LOGINโจวซือเหย่ลดสายตาลง มองไปยังเวิงอี๋ผู้มีรูปลักษณ์คล้ายกับความทรงจำในอดีต อารมณ์ของเขาก็เริ่มล่องลอยไปทีละน้อยความทรงจำที่ถูกปิดผนึกไว้เนิ่นนานเริ่มกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง คนในความทรงจำนั้นช่างสดใสและมีชีวิตชีวาเหลือเกิน จากภาพที่พร่าเลือนค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ทุกช่วงขณะล้วนดึงรั้งหัวใจของเขาเอาไว้ไม่ให้หลุดหนีทว่า ความตราตรึงใจที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงนั้น ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพของเจียงซู่ที่สงบและอ่อนโยน เธอมักจะอยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ และมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก แล้วเรียกเขาว่า 'ซือเหย่'เสียงเรียกในความทรงจำดึงโจวซือเหย่กลับสู่ความเป็นจริงในฉับพลันคน ๆ นั้นจากไปแล้ว และเขาก็มีชีวิตใหม่แล้วเมื่อเขาลืมตาขึ้นหลังจากที่หลับตาลงไป โจวซือเหย่ขับไล่อารมณ์ทั้งหมดออกจากใจ แล้วพูดว่า “ฉันกับเจียงซู่จะไม่มีวันหย่า เธอคือภรรยาของฉัน และเป็นแม่ของลูกในอนาคตของฉัน”วินาทีนั้นแสงสว่างในดวงตาของเวิงอี๋พลันจางลง เธอกลืนความรู้สึกในใจลงไป ทว่าสีหน้ากลับแสดงความยินดีกับเขา“ถ้าพี่สาวรู้ว่าพี่มีความสุข เธอก็คงจะดีใจด้วยค่ะ”เมื่อพูดถึงซูอี้ ความอ่อนโยนก็ปรากฏบนใบหน้าของโจวซือเหย
เลขาหลู่พูดอย่างระมัดระวังว่า “คุณผู้หญิงครับ การหย่าไม่ใช่เรื่องเล็ก คุณคิดให้ดีก่อนตัดสินใจได้ไหมครับ?”เจียงซู่หันไปมองเขา ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “คุณจะรับได้ไหมถ้าภรรยาของคุณสวมเขาให้คุณทุกวัน?”“...”เลขาหลู่พูดไม่ออกเจียงซู่กล่าวต่อ “เรื่องที่พวกคุณรับไม่ได้ ทำไมจะต้องให้ฉันรับได้ด้วย?”เธอเป็นพวกต้อยต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ?เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่งและเปิดออก เจียงซู่จึงก้าวเท้าออกจากประตูเลขาหลู่รู้สึกหงุดหงิด ไม่ใช่สิ เขายังเป็นโสดอยู่เลย จู่ ๆ ก็มาแช่งให้เขาถูกสวมเขาทำไมกัน?หลู่เหยียนแสดงออกว่ารู้สึกน้อยใจมาก“คุณผู้หญิงครับ คุณจะไปที่ไหนครับ? ผมไปส่ง”เลขาหลู่แสดงออกว่าเขาจะไม่ถือสาคนที่มีชีวิตแต่งงานที่โชคร้ายเจียงซู่พูดโดยไม่หันกลับไปมอง “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณไปดูแลว่าที่นายหญิงคนใหม่ของคุณเถอะ”อันที่จริงเธอไม่ต้องการเอาความโกรธมาลงกับหลู่เหยียน แต่เธออดไม่ได้จริง ๆแม้ว่าเขาจะทำตามคำสั่ง แต่การที่เธอถูกผลักเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้ ทำให้เธอไม่อาจสงบใจได้หลู่เหยียนที่อึดอัดใจจึงหมุนตัวขึ้นไปชั้นบนเพื่อนร่วมงานที่ชอบซุบซิบนินทาเห็นหลู่เหยียนขึ้นมา
โจวซือเหย่มองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแต่เจียงซู่ทำเป็นไม่เห็น ยังคงกล่าวถึงความต้องการของเธอต่อไป “คุณจะหาเวลาไปกับฉันได้เมื่อไหร่?”โจวซือเหย่ทำหน้าบึ้งและพูดเสียงเย็นเฉียบว่า “คุณพอได้หรือยัง? ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้คุณมาอาละวาดตามอำเภอใจได้!”ได้ยินดังนั้น เจียงซู่ก็กระตุกมุมปากยิ้มเยาะ “แล้วเป็นที่ไหนล่ะ?”พูดไป สายตาของเธอก็กวาดมองไปที่คนทั้งสอง แล้วกล่าวต่อว่า “เป็นที่ที่คุณเลี้ยงบ้านเล็กไว้เหรอ? จำเป็นต้องให้ฉันเตือนคุณไหมว่าคุณมีสถานะอะไร และเวิงอี๋มีสถานะอะไร?”คำพูดของเจียงซู่ทำให้สายตาของทุกคนเปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นแปลกประหลาดขึ้นมาทันทีเจียงซู่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?บ้านเล็กอะไร? สถานะอะไร?เวิงอี๋ไม่ใช่ภรรยาของเจ้านายพวกเขาหรอกหรือ?เวิงอี๋สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมาอย่างใคร่รู้ของทุกคน แววตาของเธอฉายแววตื่นตระหนก เจียงซู่จะเปิดโปงเรื่องที่เธอไม่ใช่ภรรยาของโจวซือเหย่ไม่ได้!เธอจึงพึมพำเสียงต่ำว่า “พี่ซือเหย่ ฉันปวดหัว...”ได้ยินดังนั้น โจวซือเหย่ก็เตรียมอุ้มคนในอ้อมแขนออกไปแต่เจียงซู่กลับขวางทางเขาอีกครั้ง “ฉันไม่รังเกียจที่จะให้ทุกคนรู้เรื่องนี้”เวิ
มุมปากของเจียงซู่กระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ฉันจะมาหาโจวซือเหย่ จำเป็นต้องบอกคนนอกอย่างเธอด้วยเหรอ?”เมื่อเวิงอี๋ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเธอก็ไหววูบ แต่เมื่อคิดถึงบางสิ่ง เธอก็ยังคงไม่ยอมถอย“คนที่หลงใหลประธานโจวมีมากมายจริงค่ะ แต่รบกวนคุณเจียงควบคุมตัวเองหน่อย อย่ามาสร้างความวุ่นวาย รบกวนการทำงานของทุกคนตามอำเภอใจแบบนี้”คำพูดของเธอ ประหนึ่งเป็นการตีตราเจียงซู่ว่าเป็นคนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเจียงซู่ได้ยินความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอชัดเจน “ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย หลีกไป!”ทันใดนั้น หลัวเจี๋ย สุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเวิงอี๋รีบออกโรงช่วยพูดทันที “เจียงซู่ พอได้แล้ว! ทำเป็นได้คืบจะเอาศอกเหรอ? คำพูดดี ๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง? ลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งที่แล้วถูกไล่ออกไปแบบไหน?”“เวิงอี๋ ไม่ต้องไปเสียเวลาพูดกับเธอหรอก ผู้หญิงอย่างเธอ จ้องจะปีนขึ้นเตียงเป็นเมียน้อยคนอื่นจนตัวสั่น ต่ำตมสุด ๆ ไล่ออกไปเลย แค่ยอมพูดกับเธอ ยังถือว่าให้เกียรติเกินไปด้วยซ้ำ”สีหน้าของเจียงซู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายกลับมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างละเอียดอ่อน ความไ
รถของไต้ซานเหอจอดรออยู่ด้านนอกคฤหาสน์จิ่งหยวน พอเห็นเจียงซู่ปรากฏตัว เธอก็ลงไปช่วยขนกระเป๋าเดินทางภายในรถเปิดฮีตเตอร์ไว้เต็มที่ ขับไล่ความหนาวเย็นจากร่างกายเธอจนหมดสิ้นไต้ซานเหอขับรถไปส่งเจียงซู่บ้านเล็กของเธอเอง แถมยังช่วยเจียงซู่จัดของอีกด้วย“แกพอจะมีช่องทางดีดีไหม? ฉันอยากจะขายพวกนี้ให้หมด” เจียงซู่พูดพลางมองไปยังเครื่องประดับที่เปล่งประกายเต็มห้อง“ขายหมดเลยเหรอ?”เจียงซู่พยักหน้า เธอต้องการเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเงินสดไต้ซานเหอ: “ฉันก็พอจะมีช่องทางอยู่บ้าง แต่ถ้าแกจะหย่า เครื่องประดับพวกนี้แกคงจะจัดการเองไม่ได้หรอก”เจียงซู่ถาม “ทำไมล่ะ?”ไต้ซานเหอวิเคราะห์ให้เธอฟัง “ถ้าฝ่ายชายไม่ได้เซ็นข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุชัดเจนว่า มอบให้เป็นสมบัติส่วนตัวของฝ่ายหญิงเท่านั้น ของพวกนี้ทั้งหมดก็จะถือเป็นสินสมรส ไม่ใช่ของส่วนตัวแก”ไม่ต้องคิดก็รู้ ตอนที่โจวซือเหย่ให้ของขวัญพวกนี้ เขาไม่มีทางเซ็นเอกสารบ้า ๆ นี่แน่นอนตอนให้ก็ดูใจกว้าง ทุ่มไม่อั้น แต่พอถึงเวลาคำนวณผลประโยชน์ เขาก็ไม่ยอมเสียแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเจียงซู่ถึงกับตกตะลึง “นั่นหมายความว่า พวกนี้ฉันก็ขนกลับมาฟรี ๆ น่ะ
เจียงซู่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝั่งของเวิงอี๋ เธอได้เพียงสังเกตเห็นสีหน้าของโจวซือเหย่ที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาก็ลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้และทำท่าจะก้าวเดินออกไปในทันทีเจียงซู่จ้องมองเขาก่อนจะพูดยื่นข้อเสนอว่า “ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะไม่ยอมหย่า”โจวซือเหย่เมื่อได้ยินดังนั้นจึงชะงักฝีเท้า แววตาของเขาเผยความครุ่นคิด ราวกับกำลังพิจารณาอย่างจริงจังเจียงซู่นั่งมองเขาอย่างเงียบ ๆ รอคอยการตัดสินใจของเขาทว่า คำตอบของเขาสร้างความผิดหวังอย่างแสนสาหัสให้แก่เธอ โจวซือเหย่ได้รับข้อความโทรศัพท์อีกฉบับ ซึ่งทำให้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป และเลือกที่จะทอดทิ้งเธอไว้ข้างหลังอีกครั้งโจวซือเหย่ “รอผมกลับมา”เมื่อพูดจบ เขาก็ก้าวเดินออกจากคฤหาสน์จิ่งหยวนไปอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการหันหลังกลับมาเหลียวมองแม้แต่หางตาเจียงซู่ยืนนิ่งมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย แม้ว่าเครื่องทำความร้อนในบ้านจะเปิดไว้จนอบอุ่นเพียงใด ทว่าเธอกลับรู้สึกหนาวเหน็บอย่างรุนแรง ความหนาวกัดกินเข้าไปถึงกระดูก ราวกับมีลมรั่วไหลอยู่ภายในเจียงซู่เอ๋ย เจียงซู่ คำว่าคนเพ้อฝันไร้สาระ ก็หมายถึงเธอนี่แหละ!เ







