เรือนไม้ทรุดโทรมหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งเหม่อลอยอยู่ริมทางเดิน ไอความร้อนพัดโชยตามแผดเผาหญ้าจนมอดไหม้ แก้มขาวนวลก็เช่นกัน ยามนี้ถูกเฉียดคมจนเป็นรอยขีดบาดข้างแก้มจนแดงเถือก
ที่นี่ที่ไหน เธอตายไปแล้วเหรอ อย่าบอกอะไรโง่ๆ นะว่าเธอทะลุมิติมา ทันทีที่รู้สึกตัวเธอก็ถูกจับแต่งงานร่วมผูกผมกับบุรุษหน้าน้ำแข็งผู้หนึ่งแล้ว นับจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันเอาไฉ่หงยังคงเอาแต่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หญิงสาวยุคปัจจุบันอย่างเธอตอนนี้ทะลุมิติย้อนกลับมาในอดีตแบบนั้นเหรอ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว พนักงานสาวออฟฟิตที่ทำงานงกๆ ไม่มีเวลาแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำจะทะลุมิติมาได้ยังไงหรือจริงๆ แล้วเธอทำงานหนักจนตาย ถ้างั้นบอกหน่อยได้ไหม ถ้าเธอทะลุมิติมาแล้วเป็นอีกคนเหมือนในนิยายแล้วทำไมไม่มีความสนจำมากมายแล่นเข้าหัวล่ะ แต่นี่เธอมาด้วยสมองที่ขาวโพรงที่แต่ความจำในโลกก่อน ไฉ่หงไม่มีว่าจะคิดวิเคราะห์หาคำตอบยังไงก็ยังไม่มีความสมเหตุสมผลสักนิดก่อนจะมีเงาดำๆ เดินผ่านไป “เดี๋ยวก่อน...เอ่ออ ท่านจะไปไหน” ดวงตาสีน้ำสนิทเพียงปรายมองเท่านั้น เขายืนนิ่งสบตานางนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนเปิดปาก “เข้าป่า” เข้าป่าหาของกินใช่ไหม แบบนั้นก็ดีเลยนับแต่นางทะลุมายังไม่ได้ลิ้มลองกินเนื้อสัตว์สักครั้ง ทุกมื้อล้วนแต่กินผักกับแป้งหมั่นโถวเท่านั้น “เช่นนั้นไปด้วยได้ไหม” “เกะกะ” ไฉ่หงได้ยินแบบนั้นก็คร้านจะใส่ใจหาเรื่องอีกฝ่าย เอาเถอะ เขาเป็นสามีนางที่ต้องทนอยู่ร่วมกันจนกว่านางจะหาทางกลับไปได้ มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู “ท่านฆ่าล่าสัตว์แล่เนื้อมาได้ไหม” “ข้าไม่ฆ่าสัตว์" เหอะ! ไม่ฆ่าก็ไม่กิน นางก็ไม่ง้อเข่นกัน ไฉ่หงรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์แล้ว ไฉนบุรุษผู้นั้นยังไม่กลับมาอีกไม่ใช่เพราะลื่นตกเขาไปแล้วหรอกนะ มือเรียวยกขึ้นวนลูบท้องน้อยๆ ที่ส่งเสียงร้องจ้อกแจ้กตั้งแต่เที่ยงจรดเย็น เธอจะเป็นแบบนี้ถ้าในครัวเหลืออะไรไว้ให้บ้างแต่นี่แม้แต่เศษข้าวขดหมอยังไม่มีหลงเหลือ เขาเป็นยาจกเหรอ? เหอะ ทะลุมิติมาแทนที่จะได้เป็นตัวร้ายผู้แสนร่ำรวยแต่นี่อะไร เธอมาอยู่กับยาจกแบบนี่เหรอ สวรรค์ลำเอียงเกินไปแล้วไหม หรือชาติที่แล้วเธอไปขายชาติหรือทำอะไรให้ไม่พอใจเลยลงโทษกับแบบนี้ ไฉ่หงสถบด่ามากมายอยู่ในใจหารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังเพ่งมองอยู่ นางไม่สมประกอบรึ? นับว่าที่ผ่านมาแม้จะทำคล้ายไม่สนใจภรรยาผู้นี้ของตนแต่อาซานกับจับตามองอย่างไม่ไว้วางใจ ท่าทีที่ผิดแปลกจากผู้คน วาจาพิกลที่เอ่ยทีไม่เข้าใจ แท้จริงแล้วนางเป็นผู้ใดกันเอง หลายวันผ่านมา “อาซานนน” “อาซานนน ท่านอยู่หรือไม่” น้ำเสียงหวานตะโกนร้องเรียกหาอีกคน เมื่อตื่นขึ้นมากับพบความเงียบเหมือนวันที่ผ่านๆ มา เขาที่ใดก็ไปเถิดแต่ช่วยเตรียมอาหารไว้หรือปลุกนางลุกมากินข้าวด้วยได้หรือไม่ บางวันเป็นข้าวต้นเกลือ บางวันเป็นผักต้นเกลือ หรือเป็นหมั่นโถวจิ้มเกลือ รันทนเกินไปแล้ว!!! สรุปแล้วนางทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจกที่แสนจะขี้เกียจคร้าน ชายอื่นในหมู่บ้านมีแต่ออกไปหาเงินส่วนสามีนางวันๆ เอาแต่เข้าป่าไม่รู้จักหาเงินเข้าบ้าน น่าโมโหยิ่งนัก “น่ารำคาญ” สามคำง่ายๆ ถูกเอ่ยออกมาจากอีกคนทำให้นางตั้งสติได้ พูดจาไม่เข้าแต่เช้ามัรสมควรให้อดข้าวนัก คอยดูเถิดนางหาเงินได้เมื่อไหร่จะไม่ง้อเด็ดขาด “ข้าหิว” อะไร? เศษหมั่นโถวเล็กๆ ถูกบิออกแล้วยืนมาตรงหน้านางทันที เข้าใจอะไรผิดหรือไม่สามี ข้าไม่ใช่ไก่นะ “ข้าไม่อิ่ม” “เช่นนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว” นางหูฝาดหรือ “หมายความว่าเช่นใด” ใบหน้านิ่งของอาซานหรือสามีที่ถามคำตอบคำทำเอาคนใจร้อนอย่างนางกระชากสาบคอเสื้อมาคาดเค้นเอาคำตอบบัดเดี๋ยวนี้ “ไม่มีอะไรให้กินอีกต่อไป” “มารดามันเถอะ ท่านเป็นยาจกใช่หรือไม่ หากเช่นนั้นจึงไม่รู้จักออกบ้านไปหางานทำเสียไยจึงต้องเข้าป่าทุกวันในนั้นมีงเงินให้ท่านใช้หรือกระไร” นางร่ายยาวเอ่ยออกมาอย่างอดสู่ไม่พักเว้นช่วงให้หายใจแม้สักวินาทีหนึ่ง ทว่าทำไมคนตรงหน้ายังเอาแต่นิ่งเฉยอีก ควรจะสำนึกผิดไม่ใช่รึ “แล้ว…” “บัดซบมารดามันเถอะ” ไฉ่หงยันกายลุกขึ้นหมุนตัวหันหลังเส้นทางคล้ายเดินออกจากไผที่ใดสักหน “จะหย่ากับข้าแล้วหรือ” “ไปหาเงิน” ไว้ค่อยมาอย่ากันเมื่ออนางร่ำรวยแล้วกันจากนี้ก็ฝันไปเถอะอาซานนั่งอยู่ลานระเบียงหน้าบ้านอย่างกระสับกระส่าย ท้องฟ้ามืดค่ำปานนี้นางออกไปที่ใดไยไม่อยู่บ้านหรือนางจากไปแล้วคำพูดเสียดแทงใจครานั้นเขายอมรับว่าตนมีส่วนผิด ดังนั้นหลังออกจากสถานที่แห่งนั้นเขาจึงร้องขอเชิงขอคำสั่งให้อีกฝ่ายจัดเตรียมอาหารสีสันน่ากินมากมายนำมาส่งให้ถึงที่ใช่ ข้ากำลังทำในสิ่งที่มิเคยทำคือการง้อสตรีผู้หนึ่งในที่สุดแว่วเสียงก็ดังเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่หน้ากระท่อมหลังนี้ อาซานพลันร้อนรนเดินวกไปวนมาเดินเอามือไพล่หลัง สีหน้าเคร่งขรึมหลังพูดคุยร่ำลากับเอินอิ๋นหลานสาวของป้าเอินเสร็จ ไฉ่หงกึ่งลากกึ่งเดินหอบตระกร้าสานที่เต็มไปด้วยหน่อไม้เข้าบ้านด้วยความทุรักทุเรบุรุษผู้นี้เป็นกระไรกันไฉ่หงเพียงปรายตามองเท่านั้นก่อนจะเดินจากประหนึ่งมองธาตุอากาศ“ช้าก่อน”อาซานมองตามหลังหญิงสาวเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนเปิดปากเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมไปปรากฏตัวตรงหน้านาง“ไยหนีออกจากบ้าน”บุรุษผู้นี้ตาบอดไปแล้วหรือไยไม่เบิกตามองตระกร้าหน่อไม้ที่นางเก็บมามากมายเล่นเอาเหนื่อยแทบตาย ประกอบกับโทสะถ้อยคำวันนั้นที่เขาเอ่ยอย่างเย็นช้ายังก้องอยู่ในโสตประสาทเป็นเหตุให้ไฉ่หงอยากจะเมินเฉยไม่ผ
ตลอดทางกลับกระท่อมหลังน้อยท้ายหมู่บ้านไฉ่หงอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กหน่อยเพราะเงินค่าแรงสิบอีแปะที่รับ หากแต่ยังไม่สามารถลบล้างความมากเล่ห์แสนเกียจคร้านของบุรุษผู้นั้นได้อยู่ที่ใดไฉนไม่จุดตะเกียงรอนางไฉ่หงหัวคิ้วมุ่นเริ่มเดือดดาลในใจ “อาซาน!”ไยถึงเงียบอีกนอนแล้วหรือไร แต่ช้าก่อนไยถึงนอนโดยไม่รอนางกลับมาก่อนเล่าทั้งที่ตนเองถีบหัวส่งนางออกไปทำงานบุรุษผู้นี้สมควรโดนข้าตีสักที!“อาซาน! อาซาน! เจ้าคนมากเล่ห์!” เสียงตะโกนร้องเรียกเอะอะโวยวายดังขึ้นต่อเนื่องไหวหยุด ในเมื่อทำนางไว้อย่างหวังว่าคืนนี้จะได้หลับนอนอย่างสบายใจ ไฉ่หงเดินทิ้งน้ำหนักเท้าตึงตังโมโหก่อนจะผลักประตูเข้าไปเกิดเสียงดังสนั่น“เจ้ามันสมควรถูกข้าตี!”อาซานนั่งเหยียดตรงในมือถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่งกลับหันมามอง “กระไร”“รู้หรือไหมว่าวันนี้ข้าไปทำอะไรมา”“อ่อ ป้าเอินอยากได้คนเก็บผักโขมข้าเลยเสนอตัวรับปากแทนเจ้า”“เหอะ เหอะ รับปากแทนข้า” ไฉ่หงยิ่งเดือดดาลปุๆ เมื่อเขาตอบหน้าตายไร้ความรู้สึกผิดที่ไม่บอกนางก่อนประหนึ่งตั้งใจให้นางถูกล่อลวง “ถุ้ย!! เจ้ามันคนโกโหเพอุบายมากเล่ห์จอมหลอกลวง”คนผู้นั้นเพียงพยักหน้าปรายตามองเท่านั้นนี่มันตั้
ตกยามเย็นบรรยายโดยรอบเริ่มเงียบสงบไฉ่หงนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาบนเตียงแข็งๆ ที่ปูทับด้วยมารองอีกชั้นหนึ่งแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ลงความแข็งทื่อลงสักนิด ขัดสนเกินไปแล้ว ก่อนจากบ้านแม้นางไม่ร่ำรวยหากแต่เป็นที่นอนนิ่มทับด้วยฟูกหลายๆ ชั้นตอนกระโดดขึ้นเตียงนอนนุ่มราวกับขนมสายไหม แต่นี่กระไรกันหากนางทำเช่นนั้นมีหวังได้หัวแตกตายอีกครั้งแน่“หลับแล้วหรือ”เสียงตะโกนดังขึ้นหน้าห้องทำให้นางยันตัวลุกขึ้นเอียงหูตั้งใจฟัง ตั้งแต่กลับมาจากตลาดทั้งเขาและนางต่างไม่มีใครเอ่ยขึ้นก่อนจนถึงเมื่อครู่เหอะ นางกำลังงอนอยู่นะไยต้องตอบ“เจ้าอยากซดน้ำแกงเกี๊ยวร้อนๆ ก่อนนอนหรือไม่”“ไม่!”ไยต้องเอาอาหารมาล่อนางดูเห็นแก่กินงั้นรึไม่อยากกิน ต่อให้หิวแค่ไหนนางจะไม่ยอมอ่อนข้อลดศักดิ์ไปขอวอนขอกินเกี๊ยวหรือกินข้าวกับเขาเป็นอันเด็ดขาด แต่ทว่าลองงอนพูดคุยกับนางมากเสียหน่อยเผื่อนางอาจจะยอม“อ่า เช่นนั้นข้าจะเอาได้ไปคืนป้าเอิน”เดี๋ยวนะ!!?“ช้าก่อน” ไฉ่หงปริปากรีบตะโกนโต้ตอบหลังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเร่งมาเปิดประตู สายตามองไปที่เกี๊ยวควันลอยโขมงหอมยั่วน้ำลาย ทั้งเกี๊ยวตัวอวบอ้วนใส่แน่นๆ เต็มคำ นางพลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่าง
“เด็กโง่”อาซานอยากจะหยั่งรู้ว่าสตรีแปลกประหลาดผู้นั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ หาเงินหรือ นางคิดว่าเพื่อแค่เดินตามทางถนนจะมีงานให้ทำ จะมีเศษเงินตกหล่นให้เก็บง่ายเช่นนั้นเชียวรึถ้าเช่นนั้นปานนี้เขาคงมีงานทำแล้วกระมังกระท่อมหลังเล็กๆ ทรุดโทรมที่ไม่อาจเรียกว่าบ้านได้เงียบสงบลงเช่นเคย ยามนี้ดวงอาทิตย์ลอยเด่นขึ้นกลางหัว อาซานนั่งจิบน้ำที่หระหนึ่งน้ำชาชั้นดีอยู่แคร่ลานกว้างแสงแดดสาดส่องจ้าร้อนระอ ประหนึ่งถูกแผดเผาทั้งเป็น แถบนี้เมื่อร้อนก็ร้อนจนจะหลอมละลายเมื่อหนาวก็เย็นจับลึกเข้าถึงกระดูกรู้ตัวอีกทีเขาก็มาฤดูกาลมาได้ถึงสองครั้งนับเกือบครึ่งปีเสียแล้วกระมัง หมู่บ้านที่เงียบสงบไร้ผู้คนพลุ่งพล่านไร้เรื่องคอยให้ปวดหัว เปรียบเสมือนสวรรค์ดีๆ นี่เอง แต่ทว่าเงินยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างหนึ่งอยู่กับข้าโชคร้ายหน่อยเสียเพราะข้าขี้คร้านตัวเป็นขนขี้เกียจทำงานหาเพียงเศษเงินเท่านั้นชายหนุ่มแหงนหน้าหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับบรรกาศพักผ่อนหย่นใจอย่างสงบสุขโดยที่หารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกหนึ่งคู่กำลังสาดส่องมองเสียงสวบสาบของใบหน้าทำให้เขาต้องพลันลืมตาขึ้น “ผู้ใด”“จงออกมาเสีย”ร่างท้วมร่างหนึ่งปรากฎตัวขึ้นหนึ่งที
เรือนไม้ทรุดโทรมหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งเหม่อลอยอยู่ริมทางเดิน ไอความร้อนพัดโชยตามแผดเผาหญ้าจนมอดไหม้ แก้มขาวนวลก็เช่นกัน ยามนี้ถูกเฉียดคมจนเป็นรอยขีดบาดข้างแก้มจนแดงเถือกที่นี่ที่ไหนเธอตายไปแล้วเหรออย่าบอกอะไรโง่ๆ นะว่าเธอทะลุมิติมาทันทีที่รู้สึกตัวเธอก็ถูกจับแต่งงานร่วมผูกผมกับบุรุษหน้าน้ำแข็งผู้หนึ่งแล้ว นับจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันเอาไฉ่หงยังคงเอาแต่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หญิงสาวยุคปัจจุบันอย่างเธอตอนนี้ทะลุมิติย้อนกลับมาในอดีตแบบนั้นเหรอเหลือเชื่อเกินไปแล้วพนักงานสาวออฟฟิตที่ทำงานงกๆ ไม่มีเวลาแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำจะทะลุมิติมาได้ยังไงหรือจริงๆ แล้วเธอทำงานหนักจนตายถ้างั้นบอกหน่อยได้ไหม ถ้าเธอทะลุมิติมาแล้วเป็นอีกคนเหมือนในนิยายแล้วทำไมไม่มีความสนจำมากมายแล่นเข้าหัวล่ะ แต่นี่เธอมาด้วยสมองที่ขาวโพรงที่แต่ความจำในโลกก่อนไฉ่หงไม่มีว่าจะคิดวิเคราะห์หาคำตอบยังไงก็ยังไม่มีความสมเหตุสมผลสักนิดก่อนจะมีเงาดำๆ เดินผ่านไป“เดี๋ยวก่อน...เอ่ออ ท่านจะไปไหน”ดวงตาสีน้ำสนิทเพียงปรายมองเท่านั้น เขายืนนิ่งสบตานางนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนเปิดปาก “เข้าป่า”เข้าป่าหาของก
เพล้ง!เสียงถ้วยกระเบื้องถูกปัดล่วงลงสู่พื้นจนแตกดังสนั่นกลางท้องพระโรง ขุนนางซ้ายขวาพลันตื่นสะดุ้ง หัวใจเต้นระทึกราวกับตีกลองรั่ว เหงื่อไหลทั่วร่างจนเย็นเฉียบราวกับจะหยุดหายใจไปชั่วขณะขุนนางใหญ่รายงานประกาศข่าวการหายตัวไปของเฟยหลงชินอ๋องนานนับกว่าสิบวัน จึงตั้งของข้อสรุปได้ว่าอาจจะสิ้นพระชนม์ชีพหลังออกไปล่าสัตว์"บัดซบ! อาหลงหรือจะถูกลอบสังหาร พวกเจ้าเปิดตาดูเถิดมังกรเยี่ยงเขาจะมีทางถูกลอบสังหารได้อย่างไร"อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่!หากเอ่ยถึงคนผู้นี้หรือเฟยหลงชินอ๋องที่กล่าวมา ทั่วแคว้นต่างรับรู้ว่าเป็นมังกรตนหนึ่งที่ไม่มีผู้ใด้เทียบเคียงได้ ทั้งมีนิสัยร้ายกาจ ไม่ชมชอบผู้ใดล้วนฆ่าทิ้งเสีย ทว่าหลังจวนกลับมีนางบำเรอมากมายไร้หงษ์เคียงข้าง และยังทรงเป็นพระอนุชาขององค์ฮ่องเต้ร่วมอุทรองค์ปัจจุบันที่รักและตามใจยิ่งกว่าบุตรสาวบุตรชายของตนเสียอีก นับเป็นที่เกรงกลัวของข้าราชสำนักทั้งเบื้องบนเบื้องล่างทั้งหลายบาปบุญคุณโทษล้วนตอบสนองคนชั่วโดยเร็วมิใช่หรือ เฟยหลงชินอ๋องเค้นฆ่าผู้คนมากมายราวกับผักกับปลาสมควรตายแล้ว แต่มีหรือผู้ใดจะกล้าออกปากว่าหากไม่กลัวคอหลุดจากบ่า"เช่นนั้น-""ประกาศออกไป