Home / LGBTQ+ / ชตรีญา / สัตบรรณ

Share

สัตบรรณ

last update Last Updated: 2025-10-10 17:55:00

บ้านไม้สไตล์โคโลเนียลสีงาช้างตั้งสงัดอยู่ริมน้ำ โอบล้อมด้วยสวนกว้างที่ซุกตัวอย่างดีในท้ายซอยลึกชานเมืองกรุงเทพมหานคร คือสถานที่ซึ่งปรากฏต่อสายตาของ นรี เมื่อใกล้พลบค่ำวันหนึ่งก่อนสิ้นเดือนตุลาคม ความคิดแรกผุดขึ้นในใจว่า ‘งานนี้คงไม่ใช่ถูกหลอกมาเฝ้าบ้านผีหรอกนะ’ แต่ขาสองข้างก็ก้าวตาม กานต์สิรี คนคุ้นเคยที่ไม่ค่อยสนิทสนมผ่านรั้วสูงลอดซุ้มประตูไม้เข้าสู่บริเวณบ้านอย่างว่าง่าย แม้จะเริ่มมืดแล้วแต่นรีก็ยังเห็นเค้าลางของสวนสวยและได้กลิ่นดอกไม้หอมเย็นฟุ้ง ละมุนกรุ่นอยู่ทุกย่างก้าวที่สืบเท้าเข้าใกล้ตัวบ้านมากขึ้นทุกที ชวนให้วาดคิดว่า ตอนเช้าๆ สายๆ สวนดอกไม้บ้านนี้จะงามปานใด

‘กานต์บอกว่าบ้านเพื่อนอยากได้คนดูแล งานไม่หนักแต่อาจได้พักผ่อนไม่เป็นเวลานัก’

ประโยคของ หมอธนา ยังก้องอยู่ในหูตอนที่นรีถอดรองเท้าผ้าใบสีซีดวางไว้ตรงพื้นปูนหยาบและก้าวขึ้นเหยียบสัมผัสบันไดไม้เย็นๆ ไม่กี่ขั้น ซึ่งพาเธอเข้าสู่ตัวบ้านอันต้องเป็นที่อาศัยของเธอตั้งแต่บัดนี้ไป

กานต์สิรีบอกให้นรีนั่งรออยู่ที่ส่วนรับแขกแล้วเดินหายเงียบไปส่วนอื่นของเรือนนานพอให้นรีมองสำรวจรอบกายซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกดัดแปลงมาจากโถงทางเดินที่เชื่อมระหว่างระเบียงชานหน้าเรือนไประเบียงชานฝั่งหลังเรือนซะมากกว่าจะเคยเป็นห้องอะไรมาก่อน ในส่วนรับแขกนี้มีเพียงแจกันแก้วใสว่างๆ วางเหงาอยู่บนโต๊ะของชุดเก้าอี้ไม้สักเคลือบเงา และ อาร์มแชร์ หนึ่งตัว ชั้นหนังสือสูงราวสองเมตรที่มีกระถางต้นว่านเสน่ห์จันทร์ขนาบข้าง และกระถางต้นว่านเศรษฐีเรือนในต้นเล็กๆ บนโต๊ะไม้ข้างอาร์มแชร์ ไร้สิ่งประดับประดาสีสันและกรอบรูปครอบครัวอย่างเช่นบ้านอื่นๆ มักจะมี ช่างเป็นห้องรับแขกที่เรียบง่ายและว่างเปล่าหวิวแปลกไปพร้อมกัน

“นรี” เสียงเรียกแผ่วเบาของกานต์สิรีดังพอให้นรีหันมองต้นเสียงและเดินตาม เมื่อถูกพยักหน้าเรียก

ระหว่างที่เดินตามกานต์สิรีไปห้องพักของหล่อนที่อยู่ชั้นล่างปีกตะวันออกของเรือนซึ่งเป็นส่วนครัวและที่เก็บของ ‘กฎของบ้านวงศ์ทิมทอง’ ก็ได้รับการถ่ายทอดจากกานต์สิรีมาสู่นรี

“บ้านนี้มีสองคนนะ คือ คุณทิพย์ กับ คุณดารัณ คุณป้าทิพย์คือคุณแม่ของดารัณเพื่อนฉัน งานเธอคือ ดูแลบ้านให้สะอาด จัดการเรื่องอาหารแต่ละมื้อให้พร้อม ดูแลต้นไม้กับสวนดอกไม้ให้ดี ก็งานแม่บ้านปกตินั่นแหละนะ แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยตรงที่เธอต้องอยู่ดูแลคุณทิพย์ให้มากที่สุดในตอนกลางวัน ตั้งแต่คุณทิพย์ตื่นจนถึงพาเข้านอนตอนสี่ทุ่มครึ่ง และหลังจากนั้นเธอจะต้องขึ้นไปนั่งเฝ้าหน้าห้องของดารัณจนกว่าไฟในห้องดับหรือประตูห้องถูกปิดสนิท เธอถึงจะกลับลงมานอนได้ จำไว้ว่าดารัณคือเจ้าของบ้าน ฉะนั้นจากนี้ไปดารัณคือคุณเจ้านายของเธอ” ประโยคสุดท้ายนั้น กานต์สิรีหันมาพูดโดยสบตานรีด้วย ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูไม้ตรงหน้า เพราะเดินมาถึงที่หมายกันแล้วในนาทีนั้น

ห้องของนรีอยู่ถัดจากประตูครัวไปทางหน้าเรือน ฉะนั้นนอกหน้าต่างห้องนอนหล่อนคือ สวนดอกไม้หน้าเรือน ท้องฟ้ากว้าง และเรือนฝั่งปีกตะวันตกทั้งชั้นบนล่าง กานต์สิรีเล่าว่าเรือนฝั่งนั้นทั้งหมดเป็นพื้นที่ส่วนตัวของ คุณเจ้านาย

“คุณป้าทิพย์เป็นคนไข้ของหมอธนา ฉันเป็นเพื่อนสนิทดารัณ ฉันกับหมอจะมาที่นี่เป็นครั้งคราว ก็คงได้เจอกันอีกแหละนะ” กานต์สิรีเอ่ยบอกขณะช่วยนรีจัดแจงมื้อค่ำที่ซื้อมาจากร้านอาหารหน้าโรงพยาบาลลงจานชามของที่นี่ให้เรียบร้อยก่อนจะทยอยยกจากครัวไปที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบ้าน เมื่อทุกอย่างใกล้เสร็จดี คุณทิพย์ก็เดินลงบันไดมาจากชั้นบน กานต์สิรีเข้าไปประคองโอบตัวคุณป้าทิพย์ของเธอให้มานั่งที่โต๊ะอาหารอย่างยิ้มแย้ม นรียืนนิ่งก้มหน้าเล็กน้อยอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเท่าไหร่นัก

รอยยิ้มอบอุ่นจากคุณทิพย์ที่ส่งมา ทำให้นรีรู้สึกโล่งในอกขึ้นกว่าแต่แรกพอสมควร เพราะคุณทิพย์คือคนที่หล่อนต้องดูแลใกล้ชิดยิ่งกว่าคุณเจ้านายซะอีก

“มาสิ มานั่ง” สี่คำแรกจากปากคุณทิพย์ทำให้เลิกคิ้วสูง

“มาเร็วนรี” กานต์สิรีช่วยให้นรีรู้ว่าหล่อนไม่ได้เข้าใจอะไรผิด คุณทิพย์เรียกให้นรีร่วมโต๊ะอาหารค่ำด้วยจริงๆ และยังบอกอีกว่า

“จ้างมาดูแล ให้มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้เอามาเป็นคนใช้หรอกนะ”

หลังจากประโยคนั้นของคุณทิพย์ การรับอาหารค่ำก็เริ่มดำเนินไปจนจบมื้อโดยไร้เงาของคุณเจ้านาย นรีจึงพอจะทราบว่าหน้าที่ต่อไปของตนคือการยกอาหารไปให้คุณเจ้านายนั่นเอง

เรือนฝั่งตะวันตกนั้นบรรยากาศต่างไปจากอีกฝั่งตรงความเงียบเย็นเยือก และไม่มีใครอยู่ที่ชั้นล่างเลยตอนที่นรีประคองถาดวางชามพะแนงหมูกับจานข้าวสวยเข้าไปวางไว้ที่โต๊ะไม้สนริมหน้าต่างตามที่กานต์สิรีบอกมาว่า ปกติดารัณจะลงมานั่งกินข้าวที่โต๊ะนั้นคนเดียวในวันที่ยุ่งงานหรือเร่งทำต้นฉบับงานเขียนมากๆ ซึ่งดารัณก็งานยุ่งงานเร่งได้แทบทุกวันซะด้วยแหละ จึงมีน้อยวันนักที่คุณทิพย์จะได้ร่วมโต๊ะอาหารกับลูกสาว

เมื่อวางกับข้าวพร้อมเหยือกน้ำดื่มไว้เรียบร้อยแล้วนรีก็ขยับหมุนตัวหันหลังเดินออกมาจากห้องนั้น แต่มิวายหันกลับไปมองชามพะแนงและจานข้าวสวยอีกครั้ง เพื่อให้ได้เห็นควันบางลอยกรุ่นจนแน่ใจว่า อาหารอุ่นร้อนพอจะเป็นมื้อค่ำในห้องนั่งเล่นอันเย็นเยียบของคุณเจ้านายได้จึงขยับเท้าก้าวพ้นกรอบประตูออกมา ตอนนั้นเองที่หล่อนได้กลิ่นหอมแปลกๆ โชยฟุ้งอยู่ตั้งแต่ห้องน้ำทางขวามือไปจนถึงช่องบันไดวนด้านซ้ายมือซึ่งเป็นบันไดขึ้นลงส่วนตัวของดารัณ

‘คงจะขึ้นไปแล้ว’

ด้วยความคาดเดาว่ากลิ่นนั้นน่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำ นรีเลยถือวิสาสะเดินเข้าใกล้ห้องน้ำส่วนตัวของดารัณทันที สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาช่างน่าสนใจ ตั้งแต่พื้นลายหินอ่อน อ่างอาบน้ำวินเทจสีครีม หน้าต่างกว้างกั้นด้วยเหล็กดัดลายผีเสื้อสีนิล และแผ่นหลังของร่างสาวผิวนวลเนียนที่สะท้อนในกระจกเงาวงรีบานใหญ่บนผนังลายอิฐ ต้นแบบของเงาร่างนั้นถูกบดบังไว้ด้วยกระจกฝ้าบานสูงยาวซึ่งนอกจากช่วยกันน้ำจากฝักบัวทองเหลืองทรงโบราณไม่ให้กระเซ็นออกมาชุ่มชื้นส่วนอื่นของห้องน้ำแล้ว กระจกนั้นยังช่วยกั้นสายตาคนนอกเขตความเป็นส่วนตัวอย่างนรีอีกด้วย ระหว่างที่นรีตกภวังค์ตะลึงมองทุกอย่างในห้องน้ำส่วนตัวซึ่งไม่ได้ปิดบานประตูตามที่ควรอยู่นั้น มือเรียวข้างหนึ่งของคนในห้องน้ำก็เอื้อมพ้นขอบบานกระจกฝ้าออกมาเพื่อวางขวดครีมอาบน้ำยี่ห้อหายากกลับเข้าที่ตรงชั้นวางติดผนังใกล้หน้าต่างเหล็กดัด นรีจ้องขวดสีน้ำตาลเข้มนั้นจนเห็นข้อความสโลแกนระบุว่า – เสน่ห์ หอม ต้องห้าม –

‘ช่างเหมาะกับคุณเจ้านายซะจริง’

นรีรู้สึกสะดุดใจในตอนนี้ว่า บางอย่างหรือบางคนที่นี่ หล่อนอาจไม่มีสิทธิ์แตะต้อง สมกับคำว่า ต้องห้าม บนขวดครีมอาบน้ำนั่นแหละ

“ชั่ว ดินฟ้า รัก เธอ เสมอใจ ที่ ฉัน รำพัน ทุก วัน ฝันไปถึงเธอ...” เสียงหวานครวญเพลงออกมาเบาๆ แต่คำร้องก้องกังวานสะท้อนกระเบื้องกระทบผนังห้องน้ำดังออกมาถึงใจนรี เป็นเพลงเก่าที่หล่อนก็รู้จักเพราะเป็นเพลงของภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งซึ่งมีชื่อเรื่องเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อเพลง นึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินเพลงนี้จากเธอคนนั้น ผู้น่าจะเป็น คุณเจ้านาย ช่างชวนให้นรีจินตนาการบุคลิกนิสัยของดารัณ ที่หล่อนทราบมาเพียงว่า เธอมีอาชีพเป็นนักประพันธ์นวนิยาย และอายุเท่ากันกับกานต์สิรี ซึ่งก็ไม่ได้อายุมากนัก

“...อยากให้เธอ หวาน ใจ อยู่ ใกล้ พรอด รัก ร้อย เรียง ร่วมเคล้าเคียง ฉันและเธอ...”

สิ้นเสียงเอื้อนเอ่ยร้องเนื้อเพลงท่อนนั้น ร่างหลังกระจกฝ้าก็ขยับก้าวขาออกมาจากใต้ฝักบัวทองเหลือง ทำเอานรีสะดุ้งตกใจและรีบก้มหน้าเดินกึ่งวิ่งออกมาจากเขตเรือนฝั่งตะวันตกมาที่โต๊ะอาหารเพื่อเดินผ่านกลับไปที่ห้องครัวในทันที

“เป็นอะไรนรี” กานต์สิรีถามขึ้นก่อนที่นรีจะเดินก้มหน้าก้มตาไปชนอะไรเข้า

“เปล่าค่ะ” นรีเริ่มบอกปัดไปแต่ใจยังเต้นรัว

‘เหมือนกับว่าเราไปแอบดูเธออาบน้ำเลยนะนั่น’

“มื้อเย็นดารัณเรียบร้อยดีใช่มั้ย” กานต์สิรีเอ่ยถามพลางคว้าหยิบกระเป๋าของตนมาสะพายบ่า

“ค่ะ วางไว้ที่โต๊ะตามที่บอกแล้วค่ะ” นรีตอบขณะเดินตามออกมาส่งกานต์สิรีที่หน้าเรือน

“งั้นก็ขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนคุณป้าจนกว่าท่านจะหลับแล้วค่อยลงมาเก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง ของดารัณด้วยนะอย่าลืม พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปหน้าห้องดารัณ เข้าใจมั้ย” กานต์สิรีถามย้ำ

“ค่ะคุณกานต์”

หลังนรีรับคำ กานต์สิรีก็กลับออกไปจากเขตบ้านวงศ์ทิมทอง จากนี้ในเรือนไม้หลังสวยแสนเงียบเหงาจึงมีเพียง คุณดารัณ คุณทิพย์ และ นรี หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำ ปล่อยให้ผิวกายชุ่มเหงื่อรับลมหนาวแรกของปี แล้วกลิ่นดอกไม้ที่คุ้นเคยซึ่งโชยมากับลมจากทิศตะวันออกก็ชวนให้รู้สึกคิดถึงบ้านจนน้ำตาคลออย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่สอดส่ายสายตามองหาต้นตอของกลิ่นอันคาดว่าคงซุกซ่อนอยู่ในความมืดมุมใดมุมหนึ่งของสวนดอกไม้หน้าเรือน

‘มีต้นตีนเป็ดด้วยเหรอเนี่ย’

กลิ่นดอกตีนเป็ด ไม่ค่อยมีคนชอบใจนักหรอก มันหอมฉุนชวนเวียนหัว กระนั้นตีนเป็ดก็ถูกปลูกไว้มากมายเพื่อใช้ประโยชน์จากร่มเงา เพราะความที่เป็นไม้โตเร็ว และชอบแดด นรีในวัยมัธยมนั้น ชอบนักเมื่อถึงฤดูหนาว และได้นั่งมองเมล็ดตีนเป็ดปลิวว่อนลอยตามลม มันแสนโรแมนติกอย่างกับในละครโทรทัศน์ หล่อนเติบโตมาในจังหวัดที่มีต้นตีนเป็ดปลูกอยู่ทั่วทั้งริมถนน และตามตึกโรงเรียน ในเวลานี้ต้นตีนเป็ดจึงกระตุ้นความคิดถึงบ้านให้เอ่อขึ้นมาจากส่วนลึก แม้นรีจะอยากหนีออกจากเมืองหลวงไปพักกายพักใจที่บ้าน แต่ด้วยภาระหน้าที่ของคนไกลบ้าน คนที่ต้องเข้าเมืองกรุงมาสู้งานเพื่อส่งเงินกลับบ้านให้ได้บ่อยยิ่งกว่าเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมเยือนคนที่รอเจอหน้านรีมากกว่ารอสตางค์เข้าบัญชีธนาคารนั้น หนี้สินก็บังคับให้ต้องสู้ต้องรอกันไปเรื่อยๆ อยู่ดี นรีมีทางเลือกไม่มากนัก

ยืนตากลมอยู่ได้ไม่นาน ความหนาวเย็นของค่ำคืนที่ทำให้นรีต้องกระชับกอดตัวเองแน่นขึ้นก็ไล่ให้หล่อนถอยกลับเข้าเรือน สมองนึกทวนคำสั่งงานจากกานต์สิรีแล้วทำตาม คือ ขึ้นไปหาคุณทิพย์ที่ชั้นบนฝั่งตะวันออก เพื่อพบว่าหน้าที่ต่อไปเป็นงานง่ายทีเดียว เพราะหล่อนเพียงแค่นั่งดูละครโทรทัศน์และพูดคุยสัพเพเหระกับคุณทิพย์ไปจนละครจบเรื่องเท่านั้นเอง คุณทิพย์ก็เริ่มง่วง เพราะทานยาของหมอธนาไปตั้งแต่ละครพักโฆษณาช่วงกลางๆ ตอน นรีจัดแจงพาท่านเข้านอนบนเตียง ห่มผ้า และเก็บชายมุ้งเข้าใต้ที่นอนก่อนจะปิดไฟแล้วถอยออกจากห้องมาโดยปิดประตูไม้อย่างเบามือ

นรีลงมาชั้นล่างที่เงียบสงัด รีบจ้ำเดินไปที่เรือนฝั่งตะวันตกเพื่อเก็บจานชามและเหยือกน้ำดื่มจากโต๊ะไม้สนมาล้างทำความสะอาดที่ห้องครัว พร้อมกับจานชามของมื้อเย็นที่วางรวมกันไว้ในอ่างล้างจาน จากนั้นจึงเดินไล่ปิดล็อคประตูหน้าต่างชั้นล่างทั้งหมดจนเสร็จในเวลาห้าทุ่มเศษ หล่อนกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วสุดขีดเพื่อรีบขึ้นไปชั้นบนฝั่งตะวันตกโดยขึ้นทางบันไดฝั่งตะวันออก ไม่คิดข้องเกี่ยวกับบันไดวนของฝั่งตะวันตกเลยแม้แต่น้อย นรีพยายามก้าวเดินแบบเบาน้ำหนักเท้าที่สุด แต่แผ่นไม้พื้นเรือนบางแผ่นก็ลั่นดังให้ดารัณได้รู้อยู่ดีว่า นรีขึ้นมาถึงหน้าประตูแล้ว นรีนั่งลงที่เก้าอี้ไม้สักซึ่งตั้งโดดๆ อยู่ตรงช่องประตูห้องของดารัณซึ่งเปิดประตูไว้กว้างสุดบานพับ มันเป็นห้องที่นรีเห็นว่าดูเหมือนห้องหนังสือมากกว่าห้องนอน เพราะมองผ่านม่านบางที่ปลิวพริ้วเข้าไปจะเห็นชั้นวางหนังสือเรียงกันสามแถวแยกเป็นสองฝั่ง สุดสายตานรีสำหรับในห้องนั้นคือ คุณเจ้านายที่นั่งจดบันทึกบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่างที่บานหน้าต่างปิดสนิท ทั้งที่ตัวโต๊ะทำงานอยู่เยื้องเข้าไปทางมุมห้องฝั่งซ้าย แต่โต๊ะทำงานนั้นก็ยังขนาบข้างด้วยชั้นวางหนังสือทั้งสองฝั่ง

คืนแรกที่นรีต้องไปนั่งเฝ้าหน้าห้อง “คุณเจ้านาย” นั้น มีเสียงดนตรีบรรเลงคุ้นหูคลอแว่วๆ ออกมาจากห้องหนังสืออันเป็นทั้งห้องนอนและที่ทำงานของคุณเจ้านาย คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่อเพลง คำหวาน ที่นรีเคยได้ฟังมาบ้างจากรายการโทรทัศน์ บอกไม่ถูกเลยว่า การได้สิทธิ์มองคุณเจ้านายเพียงลำพังใกล้ๆ หรือดนตรีที่ไพเราะกันแน่ ที่ทำให้หล่อนรู้สึก หวานๆ ในอกในใจ จนยิ้มออกมาอย่างหยุดไม่ได้ แม้กลิ่นดอกตีนเป็ดจะยังคงโชยมาตามลมที่แทรกเซาะผ่านช่องไม้เข้ามาบ้าง แต่นรีก็รู้สึกเคลิ้มไปกับเสียงที่ได้ยินและสิ่งที่เห็นเสียมากกว่าซะแล้ว

กว่าไฟในห้องดารัณจะสลัวลงและนรีได้กลับไปนอนที่ห้องตนเองนั้น เวลาก็ปาเข้าไปเกือบตีสองเห็นจะได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชตรีญา   พุดจีบ (1)

    “แปลว่ารักได้ ไม่ติดเหรอคะ” คุณเจ้านายเอ่ยถาม แน่นอนว่าเธอได้รับเพียงแววตาเกือบจะงุนงงของนรีตอบกลับไป เธอจึงได้ขยายความถามนั้น“หมายถึง นรีเอง ก็รักผู้หญิงได้ ใช่มั้ยคะ”“...”นรีกระพริบตาปริบๆ ทั้งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำเอาคนรอฟังคำ นิ่งเงียบตามกันไปด้วย แต่เธอยังคงวางสายตาจับไว้ที่หล่อน ไม่ละไปโดยง่าย กระทั่งได้คำตอบ“คิด ว่ารักได้นะคะ” นรีตอบเสียงแผ่ว“ท่าทางไม่แน่ใจ” คุณเจ้านายกล่าวเช่นนั้น แล้วผินมองไปทางอื่น ในท่าทีใช้ความคิด เป็นจังหวะให้นรีได้รับอิสระเล็กน้อยจากการรอดพ้นสายตาเธอ แต่ยังไม่พ้นไปจากสนทนา“ที่ผ่านมา ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงเลยสักคน… เหรอคะ” คุณเจ้านายปรายตากลับมามองนรีในท้ายประโยค พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่นรีมองทันเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกใจเต้น พาลให้หล่อนนิ่งจนลืมตอบความ พยายามเลี่ยงหลบสายตาเธอสุดฤทธิ์ ขณะที่คุณเจ้านายวางมือลงค้ำยันกับโต๊ะเขียนงาน และโน้มตัวเข้าใกล้นรีมากขึ้น พลางกระซิบสรุป“เงียบแบบนี้ เราจะเหมาว่าเธอเคยตกหลุมรักใครสักคน ที่เป็นผู้หญิงนะคะ”นรีหันกลับไปมองคุณเจ้านายในระยะประชิดมากกว่าที่เคย หล่อนนึกเรียบเรียงคำโต้ตอบที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า จะเอ่ยปฏิเสธห

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (2)

    คืนนั้น คุณเจ้านายไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนงานเมื่อหล่อนไปถึงหน้าห้อง พอตัดสินใจไปชะเง้อมองที่ใกล้ๆ บานประตู สอดส่องสายตาจนทั่วก็ยังไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหนในห้อง นรีถอยจากประตูลายโบตั๋นมาเกาะขอบหน้าต่างโถงทางเดินที่มักเปิดไว้เสมอเพียงบานเดียวเพื่อรับลมในทุกคืน หล่อนคาดว่า คุณเจ้านายอาจลงไปเก็บดอกไม้กลางคืนเช่นเดียวกับตอนที่ลงไปเก็บดอกสเลเตก็เป็นได้ ทว่า เพ่งมองสวนดอกไม้สักเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววร่างเงาเธอ“ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงคุณเจ้านายดังมาจากด้านหลัง พาหล่อนสะดุ้งใจหาย แต่ก็รีบเก็บอาการนั้นให้สงบลงโดยเร็วก่อนตอบกลับเธอไปว่า“เปล่าค่ะ” พลางเดินกลับไปที่เก้าอี้ไม้สน คุณเจ้านายพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะเขียนงาน เธอหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ รวบรวมเอกสารสองสามชุดให้เป็นกองเดียวกัน จัดเก็บเข้าแฟ้ม นำแฟ้มไปสอดไว้บนชั้นวางข้างโต๊ะฝั่งมุมห้อง ครั้นพอเดินย้อนกลับมาที่เก้าอี้อีกหน และเห็นว่านรียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (1)

    กลิ่นตะไคร้บุบ และใบมะกรูดฉีก ในน้ำซุป โชยฟุ้งทั่วครัวในช่วงเย็นของวันถัดมา ในหม้อต้มขนาดกลาง มีเนื้อวัวส่วนที่นรีพอหาได้จากตลาดเช้า ถูกเคี่ยวตุ๋นมาได้พักใหญ่แล้ว แม้แรกทีเดียว หล่อนเคยคิดว่าจะไม่ลองภูมิใดใดกับการทำเมนูโบราณที่ไม่คุ้นเคย ทว่าเหลียวมองไปถ้วนทั่วสวนผักหลังเรือน ก็พบว่า เครื่องผักสมุนไพรครบครันตามสูตรที่จดมาจากหนังสือ กลิ่นรัญจวนในครัวใจ แค่เพียงหาเนื้อวัวให้ได้ก็พร้อมปรุง หล่อนจึงทำใจดีสู้เสือเลือกเอาเมนูนี้มาตั้งสำรับเย็น“กลิ่นชวนหิวดีจังวันนี้” คุณทิพย์เอ่ย เมื่อนรียกชามแกงรัญจวนวางเสิร์ฟที่โต๊ะอาหาร จิตใจหล่อนดูจะล่องลอยสักนิด จึงไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากยิ้มนอบน้อมเช่นเคยเหตุที่ทำให้หล่อนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือสิ่งที่เกิดกับตัวหล่อนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ โดยเนื่องมาจากว่า หล่อนไม่แน่ใจในคำสั่งของคุณเจ้านายที่บอกไว้เมื่อคืนที่ให้หล่อนยืมเล่ม หอมลมกลิ่นรัก มา เธอว่า‘คืนที่โต๊ะนะคะ’หล่อนซึ่งปกติไม่เคยก้าวเข้าห้องส่วนตัวคุณเจ้านายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงตีความเอาเองว่า โต๊ะที่เธอพูดถึง คงหมายถึงโต๊ะไม้สนชั้นล่าง เพราะเป็นโต๊ะที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่หล่อนโดยตรง วั

  • ชตรีญา   จำปา (2)

    ‘สองฝั่งคลอง’… ‘มาลัยสามชาย’ … ‘ทวิภพ’‘กรงกรรม’ … ‘ฤกษ์สังหาร’ … ‘บ้านทรายทอง’รายนามบนสันหนังสือที่นรีเลื่อนสายตาผ่านนั้น มีแต่ชื่อโด่งดังคุ้นหู ที่บางเรื่องก็เคยดูเป็นละครโทรทัศน์รีรันซ้ำซากจนคุ้นตาแทบทั้งหมด หล่อนเถียงในประเด็นที่ว่า นี่คือหนังสือหายากทรงคุณค่า และหล่อนก็ไม่เกี่ยงนักหรอกที่ต้องอ่านนิยายละครโทรทัศน์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องเล่าในเล่มเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องราวแปลกใหม่ น่าสนใจเพียงพอจะดึงความสนใจของหล่อนได้‘สาปภูษา’ … ‘กำไลมาศ’ … ‘กาหลมหรทึก’ ‘เกิดแต่ตม’ … ‘หลงเงาจันทร์’ … ‘รากนครา’หากต้องเลือกเล่มใดไปอ่านเฉพาะชั้นวางนี้ นรีก็ไม่ติดขัดใจ เพราะอย่างน้อยการได้มีอะไรให้อ่า

  • ชตรีญา   จำปา (1)

    ‘สูตรแกงรัญจวนของวังเจ้านั้นพิถีพิถันนัก เริ่มจากปลายครกที่ต้องตำพริกขี้หนูสวนด้วยเกลือป่นให้ฟู ต้มปลาเค็มที่รมด้วยฟืนเปลือกมะกรูด น้ำแกงต้องขลุกขลิก ใส่ตะไคร้หั่นบาง ใบมะกรูดฉีก และใบโหระพาจากสวนด้านเหนือเท่านั้น กลิ่นขึ้นจากไอร้อน เหมือนจิตใจคนกำลังเร่าร้อนแต่ไม่กล้ากล่าวรัก แกงนี้ต้องกลั้นใจขณะตัก กลิ่นจะยิ่งลอยชัด… คล้ายรักที่ยิ่งปิด ยิ่งฉุน ยิ่งยากลืม’นรีปิดหนังสือลงวางกับตัก เมื่อได้ยินเสียงคุณทิพย์ขยับตัว พยายามปรับสติเรียกอารมณ์ให้ตนเองกลับสู่โลกแห่งความจริงเพียงชั่วพริบตา ก่อนหันไปหาคุณทิพย์ที่กำลังกลับจากภวังค์นิทรายามบ่าย“ลมดีจริงเชียว” คุณทิพย์พึมพำเสียงแผ่ว ตาปรือเล็กน้อย ออกอาการเพลียคล้ายติดงัวเงียอยู่สักนิด“สักพักฝนอาจจะตก… เข้าบ้านกันดีมั้ยคะ” นรีเอ่ยชวนพลางรวบรวมเอาชุดถ้วยชาลายครามใส่ถาดเดียวกับกาน้ำชาไว้รอท่า เมื่อเห็นคุณพยักหน้าเชิงว่ารับคำ

  • ชตรีญา   จำปี (2)

    มื้อเย็นวันนั้น ไม่มีอะไรเด่นแซ่บไปกว่าลาบหมูฝีมือดารัณที่ทำแยกมาสองรส สำหรับคุณทิพย์และสำหรับทุกคน รสเค็มเผ็ดนัวตัดเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาวแป้นสดจากสวนหลังเรือน คละเคล้าผักหอมแล้วยังฟุ้งไปด้วยข้าวคั่วสมุนไพรที่ทำพิเศษเฉพาะวันนี้ ทำให้ทุกคำที่บดเคี้ยว สติของนรีหวนคืนมวลอารมณ์คิดถึงบ้าน คิดถึงยาย บาดลึกไปทุกทีการเก็บกลืนรส แม้จะทำตัวนิ่ง ดูสงบ แต่น้ำตากลับคลอรื้นออกมาอยู่ดี“นรี… นรีคะ” เสียงคุณเจ้านายทักขึ้นเบาๆ พร้อมสายตาอุ่นๆ ที่ส่งมาจากอีกฝั่งโต๊ะอาหาร ก่อนเอ่ยถาม“เป็นอะไรรึเปล่า”“แค่… คิดถึงบ้านค่ะ” นรีตอบสั้นๆ ตามตรง พร้อมรอยยิ้มบางๆ พลางเอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา“ เพราะลาบหมูเนี่ยเหรอ” คุณทิพย์ถามขึ้น นรีพยักหน้ารับและตอบว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status