ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม
“พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิงหว่านอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเป็นร้านผ้าเล็ก ๆ จึงไม่เคยได้ต้อนรับลูกค้าที่เฉิดฉายเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มรีบดึงสติเอ่ยถามด้วยความขัดเขิน
“ท่านต้องการผ้าไปตัดหรือเป็นชุดเลยขอรับ”
หวังชิงหว่านยิ้มตอบพลางเอ่ย “ข้าอยากได้ชุดเรียบง่ายสักสามสี่ชุดแล้วก็ผ้าสำหรับตัดด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกผ้าตรงนี้รอก่อนนะขอรับ ข้าจะไปเลือกชุดที่เหมาะสมกับท่านออกมาให้เลือก”
หวังชิงหว่านหันไปลี่อินแล้วพูดขึ้น
“เจ้าเย็บเสื้อผ้าได้หรือไม่”
ลี่อินพยักหน้าตอบ “แม้ฝีมือข้าจะไม่ละเอียดแต่ก็นับว่าใช้การได้เจ้าค่ะ”
“งั้นมาเลือกผ้าด้วยกันสิ...ถ้ายังไงก็เลือกไปเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย เลือกไปเยอะๆ ถือว่าเป็นค่าจ้างเจ้าตัดให้ข้าด้วย” ลี่อินกะพริบตามองพี่สะใภ้สักครู่ก็ยิ้มรีบเลือกผ้าทันที
หลงจู๊หอบชุดออกมาเกือบสิบชุด หวังชิงหว่านเห็นว่าชุดราคาไม่แพงก็รับทั้งหมด ลี่อินก็เลือกผ้ามาได้สี่ห้าพับ หลงจู๊เห็นว่าลูกค้ามีเงินก็รีบแนะนำ “ฮูหยินท่านไม่รับผ้านวมไปตัดเผื่อฤดูหนาวด้วยหรือขอรับ”
ตอนนี้ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว หวังชิงหว่านจึงพยักหน้าให้หลงจู๊เอาผ้านวมมาเพิ่ม
รถลากใส่ของเกือบเต็มแล้ว หวังชิงหว่านคิดว่าวันนี้คงพอเท่านี้ก่อน จึงเอ่ยขึ้น “วันนี้คงพอเท่านี้ก่อน มาข้าจะช่วยเจ้าลาก”
ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง หวังชิงหว่านเห็นลี่อินตอนเงยหน้ามองฟ้าแววตาแฝงความกังวลใจก็เอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”
ลี่อินพลันตกใจรีบกล่าว “เปล่าเจ้าค่ะ ... เอ่อ คือตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่คงกลับถึงเรือนแล้ว ปกติข้าจะต้องหุ่งข้าวรอแล้วเจ้าค่ะ”
หวังชิงหว่านหยักหน้าเข้าใจแล้วพูดขึ้น “เช่นนั้นพวกเราซื้ออาหารกลับไปด้วยดีหรือไม่”
ลี่อินส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่ช่วยท่านแม่ทำอาหารเท่านั้น ถึงไม่มีข้า...ท่านแม่กลับมาถึงก็คงจัดการเอง”
หวังชิงหว่านลากรถลากพลางคิด “นี่หมายความว่า อาหารแต่ละมื้อท่านแม่เป็นคนจัดการหรือ”
ลี่อินพยักหน้ากล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าค่ะ...ท่านไม่ทราบท่านแม่ทำอาหารอร่อยมากเลยนะเจ้าคะ อาหารร้านค้าทั่วไปเทียบไม่ติดเลยเจ้าค่ะ”
ภาพหุ่นของเซียวอี้หยางผุดขึ้นมาหวังชิงหว่านพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเอ่ย “แต่จะให้ท่านแม่ทำกับข้าวให้ข้าทาน ข้าว่ามันจะดูผิดธรรมเนียมไปหรือเปล่า...แต่ว่าข้าทำอาหารไม่เป็นนะ”
สกุลเซียวไม่มีธรรมเนียมหลายขั้นตอนยุ่งยาก ลี่อินจึงกล่าว “พี่สะใภ้อย่างกังวลไปเลยเจ้าค่ะ ท่านก็เลือกทำในสิ่งที่ท่านถนัดอย่างจับปลาในลำธารก็ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้แบบท่าน แล้วเงินที่ขายปลาได้อาจจะเยอะกว่าเงินเบี้ยหวัดของพี่ชายอีกนะเจ้าคะ อีกอย่างหากท่านให้ทำอาหารแล้วไม่อร่อยเหมือนท่านแม่ทำ แม้จะดูว่าเหมาะสมแต่คงไม่มีคนยินดี”
หวังชิงหว่านรู้สึกอึ้งกับความคิดและการกล่าวตรงไปตรงมาของลี่อิน จริงอยู่แม้ว่าเรื่องนี้จะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในยุคโบราณไม่มีสะใภ้บ้านไหนรอแม่สามีทำอาหารให้ทานแน่นอน
เห็นสีหน้าชะงักของหวังชิงหว่านลี่อินก็รีบเอ่ยน้ำเสียงระมัดระวัง “ข้าพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่าเจ้าคะ”
ชิงหว่านส่ายหน้า “ก็นับว่าชัดเจนดี แบบนี้พวกเราจ้างคนสักคนดีไหม”
ลี่อินรีบส่ายหน้าทันที “พวกเราไม่มีเงินจ้างหรอกเจ้าค่ะ” ขณะนั้นลี่อินก็พลันคิดได้ พี่สะใภ้นางเป็นคุณหนูจวนขุนนางใหญ่ย่อมมีบ่าวไพร่คอยรับใช้ข้างกาย จึงเอ่ยเสียงเบา
“ขออภัยพี่สะใภ้ ข้าปากไวไป..เรื่องนี้พี่สะใภ้ลองปรึกษาพี่ชายดูจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
หวังชิงหว่านจึงเอ่ยขึ้น “อืม...ได้ พวกเราเร่งฝีเท้ากันเถอะจะมืดแล้ว”
เรือนครัวสกุลเซียว
สองสามีภรรยาสกุลเซียวกลับมาถึงเรือนก็ไม่เจอใคร เซียวฮูหยินจึงกล่าวขึ้น “ท่านพี่ไปอาบน้ำเถอะ ข้าจะไปเตรียมอาหาร”
เซียวเฉิงพยักหน้าจากนั้นก็เดินเข้าเรือน เซียวฮูหยินถอนหายใจเล็กน้อยแล้วรีบเดินไปยังครัว จะต้องรีบทำอาหารก่อนจะมืดค่ำ แต่พอนางเดินเข้าไปใกล้เห็นไก่ตัวหนึ่งถูกขังอยู่ก็ขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ “หรืออี้หยางคงจะซื้อมาไว้ให้ภรรยา”
นางไม่คิดมากไปกว่านั้น แต่พอเปิดประตูครัวสายตาก็เหลือบมองเห็นทั้งไข่และหมูที่วางเรียงไว้
“นี่ทำไม ซื้อมาพร้อมกันมากมายขนาดนี้”
จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงปลากระโดดอยู่ในถังน้ำ คาดว่าจะมีหลายตัวเซียวฮูหยินเดินไปก้มมองดู แล้วก็ถอนหายใจบ่น
“อี้หยางคงไม่มีเงินมากมายพอที่จะซื้อพวกนี้ได้ทั้งหมด” คงเป็นสะใภ้ที่ออกเงิน ตอนนี้ยังมีเงิน แต่หากไม่มีรายได้เข้ามาทานกินสิ้นเปลื้องเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จะอยู่ไปได้กี่ปี
ลู่อันหาบน้ำกลับมา มองเห็นควันลอยออกมาจากครัวก็ยิ้มแป้น เร่งฝีเท้าไปเทน้ำลงถังก็รีบเดินไปหามารดา พร้อมส่งเสียงเรียกไปก่อน
“ท่านแม่กลับมาแล้วหรือขอรับ ท่านเห็นไข่ ไก่และปลาแล้วใช่ไหมขอรับ...”
เซียวฮูหยินหยิบฟืนใส่เตาเสร็จก็หันมาเอ่ย “พี่สะใภ้เจ้าเป็นคนซื้อของพวกนี้มาหรือ”
ลู่อันคลี่ยิ้มตอบอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ใช่ขอรับ นี่เป็นของที่ข้าเอาปลาไปแลกมา”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เอาปลาไปแลกมา เจ้าจับปลาที่ลำธารได้?”
ลู่อันส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่คนจับได้ขอรับ”
สีหน้าเซียวฮูหยินเริ่มมีอารมณ์กล่าว “จะเล่าก็เล่ามาเสียที...ข้าสักจะโมโหแล้วนะ”
“ขอรับ ๆ พี่สะใภ้เป็นคนจับได้ขอรับ นางให้ข้าเอาไปแลกไข่กับไก่มา เอ๊ะนั้น เนื้อหมูใช่ไหมขอรับ...ลี่อินคงขายปลาได้หมดจึงเอาเงินซื้อเนื้อหมูกลับมาขอรับ”
เซียวฮูหยินเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าบอกว่า พี่สะใภ้เจ้าเป็นคนจับปลาได้!! เจ้าคงไม่สร้างเรื่องใช่ไหม”
ลู่อันโบกมือกล่าวสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่กล้าพูดปดกับท่านแม่หรอกขอรับ...พี่ชาย ลี่อินกลับมา ท่านลองสอบถามดูก็ได้”
เซียวฮูหยินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “นี่! พวกเจ้าสองคนกล้าให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ไปตัดฟืนด้วยงั้นหรือ”
ลู่อันหน้าเสียทันทีรีบกล่าว “พี่สะใภ้อยากไปด้วย พวกข้าไม่กล้าจะชวนหรอกขอรับ”
เซียวฮูหยินมองดูสีหน้าบุตรชายกับนึกถึงสะใภ้ของตนเอง คงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กสองคนนี้จะกล้าชวน นางครุ่นคิดพลางมองออกไปข้างนอกแล้วพูดขึ้น
“แล้วตอนนี้พวกเขาไปไหนกันหมด”
ลู่อันส่ายหน้าตอบ “ข้าไม่ทราบขอรับ แต่คิดว่าพี่สะใภ้คงไปตลาดในเมืองกับลี่อิน ส่วนพี่ชายข้าไม่มั่นใจขอรับ”
เซียวฮูหยินกลับไปดูหม้อข้าวต่อแล้วพูดขึ้น “อาหารมากมายขนาดนี้ พี่สะใภ้เจ้าได้บอกหรือเปล่าว่านางอยากกินอะไร”
“พี่สะใภ้แค่บอกว่าอยากกินน้ำแกงปลาขอรับ...ท่านแม่ข้าก็อยากกิน” ลู่อันกล่าวด้วยเสียงอ้อน
“เอาเถอะ หลายอย่างยังไม่กระจ่างแต่ในเมื่อเป็นปลาที่พวกเจ้าชวนกันหามา ข้าจะทำขึ้นโต๊ะเย็นนี้”
พอรู้ว่าจะได้กินของอร่อย ลู่อันก็เหมือนมีพลังเพิ่มขึ้น เขายิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วพูดขึ้น “ยังไม่มืด ข้าไปตัดน้ำอีกสักรอบนะขอรับ” เซียวฮูหยินพยักหน้าให้รีบไป
เซียวอี้หยางกลับมาถึงเรือนก็เข้าไปหามารดาในครัว
“ท่านแม่...” เซียวฮูหยินหันมามองบุตรชายด้วยสีหน้าอ่อนโยน ชายหนุ่มเข้าไปนั่งข้างแล้วเอ่ยพูดขึ้น
“ข้าเอาปลาไปให้ท่านอามาขอรับ” จากนั้นชายหนุ่มก็เล่าเหตุการณ์วันนี้ให้มารดาฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เซียวฮูหยินทำอาหารพลางฟังบุตรชายด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
จวบจนตะวันคล้อยต่ำจนเกือบจะสิ้นแสงลี่อินและหวังชิงหว่านจึงกลับมาถึงเรือน