Share

บทที่ 2

สองแม่ลูกจูงมือกันรีบเดินไปทางชายหนุ่มสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวขี้ม้าที่กำลังเก็บฟืนอยู่ห่างออกไป

“สามี ฉันกับลูกต้องการให้คุณเดินไปกับพวกเราค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานของคนเป็นภรรยาทำให้หรูจื่อหันมามองเธอด้วยสีหน้าสงสัย

“ไปไหนหรือครับ” เขาถามพลางเก็บฟืนใส่ลงในกระบุงของตน

“พ่อฮับ ผมได้ยินเสียงร้องมาจากทางป่าไผ่” เด็กชายชี้นิ้วไปทางป่าไผ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากที่พวกเขายืนอยู่

“ป่าไผ่ เสียงร้อง เสียงนั้นดังแบบไหนเหรอ”

“ฉันลองตั้งใจฟังดูแล้วคล้ายกับเสียงร้องของเด็กทารกเลยค่ะ” คำตอบของภรรยาได้เรียกความตกใจให้กับอดีตทหารหนุ่มไม่น้อย

“ยังมีคนกล้าเอาเด็กมาทิ้งอีกอย่างนั้นเหรอ ไปเถอะ พวกเรารีบไปดูกันหากชักช้าเด็กอาจจะไม่รอด” แม้ว่าการก้าวเดินของเขาจะค่อนข้างลำบากกระนั้นเจ้าตัวก็ยังเดินโขยกเขยกได้ไวกว่าลูกเมีย

‘เจ้านายกำลังมีคนมา’ ระบบส่งเสียงเตือนเจ้านายตัวน้อยที่กำลังพยายามหันซ้ายหันขวา

‘เขามาดีหรือมาร้าย’ หรูฟู่ซิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาครามคร

‘เป็นครอบครัวหรูที่ผมเคยเล่าให้เจ้านายฟังครับ’ คำตอบของระบบนำพาความโล่งใจมาให้หญิงสาวในรูปลักษณ์ของเด็กทารกเป็นอย่างมาก

‘ฮูว์! ค่อยยังชั่วหน่อยฉันนึกว่าจะเป็นคนไม่ดีซะอีก ระบบว่าแต่เรื่องยานายมีไหม’

หรูฟู่ซิงระบายลมหายใจออกมาพลางถามถึงเรื่องก่อนหน้า ‘มีครับ แต่ว่าเจ้านาย คือว่าเอ่อ สินค้าในระบบค่อนข้างมีราคาดังนั้นเกรงว่าในตอนนี้เจ้านายยังไม่อาจซื้อได้’ ระบบกล่าวเสียงอ่อย

“แอ๊!” (อะไรนะ) หรูฟู่ซิงส่งเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว

สามพ่อแม่ลูกเมื่อได้ยินเสียงร้องนี้พวกเขาต่างก็เร่งฝีเท้าของตน “ไม่ผิดแน่ เป็นเสียงร้องของเด็กจริง ๆ” หรูจื่อพูดขึ้นในขณะเดียวกันเจ้าตัวก็ใช้ไม้ค้ำรีบเดินไปตามเสียงที่ได้ยินโดยมีลูกชายและภรรยาเดินตามหา

“สามี คุณเดินช้าลงหน่อยหากหกล้มขึ้นมาจะลำบากนะคะ” เสียงของภรรยาสาวหาได้หยุดการก้าวเท้าของชายหนุ่มแต่อย่างใด

“ผมไม่เป็นไร แต่คุณกับเสี่ยวเฉินช้าลงหน่อย ลูกชายของเรายังเล็ก” คนเป็นสามีตอบกลับเมื่อหันมาเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของบุตรชายแดงก่ำ

“ฉันจะแบกเขาขึ้นหลังค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับนั่งยองหันหลังให้บุตรชาย “แม่จะหนัก” เขาลังเล

“ไม่หนักจ้ะ ลูกแม่ตัวเล็กนิดเดียวผอมบางขนาดนี้จะหนักได้ยังไง” เมื่อคนเป็นแม่ยืนยันเช่นนี้เจ้าตัวเล็กจึงได้ยอมแนบหน้าอกของตนลงกับแผ่นหลังของมารดา

ทางด้านหนึ่งเด็กกับระบบ

‘เจ้านายใจเย็น’

‘เหอะ! เย็นได้เหรอ ฉันตัวแค่นี้ต้องรอเมื่อไหร่กันถึงจะหาเงินได้’ หรูฟู่ซิงอยากจะร้องไห้

(ไหนล่ะมิติ ในล่ะของในระบบที่สามารถซื้อหาได้ ทำไมการย้อนยุคของฉันต้องซวยขนาดนี้ด้วย) เจ้าตัวคิดด้วยความคับแค้นจึงทำให้ร่างกายของเธอหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบงัน

‘เจ้านาย สินค้าที่ทางศูนย์ใหญ่ของผมต้องการนั้นคนในยุคนี้กลับมองว่าไร้ค่านะครับ’ คำพูดของระบบได้เข้าหูของเด็กน้อยทันที

‘หมายความว่าของที่เกี่ยวข้องกับสี่เก่าใช่ไหม’ หรูฟู่ซิง ถามขึ้นอย่างมีความหวัง

เพราะเท่าที่เธอรู้มาในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นมีการเผาทำลายสิ่งของรวมถึงตำราที่สื่อถึงการเกี่ยวข้องกับสี่เก่า[1]เป็นจำนวนมากมายอีกทั้งมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกทิ้งราวขยะ

‘เจ้านายเข้าใจได้ถูกต้องแล้วครับ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะชำรุดมากแค่ไหนก็ตามก็สามารถขายได้ทั้งหมดหรือว่าจะแลกเปลี่ยนเป็นของกินของใช้ก็ได้อีกเหมือนกัน’ ข้อเสนอของระบบฟังดูเย้ายวนใจไม่น้อย

‘เฮ้อ! ถึงจะเป็นอย่างที่เธอว่ามาก็เถอะแต่ตอนนี้ฉันเป็นเด็กทารกนะ ฉันจะไปเอาของเหล่านั้นมาได้จากไหนกัน’ หรูฟู่ซิง กล่าวเสียงเศร้า

‘เจ้านายทำไม่ได้ แต่ว่าครอบครัวของเจ้านายทำได้นี่ครับ’

‘ครอบครัว ระบบเธอลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันเป็นเพียงเด็กถูกทอดทิ้งนะ จะไปมีครอบครัวได้ยังไง’ เมื่อถูกระบบจี้ใจดำหรูฟู่ซิงก็ได้แผดเสียงร้องไห้ของตนดังลั่นไปทั้งป่าไผ่แห่งนี้

สามคนพ่อแม่ลูกเพิ่งจะเดินมาถึง พวกเขาก็มองไปยังห่อผ้าสีขาวหม่นที่อยู่ภายใต้กอไผ่พร้อมกัน

“ตรงนั้นฮับ” นิ้วเล็ก ๆ ของบุตรชายชี้ไปยังสิ่งที่เห็นทันที

หรูจื่อเดินโดยใช้ไม้ค้ำไปทางห่อผ้านั้นด้วยความร้อนใจ (หวังว่าเด็กยังคงปลอดภัย) เจ้าตัวภาวนาเช่นเดียวกับภรรยาสาวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยก็ตาม

ใบหน้าอันหล่อเหลาของหรูจื่อชะโงกมองเด็กหญิงตัวน้อยผิวขาวในห่อผ้าด้วยความอยากรู้ก่อนที่จ้าวเหยาผู้วางบุตรชายยืนบนพื้นจะเข้ามาดูเด็กน้อยด้วย

“พ่อ แม่ น้องน่ารักมากเลย” เสียงเล็ก ๆ ของบุตรชายได้เอ่ยทำลายความเงียบออกมา

หรูฟู่ซิงรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นท่าทางของคนทั้งสามดังนั้นหล่อนจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาทั้งปากและตาซึ่งการกระทำเช่นนี้ของเธอได้ทำให้หัวใจของทั้งสามรู้สึกละลาย

“น่ารักเหลือเกิน” คนทั้งสามต่างพูดออกมาเหมือนกัน

“แอ๊!” เสียงท้องของเด็กทารกดังขึ้นจึงทำให้หรูฟู่ซิงอับอายหล่อนจึงได้เผลอร้องออกมา

“ภรรยาผมว่าคุณอุ้มเขาขึ้นมาเถอะ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นหญิงหรือชาย แต่หากให้ผมเดาคิดว่าเด็กคงเป็นหญิงไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกทิ้งเข้ามาลึกถึงเพียงนี้”

จ้าวเหยาไม่รอช้าเธอรีบเปิดห่อผ้าของเด็กน้อยออกทันที และการกระทำเช่นนี้ของเธอจึงได้ทำให้หรูฟู่ซิงตกใจเจ้าตัวจึงส่งเสียงร้องออกมาอีก

“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ต่อไปนี้ฉันจะเป็นแม่ให้หนูเอง” หญิงสาวอุ้มเด็กหญิงขึ้นแนบอกแห่กล่อมเธอดั่งเช่นที่เคยกล่อมบุตรชาย

“พ่อฮับ ต่อไปผมจะมีน้องแล้วใช่ไหม” ดวงตาใสบริสุทธิ์ของบุตรชายยังคงไม่ละไปจากใบหน้ากลมเกลี้ยงของเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนแม่ของตน

“ใช่ครับ ต่อไปนี้เสี่ยวเฉินจะได้เป็นพี่ชายแล้ว ภรรยาครับเด็กเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” มือใหญ่ของคนเป็นพ่อลูบหัวเล็ก ๆ ของเขาพลางถามภรรยา

“คุณเดาถูกค่ะ เด็กคนนี้เป็นหญิง” น้ำเสียงของจ้าวเหยาค่อนข้างเศร้า ชะตากรรมของผู้หญิงในยุคนี้หาใช่จะอยู่สุขสบาย

“เป็นผู้หญิงก็ดีนี่ครับ ไม่ใช่ว่าคุณกับผมอยากได้ลูกสาวมาให้เสี่ยวเฉินตลอดหรอกเหรอ ในเมื่อฟ้าประทานเด็กคนนี้มาให้แล้วพวกเราก็เลี้ยงเขาเถอะ”

“พ่อ แม่ ผมมีน้องสาวแล้วใช่ไหมฮับดีจังเลย น้องสาวพี่จะรักและดีกับเธอให้มาก ๆ เลยนะ” คำพูดอันไร้เดียงสาของเด็กน้อยนำพาความตื้นตันมาให้หรูฟู่ซิงเป็นอย่างมากเธอจึงส่งเสียงอ้อแอ้เป็นการตอบรับ

“คุณคะ ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้ฉลาดมาก คุณดูสิมีเด็กทารกปกติที่ไหนหิวแล้วไม่ร้องไห้งอแงบ้าง ทว่าเด็กคนนี้ท้องร้องเสียงดังขนาดนี้หล่อนยังส่งเสียงทักทายพวกเราและยิ้มให้อีก”

“ผมเห็นด้วยกับคุณนะ ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของหล่อนช่างใจร้ายทิ้งลูกน่ารัก ๆ ได้ลงคอ” หรูจื่อพูดไปพลางเอานิ้วของตนเขี่ยแก้มกลมอวบอิ่มของเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของภรรยา

มือน้อย ๆ ของหรูฟู่ซิงได้เอื้อมมาจับนิ้วหยาบของเขาก่อนจะส่งยิ้มออกมาอีก “เด็กดี ต่อจากนี้ฉันจะเป็นพ่อให้หนูนะ”

“น้องสาว เรียกว่าพี่ชายนะ” คำพูดของเสี่ยวเฉินได้เรียกเสียงหัวเราะจากพ่อแม่

“น้องยังเล็กลูก น้องยังพูดไม่ได้” จ้าวเหยากล่าวให้บุตรชายฟังแต่หารู้หรือไม่ว่าเด็กทั้งสองกลับสื่อสารกันได้อย่างประหลาด

‘พี่ชาย ต่อไปนี้ห้ามบอกใครนะว่าพี่ฟังฉันรู้เรื่องจนกว่าฉันจะอนุญาตตกลงไหม’

“อืม” เสี่ยวเฉินขานรับในลำคอ

“สามี แล้วคุณจะให้เธอชื่อว่าอะไรคะ”

“เรื่องนี้เอาไว้กลับถึงบ้านค่อยคิดดีไหมครับ ผมว่ารีบพาเธอออกจากป่าเถอะจากนั้นก็ต้องไปซื้อนมเอามาให้หล่อนกิน”

‘เจ้านายผมยินดีด้วยคุณได้ครอบครัวแล้ว’ เสียงเล็ก ๆ ของระบบเต็มไปด้วยความสดใส

‘อืม แต่ฉันอยากช่วยครอบครัวจังเลย จะทำยังไงดี’ เจ้าตัวเล็กทำปากขมุบขมิบมือน้อยบีบเข้าหากัน

‘เจ้านาย! เจ้านาย! เรื่องดี ๆ กำลังมาหาคุณแล้วผมเห็นสมุนไพรล้ำค่า ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีสิ่งนี้ ฮ่า ฮ่า’

‘รีบพูด’ หรูฟู่ซิงเร่ง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[1]ในช่วง ปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ของจีน ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1966-1976 ภายใต้การนำของประธานเหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) หนึ่งในแคมเปญสำคัญคือการทำลายสิ่งที่เรียกว่า "สี่เก่า" (Four Olds) หรือ "ซื่อจิ่ว" (四旧) ซึ่งประกอบไปด้วย:

ความคิดเก่า (Old Ideas): แนวคิดและปรัชญาเก่าที่สะท้อนถึงระบบสังคมก่อนการปฏิวัติ เช่น ค่านิยมทางศาสนา คำสอนขงจื๊อ หรือความเชื่อดั้งเดิม

วัฒนธรรมเก่า (Old Culture): วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมที่ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสังคมใหม่ เช่น ศิลปะ วรรณกรรม และการแสดงที่สะท้อนวัฒนธรรมเก่า

ประเพณีเก่า (Old Customs): ประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ เช่น พิธีการทางศาสนา งานเทศกาล หรือการแต่งกายตามแบบเก่า

นิสัยเก่า (Old Habits): พฤติกรรมและวิถีชีวิตที่ถูกมองว่าขัดขวางการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น การใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย การดำเนินชีวิตตามแบบชนชั้นสูง หรือวิธีการค้าขายแบบเก่า

การรณรงค์ทำลาย "สี่เก่า" นี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการปฏิวัติทางวัฒนธรรมและสังคม โดยมีการกระตุ้นให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน "เรดการ์ด" (Red Guards) ทำลายวัตถุโบราณ เผาตำรา และโจมตีบุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของสี่เก่า เช่น ครู นักวิชาการ นักเขียน และนักศิลปะที่ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเก่า ผลกระทบของการรณรงค์นี้ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมจำนวนมากถูกทำลายไป และเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางสังคมในประวัติศาสตร์ของจีน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 177

    เพียงไม่นานหลังจากนั้นซุนชิงก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางครอบครัวที่รักเธอและเธอเองก็รักทุกคนมากที่สุด ซึ่งในตอนนี้ผู้อาวุโสที่สุดทั้งบ้านเหลือเพียงเมิ่งหลิงคนเดียวหญิงชราผมขาวโพลนดวงตาเริ่มขุ่นมัวตามวัยแต่กระนั้นใบหน้าของเธอก็ยังคงสดใสอิ่มเอิบ เมิ่งหลิงเป็นคนโชคดีมากเธอไม่ได้มีโรคประจำตัวเฉกเช่นคนวัยเด

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 176

    เสียงหัวเราะของทารกตัวน้อยยังคงดังก้องไปทั่วบ้านตระกูลจ้าว ความสดใสของชีวิตใหม่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหวัง แต่ในขณะเดียวกันบรรยากาศในบ้านกลับแฝงด้วยความเศร้าจากการที่หยูเทียนเจี๋ยชายชราผู้ได้รับการยกย่องอย่างสูงในตระกูลหรู กำลังเผชิญกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตหยูเทียนเจี๋ยเจ็บออด ๆ แอด ๆ มาหลายเดือน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 175

    “ย่ารู้อะไรเกี่ยวกับพี่ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ” อ้ายอ้ายหัวเราะในช่วงเวลานั้นเหมียวเหมี่ยวที่ต้องเข้ามาวัดไข้ของเขาเธอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องราวของย่า ครอบครัวนี้ช่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ต่างจากชีวิตเธอที่ต้องย้ายมาอยู่ในที่ใหม่และไม่มีใครให้ปรึกษาสายตาของเธอเหลือบมองไปยังต้าโถวที่พูดถึงย

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 174

    เสียงฝีเท้าดังสะท้อนในโถงทางเดินขาวสะอาดในโรงพยาบาลของกองทัพ ต้าโถวนั่งพิงหมอนบนเตียงผู้ป่วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย แม้บาดแผลตามร่างกายจะยังสร้างความเจ็บปวดแต่แววตาคมของเขาก็ไม่ได้แสดงอาการอ่อนแอออกมาเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของเหมียวเหมี่ยว พยาบาลสาวหน้าใหม่ที่เดินเข้ามา ท่าทีของเธอรีบร้อนเ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 173

    หลังจากการแต่งงานของอ้ายอ้ายและหลานฉีผ่านไปได้ครบหนึ่งปี ชีวิตคู่ของทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและความรักที่มั่นคง อ้ายอ้ายตัดสินใจวางแผนการเดินทางพิเศษครั้งนี้เพื่อตอบแทนครอบครัวเธอต้องการให้ปู่กับย่า รวมถึงสมาชิกทุกคนได้พักผ่อนและสัมผัสกับความสงบสุขของทะเลในประเทศไทย อีกทั้งยังถือโอกาสนี้เป็นการฮันน

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    บทที่ 172

    หลานฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช้เวลาชั่วครู่ประเมินสถานการณ์ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“พวกเรายังต้องค้นหาต่อ แม้มันจะเสี่ยงแต่ผมเชื่อว่าเธอยังรอพวกเราอยู่”ต้าโถวที่ยืนอยู่ข้างเขาพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันไม่มีวันทิ้งน้องสาวไว้แน่นอน ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม”หลังจากพูดคุยกับผู้รอดชีวิต ทีมของหลานฉีได้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status