Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-17 12:54:58

ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน

หวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย

“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวานทำให้เซียวอี้หยางได้สติลืมตาขึ้นมาทันที เห็นหวังชิงหว่านนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยหลงใหล มือยื่นออกไปตั้งใจลูบไล้กายหญิงสาวอย่างห้ามไม่อยู่ หวังชิงหว่านเบี่ยงกายหลบแล้วพูดขึ้น

“ท่านพี่ ตอนนี้ก็สายมากแล้วพวกเราต้องไปยกน้ำชาคารวะผู้อาวุโสนะเจ้าคะ”

เซียวอี้หยางพลันระลึกขึ้นได้ รีบเก็บงำความปรารถนาพูดขึ้น “น้องหญิง...ข้าจะเตรียมน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าล้างตานะ รอสักครู่”

พอลุกออกจากเตียงเขาก็มองเห็นเสื้อผ้าถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงก็รีบก้มเก็บจากนั้นก็เดินออกไป

หวังชิงหว่านมองตามสามีพลางอมยิ้ม เดิมควรเป็นภรรยาปรนนิบัติสามี ในเมื่อสามีนางไม่ถือ นางก็ไม่ถือ

เซียวอี้หยางกลายร่างเป็นบุรุษสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ว่าความป่าดิบเถือนของตลอดทั้งคืนของอีกฝ่าย ทำให้หวังชิงหว่านสรุปได้ว่า ไม่อาจมองคนที่ภายนอกจริงๆ

หลังล้างหน้าล้างตาแต่งกายเรียบร้อย เซียวอี้หยางก็จูงมือหวังชิงหว่านไปยังเรือนใหญ่

แม้จะพูดเช่นนั้น ทว่าเรือนใหญ่ก็ยังเล็กกว่าเรือนเดิมของหวังชิงหว่านเมื่อครั้งอยู่ตระกูลหวังอยู่มากและเรือนอยู่ห่างกันไม่กี่สิบก้าวเท่านั้น ด้วยระยะห่างเท่านี้... ใบหน้าของหวังชิงหว่านเห่อร้อนขึ้นมา เสียงกิจกรรมเร่าร้อนเมื่อคืน เป็นไปได้ว่าคนที่นี่คงได้ยินกันหมด

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นเด็กสาวกับเด็กชายคู่หนึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าเรือน พวกเขาเห็นทั้งสองคนเดินมาก็ตะโกนทันที

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้มาแล้วเจ้าคะ”

พูดเสร็จทั้งสองก็หันมาคารวะคนตรงหน้าพลางเอ่ย

“พี่ชายใหญ่ พี่สะใภ้” เซียวอี้หยางเอ่ยแนะนำเด็กทั้งสอง

“นี่น้องชายข้า เซียวลู่อันและน้องสาวข้าเซียวลี่อิน”

หวังชิงหว่านทักทายมารยาทเสร็จเซียวอี้หยางก็พาหวังชิงหว่านเข้าไปในเรือน

พอทั้งสองก้าวเข้าไปในเรือนเสียงที่ดังอยู่ก็พลันเงียบลงจนสงัด หวังชิงหว่านในวันนี้แต่งกายไม่นับว่าหรูหราฉูดฉาด สวมเพียงอาภรณ์สีฟ้าอ่อน ไม่มีลวดลายปัก..แต่นับว่ายิ่งเรียบง่ายยิ่งขับให้เรือนผมและผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใบหน้าหวานละมุนสะอาดตา แววตาสดใสริมฝีปากอิ่มรอยยิ้มดูน่าสนิทสนม

พวกเขาต่างจ้องมองมาที่ชิงหว่านอย่างตกตะลึง ภายในใจของแต่ละคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง นัยน์ตาวูบไหวไปมาหลากหลายอารมณ์จนหวังชิงหว่านอมยิ้มในใจ คนเหล่านี้นับว่าเป็นคนปกติต่างจากคนในความจำหวังชิงหว่านเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม

ส่วนเซียวอี้หยางกำลังตกใจกับผู้คนในห้องโถง ชายหนุ่มกวาดตามองรอบหนึ่งจากนั้นก็ส่งสายตาคำถามไปหามารดา

เซียวฮูหยินจึงยิ้มแห้งๆ กล่าวเสียงแผ่วเบา

“วันนี้เป็นวันดี ญาติ ๆ จึงมาแสดงความยินดีอีกครั้ง สกุลเซียวเป็นตระกูลเล็ก ๆ ไม่มีพิธีมากขั้นตอน หวังว่าสะใภ้หวังจะไม่ถือสา”

หวังชิงหว่านปรายตามองดูคนในห้องพลางนึกในใจ คาดว่าพวกเขาจะมาดูเรื่องตลกเสียมากกว่า แต่นางก็โค้งศีรษะแสดงความอ่อนน้อม

ฮูหยินผู้เฒ่าชำเลืองมองหลานชายที่จูงมือภรรยาเข้ามา จากสีหน้าและท่าทางสนิทสนมของพวกเขาเมื่อคืนเข้าหอคงผ่านไปอย่างเรียบร้อย นางถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

“ในเมื่อมาแล้ว...หลานสะใภ้ก็ยกน้ำชามาเถอะ”

เซียวลี่อินได้ยินคำสั่งก็ถาดน้ำชาเข้ามา เซียวอี้หยางคอยแนะนำคนในตระกูลให้หวังชิงหว่านด้วยความใส่ใจ เดิมทีผู้อาวุโสจะมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่า บิดามารดาของเซียวอี้หยางเท่านั้น ท่านอาหลายท่านต่างแยกครอบครัวออกไปแล้ว มีเรือนอยู่ในตรอกซอยเดียวกันบ้าง ต่างจากหมู่บ้านบ้าง แต่ทุกคนเหมือนพร้อมใจกันมาเยี่ยมเยือนในวันนี้

“หลานสะใภ้งดงามสมคำล่ำลือจริง ๆ” อาสะใภ้คนหนึ่งพูดขึ้นพลางพินิจมองหวังชิงหว่านด้วยสายตาชื่นชม

หวังชิงหว่านยิ้มกล่าวขอบคุณ พิธียกน้ำชาผ่านไปอย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางกลัวว่าภรรยาตัวน้อยจะไม่พอใจที่ญาติตนเองทำผิดธรรมเนียมเสร็จพิธีก็รีบพานางกลับเรือน พอทั้งสองคนออกไปภายในห้องโถงก็เริ่มซุบซิบอีกครั้ง

“คำล่ำลือที่ว่านางไม่ยินดีแต่งให้หลานอี้หยาง ข้าว่าไม่มีส่วนจริงสักนิด...”

เซียวฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วยกับอาสะใภ้พูดตอบ

“เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของอี้หยางข้าก็สบายใจ...ตอนนั้นได้ยินข่าวว่านางประกาศ ถึงจะตายก็ไม่ยอมเป็นฮูหยินสกุลชาวนาเด็ดขาด ข้าแทบนอนไม่หลับ”

อีกคนกำลังจะเอ่ยเสริมเสียงดุดันหนึ่งดังขึ้น

“พวกเจ้าก็พูดเรื่องนี้ให้น้อยลงเสียบ้าง...ในเมื่อนางแต่งเข้ามาแล้วก็นับเป็นคนในตระกูลเดียวกัน จะเอ่ยวาจาอะไรก็ให้ระวังให้มาก”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านแม่” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเตือนทุกคนก็ขานรับทันที

เซียวอี้หยางพาหวังชิงหว่านกลับมาถึงเรือนหลังจัดการมื้อเช้าเสร็จ ปรับเปลี่ยนอาภรณ์เขาก็เอ่ยขึ้น “น้องหญิงพักผ่อนเสีย ข้าจะขึ้นเขาไปตัดฟืนเสียหน่อย”

หวังชิงหว่านขมวดคิ้วมองอย่างประหลาดใจ เชียวอี้หยางกระอักกระอ่วนจะกล่าวแต่ก็เอ่ยออกไป “แม้ว่าข้าจะลาราชการมา 3 วันแต่ตอนนี้ฟนที่บ้านเหลือน้อยแล้ว ข้าจะรีบไปรีบกลับ”

หวังชิงหว่านเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเกรงว่าจะเข้าใจผิดจึงพูดขึ้น “ท่านพี่...เช่นนั้นก็ให้ข้าไปด้วยเถอะ”

เซียวอี้หยางรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ ๆ การขึ้นเขาไปตัดฟืนไม่ใช่เรื่องง่าย น้องหญิงรอที่เรือนเถอะ”

ใบหน้าหวังชิงหว่านตึงขึ้นมาเอ่ย “ท่านคงเกรงว่าข้าเป็นภาระใช่หรือไม่”

ใบหน้าเซียวอี้หยางเต็มไปด้วยความลำบากใจ ชายหนุ่มกำลังสรรหาถ้อยคำปฏิเสธ แต่พอสบตามุ่งมั่นของหวังชิงหว่านก็ไม่กล้าเอ่ย ได้แต่พยักหน้ายอมรับ

ชิงหว่านยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น “เช่นนั้น ข้าจะไปปรับเปลี่ยนอาภรณ์เสียก่อน” พูดเสร็จนางก็ก้าวเท้าเดินไปหลังฉากกั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางพูดขึ้น

“ต่อไปนี้สิ่งใดที่ต้องทำท่านก็แนะนำข้าด้วย อย่ามองข้าเป็นคนอื่น” เซียวอี้หยางมองเงาหญิงสาวที่หลังฉากกั้นแววตาของเขาประกายอบอุ่นขึ้นมา ตอบ “ได้..ข้าคงต้องรบกวนฮูหยินแล้ว”

หวังชิงหว่านเดินออกมาในชุดของบุรุษสีดำ เซียวอี้หยางจ้องมองด้วยแววตาประหลาดใจ หญิงสาวเลยกล่าว “ข้าว่าชุดของบุรุษน่าจะสะดวกกว่า ท่านคงไม่ถือสากระมัง”

สตรีแต่งกายด้วยชุดของบุรุษไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก เซียวอี้หยางยิ้มตอบ “ข้าแค่แปลกใจที่เจ้าแต่งกายเช่นนี้...ในเมื่อเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเถอะ ยิ่งสายอากาศจะยิ่งร้อน”

เห็นเซียวอี้หยางเดินเคียงคู่ออกมาพร้อมหวังชิงหว่าน

ลู่อันกับลี่อินที่นั่งรอหันมามองตาด้วยแววตาประหลาดใจ

“พี่สะใภ้จะไปด้วยหรือเจ้าคะ” ลี่อินพลันเอ่ยถาม

“อืม...”

“จะดีหรือขอรับ” ลู่อันเอ่ยถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เห็นชิงหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย

ลี่อินเกรงว่าพี่สะใภ้จะเข้าใจผิดจึงอธิบายเพิ่ม “ยามปกติ ท่านแม่ไม่อนุญาตให้พี่ชายขึ้นไปตัดฟืน หากวันนี้พวกข้ายังให้พี่สะใภ้ไปช่วยอีก พวกข้ากลัวจะโดนตำหนิ”

ชิงหว่านหันไปมองเซียวอี้หยาง ชายหนุ่มจึงอธิบาย

“ท่านแม่เห็นว่าเป็นขุนนางแล้วไม่ควรจะทำงานพวกนี้ หากคนในราชสำนักมาเห็นท่านเกรงว่าข้าจะโดนดูหมิ่นดูแคลน ในเมื่อเป็นขุนนางแล้วก็ควรตั้งใจทำงานราชการหวังความก้าวหน้าในการงาน แต่ข้าเกิดในครอบครัวชาวนา ข้าไม่ชินที่จะทำอย่างนั้น พอท่านแม่เผลอข้าก็แอบมาช่วยน้อง ๆ ตลอด”

หวังชิงหว่านพยักหน้าเข้าใจ นางคงต้องทำความเข้าใจครอบครัวเซียวอีกหลายอย่าง จึงพูดขึ้น

“เป็นอย่างนี้ได้หรือไม่...ครั้งนี้ถ้าผู้อาวุโสตำหนิ ข้าจะเป็นคนออกรับหน้าแทนเอง” ลู่อันมองหน้าลี่อินแล้วตอบเสียงแผ่วเบา

“ถ้าเป็นพี่สะใภ้ ท่านแม่คงไม่ตำหนิ” แต่เกรงว่าจะตกใจ

หวังชิงหว่ายยิ้มกว้างขึ้น

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะไปตัดฝืน รบกวนพวกเจ้าแล้ว”

อี้หยางเห็นน้องชายและน้องสาวยิ้มพอใจแล้วจึงพูดขึ้น

“ไปกันเถอะ...จะสายแล้ว”

พอเริ่มก้าวออกมาจากบ้าน ชิงหว่านเงยหน้ามองไปยังท้องนาและท้องฟ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา นางรู้สึกได้รับพลังมีชีวิตรู้สึกผ่อนคลาย สายลมเย็นรวยรินทุกสิ่งล้วนดีงาม แม้จวนตระกูลหวังจะมีสวนบุปผาเลียนแบบธรรมชาติที่งดงามโดดเด่น แต่นั้นไม่ทำให้รู้สึกสุขใจ นางอยู่ในนั้นแทบจะเป็นบ้า

พอได้มาเจอแสงพระอาทิตย์ตัดกับก้อนเมฆบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เห็นท่าทีของคนในสกุลหวังที่มีต่อตนเองคาดว่าพวกเขาน่าจะยำเกรงนางไม่น้อย และยิ่งตระกูลเล็กยิ่งไม่มีกฏเกณฑ์อะไรมากมาย ตอนนี้นางอยากจะไปไหนทำอะไรก็ไม่มีคนห้ามแล้ว

ยิ่งคิด หวังชิงหว่านก็ยิ่งเบิกบานใจ

ฝีเท้าก้าวเดินก็ดูกระตืนรือร้นอย่างมาก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 141

    “งดงามยิ่งนัก” จางซูอินพูดขึ้น “ในทุกปี…ฤดูหนาวเราจะมาที่นี่ดีหรือไม่” “ฮืม…” จางซูอินซบลงอกของชายหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนคลาย แสดงความรักความสุขล้นออกมา เฉิงอ๋องโอบกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนก่อนใบหน้าก้มลงไป จางซูอินปิดเปลือกตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันอ่อนโยนของชา

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 140

    เมื่อม่านราตรีโรยตัวลงมา เฉิงอ๋องก็ยังอดใจไม่ไหวไปเยือนห้องพักของจางซูอิน เมื่อบ่าวไพร่ปิดประตูออกจากห้อง เขาจึงปรากฏกาย แม้เฉิงอ๋องจะมาอย่างไร้สุ่มเสียงแต่คล้ายจางซูอินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว นางชำเลืองมองชายหนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ “ข้าเพียงอยากเจอหน้าเจ้าก่อนนอน” เ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 139

    หญิงสาวปรายตามองดูในตะกร้าจึงพูดขึ้น “ข้าซื้อทั้งหมดนี่ ท่านคิดราคามาได้เลย” พ่อค้าเห็นจางซูอินรับทั้งหมดก็ยิ้มหน้าบานดีใจ แต่สักพักใบหน้าชายหนุ่มกลับจืดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู ปลาพวกนี้รสชาติทานลำบากอยู่บ้าง ท่านจะลองซื้อไปทำทานดูสักตัวสองตัวก่อนดีหรือไม่” จาง

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 138

    ผู้ที่ตื่นเต้นในการเดินทางครั้งนี้มากกว่าผู้ใดก็คือ เฉิงอ๋องเทพแห่งสงครามของแคว้นต้าเว่ย หลังจากนี้ทุกวันคืนเขาจะได้อยู่ร่วมกับซูซู เขาสั่งให้จงถังจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง จนเมื่อถึงออกเดินทาง รถม้าหรูหราคันใหญ่มาจอดรอรับจางซูอินหน้าสกุลจางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 137

    ตอนที่ 50 โกรธเป็นโง่ โมโหเป็นบ้า หลังราชโองการออกมา ผู้ที่ได้รับคำสั่งก็ต่างเตรียมตัวออกเดินทาง บรรยาศครื้นเครงต่างจากตำหนักบูรพาที่แม้กระทั่งเงาของก้อนเฆมก็ดูอึ้มครึมมากกว่าปกติ พระชายาเสิ่นจือ บีบผ้าในมือปิดจนเป็นเกลียวนางกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นแผล องค์รัชทายาทไม่ได้รับราชโ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 136

    หลังจากมื้อเที่ยงต้าเหยาก็เข้าวังทันที เมื่อไปถึงนางก็ไปคารวะพระสนมลู่ผินก่อน “พระมารดา ข้าคิดถึงท่านจังเลย” พระสนมลู่ลูบศรีษะต้าเหยาเบา ๆ พลางเอ่ยถามไถ่ เห็นสีหน้าแววตาของต้าเหยาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ก็วางใจอย่างอบอุ่น หลังจากพูดคุยกัน ต้าเหยาก็บอกเล่าว่านางจะมา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status