Share

ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70
ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70
Penulis: เฟยเทียน / เงาจันทราสีหมึก / กัญญ์ญาภัค

บทที่ 1

หรูฟู่ซิงอินฟลูเอนเซอร์ด้านการท่องเที่ยวไม่รู้เลยว่าการ มายังหมู่บ้านแห่งหุบเขาชื่อดังกำลังจะเปลี่ยนชีวิตของตนไปตลอดกาล

ในขณะที่เจ้าตัวกำลังชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามริมหน้าผาก็ได้ปรากฏการณ์ประหลาดทำให้หญิงสาวก้าวเท้าพลาดจึงเป็นเหตุให้ร่างของเธอร่วงสู่หุบเหวเบื้องล่างทันที

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างยาวนานทว่ากลับไม่มีใครได้ยินและแม้กระทั่งแสงสว่างจ้าที่จู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาก็ไม่มีใครเห็นเช่นกัน

ภายในป่าอันมืดมิดแห่งหนึ่งท่ามกลางสายตาของสัตว์ร้ายที่กำลังออกหาอาหารในยามราตรี ฉับพลันก็มีแสงเจิดจ้าครอบคลุมต้นไผ่กอใหญ่กอหนึ่งก่อนที่สัตว์ป่าเหล่านั้นจะล่าถอยไป

ภายในห่อผ้านั้นมีร่างของเด็กทารกเพศหญิงผิวกายของนางขาวราวกับไข่ปอกใบหน้าของเจ้าตัวสงบนิ่งแสดงว่าเด็กน้อยกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา กลิ่นกายของนางทำให้สัตว์ป่าเกิดความตะกละ

ในขณะที่สัตว์ร้ายกำลังย่างเท้ามาทางห่อผ้าอย่างมาดร้ายฉับพลันพวกมันเหล่านั้นก็ต่างกระเจิดกระเจิงรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจนชนกันเองราวกับว่าห่อผ้านี้มีความอันตรายซ่อนอยู่

‘ข้าจะต้องปกป้องเจ้านายให้ดี’ เสียงลึกลับดังขึ้น

หลังจากความมืดผ่านพ้นก็เป็นแสงสว่างรำไรของเช้าวันใหม่เข้ามาแทนที่ แต่กว่าแสงเงินแสงทองจะเริ่มจับขอบฟ้าก็เลยเวลาอรุณแรกไปถึงหนึ่งชั่วโมง

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะช่วงนี้เป็นฤดูหนาวดังนั้นกว่าแสงแรกของวันจะโผล่พ้นทิวเขาจึงค่อนข้างช้ากว่าเวลาปกติ

หรูฟู่ซิงผู้ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นเด็กทารกกำลังหลับใหลด้วยความเหนื่อยระคนอ่อนเพลีย

‘เจ้านายตื่น!’ น้ำเสียงของเด็กน้อยทำให้หรูฟู่ซิงคิดว่าตัวเองหูฝาดจนกระทั่งได้ยินอีกครั้ง

‘เจ้านายรีบตื่น หากไม่ตื่นจะแย่เอานะ’ น้ำเสียงเล็ก ๆ นี้ดูร้อนใจเป็นอย่างมาก

“แอ้!” (ตื่นแล้ว) “แอ้ แอ้ อ๊ะ!” เสียงที่เปล่งออกมาหาใช่คำพูดของเจ้าตัว (เกิดอะไรขึ้น ฉันเป็นอะไร แล้วเสียงที่ได้ยินเป็นใคร) หล่อนคิดอย่างหวาดกลัวก่อนจะเริ่มปวดศีรษะ

ความทรงจำก่อนหน้าถาโถมเข้ามา (ฉันตายแล้ว) น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่รู้เลยว่าเสียงของตนที่เป็นเพียงเด็กทารกกำลังดังลั่นออกไปไกลทั่วทั้งผืนป่า

‘เจ้านาย อย่าร้อง’ เสียงลึกลับดังขึ้นในหัวของหรูฟู่ซิ่ง จึงทำให้หญิงสาวในร่างของเด็กทารกรู้สึกตื่นตระหนกเธอพยายามเหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็จนใจทั้งนี้เป็นเพราะกล้ามเนื้อคอของเธอยังไม่อาจทำได้ดั่งใจหมาย

(ฮือ ๆ ฉันกลายเป็นคนพิการไปแล้ว) เจ้าตัวคิดอย่างฟุ้งซ่าน

‘เจ้านาย คุณเงียบก่อน หากคุณยังร้องไห้ต่อไป ระวังจะเรียกสัตว์ร้ายมานะ’ เสียงลึกลับเอ่ยเตือนอย่างหวังดี

เหมือนว่าคำพูดนี้ของเสียงลึกลับจะได้ผล หรูฟู่ซิงหยุดเสียงร้องของตนลงราวสั่งได้

“คุณเป็นใคร อยู่ที่ไหนฉันตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ที่นี่คือนรกหรือว่าสวรรค์กัน” คำพูดของเธอเจือเสียงสะอื้น

‘ผมไม่ใช่ทั้งนรกและสวรรค์ แต่ผมเป็นระบบ’

“ระบบ ระบบอะไร ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่” หรูฟู่ซิงส่งเสียงเป็นภาษาทารกออกมาถึงจะเป็นอย่างนี้ทว่าเธอกลับสื่อสารกับระบบได้อย่างเข้าใจ

‘เจ้านายทำเพียงแค่คิดก็ได้ไม่ต้องส่งเสียง ไม่อย่างนั้นเจ้านายจะไม่ปลอดภัยนะ’ เสียงลึกลับที่เรียกตัวเองว่าระบบกล่าวเตือนอีกคำรบ

‘ก็ได้ ว่าแต่เธอมาอยู่กับฉันได้ยังไง’ ตอนนี้หรูฟู่ซิงเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของตนแล้วเพียงแต่เธอยังไม่รู้ว่าตอนนี้จากร่างกายสวยงามของสาวน้อยวัยยี่สิบกว่าปีได้กลายมาเป็นเด็กทารกตัวจ้อย

‘เจ้านายผมเจอกับคุณด้วยความบังเอิญทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของช่วงเวลาจึงทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายเพราะความผิดพลาดนี้ ดังนั้นทางศูนย์ใหญ่ของผมจึงได้ให้ผมทำสิ่งต้องห้ามคือการใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลา เพียงแต่....เพียงแต่เครื่องย้อนเวลายังอยู่ในขั้นตอนทดลอง ดังนั้นร่างของคุณจึงตัวหดอีกทั้งยังต้องมาอยู่ในยุคอื่น’ คำตอบของเสียงลึกลับทำให้หรูฟู่ซิงตัวชาวาบ

‘เธอพูดให้ชัดเจน อะไรที่ว่าตัวหด อะไรคือยุคอื่น’ เสียงของเจ้าตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

จากทว่าในตอนแรกที่คิดว่าตัวเองตายแล้วจากการตกเขา กลับกลายเป็นว่าเธอยังไม่ตายเพียงแต่สิ่งที่รับรู้ใหม่นี้กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกช็อกยิ่งกว่า

‘คือว่าตอนนี้เจ้านายกลายเป็นเด็กทารกอายุไม่น่าจะเกินสามเดือน และยุคนี้เท่าที่ผมลองตรวจสอบปรากฏว่าคือปี1970ของประเทศซีครับ’ จบคำพูดนี้ของระบบสติของหรูฟู่ซิงก็ดับลง

‘เจ้านาย!!’ เสียงลึกลับเล็ก ๆ รีบตะโกนเรียกหญิงสาวในรูปลักษณ์ของเด็กทารกอย่างตกใจ

ในระหว่างที่หรูฟู่ซิงสลบเพราะความตกใจที่ได้รับ ระบบก็คอยกางอาณาเขตปกป้องเด็กน้อยเอาไว้ด้วย

เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงในที่สุดเด็กน้อยก็เปิดเปลือกตาของตนขึ้นดวงตากลมโตบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างยามเช้าทำให้ระบบผู้เฝ้าดูรู้สึกทั้งสงสารและเห็นใจต่อโชคชะตาของเธอเป็นอย่างมาก

‘เจ้านายไม่ต้องกลัวนะ ผมจะปกป้องคุณเอง’

‘ฉันยังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอ’ หรูฟู่ซิงกล่าวเสียงเครือ

‘เจ้านายอย่าร้อง’ ‘จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไงปีนี้ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าเองนะ ยังเที่ยวไม่ทั่วก็ต้องมาอยู่ผิดยุค นายจะให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไงอีกทั้งตอนนี้ยังกลายเป็นเด็กทารกอีก ยุคนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าโหดร้ายมากขนาดไหน จบเห่แล้วชีวิตฉัน’ หรูฟู่ซิงคร่ำครวญ

‘เจ้านายมีผมอยู่ เจ้านายไม่ต้องกลัว’

‘ไม่ต้องกลัวได้จริงเหรอ นายเป็นระบบอยู่ในหัวของฉัน ส่วนฉันร่างกายเป็นเพียงเด็กแบเบาะ’ คำพูดของหรูฟู่ซิงทำให้ระบบเกิดความเงียบ

หรูฟู่ซิงนิ่งตรึกตรองก่อนที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบชวนน่าอึดอัดนี้

‘ก่อนอื่นหากเราจะอยู่รอดนั่นคือต้องหาคนมาเลี้ยงฉันก่อน แต่ในยุคนี้ผู้คนต่างอดอยากถึงขนาดแทะรากไม้ นายคิดว่าจะอยากมีคนรับเลี้ยงเด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดตัวเองไหม หรือถึงมีแต่ในยุคที่ยึดถือผู้ชายเป็นใหญ่ฉันซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงคงไม่แคล้วถูกเลี้ยงเหมือนทาสอย่างแน่นอน’ คำพูดของหรูฟู่ซิงทำให้ระบบเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว

‘เจ้านายขอแค่มีคนรับเลี้ยงคุณก็พอใช่ไหม’

‘ไม่พอ! หากว่าฉันเจอพวกค้ามนุษย์ล่ะ ฉันคิดว่าพอโตขึ้นมาหน่อยคงได้ถูกขายราวกับไม่ใช่คน’ หรูฟู่ซิงแย้งทันควัน

‘เจ้านายไม่ต้องกังวล ผมจะตรวจสอบคนในหมู่บ้านรวมถึงละแวกนี้ให้ดี ว่าแต่เจ้านายคุณต้องการเลือกคนที่ฐานะด้วยหรือเปล่า’

‘เรื่องฐานะไม่จำเป็นเพราะหากฉันไปอยู่กับคนรวยแต่ทว่านิสัยแย่ฉันก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ดังนั้นนายเลือกเอาคนที่นิสัยเถอะ ตรวจสอบให้ละเอียดอย่าให้ผิดพลาด’

‘เจ้านายวางใจได้เลย ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด’ ระบบตอบรับด้วยความมั่นใจ

ส่วนหรูฟู่ซิงในร่างของเด็กทารกนั้น ในตอนนี้เจ้าตัวคล้ายกับรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมากถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่หลังจากปลงตก (ในเมื่อยังมีชีวิตอีกทั้งยังมีระบบพ่วงเข้ามาด้วย ถ้าอย่างนั้นก็จงใช้ชีวิตใหม่นี้ให้ดีก็แล้วกัน แต่ทว่าก่อนอื่นนั้นคงต้องอยู่ที่ระบบแล้วละว่าจะเจอครอบครัวที่มีน้ำใจกับเธอหรือเปล่า) เจ้าตัวได้แต่คิดอย่างคาดหวัง

หนึ่งชั่วโมงถัดมา ‘เจ้านายผมเจอครอบครัวที่คิดว่าเหมาะสมสามครอบครัวละ เจ้านายจะลองฟังดูไหม’

‘ได้ เธอลองพูดมา’

‘ครอบครัวแรกเป็นครอบครัวจางครอบครัวนี้มีบุตรชายทั้งหมดสามคนแต่ละคนต่างแต่งงานกันหมดแล้ว ฐานะนับว่าไม่แย่เพียงแต่ผู้นำครอบครัวค่อนข้างตระหนี่ เขาต้องการเด็กผู้หญิง’

‘ตัดทิ้งไป คนตระหนี่ขืนอยู่ด้วยในอนาคตหากเกิดอะไรขึ้นรับรองเขาขายฉันทิ้งอย่างไม่ลังเลแน่’ หรูฟู่ซิงตอบปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดหลังจากฟังจบ

‘ได้ ถ้าอย่างนั้นเป็นครอบครัวที่สอง ครอบครัวนี้เป็นคนมีฐานะปานกลางมีลูกชายสองคน สะใภ้แต่ละคนยังไม่มีใครท้องดังนั้นจึงต้องการหาเด็กมาเลี้ยงเพียงแต่แม่สามีค่อนข้างจุกจิกจู้จี้’

‘ตัดทิ้ง รีบ ๆ ตัดทิ้งเลย หากฉันถูกรับไปเลี้ยงนะไม่แน่ว่าพอมีคนตั้งครรภ์ขึ้นมาฉันคนนี้ได้กลายเป็นลูกชังแน่ อีกทั้งงานบ้านทั้งหมดคงตกอยู่กับฉันทั้งหมดด้วย’

เมื่อระบบฟังเจ้าตัวก็เห็นพ้องดังนั้นจึงได้กล่าวถึงครอบครัวสุดท้ายออกมา

‘ตกลง ถ้าอย่างนั้นก็ครอบครัวหรูก็แล้วกัน’

‘เดี๋ยวนะ แซ่หรูอย่างนั้นหรือก็เหมือนกับฉันเลยนี่’ หรูฟู่ซิงเอ่ยขัดโดยที่ระบบยังพูดไม่ทันจบ

‘ครับ แต่ว่าเจ้านายครอบครัวนี้ค่อนข้างน่าสงสารมาก ทั้งฐานะยากจนและคนในครอบครัวมีทั้งป่วยและพิการ’

หรูฟู่ซิงรู้สึกว่าชะตาชีวิตในชาตินี้ของตนเหตุใดช่างอาภัพมากกว่าชาติก่อนกัน

‘เธอลองพูดมาก่อน’

‘ครอบครัวนี้มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดสี่คน หญิงวัยกลางคนมีลูกชายคนเดียวอายุยี่สิบห้าปีเขาเคยเป็นทหาร แต่ต่อมาได้รับบาดเจ็บทำให้กลายเป็นคนพิการเดินไม่สะดวกแม้จะได้รับเงินตอบแทนแต่ก็ถูกคนเอารัดเอาเปรียบจนตอนนี้แทบไม่เหลือแม้แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อ

เขาแต่งงานแล้วซึ่งภรรยาเป็นคนที่ผู้เป็นแม่ช่วยชีวิตไว้จากพวกค้ามนุษย์ด้วยความบังเอิญและหญิงสาวคนนี้จำไม่ได้ว่าครอบครัวของตัวเองอยู่ที่ไหนดังนั้นจึงได้ขออาศัยอยู่กับผู้มีพระคุณเพื่อตอบแทน

แต่ยุคนี้เจ้านายก็รู้ว่าปากของชาวบ้านนั้นน่ากลัวมากเพียงใด พวกเขาต่างพากันเอาหญิงสาวไปพูดคุยกันสนุกสนานทำให้หญิงสาวตัดสินใจแต่งงานกับลูกชายพิการของหญิงวัยกลางคนเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้จึงมีลูกชายตัวน้อยหนึ่งคน

สถานะครอบครัวลำบากมากเพราะแม่สามีเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรังจากการทำงานหนัก ถึงจะเป็นอย่างนี้ทว่าหญิงวัยกลางคนก็ไม่เคยเอาเปรียบลูกสะใภ้ อีกทั้งยังช่วยหล่อนทำงานทุกอย่างด้วย’

น้ำตาของหรูฟู่ซิงไหลพรากหลังได้รับฟังข้อมูลของครอบครัวนี้ ‘ระบบ นายมียาหรือของล้ำค่าอะไรบ้างไหม’

‘คุณอยากช่วยพวกเขา’

‘ใช่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รับเลี้ยงฉันก็ตาม แต่ว่าหากปล่อยครอบครัวนี้ให้เผชิญความทุกข์ยาก ฉันรู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเพราะการที่ชายหนุ่มคนนั้นต้องกลายมาเป็นคนพิการก็เพราะไปรับใช้ชาติมิใช่หรือ

อย่างนี้ก็นับได้ว่าเขาเป็นวีรบุรุษแต่ทำไมเขาจะต้องอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยล่ะ’ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กทารกน้อยได้ดังไปไกลจนกระทั่งเข้าหูของหญิงสาวกับบุตรชายคู่หนึ่ง

“แม่ ผมได้ยินเสียงร้องไห้” เสียงพูดไม่ชัดของบุตรชายทำให้จ้าวเหยาตั้งใจฟัง “แม่ก็ได้ยิน พวกเราจะไปดูดีไหม”

“แม่ไปเถอะ พ่อเคยบอกว่าแม้ว่าพวกเราจะยากจนแต่หากเมื่อไหร่เจอคนตกทุกข์ได้ยาก หากช่วยเหลือได้ก็จงทำให้สุดความสามารถ” เด็กชายตัวผอมยืดอกพูดในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อคอยพร่ำสอนไม่ตกหล่นแม้ว่าจะไม่ค่อยชัดนักก็ตามทว่าคนเป็นแม่ก็เข้าใจในสิ่งที่เขากล่าว

“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกัน แต่ว่าควรชวนพ่อของลูกไปด้วย”

“ครับ” น้ำเสียงพูดไม่ชัดของเจ้าตัวตอบรับอย่างเชื่อฟัง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 177

    เพียงไม่นานหลังจากนั้นซุนชิงก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางครอบครัวที่รักเธอและเธอเองก็รักทุกคนมากที่สุด ซึ่งในตอนนี้ผู้อาวุโสที่สุดทั้งบ้านเหลือเพียงเมิ่งหลิงคนเดียวหญิงชราผมขาวโพลนดวงตาเริ่มขุ่นมัวตามวัยแต่กระนั้นใบหน้าของเธอก็ยังคงสดใสอิ่มเอิบ เมิ่งหลิงเป็นคนโชคดีมากเธอไม่ได้มีโรคประจำตัวเฉกเช่นคนวัยเด

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 176

    เสียงหัวเราะของทารกตัวน้อยยังคงดังก้องไปทั่วบ้านตระกูลจ้าว ความสดใสของชีวิตใหม่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหวัง แต่ในขณะเดียวกันบรรยากาศในบ้านกลับแฝงด้วยความเศร้าจากการที่หยูเทียนเจี๋ยชายชราผู้ได้รับการยกย่องอย่างสูงในตระกูลหรู กำลังเผชิญกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตหยูเทียนเจี๋ยเจ็บออด ๆ แอด ๆ มาหลายเดือน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 175

    “ย่ารู้อะไรเกี่ยวกับพี่ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ” อ้ายอ้ายหัวเราะในช่วงเวลานั้นเหมียวเหมี่ยวที่ต้องเข้ามาวัดไข้ของเขาเธอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องราวของย่า ครอบครัวนี้ช่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ต่างจากชีวิตเธอที่ต้องย้ายมาอยู่ในที่ใหม่และไม่มีใครให้ปรึกษาสายตาของเธอเหลือบมองไปยังต้าโถวที่พูดถึงย

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 174

    เสียงฝีเท้าดังสะท้อนในโถงทางเดินขาวสะอาดในโรงพยาบาลของกองทัพ ต้าโถวนั่งพิงหมอนบนเตียงผู้ป่วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย แม้บาดแผลตามร่างกายจะยังสร้างความเจ็บปวดแต่แววตาคมของเขาก็ไม่ได้แสดงอาการอ่อนแอออกมาเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของเหมียวเหมี่ยว พยาบาลสาวหน้าใหม่ที่เดินเข้ามา ท่าทีของเธอรีบร้อนเ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 173

    หลังจากการแต่งงานของอ้ายอ้ายและหลานฉีผ่านไปได้ครบหนึ่งปี ชีวิตคู่ของทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและความรักที่มั่นคง อ้ายอ้ายตัดสินใจวางแผนการเดินทางพิเศษครั้งนี้เพื่อตอบแทนครอบครัวเธอต้องการให้ปู่กับย่า รวมถึงสมาชิกทุกคนได้พักผ่อนและสัมผัสกับความสงบสุขของทะเลในประเทศไทย อีกทั้งยังถือโอกาสนี้เป็นการฮันน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 172

    หลานฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช้เวลาชั่วครู่ประเมินสถานการณ์ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“พวกเรายังต้องค้นหาต่อ แม้มันจะเสี่ยงแต่ผมเชื่อว่าเธอยังรอพวกเราอยู่”ต้าโถวที่ยืนอยู่ข้างเขาพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันไม่มีวันทิ้งน้องสาวไว้แน่นอน ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม”หลังจากพูดคุยกับผู้รอดชีวิต ทีมของหลานฉีได้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status