เยี่ยนเฉินก้มลงมองดวงหน้าเล็กมอมแมม สบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันด้วยแววตาแสนซื่อ
“ข้าช่วยเจ้า ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาเป็นภาระข้า”
เขากัดฟันเข่นเขี้ยวเสียงเข้ม มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนถอดใจไม่อยากเกาะติดตนได้
“แต่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการผู้ติดตาม ท่านบอกให้คนไปหาผู้ที่เต็มใจไปกับท่าน”
ร่างเล็กสั่นนิดๆ หากก็ยังเชิดหน้าขึ้นพูดกับเขาอย่างฉะฉาน ทว่ากลับทำให้เยี่ยนเฉินฉุนจัด มือหนาจับคางเล็กบีบเบาๆ ขณะก้มหน้าลงไปกระซิบเครียด
“ข้าต้องการหญิงงาม ไม่ใช่เด็กที่เป็นภาระ ใช้งานไม่ได้เช่นเจ้า”
“ข้าทำอาหารได้ดีมาก พี่ลู่ฟางชมเสมอว่าข้าทำอร่อย ข้าทำให้ท่านกินได้”
มุมปากได้รูปอย่างชายชาตรีกระตุกยิ้มหยันพร้อมส่งเสียงในลำคอ
“ใครอยากได้เจ้าไปทำอาหารกัน”
“แล้วท่านอยากได้ผู้ติดตามหญิงไปทำสิ่งใด ข้าทำได้ทั้งนั้น”
เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเฉินต้องหลับตาลงราวหลบดวงตาคู่วาววามใสซื่อ ทว่าความจริงแล้วพยายามระงับอารมณ์ขัดอกขัดใจกับความดื้อด้านของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็ยืดตัวขึ้น ปล่อยมือจากคางเล็กแล้วมองเมินไปทางอื่นอย่างไม่คิดจะอธิบาย
“นะพี่ชาย ได้โปรดให้ข้าติดตามท่าน ข้าเต็มใจทำทุกอย่างให้ท่าน”
‘สิ่งเดียวที่ข้าต้องการเจ้าก็ไม่อาจทำได้แล้วแม่หนูน้อย’
เยี่ยนเฉินคิดในใจพลางส่ายหน้า ยิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงมือตนที่ถูกกุมเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ ก็เหล่มองด้วยสายตาไม่พอใจ ทว่าเจ้าของร่างเล็กกลับยังส่งสายตาร้องขอโดยไม่ยอมปล่อยและไม่ยอมแพ้ แม้จะเห็นชัดว่าเกรงกลัวเขาก็ตาม
“เจ้ากลัวข้าไม่ใช่หรือ”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างยอมรับ
“ฉะนั้นจะตามข้าไปทำไม”
“ท่านน่ากลัว แต่ใจดี”
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“และข้าต้องทดแทนคุณท่าน”
คนที่ถูกบอกว่าใจดีถึงกับตีสีหน้าไม่ถูกทั้งที่เคืองใจอยู่แต่กลับนึกอยากยิ้มอย่างเห็นขัน ในชีวิตนี้ไม่เคยมีผู้ใดบอกว่าตนใจดีมาก่อน
“เจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ การช่วยเจ้าไม่ใช่เพราะข้าใจดี แต่เพราะ...”
เมื่อรู้ตัวว่าเกือบจะเอ่ยเรื่องส่วนตัวที่เห็นว่านางถูกขายเหมือนกับตนออกไปเยี่ยนเฉินก็เปลี่ยนคำพูดใหม่
“เพราะมนุษยธรรม”
พูดไปแล้วก็อดหยันตัวเองในใจไม่ได้ เขาเป็นคนมีมนุษยธรรมตั้งแต่เมื่อไรกัน
“จะเพราะสิ่งใด ท่านก็ช่วยข้าไว้ ข้าจะไม่ไปไหน นอกจากขอติดตามท่านชั่วชีวิต”
ติดตามเขาอย่างนั้นหรือ หากได้รู้ว่าใกล้ตัวเขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัยไปชั่วชีวิตนางจะอยากอยู่หรือไม่
“ติดตามข้า เจ้าอาจหาชีวิตไม่ก่อนวัยอันควร”
ทุกคำเต็มไปด้วยการปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ทว่าเสี่ยวเม่ยก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของตน
“ข้าเคยผ่านมันมาแล้ว ข้าไม่กลัว หากจากโลกนี้ไปเร็ว ข้าก็จะได้ไปอยู่พี่ลู่ฟาง ท่านพ่อท่านแม่”
เจ้าตัวบอกด้วยสีหน้าเต็มอกเต็มใจไม่มีหวาดหวั่นทำให้เยี่ยนเฉินขบกรามแน่น ขู่ให้กลัวอย่างไรก็ดูจะไร้ความหมาย ยังต้องเดินทางอีกหลายวันกว่าจะไปถึงสำนักชิงเฉิง ใช้เวลาอยู่ใกล้เขาหลายวัน เด็กสาวอาจรู้ซึ้งจนไม่อยากติดตามเขาก็เป็นได้
“ถึงเจ้าจะอยากติดตามข้า แต่ข้าก็ต้องพิสูจน์เสียก่อนว่าเจ้าเหมาะสมที่จะไปกับข้าหรือไม่”
“พี่ชายต้องการให้ข้าทำสิ่งใด บอกมาได้เลย”
“ข้าพูดออกไป ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางทำได้แน่”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยัน
“ข้าทำได้”
“ช่างเถิด”
เยี่ยนเฉินเสียงเข้ม เขาไม่สนใจเด็ก เขาสนใจหญิงงามที่มีสัดส่วนโค้งเว้าเร้าอารมณ์
“เวลานี้ไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด และพวกข้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว เจ้าติดตามขบวนของพวกข้าไปก่อนก็แล้วกัน เส้นทางบนเขาลำบาก นานไปเจ้าอาจเปลี่ยนใจ”
“ข้าไม่เปลี่ยนใจแน่”
“ข้าจะคอยดู”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยคำอย่างไม่เชื่อนักเสี่ยวเม่ยก็เม้มปาก พร้อมจ้องใบหน้าคมเข้มด้วยสายตามุ่งมั่น
หลังเช้าวันนั้นขบวนของจ้าวชุนเทียนก็ออกเดินทาง เมื่อองค์ชายรองสั่งความกับหัวหน้าองครักษ์เหลียงในเรื่องของเด็กสาวตามที่ตนคิดเอาไว้ แต่เจ้าตัวขอติดตามเขาจึงปล่อยไปก่อน กว่าจะถึงสำนักชิงเฉิงความลำบากในการเดินทางก็คงทำให้เหนื่อยท้อและเปลี่ยนใจไปเอง
แม้จะราวรับฟังรับสั่งขององค์ชายรอง ทว่าหัวหน้าองครักษ์เหลียงกลับมีความเคลือบแคลงสงสัยในใจกับการเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่กินผักผลไม้มาทั้งชีวิตก็ให้ทำอาหารที่มีเนื้อเป็นส่วนผสมทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงอุปนิสัยแตกต่างไปราวคนละคน ในใจเกินครึ่งขององครักษ์เหลียงมั่นใจว่าองค์ชายของตนในเวลานี้คือผู้อื่น
ทว่าแล้วองค์ชายรองของตนอยู่ที่ใด
เขาค่อนข้างเคร่งเคียดแต่ก็พยายามเก็บสีหน้าตนไว้เมื่อต้องฟังรับสั่งจากองค์ชาย
“คืนนี้เราจะตั้งค่ายใกล้น้ำตกพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เหลียงมารายงานยังรถม้าขององค์ชายเมื่อส่งทหารไปสำรวจล่วงหน้าแล้วพบพื้นเหมาะสมไม่ไกลจากจุดพักชั่วคราวนัก
“เดินทางอีกไม่เกินครึ่งชั่วยามก็ถึงพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนเฉินพยักหน้ารับรู้แล้วอีกฝ่ายก็ผละไป ผู้ปลอมเป็นองค์ชายเหลือบมองผู้ที่นั่งพื้นด้านล่างในรถม้าใกล้กับทางออกแล้วเอ่ย
“ข้าว่าเจ้าควรอาบน้ำนะ”
เสี่ยวเม่ยนั่งตัวเกร็งและเงียบมาตลอดทางมองผู้พูดด้วยแววตาสงสัย
“เจ้ามอมแมมมาก ทำเตียงข้าสกปรกไปหมด”
สีหน้าเรียบเฉยแม้ไม่ได้แสดงออกว่ารังเกียจ หากคำพูดก็บอกความหมายชัดเจนทำเอาเด็กสาวแอบดมเนื้อตัวตนเอง
“แต่ข้ามีเพียงชุดนี้”
“แล้วเจ้าก็จะอยู่ในชุดนี้ไปตลอด ไม่อาบน้ำหรือไง”
นางหน้าซีด ในขบวนเดินทางมีแต่ผู้ชาย ไม่อาจขอหยิบยืมผู้ใดได้ แต่ที่น่ากังวลคือ นางไม่เคยอาบน้ำข้างนอก แม้จะเป็นกระท่อมเล็กๆ อยู่กันเพียงสองคนกับพี่สาว แต่พี่สาวก็บอกให้ระมัดระวังเสมอ สองพี่น้องจะช่วยกันตักน้ำจากแหล่งน้ำใกล้หมู่บ้านมาไว้ใช้และอาบน้ำทุกวัน
เห็นสีหน้าที่ดูลำบากใจของเด็กสาวแล้วเยี่ยนเฉินก็ถอนหายใจ
“แค่อาบน้ำมันยากนักหรือ”
“ก็...ข้าเป็นหญิง”
เสียงอุบอิบพร้อมดวงหน้าเล็กก้มลงทำให้ผู้มองขยับคิ้วสูง
“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไป คนของข้าจะจัดพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ข้าโดยเฉพาะ ด้านหลังกระโจม เจ้าใช้ที่นั่นได้เลย”
เขาบอกอย่างใจกว้าง ใช้เวลาเดินทางกับขบวนขององค์ชายแคว้นจ้าวมานาน เยี่ยนเฉินจึงรู้แล้วว่าหากใกล้แหล่งน้ำ ทหารจะเตรียมน้ำให้ตนได้ชำระร่างกายด้วย
“จริงหรือ”
“อืม”
ดวงตาคู่เรียวงามสดใสวาววามแต่แล้วกลับมีความลังเล
“เอ่อ แต่ว่า...”
“เรื่องเสื้อผ้า ข้าจะสั่งคนจัดเตรียมให้”
เขาบอกไปง่ายๆ ไม่รู้หรอกว่าคนของตนจะจัดการอย่างไร แต่ในเมื่อองค์ชายสั่งพวกนั้นก็ต้องทำให้ได้
เสี่ยวเม่ยยิ้มกว้างในทันใด ดวงหน้ามอมแมมดูสดใสขึ้นตามดวงตาที่เป็นประกายทำให้เยี่ยนเฉินพอใจ อย่างน้อยครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวยิ้ม
=====
เสี่ยวเม่ยน้อยต้องปรับตัว ถ้าจะติดตามพี่ชาย สู้ๆ น้า^^
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห