แชร์

ตอนที่ 14 ถึงเสียที

ผู้เขียน: อันเข่อซิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-15 11:27:33

เมื่อแสงแรกโผล่พ้นขอบฟ้าหลี่หลิวทำเนื้อผัดหน่อไม้ และผัดผักหนามใส่ไก่ ดีที่ตอนกลางวันนางแอบเอาของมาใส่ไว้ในมิติข้าวของทุกอย่างจึงยังสดใหม่ ข้าวสวยร้อน ๆ ที่พึ่งหุงจนขึ้นหม้อหอมตลบอบอวลไปทั่ว แถมกลิ่นอาหารที่หลี่หลิวทำนั้นมันช่างเย้ายวนใจ และกระตุ้นความหิวได้เป็นอย่างดี ข้าวถูกหุงเต็มหม้อใหญ่เพราะหลี่หลิวบอกว่าจะได้กินมื้อเที่ยงได้อย่างสะดวกขึ้น ถังไม้ที่นำมาด้วยมากกว่าสี่ถังถูกเติมเต็มด้วยข้าวไปแล้วหนึ่งถังใหญ่

"ขอบคุณครอบครัวผู้ว่าจ้างมาก ๆ นะขอรับ สำหรับการดูแลพวกเรา และม้าสองตัวนี่" เฟยอี้กับเฟยเหยียนโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง

"ท่านชอบก็ดีแล้ว อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องปกติที่สมควรทำมิใช่หรือ" หลี่หงยกมือห้ามปรามพวกเขาก่อนจะพูดไป มันเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น และมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่พวกเขาได้กินอิ่มนอนหลับ เพราะนั่นยิ่งจะทำให้ครอบครัวของตนเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้น

"ยังไงพวกข้าก็ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยมีนายจ้างแบบพวกท่านเลยนะขอรับ" นายจ้างที่พวกเขาเคยรับงานที่ผ่านมาล้วนมีแต่รีบเร่งเดินทาง ส่วนเวลาพักผ่อนก็เป็นพวกเขาที่ต้องคอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้ายาม เรื่องอาหารการกินยิ่งแล้วไปกันใหญ่ วันทั้งวันก็มีแค่หมั่นโถวเพียงแค่นั้น ไหนเลยจะได้กินเนื้อกินผักเช่นนี้ไม่มีนายจ้างแบบนี้อีกแล้วล่ะมั้ง

"ฮ่า ๆ ๆ" หลี่หงไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดีได้แต่หัวเราะออกมา อันที่จริงเขาก็พึ่งเคยจ้างวานรถม้าครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ด้วยว่าการทำสิ่งที่จำเป็นเช่นพวกอาหารการกินกลับทำให้พวกเขาตื้นตันใจได้ถึงเพียงนี้

"ข้าป้อนน้ำ และผักให้พวกม้าแล้วขอรับ" หลี่จงเดินมาแล้วบอกพวกเขาที่พูดคุยกันอย่างถูกคอ

หลี่หลิวนี่ก็จริง ๆ เลยจะให้ข้าบอกพวกเขาว่านางมีน้ำสมุนไพรหวานที่ทำให้ม้า และคนที่ดื่มเข้าไปแล้วแข็งแรงไม่เหนื่อยง่าย แล้วข้าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี เอาล่ะข้าต้องทำหน้านิ่ง ๆ แล้วทำท่าทางเหมือนรู้สึกผิด เหมือนกับที่น้องรองบอกก่อนเป็นอันดับแรก

"ข้าก็พึ่งรู้นะขอรับ ว่าพวกม้ามันชอบกินผักกาดขาว ข้าน่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้ฮ่า ๆ " อี้เฟยหัวเราะเบา ๆ ให้กับความรอบรู้ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของตน

"เอ่อ ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจผิดนะขอรับ"

"ข้าเข้าใจผิด? เจ้าหมายความว่าเช่นไรพ่อหนุ่มน้อย" อี้เฟยที่หัวเราะเก้อรีบถามเขาอย่างสงสัย

"อันที่จริง ก็เพราะเจ้าสิ่งนี้ขอรับ น้ำสมุนไพรหวาน"

"น้ำสมุนไพรหวาน!!?" เฟยอี้กับเฟยเหยียนมองหน้ากันอย่างสงสัย น้ำสมุนไพรหวานมันคืออันใดกัน พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

"น้ำในกระบอกนี่ เป็นสูตรที่ข้ากับน้องรองช่วยกันทำขึ้นมาหน่ะขอรับ มันช่วยให้ม้าแข็งแรงไม่เหนื่อยง่ายทนแดดทนลม พูดง่าย ๆ ก็คือจะทำให้พวกมันทั้งถึก และทนเอามาก ๆ เลยล่ะขอรับ และสรรพคุณอีกอย่างของมันก็คือทำให้คนที่กินเข้าไปแล้วแข็งแรง กระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรงกำลังวังชา ช่วยรักษาสุขภาพได้อย่างยอดเยี่ยม"

"หากพวกท่านไม่เชื่อก็ถามพี่สือไท่ได้ ก่อนหน้านี้เขาถูกแทงมาอาการสาหัสมาก พอเขากินน้ำสมุนไพรที่พวกเราทดลองทำแผลของเขาก็หายชั่วไปเพียงชั่วค่ำคืน"

"จากที่เราทดลองมา น้ำสมุนไพรหวานที่เราทำมันมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมาก เราเลยตั้งชื่อให้มันว่าน้ำสมุนไพรหวานรักษาทุกโรค"

"นี่!! นี่เจ้า!! เอาของที่พึ่งทำมาทดลองกับข้างั้นหรือ!" สือไท่มือไม้สั่น ชี้ไปที่เด็กน้อยสองคน คนหนึ่งยืนอยู่หน้าตนพร้อมทำท่าทางสำนึกผิด ส่วนอีกคนยืนพูดคุยกับม้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่โชคยังดีที่เขาไม่ตาย และรอดปลอดภัยมาได้ ไม่ใช่สินี่มันยาวิเศษ ใช่แล้วยาวิเศษชัด ๆ ข้าต้องหาโอกาสถามซื้อยานี้มาเก็บไว้ ยานี้ในภายภาคหน้าต้องมีค่าจนหาที่เปรียบมิได้เป็นแน่

"ข้าต้องขอโทษเจ้า ในความอยากรู้อยากเห็นของบุตรสาวข้าด้วย แต่เจ้าก็รอดตายมาได้เพราะนางกับเจ้าใหญ่มิใช่หรือ อย่าได้ถือโทษโกรธพวกเขาเลย" หลี่หงตบไหล่สือไท่เบา ๆ ถ้าข้าจำไม่ผิดเขาค่อนข้างชอบพอบุตรสาวของตนอยู่ เขาคงไม่เคืองเพราะเรื่องแบบนี้หรอกมั้ง

จะว่าไปแล้ว นี่ข้าก็ตกเป็นตัวทดลองยาเช่นกันหรือนี่ ดีนะที่ยาน้ำสมุนไพรอะไรนั่นไม่พรากชีวิตของข้าไปหลี่หงลูบอกของตนเบาๆ

"เจ้าพูดใหม่สิพ่อหนุ่ม ยารักษาทุกโรคงั้นรึ!! ข้าได้กินยาที่รักษาทุกโรคเข้าไป แถมเจ้า! เจ้าที่กำลังจะตายก็รอดมาได้เพราะน้ำยานี่งั้นหรือ"

เฟยอี้อุทานออกมาเสียงดังอย่างตื่นเต้น หลังจากที่เขาใช้สมองที่มีอันน้อยนิดคิดขึ้นมาได้ก็ตกใจจนตาโต ที่ม้าของเขาแข็งแรงขึ้น และข้าที่มีกำลังวังชามากขึ้นจนอาการเหนื่อยล้าก็ไม่มีอยู่เลย มันเป็นเพราะยาสมุนไพรน้ำหวานนั่นน่ะหรือ

เมื่อเขาถามจบก็มองไปที่เด็กน้อยที่ก้มหน้าก้มตาอย่างสำนึกผิด ส่วนสือไท่ก็ยอมรับว่าเขารอดตายมาได้แถมแผลของเขาก็หายไปแบบไม่ทิ้งร่องรอยในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้เฟยอี้รีบคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กน้อยนามหลี่จง แล้วอ้อนวอนขอซื้อน้ำยาสมุนไพรหวานจากเขา ทว่าหลี่จงกลับส่ายหน้าแล้วชี้ไปที่หลี่หลิวที่กำลังหาหญ้ากับน้องเล็กแล้วป้อนให้ม้าอย่างสนุกสนาน

"เจ้าหมายความว่าเช่นใด" สือไท่มองไปที่แม่นางน้อยที่ตนตกหลุมรักแล้วถามขึ้นอย่างสงสัย

"น้องสาวข้าได้รับพรมา"

"อันที่จริง ข้าช่วยนางแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่านพ่อ ท่านแม่ ยังจำได้หรือไม่ เมื่อคราวนางถูกทุบตีจนหลับไปสองวันสองคืนเต็ม ๆ พอนางตื่นขึ้นมาก็ทำตัวแปลกประหลาดให้ข้าพานางขึ้นเขา ตั้งแต่ตอนนั้นมานางก็แอบเก็บสมุนไพรต่าง ๆ มาต้มทำน้ำสมุนไพรยา นางบอกว่าได้สูตรยามาจากเทพขอรับ"

"ท่านพี่" หวังลู่จับมือสามีอย่างห้ามไม่ได้ นี่ลูกสาวของนางเกือบตายเชียวนะ

หลังจากฟังหลี่จงพูดต่ออีกพักใหญ่ถึงได้คลายข้อสงสัยไปตาม ๆ กัน เด็กน้อยผู้นี้ได้รับการชี้นำจากท่านเทพที่มาโปรด และรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด มิน่าล่ะอาหารที่ไม่มีคนกินนางก็ยังสามารถเอามาทำให้มันอร่อยได้ ผลไม้ที่ว่าแปลกนางก็เอามาทำเป็นอาหาร แถมอีกหลาย ๆ อย่างที่หวังลู่สงสัยก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างกระจ่างแจ้ง ที่แท้ท่านเทพก็นำทางให้นางไปเมืองหลวงเพื่อพลิกชะตาที่อาภัพ เป็นแบบนี้นี่เองนางถึงได้พยายามที่จะไปเมืองหลวงให้ได้ หวังลู่ และทุกคนเริ่มเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก่อนจะมองไปที่แม่นางน้อยอย่างพร้อมเพรียง ส่วนหลี่จงก็แอบถอนหายใจคิดว่าเขาจะโป๊ะแตกเสียแล้ว

"ข้ารู้แล้ว ๆ ดีจริง ๆ ที่นางรอดมาได้ แถมได้พรอันประเสริฐเช่นนี้มาด้วย ข้าก็นึกว่านางเพียงแค่จับไข้..."

หลี่หงไม่กล้าพูดต่อ ว่าท่านแม่เกือบฆ่าบุตรสาวของตนไปแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นในใจเขากลับทุกข์ระทม ย่าแท้ ๆ ทำกับหลานสาวตัวน้อยได้ลงคอ เพราะหมั่นโถวเพียงลูกเดียวพูดไปใครเขาจะเชื่อ หลี่หงเศร้าใจทำเป็นฝืนหน้ายิ้มแย้มแต่กลับปกปิดความทุกข์ที่อยู่บนใบหน้าได้ไม่มิดเลยแม้แต่น้อย

สื่อไท่พอได้ยินว่าแม่สาวน้อยเกือบตายมาแล้วครั้งนึงเขาก็อดนึกคิดสงสารนางไม่ได้เลย นางคงเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดเป็นแน่

เฟยอี้มองหน้าน้องชายแล้วรีบไปหาแม่นางน้อย และวอนขอซื้อน้ำสมุนไพรหวาน แต่นางก็ปฏิเสธไปแล้วตอบกลับมาว่า

"ข้าจะให้ท่านก็ได้แต่ท่านต้องปิดเรื่องของข้าไว้เป็นความลับ มิเช่นนั้นสวรรค์จะเคืองโกรธท่าน และลงโทษท่านจนอยู่ไม่ได้จนท่านตายเหมือนต้องสาป"

สือไท่เดินตามมาทีหลังได้ยินเข้าก็ต้องถอดใจ หากอยากได้ยาดีไปขายคงทำไม่ได้เสียแล้ว เขาค่อนข้างเชื่อในเรื่องเทพยดาว่าสวรรค์มีจริง จึงได้แต่ยิ้มบาง ๆ แล้วถอยหลังจะเดินออกไป

"แต่ข้าให้ท่านได้นะ รับไปสิเจ้าคะ หนึ่งกระบอกนี้น่ะสามารถผสมน้ำธรรมดาได้เป็นร้อยเป็นพันกระบอกเชียวนะ เพียงเทยาลงน้ำนิดหน่อย และจิบกินทุกวันทั้งพวกท่าน และม้าที่กินเข้าไปก็จะแข็งแรงไร้โรคภัยไปตลอดกาลเลยล่ะเจ้าค่ะ" หลี่หลิวไม่ปล่อยโอกาสทำเงินให้หลุดมือไป นางทำท่าเหมือนจะมอบให้เฟยอี้แต่ก็ชะงักไว้ครู่หนึ่ง

"ข้าเห็นแก่ที่ท่านขับรถม้าดีหรอกนะ ข้าคิดกับท่านเพียงหนึ่งตำลึงเงินก็พอ แต่หากครั้งหน้าท่านยังต้องการอีกจะสิบหรือร้อยตำลึงทองข้าอาจต้องคิดให้มากขึ้น เพราะยานี้เป็นความลับสวรรค์เชียวนะ"

อี้เฟยรีบควักหนึ่งตำลึงเงินมอบให้นางอย่างร้อนรน หากไม่คว้าไว้ตอนนี้เขาอาจเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่

หลี่หลิวที่ได้รับเงินมายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมอบให้เขาอีกหนึ่งกระบอกแล้วบอกว่านี่สำหรับม้าสองตัวนี้

"ข้าค่อนข้างชอบพวกมัน ท่านเอาไว้ให้พวกมันดื่มกินเถิด" เฟยอี้ เฟยเหยียนที่รับปากแล้วว่าจะไม่บอกใคร ได้เทน้ำสมุนไพรหวานใส่ขวดน้ำเต้า และพกมันไว้ติดตัวอย่างกับว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกเขา ตอนนี้เฟยอี้กับเฟยเหยียนได้แขวนน้ำสมุนไพรหวานไว้ที่เอวอย่างหวงแหน น้ำที่เขาใส่ไว้ดื่มกินก่อนหน้านี้ถูกเททิ้งไปจนหมด นั่นทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมม้าของพวกเขาถึงสะบัดหน้าให้น้ำธรรมดาที่เขาตักมาให้ ก็แน่ล่ะสิมันจะไปเทียบกับน้ำยาสมุนไพรหวานของท่านเทพได้เช่นไรกัน

"ท่านก็ต้องการมันหรือ" หลี่หลิวเห็นสือไท่ยืนมองพวกเฟยอี้อยู่พักหนึ่งเลยถามขึ้น

ก็แน่ล่ะนางอยากได้เงินเพิ่มอีกอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคนรู้มากไปชีวิตนางคงไม่สงบสุขอีกเป็นแน่ นางเลยให้พี่ใหญ่ไปสร้างเรื่องเหนือจินตนาการให้ทุกคนได้หายแคลงใจ แล้วค่อยถือโอกาสขายมันไปเนียน ๆ ก็แค่น้ำในบ่อนางจะตักมันมาเมื่อใดก็ได้ แต่ความวิเศษของมันก็เป็นเรื่องจริงที่เหนือกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจได้จริง ๆ นางจึงใช้โอกาสนี้เพื่อกอบโกยผลประโยชน์

"ข้าต้องการสักกระบอก ข้ารับปาก และสัญญาว่าจะไม่บอกใคร" เขาเอ่ยวาจาสัตย์ออกมา แล้วยกสามนิ้วขึ้นเพื่อที่จะสาบานจนนางต้องรีบห้ามปรามเอาไว้เขาจึงเอามือลง จะไม่ให้ห้ามได้เช่นไรก็เขาเปิดร้านขายยาสมุนไพร หากข้าจะฝากขายในอนาคตมันจะต้องง่ายขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่หากต้องปิดเป็นความลับงั้นข้าคงรับได้เพียงคนที่เจ็บป่วยสาหัส หรือรักษาไม่หายแต่แบบนี้ก็ไม่เลวนะ มันทำให้ข้าดูลึกลับ และน่าเชื่อถือขึ้นมากเช่นกัน

"ท่านเอาไปเถอะ ท่านให้พวกข้าเช่าที่ทางทำกิน ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่านหรอกนะ แต่หากมีใครบาดเจ็บเจียนตายจริง ๆ ที่พวกท่านหรือหมอรักษาไม่ได้ ท่านค่อยพามาหาข้า แต่ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะว่าค่ายาของข้าแพงหูฉี่เลยล่ะ" หลี่หลิวยื่นกระบอกไม้ไผ่ให้เขาไปหนึ่งกระบอกแล้วเปิดช่องทางทำกินเล็กน้อยไว้อย่างพอควร

"ได้ ข้าตกลง หากไม่ถึงที่สุดข้าจะไม่ปริปากบอกใครไป"

"ดีมาก ๆ" มือน้อยของนางตีเบา ๆ ที่แขนของเขา เขาค่อนข้างจะฉลาดอยู่บ้าง คงรู้ว่าข้าไม่อยากเข้าไปแวะเวียนกับเรื่องผู้คนมากนัก หากไม่จำเป็นท่านก็อย่ามายุ่งกับข้าเลย เพราะข้าจะต้องปลูกผักผลไม้ไว้ขายอีกมากเลยทีเดียว และข้าก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายนักแค่จะเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ นี่ข้าก็ว่ามันเหนื่อยมากพอแล้ว

ระหว่างนั้นหลี่หงกับหวังลู่ก็ได้คิดอย่างรอบคอบ และถ้วนถี่ ว่าในอนาคตจะดูแลลูก ๆ ให้ดี และไม่ให้ใครมากดขี่รังแกพวกเขาอีกต่อไป สองสามีภรรยากอดกันกลมถ้าเป็นตามที่บุตรชายคนโตบอกพวกเขาเกือบจะเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไปแล้ว ทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีด และมือไม้สั่นจุกปากจุกคอจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

หลี่จงเห็นเช่นนั้นจึงบอกพวกท่านว่าตอนนี้น้องรองสบายดีพวกท่านอย่ากังวลไป หวังลู่สวมกอดบุตรชายคนโตหากเขาไม่ปริปากพูดออกมา นางก็ไม่รู้เลยว่าเกือบจะเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตนไปเสียแล้ว

หลี่หลิวที่ป้อนหญ้าให้ม้าจนพวกมันพอใจแล้วจึงตะโกนถามทุกคนว่าพร้อมที่จะออกเดินทางต่อหรือยัง เพราะนี่พวกเขาก็พักผ่อนกันมาเป็นชั่วโมงแล้ว พอได้ยินเช่นนั้นเฟยอี้ และเฟยเหยียนรีบไปเก็บหม้อกระทะช่วยงานอย่างถ่อมตน เมื่อคนพร้อม ม้าพร้อม ก็ออกเดินทางกันต่อไป

สามวันสองคืนต่อมา....

มีหมู่บ้านน้อยใหญ่อยู่ห้อมล้อมเมืองหลวงที่มีกำแพงหนาแน่นโอบอุ้มเอาไว้ แต่เส้นทางที่สือไท่บอกก็ค่อนข้างอ้อมนอกกำแพงเมืองไปทางทิศตะวันตก ซึ่งไปทางขวาของเมือง ถนนหนทางเทพื้นด้วยปูน และหินที่ไม่ใหญ่นัก เหมาะสำหรับรถม้าสองคันสวนทางกันได้อย่างพอดี และไม่เหมาะที่จะจอดรถม้าไว้ตามทางเพราะจะขวางทางเข้าบ้านของคนอื่นได้ แต่ที่ดินที่เลยขอบถนนไปก็ถือว่ากว้างมากเลยทีเดียว เมื่อมาถึงที่หมายหน้าบ้านมีกำแพงเก่า ๆ ที่ทอดยาวประมาณห้าสิบเมตรถือว่ามันกว้างมากเลยทีเดียว ประตูทางเข้าเป็นประตูไม้บานใหญ่สองบานที่ยึดติดกับกำแพงปูน สามารถผลักเข้าไปด้านในได้ ถึงมันจะดูโทรมแต่ประตูก็ถือว่าแข็งแรง และสูงประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบได้โดยการประเมินทางสายตาของหลี่หลิว

เข้าไปด้านในเกือบสิบห้าเมตรมีบ้านสองชั้นเกือบติดกำแพงทางซ้ายมือ ชั้นบนทำจากไม้เนื้อแข็งส่วนชั้นล่างทำจากหินปูนแถมตอนนี้มันมีหยักไย่เต็มไปหมดจนดูเหมือนบ้านร้างผีสิงช่างน่าวังเวงยิ่งนัก กำแพงประตู และบ้านก็ว่าน่ากลัวพอแล้วแต่พอมองดูต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นรกร้างจนหนาตา ยิ่งทำให้กลัวพวกสัตว์ร้ายอสรพิษไปกันใหญ่ หากว่าพวกเขามาถึงเช้ากว่านี้อีกสักนิดละก็คงหลอน และวังเวงน่าดู

สือไท่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับหลี่หลิวที่มองหน้าเขาอย่างไม่วางตา นางคงจะโทษที่ข้าไม่ดูแลมันเลย อันที่จริงนี่เป็นบ้านที่มีคนมาขายให้เขาเมื่อนานมาแล้ว เพราะพวกเขาอยากย้ายไปอยู่ชนบทที่กันดารมากกว่านี้ เนื่องจากในเมืองหลวงค่าใช้จ่ายมันแพงจนเกินไป เขาบอกว่าที่นี่มีบ้านสองชั้น ส่วนพื้นที่ด้านหลังสามารถทำการเกษตรได้ มันมีเนื้อที่มากกว่าสามไร่ สือไท่เห็นท่าทางอ้อนวอนของปู่หลานที่ไร้ที่พึ่งพิงจึงรับซื้อมา แต่ไม่ได้มาจัดการมันเสียทีจนบัดนี้ก็ผ่านมาสี่ห้าปีแล้ว

"พี่ใหญ่บ้านสองชั้นล่ะ บ้านสองชั้น แถมยังมีกำแพงที่สูง และทอดยาวลงไปด้านหลังอีก ข้าชอบที่นี่ขอรับท่านแม่" เมื่อครอบครัวหลี่ลงมายืนดูก็ต้องตกตะลึงเพราะตัวบ้านค่อนข้างกว้างใหญ่ แถมมีกำแพงปูน เป็นบ้านปูนอย่างที่หลี่หงเคยอยากได้ ทุกคนดีใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จะมีก็แต่หลี่หลิวที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่เพียงคนเดียว จนพี่ชายถามว่านางไม่ชอบมันหรือ

"ข้าเห็นแล้วก็เหนื่อย ท่านดูเอาเถอะป่าหญ้าทั้งรกทั้งร้าง บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ จะต้องเก็บกวาดกันอีกกี่วันกว่าจะเข้าอยู่ได้ล่ะเจ้าคะ"

นางตอบพี่ชาย และพลางมองไปยังท่านพ่อท่านแม่กับสือไท่ด้วยแววตาหมองหม่น สือไท่เห็นนางในใจทำหน้าเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เพราะน้ำสมุนไพรนางที่ให้ทุกคนกินนั้นหมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนางจึงดูอ่อนแรงลงไม่น้อย พอเขาบอกว่าจะเรียกคนของเขามาช่วย และสองพี่น้องเฟยก็จะอยู่ช่วยนางจนงานเสร็จ นางถึงได้ยิ้มออกมาได้

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงคนงานที่ร้านสมุนไพรของสือไท่มากว่าสิบคนรวมทั้งสองพี่น้องเฟย และครอบครัวหลี่ก็เริ่มงานกันอย่างขันแข็ง หลี่หลิวเอ่ยถามว่าแถวนี้อยู่ไกลภูเขาหรือไม่ สือไท่ตอบว่ามันห่างออกไปอีกไม่ไกล เดินทางเพียงสองชั่วโมงก็ถึงนั่นทำให้นางพอยิ้มออกมาได้บ้าง ดูท่าแม่นางน้อยคงอยากไปหาสมุนไพรเขาจึงบอกไปว่าอีกสองสามวัน กลุ่มคนงานบางส่วนจะออกไปหาสมุนไพรค่อยให้นางไปกับพวกเขา

"นายน้อยขอรับ" เว่ยหนิงผู้คุ้มกันมือขวาอายุ 15 จางปิงผู้คุ้มกันมือซ้ายอายุ 18 ขานเรียกผู้เป็นนายน้อยของตน

เมื่อครั้งได้ข่าวว่ารถม้าของร้านยาสมุนไพรสือคงถูกดักโจมตีเมื่อสองวันก่อน พวกเขากระวนกระวายใจ และโทษที่ตนเองไม่ได้ตามไปปกป้องเขาด้วย นายน้อยไม่เคยฝึกดาบจับกระบองเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ยิงธนูบ้างนิดหน่อยแต่ท่านก็ไม่ได้พกมันติดตัวไปด้วย เพราะมีกลุ่มรับจ้างขนส่งสมุนไพรเช่นกลุ่มต้าหยงคอยไปดูแลอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านายน้อยจะต้องพบเจอกับกลุ่มโจรต่ำทรามเข้าเช่นนี้

"พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว มา ๆ แม่นางน้อย และครอบครัวหลี่ทางด้านนั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้" เว่ยหนิงกับจางปิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ จึงหันไปขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" หลี่หลิวยิ้มกริ่ม ชายหนุ่มที่เมืองหลวงมีแต่คนหน้าตาดี ๆ กันทั้งนั้น นี่ถือเป็นอาหารตาที่ดีจริง ๆ

สือไท่เห็นนางมองไปยังมือซ้ายมือขวาของเขาแล้วยิ้มหวานเขารู้สึกขัดใจไม่น้อย ข้าว่าข้าก็มีเสน่ห์มากอยู่นะเหตุใดนางจึงต้องมองพวกเขาด้วยสายตาชื่นชมต่างจากที่มองข้ากัน สือไท่ขยับไปยืนบังพวกเขาจากสายตาของนาง แล้วก้มดูตัวเองที่ใส่สวมใส่ชุดซอมซ่อ จึงให้พวกเขาพาตนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และอาบน้ำล้างตัวเสียใหม่ หากครั้งหน้าหากนางได้เจอข้านางจะต้องมองข้าจนตาค้างเหมือนมองผู้ติดตามของข้าเป็นแน่ ไม่สิ!!นางต้องมองแต่ข้าเพียงเท่านั้น

สือไท่กล่าวลานาง และครอบครัวหลี่เพื่อขอตัวไปดูความเรียบร้อยของร้านยาแล้วหันหลังจากไป

"นายน้อย! นายน้อยกลับมาแล้ว"

เสียงของท่านป้าชิงหร่วน แม่บ้านวัยสามสิบเก้าอุทานเสียงสั่นเครือ นางได้ข่าวว่ามีโจรปล้นรถม้าของนายน้อยพอนางได้ยินเข้าก็ถึงกับคิดฟุ้งซ่านมาสองวันเต็ม พอให้เห็นหน้านายน้อยที่นางคอยประคบประหงมมาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุได้ห้าปี นางก็พุ่งเข้าสวมกอดด้วยความรัก เปรียบเสมือนเขาเป็นบุตรชายของนางก็มิปาน

"กลับมาก็ดีแล้ว"

สือหาน ท่านลุงของสือไท่วัยสามสิบสองปีที่จิบน้ำชาอยู่ รีบวางแก้วแล้วเดินเข้ามาตบไหล่กว้างของเขาก่อนจะสวมกอด ดีจริง ๆ ที่เขาปลอดภัยกลับมา ข้าเสียน้องชายอันเป็นที่รักไปแล้วหากเสียหลานชายเพียงคนเดียวไปอีกข้าคงตายตาไม่หลับเป็นแน่

สือหานเป็นพี่ชายของท่านพ่อสือไท่ มีภรรยาชื่อสืออิงสองสามีภรรยาไม่มีบุตรเลยสักคน จึงเลี้ยงดูสือไท่เหมือนบุตรชายแท้ ๆ ถึงจะคอยตามใจเขาบ้างเป็นบางคราแต่ว่าก็มีว่ากล่าวตักเตือนให้เขาไม่หลงผิดในบางครั้ง นับได้ว่าสองลุงป้าเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก

แม่ของสือไท่นั้นเสียไปตั้งแต่ตอนที่สือไท่อายุได้สามปี ส่วนผู้เป็นบิดาเสียไปด้วยโรคซึมเศร้าเมื่อตอนสือไท่ได้ห้าปี สือคงผู้เป็นบิดานั้นคิดถึงภรรยาของเขามากจนตรอมใจ ถึงจะดูแลบุตรชายดีเพียงไหนในใจก็ยังเศร้าโศก ไม่นานเขาก็ลาจากโลกนี้ไปทิ้งให้สือไท่ต้องอยู่เพียงลำพัง ยังดีที่พี่ชายของสือคงอย่างสือหานมารับสือไท่ไปเลี้ยงดูต่อเขาจึงมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

"พ่อใหญ่" สือไท่กล่าวทักทาย และขอโทษที่ทำให้พ่อคนที่สองต้องเป็นกังวลเพราะความเอาแต่ใจของตน

"ขอแค่เจ้าปลอดภัยกลับมาข้าก็พอใจแล้ว"

"ป้าชิงไปเร็วเตรียมน้ำท่าให้ลูกชายข้าอาบ และบอกคนครัวเตรียมอาหารไว้รอด้วย"

สือหานที่เรียกสือไท่ว่าลูกชายจนชินปากยิ้มอย่างยินดีปรีดา หากภรรยาตนกลับจากร้านสมุนไพรมาเห็นเข้านางต้องมีความสุขมากแน่ ๆ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 50 ไม่ใช่ความฝัน จบ

    "อ้าว....ยัยลูกคนนี้หนิ ถ้าไม่สบายทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องนอนล่ะเนี่ย" หมิงหลิวมองไปที่ลูกสาวที่หลับไปทั้งแบบนั้น รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแท้ ๆ สงสัยเสี่ยวเหมยจะถูกหัวหน้ากดดันมาอีกสิท่า เห้อ...สมัยนี้ทำงานมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ"แม่บอกแล้วว่าให้หาผู้ชายดี ๆ สักคนมาคอยดูแล ถ้าไปดูตัวตามที่แม่บอกแต่แรกคงจะไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้คงยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งไม่ก็ออกไปเดทดูหนังผ่อนคลายแล้วซักหน่อยก็ยังดี" หมิงหลิวบ่นให้ลูกสาวหัวรั้นพร้อมทั้งเดินไปเอาผ้าห่มมาห่มตัวให้เสี่ยวเหมยวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวเหมยว่าแต่เสี่ยวเหมยไปไหนมากันแน่นะ ไหนว่าจะไปหาเพื่อนแล้วไหงถึงได้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันหมิงหลิวส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ถึงแบบนั้นแต่เธอก็เดินเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้รอให้หมิงเหมยที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอ"หมิงหลิวเอ้ย ทำไมเสี่ยวเหมยของเราถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"เสียงแหบชราของย่าหมิงดังมาจากห้องรับแขก ทำให้หมิงหลิวที่ทำโจ๊กอยู่ทำหน้างุนงง เมื่อกี้เสี่ยวเหมยยังไม่มีไข้นี่นาแล้วจู่ ๆ มีไข้ขึ้นมาเฉยเลยงั้นเหรอ หมิงหลิวปิดเตาเมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาดู เห็นย่าหมิงกำลังเช็ดตัวให้เ

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 49 ข้าอยากมีเจ้าตัวเล็ก

    หลังจากวันที่สืออิงคลอดบุตร สือไท่ก็พาบ้านหลี่แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง จนหลี่หลิวที่ไม่ค่อยไปไหนนักก็มักไปติดอยู่กับบ้านนั้นเข้าเสียแล้ว"วันนี้เจ้าจะไปหาสือต้าเหนิงอีกแล้วรึ ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะทำสบู่ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว" หลี่จงเดินมารดน้ำผักยามเช้าแล้วถามไถ่ผู้เป็นน้องสาวขึ้นอย่างสงสัย"ข้าไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวช่วงสายหน่อยข้าก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิม""ในเมื่อเจ้าชอบเด็กถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีให้เขาสักคนล่ะ""นี่ พี่ใหญ่...ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ข้าก็ยังไม่อยากมีในเร็ว ๆ นี้หรอกนะ ข้ายังไม่พร้อมน่ะ""งั้นเจ้าก็อยู่บ้านบ้างสิ งานโรงเตี๊ยมเจ้าก็แทบจะโยนมาให้ข้าหมดแล้ว เจ้าหนิมันจริง ๆ เลยนะ""จะให้ข้าทำเช่นไรได้ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักขนาดนั้น แถมแก้มน้อย ๆ ก็น่าหยิกน่าชังยิ่งนัก""น้องรอง...ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นั่นไม่ใช่เจ้าเล็กของเรานะ ห้ามแม้แต่จะคิดที่จะไปหยิกแก้มเขาเชียวล่ะ""ข้ารู้หรอกน่า ชิ...ข้าล่ะเกลียดท่านจริง ๆ" หลี่จงส่ายหัว และยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน นางชอบหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กเป็นที่สุด มีหรือข้าจะไม่รู้"เอาล่ะ หาก

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 48 สือต้าเหนิง

    ณ บ้านสือ....ยามอู่ ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงเกือบบ่ายโมง"เร็วหน่อย ๆ นายหญิงจะคลอดแล้ว" ลุงชิงหัวพ่อบ้านวัยสี่สิบเอ็ดปีสามีของป้าชิงหร่วน ส่งเสียงบอกสาวใช้ในเรือนให้รีบไปเตรียมข้าวของตามที่หมอตำแยบอก"นายท่านขอรับ เดี๋ยวข้าส่งคนไปบอกนายน้อยดีหรือไม่ขอรับ"ลุงชิงหัวถามนายท่านของตนที่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนอนหลายรอบอย่างตื่นเต้น"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาพึ่งเข้าห้องหอไปเมื่อคืน แถมดูจากสภาพของเขาแล้วตอนนี้คงยังเมาค้างอยู่อย่างแน่นอน" ใบหน้าของสือหานปรากฎแววของความอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจาง ๆ"แต่อย่างน้อย เราควรไปแจ้งข่าวให้นายน้อยทราบสักหน่อยนะขอรับ" ลุงชิงหัวกล่าวทักท้วงนายท่านสือหานด้วยความห่วงใย"ข้าคิดว่าหากนายน้อยรู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาจะต้องรีบบึ่งมาที่นี่อย่างแน่นอนขอรับ""เอาตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ แค่นี้ข้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว"สือหานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังออกมาจากด้านในเป็นพัก ๆ ทำให้เขาปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีกระจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว เขาได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องนอนอย่างร้อนใจ ใบหน้าของสือหานในยามนี้ปราศจากรอยยิ้มอันอบอุ่นมีแต่ค

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 47 ส่งตัวบ่าวสาว

    ยามไฮ่ สี่ทุ่มโดยประมาณ...."ท่านพี่… ข้าว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะเจ้าคะ"สืออิงเรียกสามีของตนที่กำลังติดลมดื่มด่ำสุรากับเพื่อนฝูงจนลืมเวลาไป"ถึงเวลาแล้วรึ?" สือหานที่ใบหน้าแดงก่ำวางจอกสุราลง แล้วหันมาถามสืออิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีป้าชิงหร่วนคอยนวดขาให้นางเพื่อคลายความเมื่อยล้า"เจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หากรอนานกว่านี้อีก เจ้าลูกชายของท่านพี่คงหมดสภาพไปแล้วอย่างแน่นอน" สืออิงหันหน้าไปทางสือไท่ที่ร่ำสุรามงคลกับเพื่อนพ้อง จนตอนนี้เขาดูเมามายแถมสนุกสนานจนลืมไปแล้วว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"เว่ยหนิง..."สือหานเรียกเว่ยหนิงที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่เขาดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่พอควร และคุยเล่นกับจางปิงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางแล้วพอถึงเวลาจริงจังกับเป็นเว่ยหนิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด"เดี๋ยวพ่อมานะ เจ้าอยู่กับท่านแม่ และเล่นกับพี่ชายไปก่อน""ขอรับท่านพ่อ" เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยสองขวบ ตอบรับผู้เป็นบิดา และหันไปเล่นกับพี่ชายที่เป็นบุตรชายของจางปิงต่อ เว่ยหนิงใช้มืออันหนาใหญ่ ยีหัวบุตรชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของนายท่านสือหาน"นายท่าน"เว่ยหนิงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาก้าวขาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 46 แต่งงาน

    "ตั้งใจทำงานกันหน่อย อีกเดี๋ยวพอลูกค้าเริ่มมาแล้วจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ตรงนั้นน่ะดึงผ้าให้ตึงกว่านี้อีกหน่อยมันหย่อนจนเกินงามไปแล้ว" สืออิงที่นั่งเก้าอี้ใช้พัดที่ยังไม่กางออกชี้สั่งงานคนงานของตน และแม่บ้านที่นำมาด้วยให้ช่วยกันเร่งมือตั้งแต่เช้าตรู่ยิ่งนางได้เห็นท่าทีของสือไท่ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนในตอนที่เขากลับไปถึงบ้าน นางยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และยังหวังลึก ๆ ในใจว่านางยังจะทนไหวจนกว่าสือไท่จะตบแต่งจนเสร็จ สืออิงคอยบอกทารกในครรภ์อยู่เสมอว่าให้อดทนรอจนกว่าจะเสร็จงานแต่งของพี่ชายจึงค่อยออกมาพบเจอกัน เพราะนางอยากให้งานแต่งของสือไท่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ติ นางจึงต้องลากร่างกายที่เหมือนจะพร้อมคลอดทุกเมื่อออกมาเร่งจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย"พี่สืออิง ท่านไม่ต้องเร่งรีบไป ข้ารู้ว่าท่านอยากอยู่รอดูวันนั้นของสือไท่ด้วยตาของท่านเอง แต่หากท่านฝืนตัวเองมากเกินไปตัวท่านเองนั่นแหละจะลำบาก ดูเอาเถอะทั้งสือไท่ และหลี่หลิวต่างมาคอยดูแลคุมงานอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะที่จะคอยตรวจตราพวกเขาอีกที"หลี่ลู่เห็นพี่สืออิงมานั่งคอยสอดส่องอย่างใกล้ชิด และออกคำสั่ง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 45 จัดบ้าน

    หลังจากสร้างบ้านที่ท้ายสวนเสร็จหลี่หลิวก็พยุงท่านแม่ใหญ่อย่างสืออิงที่ท้องโตเต็มที่เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจนนางพอใจ หลี่ลู่เดินข้าง ๆ ตามมาพร้อมกับสือหาน และสือไท่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น"เรื่องของแม่นางกงซูหนิงก็จบลงด้วยดี ต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาคอยกวนใจหลี่หลิวอีกแล้วล่ะ" สือหานกล่าวพร้อมกับมองบ้านหลังที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไปอย่างพอใจ หลี่หลิวสร้างบ้านได้น่าอยู่ถึงเพียงนี้เชียวรึ ถึงข้าวจะของยังจัดการไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นักแต่โดยรวมแล้วดูลงตัวเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งแต่ด้านในจะสามารถดูดีได้ถึงเพียงนี้"ตรงนี้ข้าจะเอาไว้ต้อนรับแขกเจ้าค่ะ"เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านที่สร้างเป็นเรือนหอ หลี่หลิวก็หันมาบอกว่าชายคาที่ยื่นออกไปนี้นางเตรียมไว้สำหรับรองรับแขก เพื่อว่าพวกท่านทั้งหมดมาเยี่ยมเยือนก็จะได้มานั่งพักชมวิวตรงจุดนี้ มันมีโต๊ะไม้ยาวที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดถึงสิบคน ซึ่งหลี่หลิวมองเห็นว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน"เจ้าออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status