อาหารค่อยๆ ลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าขณะที่เยี่ยนเฉินมองอย่างเอื่อยเฉื่อยหากก็รู้สึกว่ามีอาหารจานหนึ่งเป็นอาหารพื้นๆ ต่างจากจานอื่นที่ปรุงแต่งอย่างน่ากินสวยงามเช่นชาววัง แม้ไม่เรื่องมากเพราะตนก็ชินกับการกินอาหารพื้นบ้านแต่ก็นึกแปลกใจ
“จานนี้เป็นฝีมือเสี่ยวเม่ยพ่ะย่ะค่ะ นางขออนุญาตกระหม่อมจัดเตรียมอาหารให้ฝ่าบาท ให้ลองชิมเพื่อพิสูจน์ว่านางสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ดีหากติดตามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ได้รับการเฉลยจากหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลควบคุมตรวจสอบอาหารให้ปลอดภัยทุกมื้อด้วยตนเองแล้วเยี่ยนเฉินก็เอ่ยย้ำ
“เสี่ยวเม่ย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เพราะไม่เคยคิดให้อีกฝ่ายติดตาม เขาจึงไม่เคยสนใจชื่อแซ่เด็กสาว เพิ่งรู้จากหัวหน้าองครักษ์ว่านางชื่อนี้ กระนั้นเยี่ยนเฉินก็เพียงพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนบอก
“บอกให้นางเข้ามา”
สั่งแล้วก็โบกมือให้หัวหน้าองครักษ์ที่รับคำสั่งออกไป ไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
“ที่อยู่ๆ ก็หายเงียบไปเพราะอย่างนี้สินะ”
เสี่ยวเม่ยพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตหวั่นใจว่าตนจะโดนดุหรือไม่
“นั่งลงสิ กินด้วยกันนี่แหละ”
“แต่ท่านอาที่อยู่ข้างนอกบอกให้รอ บอกว่าไม่ควรร่วมโต๊ะกับพี่ชาย”
เยี่ยนเฉินถอนหายใจกับความเรื่องมากของหัวหน้าองครักษ์ แม้แต่กับเด็กก็คิดเล็กคิดน้อย
“ข้าสั่ง เขาไม่กล้าขัดหรอก นั่งเถิด เพราะจานนี้ของเจ้า ถ้าไม่อร่อยเจ้าจะได้กินให้หมด”
เด็กสาวหน้างอกับคำดูถูกฝีมือตนของอีกฝ่าย และยอมนั่งลงตามที่สั่ง
“ถ้าอร่อย ท่านต้องกินให้หมดนะ”
ผู้ถูกเด็กท้าทายตาลุกวาบ ก่อนกัดฟันเอ่ยเสียงเข้ม
“กล้าต่อรองกับข้าแล้วหรือ”
เสี่ยวเม่ยก้มหน้างุดหลบสายตาในทันใด
เยี่ยนเฉินมองคนที่กลับไปหงออีกครั้งแล้วก็ส่ายหน้า ไม่อยากเถียงกับเด็กหรือเอาเรื่องให้มากความ
“กินได้แล้ว”
เขาสั่งเสียงเรียบแล้วก็เริ่มลงมือทันที มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาคีบอาหารที่ตนทำ ในตอนแรกเยี่ยนเฉินคิดว่าเจ้าตัวจะกินเองทว่าเด็กสาวกลับเอามาใส่ถ้วยข้าวของเขา แล้วก็คีบไปใส่จานตนทานเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เกิดอาการกระตุกวูบในใจชายหนุ่ม ไม่มีผู้ใดทำเช่นนี้กับเขานอกจากมารดา แล้วสุดท้ายเขาจึงคีบเข้าปากเพื่อลิ้มรสชาติแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลว นับว่าอร่อยเลยทีเดียว จากนั้นแม้ไม่ยื่นมือไปคีบมา ผู้ทำก็คอยคีบส่งให้เขาเรื่อยๆ และเยี่ยนเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธจนกระทั่งหมดจาน
เวลานี้ภายในที่ประทับขององค์ชายมีเตียงเล็กเพื่อสำหรับเสี่ยวเม่ยอีกหนึ่งเตียง ความจริงเยี่ยนเฉินคิดจะส่งเด็กสาวไปให้หัวหน้าองครักษ์รับผิดชอบ แล้วก็ให้นางพักกับเขา แต่เมื่อเจ้าตัวยืนยันที่จะติดตามเขา ทั้งยังพักในกระโจมของเขาแต่แรก และนางก็คงเกรงกลัวหัวหน้าองครักษ์ที่ไม่ค่อยได้พูดคุยมากนัก เขาจึงสั่งให้จัดเตรียมที่นอนสำหรับนางด้วย อย่างไรก็เป็นหญิงควรนอนหลับพักผ่อนในพื้นที่ปลอดภัย
เมื่อตนอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเยี่ยนเฉินก็บอกกับผู้ที่นั่งบนเตียงเล็กของตนเงียบๆ
“เจ้าไปอาบน้ำได้แล้ว”
เสี่ยวเม่ยลุกขึ้นพร้อมก้มหน้างุด กอดชุดใหม่แนบอกตน ความเกร็งและหวาดกลัวยังมีอยู่ แต่เขาคือผู้ช่วยชีวิตตนทำให้นางเชื่อใจบุรุษผู้นี้ อย่างไรเขาก็เป็นเหมือนเจ้าของชีวิตนางและนางก็ยินดีติดตามเขาตลอดไป แม้ไม่ชินกับการใช้ชีวิตอยู่กับบุรุษแต่อีกไม่นานก็คงปรับตัวได้ดีขึ้น
“อ้อ ออกมาแล้วก็นอนได้เลย ห้ามก้าวลงจากเตียงของเจ้าเด็ดขาด ข้าจะออกไปข้างนอก”
“ไปไหนหรือ”
“หากเจ้าต้องการติดตามข้า จงรู้ไว้ว่าไม่มีสิทธิ์ซักไซ้ อย่างที่ข้าเคยพูดไว้แล้ว อย่าถามให้มากความ”
เด็กสาวพยักหน้ารับหงอยๆ ทว่าเยี่ยนเฉินไม่ใส่ใจ ร่างสูงโปร่งเดินออกไปจากส่วนห้องนอนทันใด
เสี่ยวเม่ยยืนซึมอยู่ครู่หนึ่งก็ออกไปทางด้านหลังที่เชื่อมต่อกับส่วนอาบน้ำ บอกตัวเองว่าการที่ชายหนุ่มเอ่ยเช่นนี้เขาอาจยอมให้นางติดตามแล้วก็เป็นได้ คิดแล้วก็ยิ้มอย่างยินดี
ส่วนเยี่ยนเฉินออกมาด้านนอกเพื่อนั่งฝึกปราณ เขาต้องการความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ยามดึกเช่นนี้เหล่าทหารยามจะไม่กล้ารบกวนกระโจมของเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นก็นับว่าค่อนข้างปรอดโปร่ง หลังจากนั่งจิบน้ำชาแสร้งอ่านหนังสือขององค์ชายอยู่นานกระทั่งเห็นว่าแสงตะเกียงส่วนห้องนอนดับไปแล้ว เขาก็เริ่มนั่งขัดสมาธิและเดินพลังฝึกจิต
วิชาที่เยี่ยนเฉินพยายามคิดขึ้นมาเป็นของตนเองนั้นเพิ่งก้าวเข้าส่วนแรก หากก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้เคล็ดลับวิชาใหม่ในระหว่างกำลังเดินทาง เมื่อไปถึงสำนักเซียนเขาจะสามารถฝึกปรือเซียนขั้นสูงไปพร้อมกับวิชานี้ได้
ขณะที่ปราณซึ่งหลอมรวมกับวรยุทธ์กำลังจะบรรลุขั้นที่สองก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อประสาทสัมผัสของเยี่ยนเฉินรู้สึกถึงสิ่งรบกวนใกล้ตัว เขาจำต้องพยายามสะกดพลังภายในกายตนลงไม่ให้แตกพล่านจนเหงื่อซึมไปทั้งกาย จนเมื่อปราณสงบลงก็ลืมตาขึ้น
ปลายดาบ!
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือปลายดาบที่แทบจรดระหว่างคิ้ว แล้วก็ได้ยินคำเอ่ยเคร่งเครียดจากผู้บุกรุก
“เจ้าเป็นใคร”
=====
เสี่ยวเม่ยน่าเอ็นดูนะ พี่เฉินอย่าดุน้องเยอะ ^-^
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห