เสียงก่นด่าดังขึ้นจากลานหน้าบ้านของครอบครัวหรูจึงทำให้หรูจื่อพยายามใช้ไม้ค้ำของตนเดินให้เร็วขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น! โกวซุ่นนายมาทำอะไรที่บ้านของฉัน”
“แกกลับมาก็ดี หรูจื่อแกคิดใช่ไหมว่าแกเคยเป็นทหารแล้วจะสามารถเอาเปรียบฉันได้” คำพูดของชายหนุ่มวัยเดียวกันนำพามาซึ่งใบหน้าอันฉงนให้แก่เจ้าของชื่อ
“โกวซุ่น นายพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“ถุย! ยังจะมาตีหน้าซื่อ จะหมายความว่าอะไรล่ะ ครอบครัวของแกไม่ใช่ว่าเป็นผู้รับผิดชอบดูแลคอกสัตว์หรอกหรือ”
“ก็ใช่ แต่ฉันได้ลาพักกับหัวหน้าหน่วยเอาไว้แล้วนี่”
“นายไม่กลัวว่าพอถึงสิ้นเดือนจะไม่มีข้าวกินใช่ไหม ถึงได้ลางานโดยไม่สนใจถึงความลำบากของคนอื่น”
“นายเองก็เคยลาไม่ใช่เหรอ แล้วงานของนายในตอนนั้นก็เป็นฉันรับผิดชอบแทน พอถึงคราวฉันลาบ้างทำไมถึงได้กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้นายกันล่ะ แล้วอีกอย่างฉันมีเหตุผลอันสมควรไม่เหมือนนายที่นึกจะหยุดก็หยุด
ซึ่งหัวหน้าหน่วยก็อนุญาตเอง หากนายไม่พอใจก็ไปทวงถามเอากับเขาสิ จะมาโวยวายอยู่หน้าบ้านของฉันทำไม หากว่าแม่ของฉันเกิดตกใจและอาการป่วยกำเริบนายจะรับผิดชอบไหวไหม” คำพูดยืดยาวอันเหลืออดดังออกมาจากปากของหรูจื่อผู้ที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเขาไม่มีปากมีเสียงจึงทำให้เจ้าตัวมักถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ
“แกพูดพร่ำอะไรไอ้พิการ ครอบครัวของแกแต่ละคนหากไม่ทำงานก็คงอดตายมีอย่างที่ไหนยังกล้าหยุด” ชายหนุ่มคนนั้นเถียงขึ้นอย่างข้าง ๆ คู ๆ
“สหายโกวซุ่น หากคุณพูดจาดี ๆ ไม่ได้ฉันแนะนำว่าอย่าได้พูดออกมาเลยดีกว่า อีกอย่างเรื่องครอบครัวของฉันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณด้วย” จ้าวเหยาก้าวเท้าเดินมาเคียงข้างสามีพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“เหอะ! เป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกซื้อมาราคาถูก กล้ามาตีฝีปากกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“โกวซุ่น! มันจะมากไปแล้วนะ หากวันนี้นายไม่ขอโทษภรรยาฉัน พวกเราก็ไปพบหัวหน้าหน่วยด้วยกัน” หรูจื่อโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาจึงได้ชี้ไม้ค้ำของตนไปตรงหน้าของชายหนุ่มคนนั้นพลางตะเบ็งเสียงดัง
“ฉันไม่ไปแกจะทำอะไรฉันได้ ถึงแกจะเคยเป็นทหารแล้วยังไงในเมื่อตอนนี้แกเป็นแค่คนพิการไร้ค่า ฉันขอบอกแกเอาไว้เลยนะ วันนี้แกต้องไปล้างคอกสัตว์ไม่อย่างนั้นฉันจะโวยวายอยู่หน้าบ้านแกให้แม่แกรำคาญตายไปเลย” ชายชั่วคนนี้ยังคงลอยหน้าลอยตาพ่นคำพูดออกมาอีก
“แกกล้า ในเมื่อฉันขอลาแล้วฉันจะไม่ไป เรื่องนี้ฉันจะให้หัวหน้าหน่วยตัดสิน” หรูจื่อเองก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันในเรื่องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้เขาก็พร้อมจะท้าชน
“แกไม่ไปใช่ไหม แกคอยดูให้ดีว่าฉันจะทำอะไรกับแกบ้าง มีอย่างที่ไหนมาให้ฉันคนนี้ทำงานสกปรก”
“หากนายไม่อยากทำก็ไปพูดกับหัวหน้าหน่วยสิ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉัน ถอยออกไปได้แล้วไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
คำพูดของหรูจื่อยิ่งนำพามาซึ่งความขบขันให้ชายคนนี้ไม่น้อย “คนพิการอย่างแกแม้แต่แรงจะเดินยังไม่มี แล้วจะทำอะไรฉันได้”
หรูฟู่ซิงฟังคำพูดของผู้ชายคนนี้ด้วยความรู้สึกโกรธเคือง ‘เป๋าเอ๋อร์มีอะไรสั่งสอนคนบ้านั้นได้บ้าง’
‘เจ้านายต้องการแบบไหนล่ะ จะให้เขานอนหยอดน้ำข้าวต้มหรือสั่งสอนให้พูดไม่ได้สักสองสามวัน’
‘เธอมีวิธีอย่างนั้นเหรอ’
‘ไม่มี’
‘แล้วเธอจะคุยโวออกมาทำไม’ หรูฟู่ซิงกลอกตาขาววนไปมาพร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังได้ส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาอย่างไม่พอใจด้วย
‘ผมไม่มี แต่ในระบบของผมมี’
‘รีบพูด’
‘ของที่อยู่ในห่อนี้เรียกว่าผงคัน หากว่าใครโดนเข้าไปผมรับรองได้เลยว่าหากไม่เกาจนผิวหนังอักเสบอย่ามาเรียกผมว่าระบบ’ เสียงราวน้ำนมของเป๋าเอ๋อร์ดังขึ้นอย่างโอ้อวด
‘ดีมาก แต่ปัญหามันอยู่ที่พวกเราจะทำยังไงถึงให้ชายคนนั้นโดนผงคันของเธอ’ หรูฟู่ซิงตอบโต้อย่างท้อใจในรูปร่างของตนตอนนี้
‘พี่ชายของเจ้านายยังไงล่ะครับ เด็กคนนั้นฉลาดมากเดี๋ยวผมจะส่งห่อผงคันเข้าไปในมือเขา จากนั้นเจ้านายก็อธิบายว่าของสิ่งนี้ใช้ยังไงเท่านั้นเอง’ น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของระบบดังขึ้น
‘มันจะดีเหรอ ฉันกลัวว่าจะทำให้ผ้าขาวอย่างพี่ชายแปดเปื้อน’ คนตัวเล็กทำปากขมุบขมิบพร้อมกับถูมือของตนไปมาด้วยท่าทางลังเล
‘หรือเจ้านายจะปล่อยให้คนเลวลอยนวลโดยไม่สั่งสอนกันล่ะ แต่เท่าที่ผมดูพี่ชายของเจ้านายกำลังตรงดิ่งไปทางชายคนนั้นนะอีกทั้งเจ้าตัวยังถือไม้ไปด้วย’ หรูฟู่ซิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของระบบ ทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นแม่จึงทำให้หล่อนไม่อาจมองเห็นการกระทำของพี่ชายผู้มีอายุเพียงสามปี
‘พี่ชาย! ฉันมีวิธีที่ดีกว่าที่พี่จะเอาไม้ตีชายคนนั้นนะ’
เสี่ยวเฉินรีบทิ้งไม้ในมือ ‘น้องสาว คนเลวรังแกพ่อ’ เจ้าตัวเล็กรีบฟ้อง
‘ฉันรู้ พี่ชายคุณแบมือออกนะฉันจะส่งของบางอย่างไปให้ ของในห่อนั้นคือผงคัน พี่หาวิธีสาดลงไปบนตัวของชายคนนั้นเลยแต่ต้องระวังด้วยเพราะผงชนิดนี้หากใครโดนเข้าไปจะทำให้คันคะเยอทีเดียว’
‘น้องสาว เธอเก่งที่สุด’ เสี่ยวเฉินจับห่อผงคันในมืออย่างระมัดระวังก่อนจะตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังเงื้อหมัดขึ้นสูงหมายจะชกหน้าของผู้เป็นพ่อ
‘ย๊าก!!’ เด็กชายส่งเสียงร้องในขณะพุ่งตัวประดุจลูกกระสุนเล็ก ๆ เข้าชนช่วงส่วนล่างของชายคนนั้นเข้าเต็มเปาและเจ้าตัวก็ไม่ลืมเทผงคันลงไปด้วย
“เสี่ยวเฉิน!” ทั้งพ่อและแม่ของเด็กชายต่างพากันเรียกเขาออกมาด้วยความตกใจ
ภาพนี้หรูฟู่ซิงไม่อาจเห็นทว่าแต่ไม่ใช่กับระบบ หากว่าเจ้าตัวมีร่างกายใบหน้ายามนี้คงจะดูตลกเป็นอย่างยิ่ง
‘เจ้านาย! คุณต้องเห็นภาพนี้’
‘ภาพอะไร! เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชาย เธอรีบพูดมาไม่ได้เหรอ’ น้ำเสียงของหรูฟู่ซิงเต็มไปด้วยความร้อนใจ
‘พี่ชายของคุณไม่เป็นอะไร เขาปลอดภัยดี เพียงแต่อาจจะมีแผลถลอกเล็กน้อย แต่กลับคนเลวนั้นไม่แน่’
‘เธอจะรีบพูดมาทีเดียวไม่ได้เหรอ เกิดอะไรขึ้นกับคนเลวนั่น พี่ชายทำสำเร็จใช่ไหม’ หรูฟู่ซิงเร่ง
‘สำเร็จอย่างงดงามแบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียวและผมเกรงว่าคนเลวคนนี้จะต้องไม่กล้ามีหน้าออกมาปรากฏตัวอีกนาน’ เสียงน้ำนมของระบบกล่าวอย่างมีเลศนัย
หรูฟู่ซิงที่กำลังอยากรู้ใจจะขาดจึงได้เผลอส่งเสียงร้องออกมา “เจ้าตัวเล็กเป็นห่วงพี่เหรอลูก พี่ของหนูปลอดภัยดี” จ้าวเหยากล่อมคนตัวเล็กในอ้อมแขนไปมาอย่างอ่อนโยน
หรูฟู่ซิงจึงได้ส่งเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ ของตนพร้อมเผยรอยยิ้มไร้เดียงสา ‘ระบบ สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
‘พี่ชายของเจ้านายได้เทผงคันไปที่ช่วงล่างของชายคนนั้นครับ และดูเหมือนว่าตอนนี้ผงคันกำลังออกฤทธิ์เพราะใบหน้าของคนเลวกำลังเปลี่ยนไปมาเดี๋ยวซีดเดี๋ยวคล้ำ เขาพยายามอดกลั้นไม่เอามือล้วงลงไปเกาในกางเกง ฮ่า ๆ’ เสียงหัวเราะเริงร่าจากระบบทำให้หรูฟู่ซิงเผลอหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของเจ้าตัวได้เรียกความสนใจจากคนในครอบครัวทั้งสามเป็นอย่างมากยกเว้นเพียงผู้มาหาเรื่อง
“ฝะ...ฝากไว้ก่อนเถอะ” โกวซุ่นชี้นิ้วพยายามอดกลั้นต่อความคันของตนก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกมาจากลานดินบ้านหรูท่ามกลางความงุนงงของหรูจื่อและจ้าวเหยา
เสียงไออย่างหนักจากภายในบ้านดังขึ้นทำให้หรูจื่อรีบเดินโขยกเขยกเข้าไปทางต้นเสียง
“แม่! ผมมีเงินพาแม่ไปหาหมอแล้ว” หรูจื่อไม่อาจปิดบังความดีใจที่เขาเจอสมุนไพรพูดขึ้นในขณะเข้าไปช่วยพยุงหญิงวัยกลางคนให้ลุกขึ้นเพื่อเอาหลังพิงกับเตียงคัง
“ลูกไปเอาเงินมาจากไหน” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามก่อนจะไอออกมาติด ๆ กัน
“ผมไปเจอเห็ดแดงมาครับ ผมคิดว่าจะนำไปขายที่ร้านขายยาของรัฐ”
“เห็ดแดง! ไม่ใช่ว่าลูกเข้าใจผิดไปเองหรอกนะ” มือของหญิงวัยกลางคนจับท่อนแขนของเขาถามเสียงสั่น
“ไม่ครับ แม่ดื่มน้ำก่อนเพราะผมยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะบอก