“เรื่องอะไรหรือลูก” หลังจิบน้ำอุ่นลงคอเส้นเสียงของเมิ่งหลิงก็ดีขึ้น “แม่ครับผมกับเสี่ยวเหยากำลังจะมีหลานให้แม่อีกคนหนึ่ง”
“อาเหยาท้องเหรอ เรื่องนี้นับว่าน่ายินดีเหลือเกิน” ดวงตาของเมิ่งหลิงเปล่งประกาย
จ้าวเหยาผู้กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย “มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะแม่สามี”
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนฉายแววงุนงง “แม่ครับ ผมกับอาเหยาขึ้นภูเขาแล้วบังเอิญเจอเข้ากับเด็กคนหนึ่ง แม่ดูใบหน้าน้อย ๆ ของเธอสิครับน่ารักมากขนาดไหน” หรูจื่อกวักมือให้ภรรยาเข้ามาใกล้ตนก่อนจะรับห่อผ้าที่มีหรูฟู่ซิงอยู่ด้านในส่งให้มารดาดู
หรูฟู่ซิงก็ถือโอกาสนี้ทำคะแนนโดยการเผยรอยยิ้มทั้งปากและตา อีกทั้งยังพยายามเอามือเล็กของตนจับนิ้วของหญิงวัยกลางคนด้วย
ปากเล็กสีแดงของเด็กน้อยขมุบขมิบไปมาดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ได้ทำให้หัวใจของเมิ่งหลิงพลันอ่อนยวบ
“เด็กคนนี้น่ารักเหลือเกินว่าแต่ใครกันนะช่างโหดเหี้ยมทิ้งเจ้าตัวเล็กได้ลงคอ”
‘แค่ก ๆ’ เสียงไอจากระบบดังขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ในขณะเมิ่งหลิงกำลังหยอกล้อกับเจ้าตัวเล็กเสียงท้องของเจ้าตัวก็ดังขึ้น
“โอ้! หล่อนคงจะหิวแล้ว อาจื่อรีบไปหานมมาให้เจ้าตัวน้อยกินเถอะบ้านเรายังพอมีเงินหรือเปล่า”
“แม่ครับ ไม่ใช่ผมเพิ่งบอกไปเหรอว่าผมเจอเห็ดแดง อีกทั้งเรื่องนมนั้นแม่ไม่ต้องห่วงเพราะผมก็มีเช่นกันเอาไว้ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้แม่ฟังด้วย” คำพูดแฝงเลศนัยของบุตรชายได้ทำให้เมิ่งหลิงรู้สึกกังขา
ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่คิดถามออกมาเพราะคิดว่าบุตรชายย่อมต้องมีเหตุผล เมื่อหรูฟู่ซิงรู้ว่าย่าของตนเป็นคนดีดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าที่จะถามหายากับระบบ
‘เป๋าเอ๋อร์ รู้หรือยังว่าย่าป่วยเป็นอะไร’ เจ้าตัวถามขึ้นระหว่างรอน้ำนมจากมารดาที่กำลังเตรียมให้ตน
‘เจ้านายไม่ต้องเป็นห่วงยารักษาของคุณย่าในระบบของผมย่อมมีอยู่แล้วเดี๋ยวผมจะแลกเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้เลย ว่าแต่เจ้านายยังต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมผมจะได้จัดการให้ทีเดียว’
หรูฟู่ซิงได้ร่ายยาวถึงรายการที่ตัวเองต้องการตั้งแต่ขวดนม น้ำยาทำความสะอาด ผ้าตัดชุด ผ้าอ้อม ไข่ไก่ แป้ง เนื้อสัตว์ ที่นอน หมอน มุ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตทั้งสิ้น
ซึ่งในระหว่างที่เธอสนทนาอยู่กับระบบจ้าวเหยาก็ได้พาหล่อนออกมาวางไว้ตรงห้องกลางของบ้านโดยให้เสี่ยวเฉินเป็นคนเฝ้าน้องน้อยเอาไว้
“แม่!! น้อง ๆ” เจ้าตัวเล็กเสี่ยวเฉินตะโกนเรียกมารดาเสียงดัง
ทั้งจ้าวเหยากับหรูจื่อรวมถึงนางเมิ่งต่างพากันตกใจว่าลูก/หลานของตนเป็นอะไร
“เกิด...” น้ำเสียงของจ้าวเหยาขาดหาย
“ภรรยา!” หรู่จื่อที่กำลังดูแลมารดาวิ่งมาทางต้นเสียงก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นตะลึงไปอีกคน
“ภรรยารีบไปปิดหน้าต่าง ปิดประตูบ้าน” น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นอย่างที่จ้าวเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อน กระนั้นเธอก็รีบไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“ลูกชาย เสี่ยวเฉินเป็นอะไร” เมื่อนางเมิ่งไม่ได้ยินคำตอบจากทั้งบุตรชายและลูกสะใภ้ดังนั้นเธอจึงฝืนลุกจากเตียงเดินมาทางเขาอย่างกังวล
“นี่มันอะไร ลูกเอาของพวกนี้มาจากไหน”
ข้าวของจำนวนมากกองอยู่กับพื้นบ้านทำให้นางเมิ่งแทบไม่อาจครองสติของตนได้ถามอย่างหวาดกลัว
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเธอเกรงว่าหากมีคนไม่หวังดีมาเห็น บ้านของเธอคงไม่แคล้วถูกคนเหล่านั้นลากไปวิพากษ์วิจารณ์
‘เป๋าเอ๋อร์ นายทำเรื่องใหญ่อะไรลงไปหรือเปล่าทำไมทุกคนถึงดูเหมือนตกใจกันขนาดนี้ล่ะ’
หรูฟู่ซิงผู้มองไม่เห็นสถานการณ์จึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัยระคนหวาดหวั่น
‘เจ้านาย ผมคิดว่าพวกเขาคงจะไม่เคยเห็นสิ่งของที่ผมนำออกมา’
เมื่อหรูฟู่ซิงรู้ถึงสาเหตุนางจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตอบโต้กับระบบถึงสาเหตุอาการของคนในครอบครัว
‘นายนำออกมาโต้ง ๆ โดยไม่ได้บอกฉันก่อน ถ้าอย่างนั้นไม่แปลกที่พวกเขาจะแตกตื่น’
‘อ้าวที่เจ้านายบอกผมให้แลก ไม่ใช่ว่าให้ผมนำออกมาเลยหรอกหรือครับ’ เสียงน้ำนมของระบบย้อนด้วยความงุนงง
(เหอะ ๆ ระบบนายไม่ได้กวนฉันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม) หรูฟู่ซิงคิดพลางกรอกตาไปมาและยังไม่ทันที่ครอบครัวหรูจะตั้งสติได้พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นจากห่อผ้าของเจ้าตัวน้อย
หรูฟู่ซิงแผดเสียงร้องดั่งลั่นด้วยความอายเมื่อเธอได้ปล่อยของเหลวอุ่นร้อนออกมาจนทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบาย
“แม่ น้องฉี่” เสี่ยวเฉินจับห่อผ้าของน้องพูดขึ้น
ดังนั้นจ้าวเหยาจึงได้เดินเข้ามาดูและพบว่าเด็กหญิงกำลังสะอึกสะอื้นดวงตาของเธอยังคงฉ่ำน้ำแวววาวประดุจคริสตัล
“โอ๋ ๆ ไม่ต้องร้องนะลูกเดี๋ยวแม่จะเปลี่ยนผ้าให้” น้ำเสียงของจ้าวเหยาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ภรรยา ผมจะไปหาผ้ามาฉีกเป็นผ้าอ้อมให้ลูก” หรูจื่อ พูดทว่า “ลูกชาย บ้านของเราจะมีผ้าได้ยังไง แม่ว่าลูกไปดูกองสิ่งของพวกนั้นเถอะแม่เห็นว่ามีผ้าด้วย” เมิ่งหลิงกล่าวห้ามพลางชี้นิ้วไปทางกองสิ่งของราวกับภูเขาขนาดย่อมตรงหน้า
‘พี่ชาย บอกพ่อว่าในกองนั้นมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปวิธีใช้ให้เขาอ่านข้างห่อ’ หรูฟู่ซิงกลัวว่าหรูจื่อจะฉีกผ้าที่เธอให้ระบบนำออกมาตัดเสื้อจึงรีบสื่อสารกับหรูเฉินทันที
“พ่อ น้องสาวบอกว่า” คำพูดของเจ้าตัวเล็กได้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามภายในบ้านรู้สึกต่างกันแต่ทั้งนี้มีเรื่องเดียวที่พวกเขากลับคิดเหมือนกันก็คือ “เด็กคนนี้ย่อมไม่ใช่เด็กธรรมดา”
“ลูกชาย ลูกสะใภ้ เรื่องของเซียวอ้ายพวกลูกต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับนะอย่าได้บอกใครเด็ดขาด” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนเข้มงวดเฉียบขาด
“ครับ/ค่ะ แต่แม่ตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยแล้วหรือครับ” สองสามีภรรยาตอบรับอย่างเชื่อฟังจากนั้นหรูจื่อจึงได้ถามออกมาในคราวเดียว
“ใช่ เซียวเค่ออ้าย เจ้าตัวน้อยที่รักลูกไม่คิดว่าชื่อนี้ดีหรอกหรือ” ใบหน้าของเมิ่งหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“แล้วชื่อเต็มของหล่อนล่ะคะ แม่คิดว่าควรให้ชื่อว่าอะไร”
“หรูฟู่ซิงดีไหม ในเมื่อหลังจากพวกเธอเจอเด็กคนนี้บ้านของเราก็เจอแต่โชคดีดังนั้นก็ให้ชื่อนี้เถอะ”
หรูฟู่ซิงที่ได้ยินคำพูดของย่าหมาด ๆ เจ้าตัวก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ “อ้ายอ้ายของเราฉลาดมาก” เมิ่งหลิงรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นหลานสาวตามสายเลือดอย่างแท้จริงกล่าวชม
“น้องสาวเก่งที่ซู๊ด” คำพูดของเสี่ยวเฉินได้เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้านพร้อมกัน
หลังจากจ้าวเหยาป้อนนมให้เจ้าตัวน้อยดวงตาเล็ก ๆ ของหรูฟู่ซิงก็เริ่มปรือก่อนที่เธอจะหลับโดยมีขวดนมคาปาก
“ลูกคงจะหิวนะคะ ขนาดหลับแล้วปากยังดูดนมไม่หยุดเลย” จ้าวเหยาพูดขึ้นกับสามีที่กำลังจัดเก็บสิ่งของที่กองอยู่บนพื้นให้เข้าที
“นั่นสิครับ ลูกของเราช่างมีความอดทนเหลือเกิน ทั้งหิวทั้งง่วงก็ยังไม่ร้องไห้งอแง” หรูจื่อตอบกลับและในขณะที่มือของเจ้าตัวกำลังเก็บสิ่งของเขาก็เห็นกล่องยาอันแปลกตาดังนั้นชายหนุ่มจึงได้นำมาอ่าน
“แม่!” เสียงของเขาได้ทำให้หรูฟู่ซิงสะดุ้ง
“พ่อ น้องตกใจ” เสี่ยวเฉินผู้เฝ้าน้องน้อยในทุกอิริยาบถส่งเสียงตำหนิ
หรูจื่อจึงได้ยกมือขึ้นปิดปากแทบจะทันที “พ่อขอโทษนะครับ” ไม่เพียงสายตาตำหนิจากบุตรชายเท่านั้นเพราะตอนนี้หรูจื่อก็ได้รับสายตาไม่พอใจมาจากทั้งแม่และเมียเหมือนกัน
“ลูกชาย แม่อยู่ใกล้แค่นี้แกจะเสียงดังทำไม” เมิ่งหลิงพูดราวกับกระซิบ
“แม่พูดอะไร ผมไม่ได้ยินเลย” หรูจื่อเองก็พูดเสียงเบาไม่ต่างกัน
ระบบที่เฝ้ามองการกระทำของพวกเขาค่อนข้างรู้สึกงงงวยกับการกระทำเช่นนี้เป็นอย่างมาก
(เขาพูดกันเสียงเบาเช่นนี้จะได้ยินกันอย่างนั้นเหรอ)