!”

วินาทีนั้น สำหรับหนิงหนานเสว่แล้ว มันไม่ต่างอะไรกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลายเลย

ฟู่สุยสุยไอหนัก ๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นเดินเข้าไปกอดหนิงหนานเสว่ “คุณแม่คะ หนูอยากให้คุณแม่มีความสุขค่ะ”

ทันใดนั้น หนิงหนานเสว่พลันเจ็บจมูกอย่างมาก
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 213

    เขาคิดว่าตนเองได้โจมตีหนิงหนานเสว่อย่างหนักแล้ว ทว่าในสายตาของหนิงหนานเสว่ การข่มขู่แบบนี้เป็นเรื่องที่น่าขำสิ้นดี บางครั้งเธอถึงกับเริ่มอยากรู้เสียแล้วว่าวงจรประสาทของฟู่เฉินเป็นอย่างไรกันแน่? เมื่อก่อน หนิงหนานเสว่คิดมาตลอดว่าตนเองเป็นพวกคลั่งรัก แต่ตอนนี้พอมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่า คนที่คลั่งรักจริง ๆ ดูเหมือนจะเป็นฟู่เฉินมากกว่าตอนนี้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมายขนาดนี้แล้ว เขายังจะมาโยนความผิดทั้งหมดว่าเพราะเธอรักเขาแต่ไม่ได้ครอบครอง? โคตรน่าไม่อายหนิงหนานเสว่ส่ายหน้ายิ้มอย่างดูถูก จากนั้นก็นอนลงทันที และเริ่มต้นการพักฟื้นอย่างสงบสุขบนรถ สวีจือหรูมองดูฟู่เฉินอย่างระมัดระวังพลางเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อาเฉิน ตอนนี้ควรทำยังไงดีคะ?”“แค่เงินนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเธอต้องการก็ให้เธอไปซะก็สิ้นเรื่อง” ฟู่เฉินแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยถึงยังไงฟู่ซื่อกรุ๊ปก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่าห้าหมื่นล้าน แค่หกร้อยล้านกว่า ๆ ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเขายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ ก็แค่เป็นการเปลี่ยนจากมือซ้ายไปมือขวาเท่านั้นเอง ถ้าย้ายอ

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 212

    ฟู่เฉินดึงสวีจือหรูที่อยู่บนพื้นขึ้นมาโดยทันที และมองตรงไปยังหนิงหนานเสว่ “เธอแน่ใจนะว่าเธอต้องการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นศัตรูกับฉันน่ะ?”“ฉันแค่กำลังเป็นการเป็นงานอยู่เท่านั้นเอง ฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ ตามกฎของคุณ นี่ก็ไม่ได้เหรอคะ?” หนิงหนานเสว่ยักไหล่ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ฟู่เฉิน อย่าพูดถึงเรื่องอื่นกับฉันเลยค่ะ สิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องพูดที่สุดระหว่างพวกเราก็คือความรู้สึก” “หนิงหนานเสว่ เธอเชื่อไหมว่าฉันจะขุดฟู่สุยสุยขึ้นมา? บดกระดูกแล้วโปรยทิ้งซะ” ทันใดนั้นฟู่เฉินก็ยิ้มอย่างโหดร้ายเขาจ้องมองหนิงหนานเสว่อยู่แบบนี้ เธอใส่ใจนังเด็กสารเลวนั่นที่สุดไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ลองดู! หนิงหนานเสว่ได้รู้ซึ้งถึงความเลือดเย็นของฟู่เฉินมานานแล้ว เธอรู้ว่าหากตอนนี้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาละก็ เช่นนั้นก็จะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์“ตอนที่สุยสุยมีชีวิตอยู่ คุณก็ไม่ได้ให้ความสำคัญของเธออยู่แล้ว นับประสาอะไรกับตอนตายไปแล้ว? ทำไมฉันต้องไม่เชื่อด้วย?”“คุณอยากบดกระดูกแล้วโปรยทิ้งก็แล้วแต่เลย ตอนนี้มันสมัยไหนกันแล้ว คนตายไปแล้วก็คือตายไปแล้ว ใครจะไปใส่ใจเรื่องแบบนี้กัน?”หนิงหนานเสว่หัวเราะ หัวเราะด้วยเสียง

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 211

    เมื่อแม่ฟู่ได้ยินคำพูดนี้ก็ราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกอะไรใหญ่โตอย่างไรอย่างนั้น จึงหัวเราะออกมาในทันที “โชคดีที่แกยังรู้ว่านี่คือพ่อของแก!”“พอแล้ว ตอนนี้ผมจะไปจัดการเรื่องบ้าน”ฟู่เฉินไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีวันหนึ่งที่คำว่ายุ่งจนหัวหมุนสี่คำนี้ จะสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะฟู่เฉินเอียงศีรษะมองสวีจือหรูที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขารู้สึกผิดและจนใจไปชั่วขณะ “ไม่เป็นไรนะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ ที่จริงแม่ฟู่ก็ไม่ได้พูดผิดอะไร เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันค่ะ”“อาเฉิน ฉันอยากคืนคุณให้กับคุณหนิงมากจริง ๆ นะคะ แต่จะให้ทำยังไง ฉันทำไม่ได้จริง ๆ ฉันรักคุณค่ะ ฉันไม่มีคุณไม่ได้ ถ้าฉันไม่มีคุณ ฉันอาจตายก็ได้ค่ะ!”สวีจือหรูดึงแขนเสื้อของฟู่เฉินเอาไว้แน่นอยู่แบบนั้น นัยน์ตามีความอยากครอบครองและหวังพึ่งพาจนแทบเสียสติแต่ทว่าสิ่งที่ฟู่เฉินชอบที่สุดก็คือการหวังพึ่งพาและความอยากครอบครองที่ผิดปกติแบบนี้ เพราะว่ามีเพียงแบบนี้เท่านั้น ฟู่เฉินถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าตนเองถูกรัก และเป็นที่ต้องการเขาหยิกแก้มของสวีจือหรู พลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “คุณจะไม่สูญเสียผมไปหรอก เด็กโง่ ”

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 210

    “ป้าใจเย็นก่อนค่ะ”สวีจือหรูกอดเอวแม่ฟู่ไว้แน่น ในที่สุดก็ดึงคนทั้งสองแยกกันได้สักที“เธอไปให้พ้น!”แม่ฟู่ผลักสวีจือหรูออกทันที แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะนังจิ้งจอกอย่างเธอที่ให้ท่าลูกชายฉัน! ครอบครัวดี ๆ ของฉัน ถูกเธอทำให้กลายเป็นสภาพไหนแล้ว ตอนนี้เธอโผล่มาทำตัวเป็นคนดี ถุย! หน้าไม่อาย!”“โวยวายอะไร?”ฟู่เฉินก้าวมาข้างหน้า ขวางอยู่ตรงกลางของทุกคนลุงตำรวจจัดเสื้อผ้าบนร่างตนเองเล็กน้อย แล้วมองฟู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา “คุณก็คือผู้จัดการใหญ่ของฟู่ซื่อกรุ๊ปสินะ? ยังไงก็นับว่าเป็นคนมีหน้ามีตา ทำไมคนในครอบครัวถึงได้ไร้มารยาทขนาดนี้? ตอนนี้มีคนแจ้งความว่าพวกคุณบุกรุกและยึดครองเคหสถานของผู้อื่น ให้เวลาพวกคุณหนึ่งสัปดาห์ ต้องย้ายออก ไม่งั้นเราก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”อะไรนะ?ฟู่เฉินถึงขั้นนึกว่าตนฟังผิดไป ที่นี่คือคฤหาสน์เก่าตระกูลฟู่ เขาเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เด็ก แล้วจะบุกรุกและยึดครองเคหสถานของผู้อื่นได้อย่างไร?“คุณตำรวจเข้าใจผิดหรือเปล่า ที่นี่บ้านผมนะครับ”คิ้วของฟู่เฉินขมวดเข้าหากันแน่น ใครกำลังเล่นแผลง ๆ อยู่กันแน่?มองท่าทางไม่เห็นโรงศพไม่หลั่ง

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 209

    “งั้นก็เอาคืนไปเลย!”เจียงเหยียนเชินหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาให้หนิงหนานเสว่จนหมดสะอาด มองเธออย่างอบอุ่น “ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ”เผชิญหน้ากับแววตาอบอุ่นของเขา หนิงหนานเสว่สับสนไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง เธอพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ พวกเราไปเอาคืนกัน! พวกเขาสมควรตายให้หมด!”“นี่สิถึงจะเป็นหนิงหนานเสว่ที่ฉันรู้จัก เธอไม่เคยเป็นสาวน้อยผู้อ่อนแอเลย พวกเขาเอาชนะเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ” เจียงเหยียนเชินลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ให้กำลังใจเธอ และยอมรับในตัวเธอความดีที่แทรกซึมอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้ ทำให้หนิงหนานเสว่ใจเย็นและสงบนิ่งลงทั้งคน เธอแบกรับเจตนาร้ายที่ไม่ควรมีมามากเกินไปแล้วจริง ๆ แต่โลกนี้ไม่ได้เลวร้าย อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ดีกับเธอ ถนอมเธอ“รุ่นพี่ เรากลับกันเถอะค่ะ”“ได้”พอหนิงหนานเสว่ขยับเขยื้อนเช่นนี้ บาดแผลด้านหลังก็หนักขึ้นไม่น้อย ตอนที่กลับมาถึงโรงพยาบาล หมอทำแผลไปพลาง บ่นไปพลาง “ถ้าคุณเอาแต่เป็นแบบนี้ แผ่นหลังนี่ก็คงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คุณเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ทำไมถึงไม่รักร่างกายตัวเองขนาดนี้?”“ฉันรับรองว่าจะเชื่อฟังแน่นอน

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 208

    หลายปีนี้ หนิงหนานเสว่คิดซ้ำ ๆ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าตอนนั้นทำไมเธอถึงตื่นขึ้นบนเตียงของฟู่เฉิน และคิดไม่ตกด้วยว่าตนกับฟู่เฉินมีสุยสุยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้อย่างไรหลายปีนี้ ฟู่เฉินรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงเลวเหลี่ยมจัดคนหนึ่งเพราะเรื่องนี้มาตลอด จึงพาลเกลียดสุยสุยไปด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะเขา เป็นเพราะลุงแท้ ๆ ของเธอ!“ลุงทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง? ทำไมลุงต้องทำแบบนี้กับฉัน!”“ฉันเป็นหลานแท้ ๆ ของลุงนะ! ฉันเป็นหลานสาวลุงไง!”หนิงหนานเสว่โกรธจนตาเหลือก น้ำตาไหลออกมาทั้งอย่างนี้ มือสองข้างยึดแน่นอยู่บนกระจก เธอคิดไม่ตกเลย!ความลำบากที่เธอกับสุยสุยได้รับตั้งหลายปี มันคืออะไรกันแน่!“ฉันก็หวังดีกับแกทั้งนั้นแหละ! ถ้าแกไม่รีบหาคนดี ๆ แล้วแต่งงานด้วยตอนที่ยังสาว แกจะทำอะไรได้อีก!”“เสว่เอ๋อร์ ฉันเป็นลุงแก ฉันจะทำร้ายแกได้ยังไง! ฟู่เฉินไม่ดีตรงไหน ทำไมแกถึงเอาใจเขาให้ดี ๆ ไม่ได้ล่ะ!”ตอนนี้หนิงไห่เทาก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ แล้ว อย่างไรตอนนี้เขาก็ถูกขังอยู่ข้างใน สิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว!เห็นเขาที่ดูไม่สำนึกผิดเลยสักนิดเดียว หนิงหนานเสว่จึงหมดหวังกับคนผู้นี้โดยสิ้นเชิงแล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status