"ฉะ...ฉันไม่เป็นไรค่ะ...ขอบคุณมากนะคะคุณมะตูม" นีรนาถที่เพิ่งรู้สึกตัวตอบเสียงสั่น เนื่องจากหล่อนยังคงไม่หายจากอาการตกใจ
มะตูมมองใบหน้าซีดเผือดของหล่อนอย่างเห็นใจ "ผมว่าคุณเข้าไปพักข้างในบ้านก่อนเถอะครับ...เดี๋ยวผมกับคุณชายจะไปจัดการเรื่องนี้ที่โรงพักเอง"
"ค่ะ" หญิงสาวตอบรับอย่างเชื่อฟัง...โดยที่มะตูมยังคงตามไปส่งเธอจนถึงในบ้าน "ปลากริมพี่ฝากน้องดูคุณนีรนาถด้วยนะ" เจ้าตัวไม่ลืมสั่งน้องสาวที่รีบเดินมารับเพื่อนของตน
และหลังจากเขากล่าวจบชายหนุ่มก็ได้หันไปหาสหายรุ่นพี่ที่กำลังคุมตัวชายขอทานคนนั้นที่กำลังแสดงท่าทางขัดขืน "ไปกันเถอะครับคุณชาย"
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่หน้าร้าน...บัวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็รีบเข้าไปประคองขอทานสองแม่ลูกที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่ด
"ฉะ...ฉันไม่เป็นไรค่ะ...ขอบคุณมากนะคะคุณมะตูม" นีรนาถที่เพิ่งรู้สึกตัวตอบเสียงสั่น เนื่องจากหล่อนยังคงไม่หายจากอาการตกใจ มะตูมมองใบหน้าซีดเผือดของหล่อนอย่างเห็นใจ "ผมว่าคุณเข้าไปพักข้างในบ้านก่อนเถอะครับ...เดี๋ยวผมกับคุณชายจะไปจัดการเรื่องนี้ที่โรงพักเอง" "ค่ะ" หญิงสาวตอบรับอย่างเชื่อฟัง...โดยที่มะตูมยังคงตามไปส่งเธอจนถึงในบ้าน "ปลากริมพี่ฝากน้องดูคุณนีรนาถด้วยนะ" เจ้าตัวไม่ลืมสั่งน้องสาวที่รีบเดินมารับเพื่อนของตน และหลังจากเขากล่าวจบชายหนุ่มก็ได้หันไปหาสหายรุ่นพี่ที่กำลังคุมตัวชายขอทานคนนั้นที่กำลังแสดงท่าทางขัดขืน "ไปกันเถอะครับคุณชาย" ในขณะเดียวกันนั้นเองที่หน้าร้าน...บัวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็รีบเข้าไปประคองขอทานสองแม่ลูกที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่ด
ทางด้านพิธีกรในตอนนี้คนทั้งคู่บนเวทีกำลังรอให้เสียงปรบมือเงียบลงอย่างใจเย็น ก่อนจะกล่าวปิดท้ายด้วยคำประกาศที่สำคัญ "ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งสองท่านอีกครั้งครับ!" "และการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ...ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ณ สถานที่แห่งนี้...จะเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่และท้าทายเป็นอย่างมาก" เสียงของพิธีกรชายหยุดลง "เพราะโจทย์ในรอบชิงชนะเลิศก็คือ..." พิธีกรหญิงได้รับไม้ต่อและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "ดุลยภาพแห่งสองวัฒนธรรมค่ะ!" เธอเว้นจังหวะลงเล็กน้อย "โดยผู้เข้าแข่งขันทั้งสองท่านจะต้องรังสรรค์เมนูที่ประกอบไปด้วยอาหารสองอย่าง...นั่นก็คืออาหารคาวสัญชาติฝรั่งเศสคลาสสิกหนึ่งอย่าง...เพื่อมาจับคู่กับขนมหวานสัญชาติไทย...ที่จะต้องเป็นขนมที
นับวันความสัมพันธ์ระหว่างปลากริมกับนีรนาถก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น...รวมถึงความก้าวหน้าของการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันก็ได้ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด นีรนาถได้เรียนรู้หัวใจ...ของขนมไทย ส่วนปลากริมก็ได้ทบทวนเทคนิคขนมอบแบบตะวันตกที่เธอเคยได้ศึกษามาจากความทรงจำในอดีตนำมาผสมผสานกัน...และแล้ววันแห่งการแข่งขันรอบที่สองก็ได้มาถึง ซึ่งบรรยากาศในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยในวันนี้นั้น...นับได้ว่าคึกคักยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก ทั้งนี้เพราะข่าวคราวเรื่องการแข่งขันที่ดุเดือดและโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำใจนักกีฬาอันงดงามของปลากริมในรอบที่แล้ว ได้แพร่สะพัดออกไปปากต่อปาก จึงทำให้ในวันนี้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาร่วมชมกันอย่างเนืองแน่น ทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และแขกผู้มีเกียรติจากแวดวงสังคม...เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ&nb
และหลังจากที่นีรนาถได้เปิดใจกับปลากริมแล้ว เธอก็ยังคงทำตัวตามปกติ...คือในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หญิงสาวก็ยังคงมาที่บ้านสิงหราชอย่างเช่นเคย...ทว่าเธอก็ไม่ได้มาเพราะมะตูมเพียงอย่างเดียว...แต่เธอมาเพื่อจะเรียนรู้ให้มากขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเองด้วย และในบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเทคนิคการทำขนมอบกันแล้ว ปลากริมก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "คุณนีรนาถคะ...ฉันว่าวันนี้เราลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดีไหม" "เปลี่ยนบรรยากาศเหรอจ๊ะ" "ใช่ค่ะ...เราทำขนมหวานกันมาหลายครั้งแล้ว...วันนี้เราลองทำของคาวแบบฉบับบ้านสิงหราชดูบ้าง...ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมคะ" ข้อเสนอนั้นทำให้นีรนาถปร
หลังจากวันแข่งขันรอบแรกผ่านไป นีรนาถก็ยังคงมาที่บ้านสิงหราชเพื่อเรียนรู้การทำขนมเหมือนเดิม...ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในฐานะเพื่อนและคู่แข่งที่นับถือในฝีมือของกันและกัน และในบ่ายวันเสาร์วันหนึ่ง...วันนี้ปลากริมเลือกที่จะสอนผู้มาเยือนเจ้าประจำทุกวันหยุดทำขนมชั้น...ซึ่งเป็นขนมที่ต้องอาศัยทั้งความใจเย็นและความแม่นยำในการเทแป้งแต่ละชั้นให้มีความหนาเท่ากันและนึ่งในเวลาที่พอเหมาะ "หัวใจของขนมชั้นคือการนึ่งทีละชั้นค่ะคุณนี" ปลากริมอธิบาย "เราต้องรอให้ชั้นแรกสุกพอดีก่อน ถึงจะเทชั้นต่อไปได้...ถ้าใจร้อนเกินไป ชั้นขนมจะผสมกันไม่สวยงาม" นีรนาถตั้งใจฟังและทำตามทุกขั้นตอนอย่างอดทน บรรยากาศระหว่างพวกเธอตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเป็นศัตรูหลงเหลืออยู่อีกแล้ว...มีเพียงความรู้สึกของเพื่อนที่กำลังแลกเปลี่ยนความรู้กันเพียงเท่านั้น
คำขอของเธอทำให้ทั้งห้องประชุมที่เคยเงียบกริบ พลันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที! นี่คือการแข่งขัน! การช่วยเหลือคู่แข่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกติกาอย่างร้ายแรง! พิธีกรบนเวทีถึงกับทำหน้าไม่ถูก ในขณะที่กรรมการท่านอื่นต่างมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ "ตามกฎแล้ว...ผู้เข้าแข่งขันห้ามช่วยเหลือกันนะจ๊ะ" คุณนายพริ้งเอ่ยขึ้นเสียงเบา แต่แล้ว...เสียงที่ทรงอำนาจมากที่สุดก็ดังขึ้น..."การแข่งขัน...ไม่ได้วัดกันที่ฝีมือเพียงอย่างเดียว...แต่ยังวัดกันที่น้ำใจนักกีฬาด้วย" หม่อมเจ้าหญิงอรุณศรีตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่ก้องกังวานไปทั่วทั้งโถง ท่านมองปลากริมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา "ข้าอนุญาต...แต่ให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น"&nbs